Sacred Pond อภินิหารบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

-

เขียนโดย ทาเน็น

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.20 น.

  4 บท
  0 วิจารณ์
  5,237 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 22.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 4 : ทวงหนี้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                  ภายหลังจัดการน้องสาวตัวยุ่งของตนให้พ้นทางแล้ว ดัสตินก็เริ่มภารกิจเล็กๆของเขาทันที เขานำรถม้าไปจอดหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งแล้วยื่นเหรียญทองให้กับคนดูแลม้าไปสามฟิลิ่ง จากนั้นดัสตินและสหายของเขาก็ออกเดินเท้าไปตามถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยตึกอาคารสูงโอ่อ่า มองเห็นยอดสลับซับซ้อนอยู่ด้านบน พวกเขาแวะเข้าไปตามร้านเหล้าสองสามร้าน ก่อนจะไปที่หอนางโลม และบ่อนอีกหนึ่งแห่ง แต่ก็ไม่พบเป้าหมาย

                “เราจะคว้าน้ำเหลวหรือเปล่า” ทาเน็นถามอย่างหัวเสีย

                ดัสตินพยายามสร้างความมั่นใจให้กับทาเน็น “เจ้านี่กำลังทำตัวเหมือนยายเฒ่าที่วิตกกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

ท่าทางเขาก็หัวเสียไม่ต่างกัน “เจ้าคริมก็อดมันไม่เคยออกจากเมืองนี้หรอกนอกเสียจากว่ามันจะออกไปต้มตุ๋นชาวบ้านหน้าโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาดอยู่ข้างนอกนั่น”

                ทาเน็นจ้องมองไปยังอาคารฝั่งตรงข้าม เขาสะกิดดัสติน

                “และข้าจะต้องเอาทั้งต้นทั้งดอกให้มันสาสมกับที่มัน... อะไร อะไร!”

                “ข้าว่าป้ายนั่นอ่านว่าคริมก็อดน่ะ” ทาเน็นชี้ไปยังป้ายไม้เล็กๆหน้าบาร์ซึ่งตั้งเยื้องกับจุดที่พวกเขายืน ดัสตินค่อยๆหรี่ตาอ่านป้าย “คริมก๊อด” ครั้งแรกมีแววฉงนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 “ไอ้หมอนี่มันมีร้านเป็นของตัวเองด้วยรึ” เอาล่ะ” เขาถูมือไปมา “ทาเน็นยืดอก ปั้นหน้าไว้ เราจะเข้าไปเอาทองของเรากัน”

                ทาเน็นพยายามทำตามที่ดัสตันบอก เขาขยับไหล่ เชิดหน้า และเอามือจับที่ข้างหัวเข็มขัด จากนั้นทั้งคู่ก็เดินข้ามถนนไปยังบาร์เป้าหมาย พวกเขาเปิดประตูเข้าไปข้างใน

                บาร์คริมก็อดเป็นบาร์ขนาดกลางที่มีที่โต๊ะประมาณสิบตัวเห็นจะได้ เวลานี้บาร์มืดสนิทแสงสว่างเดียวที่มีคือแสงจากตะเกียงที่ห้อยเหนือชั้นวางเหล้า สองสหายค่อยๆเดินเข้าไป มีเสียงกรนคร่อกสองสามเสียงดังมากจากรอบด้าน ทาเน็นกวาดสายตาไปรอบๆ เขาสังเกตเห็นว่ามีคนประมาณเจ็ดคนนอนฟุบอยู่ตามโต๊ะแถวด้านซ้ายสาม และแถวด้านขวาอีกสี่ ในขณะแถวกลางมีร่างๆหนึ่งนอนบนเก้าอี้ เขาเอาขาไขว่ห้างพาดไว้บนโต๊ะยาวซึ่งมีข้าวของวางระเกะระกะทั้งขวดเหล้า แก้ว และจานชาม  

                ดัสตินค่อยๆย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด เขาตรงเข้าไปยังบุคคลที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมาย นั่นคือชายที่นอนไขว่ห้างอยู่นั่นเอง ชายร่างเล็กค่อยๆชะเง้อดู แล้วหันมาพยักหน้าหงึกๆให้ทาเน็น ทาเน็นย่างสามขุมเข้าไปทันที

