Wish you were here : อยู่กับผมนะที่รัก
เขียนโดย chivaru
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 07.50 น.
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 11.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) เหตุผลที่ 15 อธิบาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเหตุผลที่ 15 อธิบาย
ผมตัดสินใจขับกลับคอนโดไอสองแมงแทนกลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ถึงกลับบ้านไปก็ไม่มีใครสามารถปลอบผมได้อยู่ดี เดี๋ยวจะพาลทำลายข้าวของเหมือนที่ผ่านมา
ถ้าเชอร์รี่ไม่ใช่ผู้หญิงผมรับประกันเลยว่าเธอต้องโดนผมต่อยเป็นแน่ เชอร์รี่เป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา งี่เง่า ผมคิดผิดจริงๆ ที่ตัดสินใจไปกับเธอคืนนั้น และคืนนั้น มันคงเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิตผมแล้วจริงๆ
- [คอนโดฝาแฝดแมง] -
“อ้าว ไหนว่าทำธุระเสร็จจะกลับบ้านเลย” ประตูห้องเปิดออกโดยผมที่มีคีย์การ์ดอยู่แล้ว เสียงไอแมงน้องทักขึ้น มันทำให้ผมอารมณ์เย็นลงเวลาอยู่กับเพื่อนสนิท
“เออ เปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้กูนอนด้วย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดขั้นสุดแต่ยังไม่ถึงขั้นอาละวาด
“มึง สูบบุหรี่มั้ย” ไม่ใช่คำถามว่าเจออะไรมา ไม่ใช่คำถามว่าไหวมั้ย ไม่ใช่การคาดคั้นเพื่อให้เล่าอะไร แต่มันคือคำที่บอกว่า ‘กูอยู่ข้างมึงเสมอนะ’ สำหรับไอแมงน้องที่ไม่ชอบพูดอะไรมากความ เราสามคนอยู่กันด้วยการแสดงการกระทำที่บอกว่า กูรักมึงเพื่อน
“เออ” ผมคว้าบุหรี่มวนขาวจากมือไอแมงน้อง เดินตรงไปที่ระเบียง จุดสูบบุหรี่อย่างคนใจเย็น แต่ในหัวครุ่นคิดเรื่องวันนี้ไม่ตก มือข้างขวาไอแมงน้องตบบ่าผมเบาๆ ให้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันอีกครั้ง
“กูจะทำยังไงดีวะ...” ผมเล่าเหตุการณ์ที่เจอเชอร์รี่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ในวันเดียวกันต้องปะทะอารมณ์กับเธอนับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงคนนี้ทำผมแทบเป็นบ้า
“มึงอย่าไปสนใจเลย กูว่าน้องตาลเชื่อมึง แค่มึงต้องไปคุยกับน้องเขาตรงๆ ได้แล้ว”
“เอาจริงหรอวะ ถ้าตาลไม่ฟังกู ร้องไห้ละหนีกูไปอีก ชีวิตกูพังเลยนะมึง”
“น้องตาลไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกกูว่า จากที่ดูพวกมึงสองคนรักกันมาก แต่แม่งมากเหตุผล มากข้ออ้าง ไปคุยๆ กันสักทีเถอะ เผื่ออะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นก็นะได้ มึงคิดดูดีๆ ถ้าปล่อยให้คิดไปเองมันจะยิ่งแย่กว่านะเว้ย ละเรื่องพี่กูอีก อย่าลืมเชียว ไปผัวๆ เมียๆ ต่อหน้าน้องเขาได้ไม่ช็อกไปก่อน”
“เออ กูจะลองดู กูไม่อยากเสียตาลไปอีกรอบ กูทำใจไม่ได้จริงๆ บ้าชะมัด!” น้ำตาไหลลงแก้มซ้ายเงียบๆ มือขวายังคงคีบบุหรี่อยู่ในมือ ไอแมงน้องบีบไหล่ผมเบาๆ เป็นการปลอบที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้มากจริงๆ
การเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นสำคัญ แต่การเป็นผู้เตือนสติที่ดีนั้นก็สำคัญ เพื่อนสำหรับผมไม่ได้มีไว้แค่ในยามที่เราทุกข์ หรือมีปัญหา แต่เพื่อนสำหรับผม มันเป็นทุกอย่างให้กันได้ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข มีวันวาน มีค่ำคืน คร่ำครวญเสียใจ ร้องไห้ดีใจไปด้วยกัน ทัศนคติของคนที่จะมาเป็นเพื่อนไม่ได้สำคัญว่าต้องคิดไปในทางเดียวกันไปหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้น สติ จึงสำคัญถึงบางเวลาเราไม่มี แต่เพื่อนมี นั้นละสำคัญ
ผมยืนสูบบุหรี่ต่ออีกสองมวนเพื่อเบลอความกังวล ความเครียดในหัวแค่ช่วงหนึ่งก็ยังดี
มือหนาของผมเริ่มบางลงอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาสักระยะหนึ่ง มันทำให้ผมคิดถึงตอนที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
“แหวน! … อ่า … ยังอยู่” ผมพลิกมือซ้ายขึ้นดูอย่างตกใจ และเลื่อนมากุมที่หน้าอกแทน ใช่..แหวนที่ตาลเคยถอดออกมาวางบนมือผม แต่ผมไม่ได้ใส่คืนไว้ที่เดิมหรอก ผมเปลี่ยนมันเป็นจี้ห้อยคอแทน ถึงการกระทำ คำพูด นิสัยอาจเปลี่ยนไปบ้างช่วง แต่ผมไม่เคยสามารถถอดมันออกจากคอได้เลย ทั้งที่ในตอนนั้นผมคิดว่าตาลไม่ได้ต้องการผมแล้วจริงๆ
ผมกลับเข้ามาในห้องก็พบว่าไอแมงน้องหลับไปแล้ว ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลายามค่ำคืน นี่มัน 4 ทุ่มแล้วหรอวะ
ถ้าผมมาค้างที่คอนโด ไอสองแมงก็จะนอนด้วยกัน มันเป็นพี่น้องที่รักกันมาก แต่ภายนอกแข็งกระด้างเป็นบ้า มันทำให้ผมคิดถึงน้องชายตัวเองขึ้นมาทันที
‘ตู๊ด~ ‘ตู๊ด~ ‘ตู๊ด~’ จัดการต่อสายตรงถึงน้องชายอันเป็นที่รักของผม
[ฮัลโหล ว่าไงพี่ โทรมาดึกเชียว]
“ไม่มีอะไร แค่คิดถึงแก” ผมพูดไปยิ้มไป
[โหย~ ขนลุก! เอาดีๆ]
“ฮ่าๆ พี่ไปทำธุระโรงพยาบาลมา ผัวแกฝากมาบอกคิดถึง”
[ใครผัว! ไม่มี๊!] อะไรคือความเสียงสูงนี้ครับคุณน้อง
“เห็นเขาบ่นว่าคิดถึงเมีย พี่ก็เข้าใจว่าพี่หมอต้องเป็นผัวแกสิ” ผมได้ยินพี่หมอมันบ่นแบบนั้นจริงๆ
[บ้า! อย่าไปฟังมาก แล้วพี่ไปทำอะไรโรงพยาบาล]
“ไม่บอก อยากรู้ก็ไปถามผัวคุณน้องดูสิครับ แค่นี้แหละ พรุ่งนี้มีธุระต่อ ฝากบอกแม่ด้วยไม่กลับบ้านสองสามวัน มีเรื่องต้องเคลียร์นิดหน่อย”
[โอ้ย! ไอพี่บ้า ได้ๆ ๆ ฝันดีนะพี่ ดูแลตัวเองด้วย] เขินถึงกะขึ้นเสียงเลยน้องผม
“เออ ฝันดี ขนมชั้น...ขอบใจนะ พี่รักแกนะ” พูดจบผมรีบชิงตัดสายก่อนด้วยความอาย ปกติผมไม่ค่อยได้บอกรักกับครอบครัวเท่าไหร่ ถึงจะมีการกระทำที่แสดงออกบอกรักกันอยู่แล้วก็ตาม
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของไอแมงน้อง ความเพลียทำให้ผมง่วงขึ้นมาดื้อๆ
“ฝันดีนะครับคนดี อย่าคิดมากนะ พรุ่งนี้เทียนจะไปอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง อย่าเพิ่งเกลียดเทียนเลยนะครับ” …..
…………………………………….