                ดัสตินเอามือไปเขย่าไหล่ชายคนนั้นสองสามครั้ง ไม่มีสัญญาณใดปรากฏ เขายังอยู่ในห้วงนิทราอันหอมหวาน ดัสตินหน้ามุ่ย เขาออกแรงผลัก ชายคนนั้นหงายหลังไปกับเก้าอี้ โครม

                ชายเป้าหมายผวาตื่นขึ้นมาทันที เขาค่อยเผยอเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมา เขาเป็นชายร่างผอม ใบหน้าคล้ายลิง มีตาปรือเหมือนคนเมาค้างอยู่ตลอดเวลา ผมของเขามีสีดำขลับและตั้งชี้เหมือนกอหญ้า คริมก็อดค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้น เขามองซ้ายมองขวา แล้วก็พบแขกแปลกหน้ายืนจังก้าอยู่ด้านหน้า ชายหน้าลิงมองทั้งสองคนด้วยดวงตาหรี่เล็ก เขาสะอึกแล้วพูด

                “อึ้ก...นี่ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน พวกเจ้าค่อยมาใหม่ตอนยามสองน่ะ” เขาหาว

                “เราเปล่ามาดื่ม” ดัสดินว่า ชายร่างเล็กและสหายของเขายืนกอดอก “เรามาเอาทองของเราต่างหาก”

                คริมก็อดกลืนน้ำลาย เขาเอามือลูบผมตั้งๆของเขา         

                “ท่านทำถุงทองหายเหรอ หรือโดนล้วงกระเป๋า เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะบอกพวกเขาให้ละกันน่ะ” คริมก็อดชี้ไม้ชี้มือไปยังโต๊ะที่มีคนหลับอยู่

                “แต่ตอนนี้เชิญออกไปได้แล้ว ข้าต้องการพักผ่อน ฮ้า” คริมก็อดหายพลางสะบัดมืดไล่สองสหาย

                ดัสตินมองหน้าทาเน็น เขาพยักหน้า ทาเน็นใช้มือใหญ่ของเขาคว้าคอเสื้อของคริมก็อด ชายหนุ่มขมฟันแน่นและทำตาขวางที่ดูยังไงก็เหมือนการแสดงออกมากเกินไป ดัสตินเดินเข้าไป

                คริมก็อดตาโต เวลานี้เขาดูเหมือนลิงที่กำลังตื่นกลัว

                “เอาล่ะ คราวนี้เรามาพูดธุระกันได้รึยัง” ดัสตินถาม

                “ตกลง” คริมก็อดตอบ ทาเน็นปล่อยมือจากคอเสื้อของเขา ชายหน้าลิงขยับคอเสื้อให้เข้าที่ เขาเริ่มหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด

                “หากเจ้ายังจำได้ แน่นอนว่าเจ้าต้องจำได้ เมื่อสองเดือนก่อนเจ้าไปที่อิสบาน เจ้าเข้าไปที่ร้านเครเกอร์และเปิดโต๊ะเดิมพันให้พวกชาวบ้านใช่หรือไม่”

                คริมก็อดหลับตาคิด เขาพูดเอื่อยๆ “อ้า ใช่แล้ว หมู่บ้านเล็กๆบ้านนอกๆทางตอนใต้”

                “ข้าและชาวบ้านหลายคนเล่นชนะเจ้า แต่เจ้าเชิดเงินหนี” ดัสตินล้วงมือเข้าไปหยิบกระดาษใบเล็กๆจากประเป๋าเสื้อ เขาเพิ่งมองมันครู่หนึ่งแล้วพูด “ข้าได้คำนวณยอดทั้งหมดไว้แล้ว ทั้งหมดที่เจ้าจะต้องจ่ายนั้นคือสองพันห้าร้อยสามสิบสี่ฟิลิ่ง”

                “เดี๋ยวก่อนๆ” คริมก็อดหลับตาแล้วคิดอีกครั้ง แล้วเอามือขยี้ผม หนังตาซ้ายเขากระตุก “อ้า ใช่แล้วๆ  เจ้าคนคือคนคนนั้นนั่นเอง” คริมก็อดยิ้ม

                “อันที่จริงข้าต่างหากที่ถูกเจ้าและชาวบ้านหน้าโง่พวกนั้นโกง” คริมก็อดพูด หนังตาซ้ายเขากระตุกมากขึ้น “ข้าแค่เอาเกมไพ่ที่ข้าออกแบบเองไปให้พวกเขาเล่น แต่พวกเจ้าเล่นไม่ชนะข้าเท่านั้นเอง พวกเจ้าก็เลยรวมหัวกันโกงข้า และที่สำคัญหากข้าเป็นหนี้เจ้าจริงๆ แล้วไหนละหลักฐานใบยืมที่มีลายลักษณ์อักษรและตราของทางการ แค่กระดาษแผ่นนั้นคงไม่เพียงพอหรอกน่ะ ถ้าข้าฟ้องนายกองพวกเจ้ามีหวังได้ติดคุกหัวโตแน่ๆ ฮึๆๆ ”

                “หมายความว่ายังไง” ทาเน็นหันมาถามดัสติน

                ดัสตินทำหน้าฉงน

                “หมายความอะไร”

                “เราไม่ได้ตกลงกันไว้อย่างนี้ ข้าคิดว่าเขายืมเงินเจ้าเสียอีก แล้วเขาพูดจริงหรือเปล่า ที่ว่าเป็นเจ้าต่างหากที่โกง”

                “มันก็ไม่ต่างจากยืมหรอกน่า นี่เรียกว่าต้มตุ๋นคดโกง เลวร้ายกว่าด้วยซ้ำ แล้วข้าก็เปล่าโกง ไอ้หมอนี่ต่างหากที่สร้างเกมที่ไม่มีทางชนะตั้งแต่แรก มันหลอกลวงชาวบ้านให้มาเล่นกับมัน และเป็นข้าดัสตินคนนี้ที่เห็นช่องโหว่ ข้าเลยชี้ทางชาวบ้านที่น่าสงสารพวกนั้นและเอาชนะมันมาได้ แต่มันก็เชิดเงินหนีไป นี่เจ้ามากับใครกันแน่เนี่ย จะเชื่อข้าสหายเจ้าหรือเชื่อไอ้นักต้มตุ๋นนี่”

                เจ้าคริมก็อดยิ้มเยาะในความไร้เดียงสาของทาเน็น

                “ถ้างั้น” ทาเน็นเริ่มโมโห เขาเดินไปหยิบเก้าอี้ตัวที่คริมก็อดนั่งหลับเมื่อครู่ขึ้นมา เขาผลักคริมก็อดลงไปนั่งเก้าอี้ แล้วชักดาบชี้ไปที่ชายหน้าลิง

                “เดี๋ยวๆๆๆ” คริมก็อดตื่นตระหนก “นี่เจ้าจะทำอะไรเนี่ย”

                “จริงหรือเปล่าที่สหายของข้าพูด เป็นความจริงหรือเปล่า” ทาเน็นเสียงเข้ม

                เจ้าคริมก็อดตาซ้ายกระตุกแรงขึ้น เขาพูดเสียงสั่น

                “เปล่า สหายเจ้านั่น นั่นแหละที่โกหกข้า”

                “ถ้างั้นบาร์นี้ก็ไม่ใช่บาร์ของเจ้าสิน่ะ” ทาเน็นยิ้ม

                คริมก็อดขมวดคิ้ว หนังตาซ้ายเขาหายกระตุก “เจ้าพูดอะไรของเจ้าเนี่ย”

                ทาเน็นขึ้นเสียง แม้แต่ดัสตินยังผวากับท่าทีของเขา “ตอบมา มันเป็นของเจ้าหรือเปล่า”

                “แน่นอน มันเป็นของข้าสิว่ะ” คริมก็อดร้อง คราวนี้ไม่เกิดความผิดปกติบนใบหน้าของเขาเลย