- [โรงพยาบาลเอกชน] -
อยากให้เช้านี้เป็นวันดีๆ ของผมบ้าง หวังว่าตาลจะยังคงรักผม ไม่เกลียดผมไปก่อนแล้ว ตอนแรกที่ผมคิดไว้ว่าจะเป็นแค่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการรักษาตาลให้หายดีก่อน แล้วค่อยขอเธอคืนดี แต่เรื่องเมื่อวานค่อนข้างมีผลกระทบกับผมพอสมควร จะให้ยื้อเวลาไปมากกว่านี้ ใจผมคงรับไม่ไหว
ผมยืนรอลิฟต์อยู่ไม่นาน ใจเต้นระรัวบอกไม่ถูก ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น แต่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการพูดคุยกัน ปิดบังกันไปก็เหนื่อยเปล่า และยิ่งมารู้ที่หลัง หรือรู้จากปากของคนอื่นมันจะทำให้ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม ผมก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์หยุดยืนอยู่ชั้นที่ตาลพักอยู่ พร้อมเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้าจากความกังวล
ก่อนหน้านั้นผมได้โทรบอกพี่หมอแล้ว ว่าผมจะขอเข้ามาคุยกับตาล เรื่องขอคืนดี พี่หมอถามกลับ ว่าแน่ใจแล้วหรอ ผมก็ตอบกลับอย่างมั่นใจ ว่าผมทำใจมาแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่จะไม่กดดันใดให้ตาลต้องลำบากใจ ส่วนเรื่องการรักษาผมขอให้พี่หมอปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“พี่หมอหรอ ไม่ใช่นิ ใครคะ?” ตาลทักขึ้นเมื่อผมเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ในขณะที่เธอนั่งห้อยขาอยู่ข้างเตียงเพราะได้ยินเสียงเคาะประตู
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้น้ำตาผมไหลอีกแล้ว ผมดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอใกล้ๆ อีกครั้ง ผมคิดถึงเสียงหวานอ่อนของเธอมากเหลือเกิน ผมเอื้อมมือไปจับมือบางของตาลเอาไว้ ยกขึ้นมาลูบใบหน้าของผมอย่างโหยหา
“ทะ...เทียนหรอ...ฮึก...” เสียงสะอื้นแผ่วๆ เสียดแทงใจผมจนเจ็บไปทั้งหัวใจ ผมปล่อยให้เธอต่อสู้มาคนเดียวนานขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“ชู่ว~ ไม่เอาไม่ร้องนะคนดี เทียนขอโทษ” มือหนาของมืออีกข้างเอื้อมไปปาดน้ำตาเม็ดใสออกจากใบหน้าเธอ
“...ฮึก...ขอโทษเรื่องอะไรคะ เทียนไม่ได้ทำอะไรผิดนิ ตาลผิดเองที่ทิ้งเทียนทั้งที่ไม่ได้บอกอะไร”
“เทียนรู้แล้ว รู้หมดแล้วว่าตาลทำไปเพราะอะไร ไม่เป็นไรนะคนดี”
“ตาลขอโทษ..ฮึก..แต่ถึงอย่างนั้นเทียนก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ ขอโทษตาลเรื่องอะไรคะ”
“เทียน... มีความผิดติดตัว แต่เทียนอยากขอโอกาส ฟังเทียนอธิบายเรื่องเมื่อวาน และที่ผ่านๆ มา ได้มั้ย” ผมพูดด้วยเสียงอันเบาบางเพราะกลัวว่าเธอจะไม่ให้โอกาสอะไรผมเลย
“ค่ะ” เสียงสะอื้นเบาลง
“คือ... ผู้หญิงคนนั้น...” ผมเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน บอกทุกอย่างที่เชอร์รี่พูดกับผม และทุกอย่างที่ผมพูดกับเชอร์รี่อย่างไม่ปิดบัง
ผมเริ่มต้นและจบแค่เรื่องบนเตียง แต่เชอร์รี่ไม่ใช่เธอคาดหวังในความเป็นเจ้าของตัวผม ถึงเธอจะเข้ามาในวันที่ผมอ่อนแอ แต่ผมไม่ได้ต้องการใครเข้ามาแทนที่ตาล เชอร์รี่อาจเป็นสาวสวยที่ผู้ชายหลายคนหมายปองแต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผม ผมไม่เคยมีความรักให้เชอร์รี่ ไม่แม้จะผูกพันใดๆ เธอบอกผมว่าจะทำทุกอย่างให้ผมเป็นของเธอ แต่การกระทำนั้นยิ่งทำให้ผมรังเกียจผู้หญิงคนนี้เข้าไปทุกที
“คือเมื่อก่อนที่ตาล เอ่อ...”