                “ถ้างั้นจากนี้ไม่ใช่” ทาเน็นเดินไปที่ชั้นวางเหล้า เขาหยิบเหล้าขวดหนึ่งขึ้นมาแล้วทิ้งมันลงพื้น

                “นี่เจ้ากำลังทำอะไร” คริมก็อดพพูด ทาเน็นเดินไปหยิบอีกสองสามขวดแล้วโยนไปทั่ว ขวดเหล้าตกแตกดังเพล้ง น้ำเหล้าเจ่งนองตามพื้น ดัสตินเริ่มตกใจ นี่สหายของเขาเล่นเกินบทที่พวกเขาเตรียมไว้มากโขนัก

                ทาเน็นใช้ดาบฟาดขวดเหล้าเหมือนคนบ้าครั่ง เพล้ง! หนึ่งใบ เพล้ง! สองใบ ชายหนุ่มเดินไปหยิบตะเกียงที่แขวนอยู่แล้วเปิดขวดเหล้าแล้วราดเป็นทางมาที่โต๊ะ เขายกเท้าเท้าข้างหนึ่งขึ้นวางบนเก้าอี้ไม้

                “เอาล่ะทีนี้ ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเจ้าหรือสหายของข้าที่เป็นคนโกงเงิน” ทาเน็นยื่นหน้าไปใกล้ใบหน้าของคริมก็อด เขายกตะเกียงขึ้นส่องใบหน้าของชายหน้าลิงที่เหยเกด้วยความหวาดกลัว

                “ใช่ เป็นข้าเอง” คริมก็อดพูดเสียงสั่นเครือ

                “ถ้าอย่างนั้น ทองจำนวนสองพันห้าร้อยสามสิบสี่ฟิลิ่งควรจะเป็นของใคร”

                “เป็นของสหายท่านและชาวบ้าน”

                “ถ้างั้นทองอยู่ที่ไหน”

                “อยู่ในตู้ที่ใต้ชั้นเหล้าฝั่งนู้น นี่กุญแจ เอาไปเลย” คริมก็อดชี้ไปที่ชั้นวางเหล้าเตี้ยๆอยู่ที่มุมห้อง แล้วยื่นกุญแจให้ทาเน็น เขารับแล้วโยนให้ดัสติน ดัสตินเดินไปที่ตู้นั้นอย่างรวดเร็ว เขานั่งยองๆแล้วไขกุญแจเปิดตู้ มีถุงเหรียญสองสามถุงและกระเป๋าหนังอีกสองใบ ดัสตินหยิบถุงเหรียญขึ้นมาถุงหนึ่ง แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ เขาเทเหรีญทองลงบนโต๊ะแล้วนับอย่างรวดเร็ว

                “สองพัน สองพันห้าร้อยสามสิบ สองพันห้าร้อยสามสิบสอง  สองพันห้าร้อยสามสิบสี่ ครบ” ดัสตินว่า เขาวางเหรียญทองที่เหลือมากมายไว้บนโต๊ะตัวนั้น และไม่คิดจะหยิบมันเพิ่ม

                “เราไม่ใช่โจร เราเป็นคนดี เราเอาเท่าที่เจ้าควรจะเสียให้กับเรา” ดัสตินยิ้ม “ไปกันเถอะ”

               ขณะที่ดัสตินกำลังจะเดินจากไปเขาก็พบว่ามีชายคนหนึ่งยิ่นดาบมาชี้ที่หน้าเขา เขาเป็นชายร่างใหญ่หนา อาจจะหนากว่าทาเน็นด้วยซ้ำ เขามีศีรษะใหญ่ล้านเลี่ยน มีตาขวางและใบหน้าแดงกร่ำเพราะฤทธิ์สุรา ดัสตินยกมือขึ้นพลางก้าวถอยหลัง  

               “จะไปไหนไอ้หัวขโมย” เขาพูด “เอาถุงเหรียญนั่นวางไว้บนโต๊ะแล้วไปรวมกับสหายของเจ้าซะ”

               ดัสตินมองไปรอบๆ เหล่าชายฉกรรจ์สี่คนชี้ดาบไปที่ทาเน็น นักดาบ

               ด้านหลังของชายหัวใหญ่มีชายหุ่นคล้ายๆกันอีกสองคนเดินมาสมทบ กลุ่มคนขี้เมาในร้านตื่นขึ้นมาแล้ว ชายคนหนึ่งพูด

               “วางดาบลงซะไอ้ยักษ์”

               ทาเน็นวางดาบไว้บนโต๊ะแต่มือเขายังถือตะเกียงไว้อยู่ เขาจ้องมองไปที่เก้าอี้ยาวตัวหนี่ง แล้วขบคิด

               คริมก็อดลุกขึ้นยืน เขาปัดเนื้อปัดตัวแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เอาล่ะ ทีนี้คงเลิกโอหังกันได้แล้วใช่ไหมไอ้พวกบ้านนอกหัวขโมย เจ้าคิดเหรอว่าพวกเจ้าจะเข้ามาในถิ่นของข้า แล้วจะมาขมขู่ข้าได้ง่ายๆ”

               “ข้าว่าเรามาเจรจากันอย่างสันติวิถีเหมือนผู้ดีกันดีกว่าไหม” ดัสตินยิ้มแห้งๆ

คริมก็อดหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆ” ทุกคนในห้องหัวเราะตาม รวมถึงดัสติน ชายหน้าลิงเดินมาที่ดัสตินแล้วตบฉาดหน้าเขาด้วยหนังมือไปหนึ่งที ก่อนจะมาตบหน้าทาเน็นทั้งซ้ายขวาไปสองที เสียงหัวเราะหายไป ทั้งบาร์ตกอยู่ในความเงียบ

               เลือดสีข้นไหลออกจากปากดัสติน เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า ทาเน็นมองเจ้าคริมก็อดตาขวางแล้วจ้องมองไปที่พื้นและเก้าอี้ยาวอีกครั้ง

               “ทีนี้เรามาคุยธุระกันได้รึยัง” คริมก็อดย้อนคำของดัสติน “พวกเจ้า...”

               ทาเน็นร้องขัดขึ้น

               “เห้ยไอ้หัวโต” เขาร้องเรียกเจ้าคนหัวใหญ่ที่เอาดาบชี้ดัสตินเมื่อครู่นี้ ในระหว่างนั้นเขาก็ค่อยเอาเท้าเขี่ยเก้าอี้ที่เขามองมาที่หว่างเท้า “ตอนเด็กแม่เจ้าเลี้ยงเจ้าด้วยเนื้อหมีหรือเปล่าเจ้าถึงได้โตมาหัวโตอย่างนี้”

               ดัสตินหันขวับมาที่ทาเน็น “นี่เจ้ากำลังทำบ้าอะไรเนี่ย”

               เจ้าหัวใหญ่เอียงคอ “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะ” เกิดเสียงหัวเราะคิกๆในหมู่คนข้างหลัง “หุบปาก ใครหัวเราะอีกข้าจะเจี๊ยนปากมันด้วยดาบไซเดอร์นี่” เสียงหัวเราะหายไป เจ้าหัวใหญ่ย่างสามขุมเข้ามาที่ทาเน็น มันยกคมดาบขึ้นมาที่แตะที่แก้มซึ่งมีเคราบางๆของชายหนุ่ม

               “ข้าถามว่า แม่ เจ้า เป็น หมี ใช่ไหม เจ้าถึงได้หัวโตอย่างนี้” ทาเน็นย้ำคำช้าๆเป็นการยั่วโทสะเจ้าหัวใหญ่ ซึ่งก็ได้ผลซะด้วย เจ้าหัวใหญ่สติหลุด

               “หนอยไอ้เด็กเวร”

               มันง้างดาบขึ้นซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ทาเน็นกระแทกเท้าใส่ปลายเก้าอี้เล็กข้างหนึ่งที่เขาเขี่ยมันมาไว้เมื่อครู่ ปลายอีกข้างหนึ่งกระดกขึ้นกระแทกเขาหว่างขาของเจ้าสหัวใหญ่เต็มๆ จากนั้นทาเน็นจึงโยนตะเกียงไปยังทางเหล้าที่เขาเททิ้งไว้ ซึ่งเป็นจุดเดียวที่เจ้าคริมก็อดนั้นยืนอยู่พอดี ไฟลุกพรึ่บติดไปกับกางเกงและผ้าคลุมของเขาอย่างรวดเร็ว ชายหน้าลิงกระโดดโหยงไปมา  