“...ทิ้งเทียนอีกครั้ง มีอะไรหรอคะ เกิดอะไรขึ้น” ตาลสวนขึ้นในขณะที่ผมอึกอักพูดไม่ออกบอกไม่ถูกความเจ็บเล็กๆ ยังคงฝังใจ
“ครับ คือ...” อดีตที่ไม่น่าจดจำพรั่งพรูออกจากปากผมอีกครั้ง
ครึ่งปีที่ผ่านมาความเจ็บจากการถูกบอกลาซ้ำๆ หัวใจที่แตกสลายถูกก่อตัวด้วยความด้านชา จนตัวตนของผมเปลี่ยนแปลงไป และมันน่าเจ็บปวดกว่าคือทุกการกระทำผมรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ผ่านเข้ามาเพราะแค่เรื่องบนเตียง ไม่มีความรัก ไม่มีความผูกพัน ไม่แม้จะรู้จัก เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในช่วงค่ำคืนและออกไปในเช้าของอีกวัน ไม่ซ้ำหน้า ไม่ซ้ำกับคนเดิม ยกเว้นเชอร์รี่ มันคือเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดของผมจริงๆ
“เทียนขอโทษ ตาลรังเกียจผู้ชายเลวๆ คนนี้มั้ยครับ” เสียงเบาบางของผมสั่นไหวเล็กๆ หวาดกลัวว่าทุกอย่างมันจะซ้ำรอยเดิม
“ตาลขอโทษ ตาลผิดเองที่ทำร้ายเทียน ทำให้เทียนต้องเป็นแบบนั้น...ฮึก ฮึก” เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง แต่กลับไม่ทำผมรู้สึกแย่เหมือนครั้งที่ผ่านมา
“ให้เทียนได้ดูแลตาลได้มั้ยครับ เทียนสัญญาเหมือนเดิมว่าจะรักและมีแค่ตาลนะครับ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ เทียนพร้อมจะดูแลตาลนะ ขอแค่โอกาส ตาลรู้มั้ยเราจากกันแบบนี้มีแต่ทำร้ายใจเราทั้งสองคนนะ เทียนพยายามแล้ว พยายามจะตัดตาลออกจากใจ แต่เทียนทำไม่ได้ ตาลเป็นคนเดียวที่เทียนสามารถรักได้ นะครับให้โอกาสเทียนนะ” ผมอยากให้สิ่งเดียวที่พรากเราออกจากกันคือความตาย เพราะที่ผ่านมาเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเราสองคนต่างทำร้ายซึ่งกันและกันทั้งที่มีชีวิตอยู่ด้วยการจากลาไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามที
“ขอบคุณค่ะเทียน ขอบคุณ ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา..ฮือ..” ตาลปล่อยโฮออกมาอย่างสุดทน เหมือนเธอเองก็กลั้นน้ำตามานานแล้วเหมือนกัน ผมโอบกอดตาลไว้แน่น ลูบผมปลอบประโลมด้วยใจที่พองโตอีกครั้ง
มันเหมือนผมกำลังฝันไป ผมแอบหยิกแก้มตัวเองแรงๆ ในขณะที่กอดตาลอยู่ แต่แล้วก็พบว่ามันคือความจริง ผมได้ตาลคืนมาแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันที่ดีที่สุดตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นผมจะมีแค่ตาลเท่านั้น ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแยกเราจากกันอีก นอกจากความตาย....
เราสองคนกอดกันอยู่นานเหมือนการทดแทนเวลาที่ขาดหายไปนาน อาจจะไม่กี่นาทีแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กอดกันอีกเลย บทเรียนครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า เวลาไม่เคยคอยใคร ในวันที่ยังมีโอกาสจงทำทุกอย่างก่อนที่อะไรๆ จะสายไป
ผมยังจำคำที่แม่บอกผมได้ว่า อะไรๆ ก็ผ่านไป เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง ใช่...มันดีขึ้น ขึ้นมากจนผมไม่อยากเชื่อเลย
ผมไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องของเพื่อนสนิทของผมทั้งสองคนให้ฟัง ฝาแฝดชายหญิง แมงป่อง แมงมุม
“หือ? แล้วเรียกกันแบบนั้นแฟนของแมงป่องไม่ว่าหรอคะ แล้วอีกอย่างแบบนั้นเขาจะไม่ชอบเทียนเข้าจริงๆ หรอคะ”
“ไม่ว่าครับ เพราะมันไม่มีแฟน ไอแมงพี่ไม่หลงรักเทียนหรอก มันชอบเป็นเลสเบี้ยนครับ”
“อ่อ...ก็ว่า...แต่อย่าเรียกกันบ่อยนะ ตาลหึง คิคิ ล้อเล่นนะคะ” รอยยิ้มบนใบหน้าขวาซีดนั้นทำให้หัวใจผมเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียวเชียว
“ครับ...เทียนรักตาลนะครับ รักมากจริงๆ อย่าทิ้งเทียนไปไหนอีกเลยนะครับ”
“ค่ะ ตาลก็รักเทียน ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ” มือเราทั้งสองกุมกันไว้แน่นไม่มีท่าทีว่าใครจะยอมปล่อยมือใครออกก่อน
อาจไม่มีดวงตาที่เป็นหน้าต่างของหัวใจให้สบตาบอกความรู้สึกกัน แต่เราทั้งสองยังมีมือ มีอ้อมกอด มีเสียง ที่จะแสดงมันทุกอย่างออกมาให้คนตรงหน้ารับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการจะบอก เราต่างเป็นหัวใจของกันและกันเสมอมา
ในวันที่ผมร้องไห้ วันนี้ผมรับรู้แล้วว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ร้องไห้ ในวันที่ผมท้อแท้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึก ในวันที่ผมต้องการกำลังใจ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ต้องการ เราต่างมีสิ่งที่ต้องการ มีสิ่งที่โหยหาซึ่งกันและกัน และนั้นมันคือความรักของผมกับตาล....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