               ทาเน็นหยิบดาบทาเท็นแล้วกวาดไปด้านหลัง รวดเร็วราวกับลมกรด เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งสี่ผงะถอยหลัง ในขณะที่เจ้าหัวใหญ่ล้มลงไปคุกเข่า มือใหญ่ของเขากุมอยู่ที่เป้ากางเกง หน้าของเขาบิดเบี้ยวเหมือนกระดาษที่ยับยู่ยี่ด้วยความจุกระคนเจ็บปวด  ดัสตินคว้าถุงเหรียญฟาดไปที่หน้าของเขา เจ้าคนหัวใหญ่หงายหลังตึง

               ทาเน็นคว้าที่หลังคอเสื้อของดัสตินแล้วกดเขาหมอบลงไปใต้โต๊ะ ก่อนตัวเองจะกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลือทั้งหก (ฟากหนึ่งสอง ฟากหนึ่งสี่) กรูกันเข้ามา พวกมันทั้งทิ่มทั้งแทงดาบไปที่ทาเน็นซึ่งยืนอยู่บนโต๊ะ ทาเน็นหลบและปัดป้องการโจมตีได้ทุกจังหวะ ในขณะที่ไฟเริ่มลุกลามไปตามชั้นวางเหล้าและเจ้าคริมก็อดที่ยังติดไฟอยู่ก็เผ่นเข้าไปเข้าไปที่หลังร้าน ชายคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาขวางทาเน็นบนโต๊ะ เขาฟาดฟันดาบใส่ชายหนุ่ม ทาเน็นรับการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบวนท่าที่เขาฝึกมาเป็นอย่างดี ในขณะที่เท้าของเขาก็เตะข้าวของบนโต๊ะใส่คนที่เหลือเบื้องล่างไปพร้อมกัน มีครั้งหนึ่งที่ทาเน็นสบจังหวะพอดี เขาเตะเข้าที่หน้าของพวกมันคนหนึ่งอย่างแรง ชายคนนั้นหลายหลังไปนอนสลบอยู่ที่พื้น

               ดัสตินเริ่มออกคลานไปตามแนวโต๊ะ เสียงดาบกระทบกันแก๊งๆอยู่เหนือศีรษะของเขา จุดหมายเขาอยู่ที่ประตูบาร์ ขณะที่คลานไปเรื่อยๆอยู่นั้น หนึ่งในชายผู้หมายเอาชีวิตทั้งเขาและสหายก็ก้มลงมาเห็น มันแสยะยิ้ม ดัสตินยิ้มตอบก่อนจะคลายดุ๊กดิ๊กกลับไปคืน มันคลานตามเขาไป แล้วคว้าหมับไปที่เท้าของเขา ดัสทุบและตีมือของเจ้าคนที่ตามเขามา มันกำลังดึงร่างของเขาเข้าไปหา เขาหันไปแล้วถีบหน้าของมันเข้าจังๆ จัสตินคลานต่อไป เปลวไฟที่ชั้นวางเหล้าเริ่มลุกลามไปทั่ว เกิดควันโขมงอยู่ด้านใน

               ทางด้านบนโต๊ะชายอีกคนกระโดดขึ้นมาที่มุมโต๊ะ เวลานี้ทาเน็นต้องเผชิญกับข้าศึกสองด้าน มันพุ่งดาบเข้ามาหาเขา ในขณะที่อีกฟากหนึ่งก็ง้างดาบกำลังจะฟันทาเน็นกระโดดลงจากโต๊ะแล้วเจอเข้ากับคนที่เพิ่งถูกสหายของเขาถีบมา เขาเคาะสันดับไปที่ท้ายทอยของเจ้าหมอนั่น มันสลบเหมือดไปย่างง่ายดาย ดัสตินโผล่ขึ้นมาจากใต้โต๊ะ เขามองหน้าทาเน็น ทั้งคู่เหมือนรู้งานเขา สองสหายช่วยกันดันโต๊ะที่ชายสองคนยืนอยู่ข้างบน โต๊ะหงายไปอีกด้ายชายฉกรรจ์ทั้งสองล้มลงไปทับกับชายอีกคนที่ยืนอยู่อีกฟาก สองสหายวิ่งฉิวไปที่ประตู พวกเขาเปิดประตูออกแล้วออกวิ่งหนีตายไปตามถนน แล้วหายเข้าไปในตรอกๆหนึ่งเมื่อคิดว่าวิ่งหนีมาไกลมากพอแล้ว

               สองสหายยืนหอบอยู่ในตรอก เหงื่อไคลไหลย้อยอาบร่างพวกเขา       

                “แฮ่กๆ ป่านนี้พวกมันคงสาละวนกับการดับไฟอยู่แน่ๆ” ดัสตินว่า

               “ก็คงใช่อย่างนั้น ฮ่า ๆ ๆ” ทาเน็นตอบ “ได้มาไหม”

               “นี่ไง ฮะ ๆ ๆ” ดัสตินโชว์ถุงเหรียญ

               “ไม่เลวนี่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

               “เจ้าก็เช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

               สองสหายหัวเราะร่า สร้างความประหลาดใจให้แก่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา

                “เอาล่ะ” ดัสตินพูด “เรารีบไปกันดีกว่า ก่อนพวกมันจะออกมาล่าเรา”

               ดัสตินและทาเน็นตกลงกันว่าจะแยกกันไป โดยดัสตินจะไปเอารถม้าและทาเน็นจะไปตามหาจัสมิน แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาต้องเปลี่ยนชุดใหม่ ดัสตินหาชุดราคาถูกแถวนั้นให้ทาเน็นและตัวเอง พวกเขาเลือกจะอาชุดคลุมแบบง่ายๆสำหรับอำพรางกาย ดัสตินเดินจ้ำอ้าวไปยังโรงเตี๊ยมที่เขาฝากรถม้าไว้ เขามอบเหรียญให้คนเฝ้าม้าอีกสองฟิลิ่งเป็นค่าทิปและอีกหนึ่งฟิลิ่งเป็นค่าปิดปาก ส่วนทาเน็นลัดเลาะไปตามอาคารต่างๆแล้วมุ่งหน้าไปยังตลาอครอทไลน์

               ทาเน็นเดินดุ่มๆไปเรื่อยๆ เขาเดินเข้าไปในตลาดฝ่าฝูงชนไปตามตรอกต่างๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนร่างสูงใหญ่ ทำให้เขาสามารถมองไปหาจัสมินได้ไม่ยาก จัสมินเฉิดฉายท่ามกลางหมู่ชนในชุดสีฟ้าอ่อนของนาง ทาเน็นรู้ได้ทันที แต่จังหวะนั้นเองอีกฟากของตรอก ทาเน็นสังเกตเห็นคริมก็อดที่เดินมากับทหารในชุดเกราะราวหกคน เจ้าคริมก็อดอยู่ในชุดผ้าคลุมหนังและกางเกงที่ขาดรุ่งริ่งด้วยรอยไหม้ หน้าลิงของเขามีรอยดำของเขม่าควันติดอยู่มองดูคล้ายลิงจ่าฝูงที่เพิ่งพ่ายแพ้ให้กับลิงหนุ่มรุ่นใหม่ คริมก็อดและทหารกำลังคุยกับหนึ่งในผู้คน พวกเขาชี้มือมาทางทาเน็น

               ทาเน็นเดินฝ่าฝูงชนต่อไปเขาดึงเอาผ้าคลุมมาชิดหน้ามากขึ้น แต่ดูเหมือนทหารจะไล่หลังเขามาแล้ว

               “หลุดก่อนเจ้าคนใส่ผ้าคลุมนั่น” ทหารนายหนึ่งตะโกน

ทาเน็นไม่ฟัง เขาเดินเริ่งฝีเท้าแหวกฝูงชนไปเรื่อยๆ

               “ข้าสั่งให้เจ้าหยุดยังไงล่ะ”

               ฝูงชนเริ่มแตกตื่น ทาเน็นถอดผ้าคลุมออก เขาขว้างมันออกไปข้างหลัง คริมก็อดตะโกน

               “นั่นไงมัน มันนั้นแหละไอ้หัวขโมยและเป็นจอมวางเพลิง!”

เสียงผู้คนในตรอกดังอื้ออึงระงม ทาเน็นชักดาบแล้วออกวิ่งทันที เฉกเช่นเดียวกับเหล่าทหาร

               “จับมัน ถอยไป ถอยไป” ทหารร้อง

               ชายหนุ่มวิ่งแหวกฝูงชนโดยไม่สนใจว่าใครจะหกล้ม “ขอโทษครับ ขอโทษ” เขาเข้าไปถึงตัวจัสมินแล้วยิ้ม

               “ไปกันได้แล้ว”

               จัสมินสงสัย “เราจะไปไหนกัน ข้ายังไม่ทันจะได้ซื้ออะไรเลย”

               “กลับบ้าน” ทาเน็นว่า “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน”

               เสียงทหารดังไล่หลังมา “หยุดเดี๋ยวนี้น่ะไอ้หัวขโมย”

               จัสมินถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วท่านไปทำอะไรมา แล้วดัสตินล่ะ”

               ทาเน็นรีบร้อน เขารวบรวมสติ ชายหนุ่มเอามือกุมไหล่ของหญิงสาวแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “จัสมิน นี่จัสมิน งานวันมะรืนนี้ ข้าจะสวมชุดของเจ้า ข้าจะขอเจ้าเต้นรำ และหลังจากนั้น...” เขาหยุด “แต่งงานกับข้าน่ะ”

               จัสมินอายม้วน นางเก็บอาการเขินอายนี้ไว้ไม่มิด และดูเหมือนสิ่งที่ทาเน็นพูดจะได้ยินไปถึงฝูงชนรอบข้าง พวกเขาตะโกนบอกต่อๆกัน “เขาขอนางแต่งงาน เขาขอนางแต่งงาน” พวกเขาเอามือป้องปากด้วยความตื้นตันระคนตกใจ บ้างโห่ร้อง บ้างเป่าปาก มีเสียงปรบมือดังขึ้น ทุกคนเข้ามาล้อมวงที่ชายหนุ่มและหญิงสาว เหล่าทหารไม่สามาถเบียดเสียดผู้คนที่กรูกันเข้ามาได้

               จัสมินพยักหน้า น้ำตาแห่งความปิติไหลอาบมาที่แก้มสีชมพู

               “เอาหละแต่ตอนนี้เราไปกันเถอะ” ทาเน็นจับมือจัสมินแล้ว ทั้งคู่ก็พากันวิ่งออกไป ฝูงชนแหวกทางให้กับพวกเขาไปจนสุดตรอก ทาเน็นและจัสมินวิ่งไปยังปากตลาดซึ่งรถม้าบ้านเฟริกซ์วิ่งมาถึงพอดี ทาเน็นเปิดประตูและส่งจัสมินเข้าไปในตู้ แล้วปีนขึ้นนั่งข้างดัสติน ดัสตินกระชากสายบังเหียน มันห้อตะบึงไปยังประตูเมือง

               ดัสตินยิ้มให้กับนายตรวจพุงพลุ้ยคนเดิม

               “เจ้าเป็น...อ้า เชิญ” นายตรวจตะโกน “คันต่อไป”

               ดัสตินพยักหน้า ครั้งนี้เขาไม่พูดอะไร ชายร่างเล็กบังคับม้าออกจากประตูเมือง จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วอย่างไม่คิดชีวิต มีเสียงโวยวานดังมาจากตู้รถ และเบื้องหลังมีเสียงทหารดังอยู่ลิบๆ “จับมันมันสัดรถม้านั่นให้ได้” ทาเน็นหันไปยิ้มให้สหาย ดัสตินยิ้มตอบ เขาร้อง “วู้ววววววววววววว”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา