Love You My Love รักเธอที่เป็นเธอ

9.6

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.50 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  11.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 16.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 3 พรหม(หมอ) ลิขิต (อัพ100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3 พรหม(หมอ) ลิขิต

 

image

 

 

พิมพ์ Part

 

11.30 น. กริ๊ง!!!!!!.....

          ฉันค่อยๆ เอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่ข้างหู ก่อนจะสะลึมสะลือคว้ามันมาดูเวลา 11.30 น. ฉันเด้งตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ตายแล้ว!!! ไอ้พิมพ์ สายแล้วๆ ฉันขยุ้มหัวตัวเองร้องแหกปากเสียงดังวิ่งเข้าห้องน้ำ ก่อนจะจัดการตัวเองเสร็จภายใน 15นาที 

 

          จากนั้นก็วิ่งออกมาจากห้องนอนเพื่อมาเอาเอกสารที่ต้องใช้ในการประชุม แต่ตาฉันดันเหลือบไปเห็นถ้วยโจ๊กที่แร๊ปไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมข้อความในโพสอิทสีส้มแป้ดๆว่า “อย่าลืมกินนะbyหมอหล่อ” แค่เห็นข้อความว่ามาจากใคร ฉันก็แทบจะอาเจียนพุ่งทันที นี่ยังไม่ทันได้กินนะ อาการอาหารเป็นพิษก็กำเริบขึ้นมา

 

          ฉันส่ายหน้าให้กับคนบ้าที่หลงตัวเองสุดๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะกินมัน เพราะถ้าให้ฉันไปหากินข้างนอกมีหวังสายแน่ๆ แล้วถ้ารอกินหลังจากประชุมเสร็จฉันต้องเป็นลมตายแน่ๆเช่นกัน เอาวะอย่างน้อยก็ดีกว่าสายหรือเป็นลมตาย  ไม่รอช้าฉันซัดโจ๊กจนหมดชาม แล้ววิ่งตาลีตาเหลือกลงลิฟต์ไปยังรถของตัวเอง ขับรถออกจากคอนโดประหนึ่งตัวเองกำลังอยู่ในสนามแข่งรถ

 

          “ฟู่ว!!!”  ค่อยยังชั่ว ฉันมาถึงที่ประชุมก่อนเวลานัด 5 นาที แต่ทำไมฉันยังไม่เห็นใครมารอประชุมเลยสักคน สงสัยได้ไม่นาน เฮียพอสที่เป็นทั้งพี่ชายทั้งหัวหน้าโครงการที่ฉันต้องทำงานด้วย และเป็นทั้งว่าที่เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง อนาคตเขาต้องมาบริหารดูแลสานงานต่อจากเตี่ย ก็บ้านฉันเป็นวิศวกรทั้งบ้านเลย ยกเว้นพี่ชายคนกลาง เฮียพอยท์กระโดดไปเป็นนักบินได้ไงก็ไม่รู้ เฮียๆของฉันทั้งขยัน หล่อ รวย เก่ง ยิ่งกว่าเทพบุตรอีก แต่ไหงยังโสดอยู่ล่ะ?

 

          “อ้าวไอ้พิมพ์ เอ็งมานั่งทำไรตรงนี้วะ” นั่นไงคำทักทายแปลกๆ ออกมาจากปากของพี่ชาย

          “พิมพ์มารอประชุมโปรเจคใหม่ที่เฮียนัดไง”เฮียพอส พยักหน้าหายสงสัยก่อนจะยิ้มหัวเราะออกมาแถมพูดประโยคที่ฉันอยากจะเอาเสาต้นใหญ่โขกหัวพี่ชายตัวเอง เขาจำที่นัดไม่ได้จริงๆ หรอ

 

          “นี่เฮียใช้งานเอ็งเยอะไปหรือว่าไง เฮียนัดวันที่ 17 นี่มันวันที่ 7 เอ็งเมารึเปล่า”  

          เฮ้ย!! ไม่ใช่แหล่ะในข้อความที่ส่งมามันคือวันที่ 7 ไม่ใช่ 17 ทั้งฉัน และเฮียพอสต่างก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาเช็คข้อความนัดประชุม เฮียพอสเหมือนจะรู้ตัวที่นัดฉันผิดวันเอง จึงค่อยๆ เนียนย่องหนีไปทางประตู แต่ไม่ทันแล้วเฮีย ทุกอย่างมันอยู่ในสายตาพิมพ์หมดแล้ว

 

          “ไอ้เฮียพอส!!! ในข้อความที่ส่งมามันเลข 7ชัดๆ” น้ำเสียงที่พูดออกมาบ่งบอกว่าฉันเริ่มเคือง และมีน้ำโหอยู่พอสมควร ส่วนเฮียก็แค่ยืนยิ้มหน้าเจื่อนๆ ยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเอง ก่อนจะชิ่งไปแบบเอาตัวรอด 

          “โอ๊ย หิวข้าว ไปหาข้าวกินดีกว่า ไปแหล่ะ” จากมือที่เกาหัวอยู่เปลี่ยนมาโบกลาให้ฉันแทน

          “เออ วันเสาร์นี้ม๊าบอกให้กลับบ้านด้วยนะ ไอ้พอยท์มันไม่มีบิน ม๊าบอกจะทำกับข้าวรอ” พูดแค่นั้นไอ้เฮียก็เผ่นแน่บหายไปเลย

 

          ฉันยืนกัดฟันเคืองอิเฮียอยู่สักพัก ทำไมฉันเป็นน้องสาวที่ทำอะไรพี่ชายตัวเองไม่ได้เลย ฮึย!!! มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า ถ้าเต้อยู่ก็คงดีซิ จะได้มีคนจัดการเฮียพอสให้ เพราะเฮียกับเต้เป็นเพื่อนรักกัน แต่แล้วฉันก็หวนกลับมาคิดถึงอดีตคนรักอีกครั้ง “ป่านนี้คุณจะเป็นยังไงบ้างนะ พิมพ์คิดถึงคุณจังเลยเต้” 

​          หลังจากที่มาประชุมเก้อ ฉันก็โทรระบายอารมณ์กับโรสตลอดทาง แต่นางก็เข้าข้างแต่พี่ชายของฉัน ใช่ซิ ฉันมันชะนีนิ เห็นผู้ชายย่อมดีกว่าเพื่อนชะนีอย่างฉันอยู่แล้ว วันนี้เรานัดกินข้าวเย็นกัน แต่ฉันต้องเป็นฝ่ายไปรอนางที่โรงพยาบาล กว่านางจะออกเวรก็ 5 โมงเย็นนู้น 

 

          “เออหมวย ถ้าแกมาถึงแล้วก็นั่งรอฉันหน่อยละกันนะ”

          “โอเค ใกล้ถึงละ”

 

          ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ฉันเลี้ยวรถเข้ามาจอดในโรงพยาบาล พอจอดรถเสร็จ ก็เดินเข้ามาในตัวอาคาร ตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ในโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ใช้นั่งรอโรสเป็นประจำ นั่งรอได้สักพักฉันก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเล็กๆ จากสาวประชาสัมพันธ์คนสวย

 

          “สวัสดีค่ะพี่พิมพ์ มาหาคุณหมอโรสหรอคะ” น้องเชอร์รี่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยทักทายฉัน

          “สวัสดีค่ะน้องเชอร์รี่ ใช่ค่ะพี่มาหาหมอโรส” ฉันยิ้มทักทาย และตอบน้องเชอร์รี่กลับ

          “เมื่อกี้ คุณหมอโรสฝากมาบอกพี่พิมพ์ว่าให้ไปรอที่ห้องรับรองแขก VIP เลยค่ะ” 

 

          หื้ม!!! ไม่ยักกะรู้ ว่าโรงพยาบาลเขามีห้องรับรองแขก VIP ด้วย

 

          “ขอบคุณค่ะ” ถึงจะสงสัยแต่ฉันก็เดินตามน้องเชอร์รี่ไปแต่โดยดี น้องเชอร์รี่พาฉันมาที่ชั้น 9 แล้วหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง 

 

          “ห้องนี้เลย เชิญค่ะพี่พิมพ์”

          น้องเชอร์รี่เปิดประตูห้อง พร้อมผายมือเชิญให้ฉันเข้าไปด้านใน ฉันใช้สายตาสำรวจไปรอบๆห้อง หรู ขาว สะอาดตา ดูสมกับเป็นห้องรับรองแขก VIP จริงๆ ก่อนจะพยักหน้ายิ้มขอบคุณให้น้องเชอร์รี่ แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟารับรองแขก ฉันไม่ปล่อยให้เวลาเปล่าประโยชน์ หยิบแลปท๊อปในกระเป๋าขึ้นมาเคลียร์งานที่เหลือต่อ ไม่นานนักเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น ฉันไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าเป็นโรส แต่พอดูนาฬิกาในแล็ปท๊อป 16.10 น. มันยังไม่ถึงเวลาออกเวร 5 โมงเย็นนิ ฉันเลยหันไปดูว่าเป็นใครเข้ามา

 

          ปรากฏว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ชายใส่ชุดกราวด์หมอยืนหน้านิ่ง กอดอก หลังพิงประตู หันมองมาทางฉัน 

 

          ให้ตายเถอะ!!! ชีวิตฉันจะหนีไม่พ้นผู้ชายคนนี้จริงๆใช่ไหม

 

....................................................

 

image

 

 

ชเวยองโด (พอล) Part

          ผมเพิ่งเสร็จจากการประชุมผลตอบรับของโรงพยาบาล และโรงพยาบาลในเครือที่ได้รับในช่วงปีนี้ ผลออกมาค่อนข้างเป็นที่น่าพึงพอใจมาก สิ่งแรกที่คิดถึงหลังออกจากห้องประชุมคือ กาแฟ  ผมรีบลงมาชั้นล่างเดินตรงไปยังร้านกาแฟทันที เมื่อเท้าผมก้าวเข้าไปในร้านกาแฟสายตาอันแหลมคมของผมก็ไปหยุดอยู่ตรงร่างของคนที่ผมคุ้นเคย เธอนั่งหันหลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่าง ว่าแต่ว่า เธอมาทำอะไรที่นี่

 

          “น้องโต๊ด หนูเอากาแฟไปเสิร์ฟพี่พิมพ์ให้เจ้ทีซิ” เสียงเจ้าของร้านสั่งลูกน้องให้เอากาแฟไปให้เธอ

          “อ้าว คุณหมอพอลวันนี้ดื่มอะไรดีคะ” เจ้แป๋มสั่งลูกน้องเสร็จก็หันมาถามผม

          “เหมือนเดิมครับเจ้” ผมตอบแล้วส่งยิ้มหวานให้เจ้แป๋ม

          “เออ เจ้ครับ เจ้รู้จักผู้หญิงที่นั่งตรงนั้นด้วยหรอ” เจ้แป๋มมองตามมือผม

          “อ๋อ เอ๊ะ!!! คุณหมอถามทำไมคะ สนใจเธอหรอ” เจ้แป๋มจ้องหน้าจับผิดผม

          “ไม่มีอะไร ก็แค่ถามเฉยๆ ผมคุ้นๆว่าเธอใช่คนที่ผมรู้จักหรือเปล่า” ผมเฉไฉ

          “คุณน้องพิมพ์ ขาประจำของเจ้เอง เธอมานั่งรอคุณหมอโรสไงคะ” 

 

          หมอโรส หมอโรส ผมพยายามนึกถึงคนที่ชื่อหมอโรส อ๋อ คุณหมอสวยๆ หมอโรคผิวหนังนี่เอง

 

          “เจ้แป๋มเชอร์รี่ขอชาเขียวเย็น 1 ที่ค่ะ อ้าวสวัสดีค่ะคุณหมอพอล” 

 

          ผมมองหน้าเชอร์รี่แล้วปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที ทำไมช่วงนี้ไอเดียผมบรรเจิดพุ่งกระฉูดบ่อยจัง

 

          “เชอร์รี่ครับ หมอมีอะไรอยากจะให้ช่วยหน่อย”เชอร์รี่เอียงคอแบบน่ารักๆ เล็กน้อย 

          “ได้ค่ะคุณหมอ มีอะไรให้เชอร์รี่ช่วย บอกมาได้เลยค่ะ” 

          “เชอร์รี่เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นไหมครับ” ผมชี้ให้เชอร์รี่ดูยัยหมวยที่เอาแต่นั่งก้มหน้า

          “อ๋อ พี่พิมพ์ คุณหมอมีอะไรกับพี่เขาหรือเปล่าคะ” เชอร์รี่ถามผมด้วยความสงสัย

          “ช่วยไปบอกเธอทีว่า หมอโรสให้ไปรอที่ห้องรับรองแขกVIP”

          “ห้องรับรองแขกVIPมันอยู่ตรงไหนคะคุณหมอ” คิ้วเธอเริ่มผูกโบว์เหมือนกำลังงงว่าที่นี่มีห้องรับรองแขกVIPด้วยหรอ

          “ก็ห้องพักของผมที่ติดกับห้องทำงานผมไงครับ แต่อย่าบอกว่าเป็นห้องทำงานผมนะ ให้บอกว่าเป็นห้องรับรองแขก VIP แทน” 

 

          เชอร์รี่เริ่มไม่มั่นใจในตัวผม คงกลัวว่าผมจะทำร้ายหรือหลอกลวงยัยหมวยแน่ๆ หยุดความคิดไว้ก่อนเชอร์รี่

 

          “ไม่มีอะไร หมอโรสแค่ฝากเพื่อนให้หมอช่วยดูแล เพราะว่าเธอมีเคสเร่งด่วนเข้ามา ไม่อยากให้เพื่อนนั่งแง่วอยู่ตรงนี้นานเท่านั้นเอง” ผมโกหกเชอร์รี่แบบหน้าตาย เพราะหมอโรสยังไม่ได้บอกอะไรผมสักคำ จะบอกได้ไงล่ะ ก็ผมยังไม่เจอหมอโรสเลย ผมเพิ่งจะออกมาจากห้องประชุม จะไปเจอเธอได้ไง

 

          “อ่อ ได้ค่ะ” สีหน้าที่ดูไม่มั่นใจในตัวผมเมื่อกี้เริ่มคลายลง เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเดินเข้าไปหายัยหมวยตามที่ผมบอก

          “เจ้ 2 แก้ว ของเชอร์รี่ด้วยครับไม่ต้องถอนนะ ฝากบอกเชอร์รี่ด้วยว่าผมเลี้ยง” ผมจ่ายเงินค่ากาแฟกับชาเขียวเสร็จ ก็เดินตามไปยังห้องพักVIP ซะที่ไหน นั่นมันห้องทำงานส่วนตัวของผมชัดๆ 

          ผมเปิดประตูเข้าไป วางมาดนิ่งๆ จ้องหน้ายัยหมวยที่มองผมกลับมาแบบหน้าเซ็งๆ จะเซ็งอะไรขนาดนั้น เอือมหน้าผมมากเลยหรอ ยัยนี่แปลกคน มีแต่ผู้หญิงจะวิ่งใส่ผม แต่เธอดันทำหน้าเซ็งใส่ผม วันนี้ 2 ครั้งแล้วนะ ฮึย!!!น่าหมั่นเขี้ยวชะมัด

 

          “นี่ฉันจะหนีนายไม่พ้นจริงๆใช่ไหม เจอตอนเช้าแล้วยังมาเจอกันตอนนี้อีก สงสัยต้องไปทำบุญ9วัดจะได้ล้างซวย” 

 

          เป็นประโยคทักทายที่ผมต้องอมยิ้ม และถอนหายใจไปในตัว

 

          “ทำไมคุณไม่คิดว่ามันคือพรหมลิขิตล่ะ คุณพิมพ์” ผมถามกลับแล้วเดินเข้ามานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามเธอ

          “คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง” เธอถามผมเสียงเรียบๆ แต่ตาไม่ได้มองผมนะ เธอยังคงจ้องจอแล็ปท๊อปอยู่

          “ก็ไม่เห็นจะยากเลยนิครับ คุณวิศวกรสาว” คราวนี้เธอเหลือบตาขึ้นมามองหน้าผมอย่างสงสัย

          “นี่สนใจฉันจนต้องไปแอบสืบประวัติฉันขนาดนี้เลยหรอ” 

 

          เฮ้ย!!! ไอ้สนน่ะสนอยู่ แต่ไอ้สืบประวัตินี่ผมยังไม่ถึงขั้นนั้น แค่อยากรู้จัก แต่ถ้าสนแบบจริงจังเมื่อไหร่ล่ะก็ คนอย่างผมตามติดไม่ปล่อยแน่

 

          “ไม่มั่นใจตัวเองไปหน่อยหรอคุณพิมพ์”   

          “ใครจะไปรู้ ก็เล่นมาหาฉันถึงที่” 

 

          ผมหลุดหัวเราะกับคำพูดของเธอ “ผิดแล้วคุณ เมื่อเช้าผมอาจไปหาคุณถึงที่อันนั้นจริงอยู่ แต่ตอนนี้คุณมาหาผมถึงที่มากกว่า” ผมเว้นช่วงไว้นิดนึง มองเธอแบบกวนๆ 

          “ที่นี่ไม่ใช่ที่ธรรมดาแต่เป็นห้องทำงานและห้องพักผ่อน...ส่วนตัว...ของผมไม่มีใครกล้าเข้ามาในนี้ถ้าผมไม่ได้อนุญาต และคุณก็เข้ามาโดยที่ผมยังไม่อนุญาต” ผมนั่งกอดอกมองเธออย่างเป็นต่อ เธอพับแล็ปท๊อปลง แล้วนั่งกอดอกจ้องผมกลับ

 

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!

 

          เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเปิดผัวะเข้ามาอย่างไว เราสองคนหันไปมองตามเสียงประตูพร้อมกัน คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่คนอื่นคนไกล ท่านคือบุพการีผมเอง แม่มองมาทางเราสองคนแล้วเปลี่ยนมามองหน้าผมกับพิมพ์สลับกัน

 

          “แม่ไม่รู้ว่ายองโดมีแขก ขอโทษที่เสียมารยาทจ๊ะ” แม่คงงงที่เห็นพิมพ์นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะปกติแล้วผมไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่  ผมกับแม่สนิทกันมาก แค่มองตากันก็รู้แล้วว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่​

          “ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่มีอะไรอย่างที่แม่คิดหรอกครับ” 

          “สวัสดีค่ะ งั้นพิมพ์ขอตัวนะคะ” เธอหันไปสวัสดีแม่ผม

          “หวังว่าเราคงไม่เจอกันอีก” แล้วเธอก็หันมาแขวะผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

          เพียะ!!!

 

          “โอ๊ย!!” ผมร้องเสียงดังยกมือขึ้นมาถูไปมาตรงที่ถูกแม่ตี

          “มีอะไร ทำไมไม่เล่าให้แม่ฟัง อยู่ๆก็ออกจากบ้านหายไปเป็นอาทิตย์แบบนี้” แม่ใส่อารมณ์มาเต็ม ผมจะบอกแม่ยังไงล่ะ ว่าผมหนีเกล เพราะผมรำคาญที่เธอตามมาตื้อผมยันบ้าน ทั้งๆที่ผมไม่เคยพาเธอไปบ้านเลยสักครั้ง

 

          “มีปัญหานิดหน่อยครับแม่ แต่ผมเคลียร์แล้ว” ผมตอบแม่แบบปัดๆ

          “ปัญหาที่แกว่าน่ะ ใช่ผู้หญิงที่ชื่อเกลหรือเปล่า” ผมหันไปมองแม่ผมอย่างตกใจ ท่านรู้ ไม่มีอะไรที่สามารถปิดแม่ผมได้จริงๆ

          “ก็ผมเลิกกับเธอ แต่เธอไม่ยอมเลิกกับผม” ผมถอนหายใจ 

          “ผมก็เลยชิ่งออกมาซื้อคอนโดใกล้ๆโรงพยาบาลอยู่แทน” ผมคงปิดแม่ไม่ได้เลยตัดสินใจบอก แต่แม่ก็เอือมมือมาหยิกแขนผมอีก

          “นี่ไง เพราะความกะหล่อน เจ้าชู้ของแกไง ไหลไปเรื่อย”

          “โอ๊ย!!! แม่ ผมเจ็บ ผมป่าวกะหล่อนครับ ก็เกลเขางี่เง่าใส่ผม ผมทนไม่ไหวก็เลยเลิก” แม่มองผมแล้วถอนหายใจก่อนจะถามถึงผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกไป

 

          “แล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ใคร ดูเธอไม่ค่อยชอบหน้าลูกสักเท่าไหร่นะ”

          “เธอเป็นเพื่อนบ้าน ห้องเธออยู่ตรงข้ามห้องผม แถมเธอยังช่วยผมถึง 2 ครั้ง” พอคิดถึงหน้าเธอผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

          “ครั้งแรก เธอช่วยกันเกลไม่ให้มายุ่งกับผมอีก แต่ดันเป็นวิธีช่วยแบบมัดมือชก ตั้งแต่วันนั้นเธอเลยไม่ค่อยโอเคกับผมสักเท่าไหร่ ส่วนครั้งที่สอง เมื่อคืนนี้เอง ผมปวดท้องอาหารเป็นพิษ เลยไปเคาะห้องเธอให้ช่วยมาส่งโรงพยาบาล” ผมเล่าให้แม่ฟังถึงที่มาของเธอ แต่แม่ผมก็ยังไม่หยุดสงสัย

 

          “แล้วครั้งนี้ล่ะ” แม่ผมถามขึ้นมาทันที

          “ครั้งนี้เธอมารอเพื่อนเธอครับ เพื่อนเธอเป็นหมอโรคผิวหนังที่โรงพยาบาลเรา”

          “ไม่ใช่ แม่หมายถึงว่าทำไมเธอถึงเข้ามาในห้องนี้ได้” ผมสะอึกกับคำถามของแม่ ก็ผมเป็นคนวางแผนให้เธอเข้ามาในนี้เอง​ 

          “เธอแค่เข้าผิดห้องครับ” 

          พอแม่ผมได้ยินคำตอบก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม 

          “ผมหิวจังครับแม่ ไปหาอะไรทานกันเถอะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องชวนแม่ไปหาอะไรทานแทนการมานั่งตอบคำถามเรื่องของยัยหมวย ไว้ถ้ามีอะไรมากกว่านี้ ผมจะไม่ปิดบังแม่แน่นอนครับ เผลอๆต้องขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ด้วยซ้ำ

 

……............……………....………………… 

 

 

image

I'm Kim

 

 

พิมพ์ Part

 

          ทีเมื่อเช้าอีตาบ้ายังไม่ขออนุญาตฉันเลย เล่นเข้ามาในห้องแล้วมานอนโซฟาตัวโปรดของฉันแบบหน้ามึนๆ แล้วนี่อะไร จะมาว่าฉันได้ไง เอ๊ะ!!!หรือมันเป็นแผนของเพื่อนตัวแสบที่บอกว่าจะแนะนำหมอหนุ่มให้ฉันรู้จัก เดี๋ยวก่อนเถอะโรส เลิกงานแกเจอดีแน่ ถ้าคนที่เพื่อนฉันจะแนะนำให้เป็นอีตาบ้านี่จริงๆ งานนี้ขอบายค่ะ 

 

          ในขณะที่ฉันอารมณ์เสียอยู่นั้น ฉันก็ดันเดินไปชนกับใครคนหนึ่งเข้า

          “โอ๊ย!!!” ฉันรีบเอามือกุมหน้าผากตัวเอง คนอะไรตัวแข็งอย่างกะกำแพง ทางก็ตั้งเยอะตั้งแยะ ยังจะเดินมาชนกันอีก

          “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับคุณ” 

 

          ฉันเงยหน้าขึ้นมองตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัว หน้าตาเขาดูคุ้นๆนะ อ๋อ!!! ฉันจำได้แล้ว เขาคือคุณหมอหน้าเด็กที่รักษาอีตาบ้าเมื่อคืนไง

          “คุณผู้หญิงเมื่อคืนนี่เอง เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” 

          “ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอ….”

          “คิมครับ ผมชื่อคิม” ฉันพยักหน้ารับทราบในชื่อของเขา

          “ค่ะ แล้วคุณหมอคิมเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” 

          “จุกอกครับ” 

          คุณหมอตอบพร้อมกับเอามือกุมอกตัวเอง จุกจริงหรอคุณหมอทำไมเมื่อกี้เหมือนไม่เป็นอะไรเลย

 

          “จริงหรอคะ พิมพ์ต้องขอโทษนะคุณหมอ พอดีพิมพ์เดินไม่ระวังเอง” ฉันตีสีหน้าเศร้าสำนึกผิด

          “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็หาย” 

          “คุณชื่อพิมพ์หรอครับ” คุณหมอก้มลงถามชื่อฉัน ฉันได้แต่พยักหน้า และยิ้มตอบเขา คนอะไรตัวสูงอย่างกับเสาไฟ

          “ผมดีใจจังที่ได้เจอคุณอีก ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะ”

          “หมวย แกรอฉันนานไหม” ฉันยังไม่ทันจะตอบ เสียงแหลมๆของเพื่อนฉันก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะจากด้านหลัง

          “อ้าว หมอคิม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” ยัยโรสถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันกับหมอคิมอยู่ด้วยกัน

          “ไม่มีอะไรหรอกแก พอดีฉันซุ้มซ้ามเดินชนคุณหมอคิมเข้าน่ะ” 

          “งั้นก็แล้วไป” 

          “ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว ขอตัวนะคะหมอคิม” ฉันลากแขนเพื่อนตัวแสบออกจากหมอคิม ก่อนเราจะเดินออกมา หมอคิมเรียกเราไว้ทำให้เราทั้งคู่ต้องหันกลับมาหาเขา

 

          “ผมขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ พวกคุณกำลังจะไปหาอะไรทานกันใช่ไหม ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมขอไปด้วยคนได้ไหมครับ คือผมหาเพื่อนทานข้าวด้วยน่ะครับ ไม่อยากทานคนเดียว”

 

          “ได้ซิ” 

          นั่นไม่ใช่ฉันตอบ แต่เป็นคุณเพื่อนตัวแสบที่ตอบออกไปต่างหาก ทั้งโรสและหมอคิมหันมาเพื่อรอคำตอบจากฉัน โดนมัดมือชกซะขนาดนี้จะปฏิเสธยังไงล่ะ

          “งั้นเรารีบไปกันเถอะ พิมพ์โทรจองโต๊ะไว้แล้ว” เมื่อได้ยินคำตอบทั้งหมอคิม และโรสต่างก็ยิ้มแป้นให้กับฉัน 

          เราสามคนมาถึงร้านอาหารชื่อดังในย่านทองหล่อร้านหนึ่ง ระหว่างที่รออาหาร ฉันก็ได้แต่นั่งฟังคุณหมอทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการรักษาคนไข้กัน ส่วนตัวฉันไม่เข้าใจหรอก ถ้ามาแบบพวกเครื่องมือก่อสร้างอะไรพวกนี้ก็ว่าไปอย่าง 

          รอได้ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ฉันไม่รอช้ารีบตักอาหารเข้าปากตัวเองทันที

          “เฮ้ยแก ค่อยๆกินก็ได้มั้ง” โรสพูดพร้อมส่งซิกด้วยสายตาไปทางหมอคิม คงจะให้ฉันสงวนท่าทางเป็นกุลสตรีหญิงไทยซินะ ฝันไปเถอะ

          “ก็คนมันหิวนี่หว่า เล่นให้รอนานขนาดนั้น หมอคิมพิมพ์ไม่เกรงใจแล้วนะคะ หมอก็กินเยอะๆนะจะได้มีแรงรักษาคนไข้” ฉันพูดจบก็ก้มลงซัดอาหารที่อยู่ตรงหน้าจนหมดเกลี้ยง

 

          “โอ้โห คุณพิมพ์ตัวเล็กนิดเดียวแต่กินเก่งเหมือนกันนะครับ” นี่เขาชมฉันจริงๆใช่ไหม

          “ดีแล้วหมอคิม โรสดีใจที่เห็นเพื่อนเริ่มกลับมาเหมือนเดิม” ฉันที่กำลังดื่มน้ำอยู่ก็แทบจะสำลัก เพราะคำพูดของเพื่อน ส่วนหน้าของหมอคิมก็เกิดเครื่องหมายอัศเจรีย์ขึ้นทันที แหงแหล่ะ เป็นใครก็สงสัย

 

          “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ก่อนเพื่อนฉันเขาแค่กลัวอ้วนเฉยๆ” โรสตอบแก้ต่างให้ฉันทั้งๆที่มันไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด

          “อ๋อ ไม่ต้องลดน้ำหนักหรอก แค่นี้คุณพิมพ์ก็น่ารักแล้ว อย่าผอมไปกว่านี้เลยครับ” คุณหมอส่งยิ้มแบบแปลกๆ มาให้ฉัน ฉันก็ได้แต่ส่งยิ้มแบบเจื่อนๆ กลับไป แล้วก็หันหน้าไปส่งสายตาพิฆาตให้คุณเพื่อนตัวดีที่เกือบเปิดเผยเรื่องราวของฉัน

          หลังจากทานขนมหวานกันเสร็จเรียบร้อย เราก็นั่งสนทนาเรื่องสัพเพเหระ เอาเข้าจริงคุณหมอคิมเขาเป็นคนที่คุยเก่ง ตลก ดูกวนๆ เอาเรื่องพอๆกับเฮียฉันเลย แต่คงด้วยเพราะหน้าที่การงานของเขา เลยทำให้ต้องดูนิ่ง ขรึม สุขุม เพื่อเสริมภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ

           เราแยกย้ายกันตรงหน้าร้านอาหาร ส่วนฉันต้องขับรถไปส่งแม่ตัวดีที่บ้าน ระหว่างทางฉันก็เพิ่งนึกเรื่องของอีตาบ้าออก เกือบลืมจัดการเพื่อนตัวเองแล้วไหมล่ะ

 

          “นี่แก วันหลังถ้าจะแนะนำใครให้ฉัน กรุณานัดมาเจอเลย ไม่ต้องให้ฉันเข้าไปนั่งรอในห้องเขาแบบนั้น” ฉันเหวี่ยงใส่เพื่อนเบาๆ แต่เพื่อนฉันกลับหันมาทำหน้างง ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม

          “พูดเรื่องไรของแกวะ ฉันไม่เข้าใจ” นั่นตีบทแตก แสดงได้เนียนมากค่ะเพื่อน

          “ก็เรื่องวันนี้ แกให้น้องเชอร์รี่ไปส่งฉันที่ห้องรับรองแขก VIP ไง” พอฉันพูดจบ นางก็ทำหน้าครุ่นคิด เหมือนกับว่านางไม่รู้เรื่อง ถ้าเป็นดาราคงคว้ารางวัลออสก้าไปแล้ว

 

          “ห้องรับรองแขก VIP มันอยู่ห้องไหน นี่แกได้ไปรอฉันที่นั่นหรอ” ปกตินางจะเป็นคนที่เก็ททุกเรื่องไวมาก เริ่มมีเค้าโครงไม่ค่อยดีซะแล้ว

          “นี่แกกำลังจะบอกฉันว่า แกไม่ได้ทำใช่ไหม ถ้าไม่ใช่แกแล้วใครทำ” ใครมันช่างกล้าแกล้งฉัน น้องเชอร์รี่หรอ เฮ้ย!!แล้วน้องเขาจะทำไปเพื่ออะไร 

 

          “นี่หมวย พูดมาให้เคลียร์ว่าวันนี้แกไปทำไร เจอใคร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ ตอบมา” คราวนี้โรสถามฉันอย่างกับเป็นครูภาษาไทย พร้อมนั่งกอดอก แล้วจ้องหน้าฉันเพื่อรอฟังเหตุการณ์ที่ฉันเจอในวันนี้

          “ก็วันนี้ฉันนั่งรอแกที่ร้านเจ้แป๋มแบบปกติใช่ไหม แล้วน้องเชอร์รี่เขาเดินเข้ามาบอกว่า แกให้ฉันไปรอที่ห้องรับรองแขก VIP” ฉันหันหน้าไปอธิบายให้เพื่อนฟัง 

 

          “แล้วไงต่อว่ามาเร็วๆ อย่าให้รอนาน” 

          “เออๆ แหมคนใช้สมาธิขับรถไปด้วย ก็ไม่แล้วไง ฉันก็ไปรอแกที่ห้องนั้น ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าซวยหรือยังไง ฉันดันไปเจอกับอีตาบ้าห้องตรงข้ามฉันเข้า โคตรเป็นบุคคลที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดแต่แกเชื่อไหมว่าเขาเป็นหมอ” ฉันเล่ายังไม่ทันจบ โรสก็ยกมือเบรกฉันไว้ แล้วรีบถามฉันกลับ

 

          “เดี๋ยวหมวย ห้องที่แกเข้าไปน่ะ ลักษณะห้องเป็นยังไง อยู่ชั้นไหน” 

          “อยู่ชั้น9 ห้องก็ขาว สะอาด สวย ดูหรูดีนะ อ๋อ แก เขาบอกว่านั่นอ่ะเป็นห้องพักส่วนตัวของเขา ไม่มีใครกล้าเข้ามีแต่ฉันเนี่ยแหล่ะที่เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วแกรู้ไหมว่าแม่เขามาเห็นเราอยู่ด้วยกัน  เอ!!! เห็นแม่เขาเรียกว่าอะไรน้า เออใช่เรียกว่า ยองโด” พอฉันเล่าจบ เพื่อนฉันก็มีอาการตกตะลึง ช็อคไปชั่วขณะ

 

          “ไอ้หมวย!!! นี่แกไปเจอท่านประธานหญิงกับคุณหมอพอลลูกเจ้าของโรงพยาบาลมาหรอ แกไปทำร้ายอะไรเขาหรือเปล่า” ดูเพื่อนสาวฉันซิ ไม่ได้เป็นห่วงเพื่อนตัวเองเลย

 

          “เฮ้ยแก อย่าเวอร์ได้ป่ะ ฉันจะไปทำไรเขาได้ สรุปไม่ใช่คนนี้ใช่ไหม ที่จะแนะนำให้น่ะ” ขออย่าให้ใช่เลยเถอะ 

          “ไม่ใช่ คุณหมอลูกเจ้าของโรงพยาบาลไม่มีใครกล้ายุ่งหรอก เพลย์บอยตัวพ่อขนาดนั้น ถึงจะเจ้าชู้ขั้นเทพแต่เขาก็เก่งมากนะแก เรื่องงานนี่เนี๊ยบสุดๆ คนในโรงพยาบาลไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยหรอก ยกเว้นหมอคิมลูกพี่ลูกน้องเขาเท่านั้นแหล่ะ ส่วนคนที่ฉันจะแนะนำให้แกรู้จัก เขาชื่อหมอกาย ตอนนี้เขาไม่อยู่ไปสัมมนาที่ออสเตรีย อาทิตย์หน้านู้นถึงกลับ” พอฉันได้ฟังคำตอบจากเพื่อนก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา 

 

          ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงบ้านของโรส ฉันจอดรถส่งเพื่อนสาวที่หน้าบ้าน แต่โรสกลับไม่ยอมลง นางยังคงนั่งตกอยู่ในภวังค์ห้วงความคิดของตัวเอง

          “โรส แกเครียดอะไรหรือเปล่า” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง

          “ฉันกำลังคิดเรื่องของแกอยู่ว่าใครเป็นคนทำ พรุ่งนี้ฉันต้องรู้ให้ได้” โรสหันมาทำหน้ามุ่งมั่นใส่ฉันก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

          “ขอบใจที่มาส่ง แกขับรถกลับดีๆ อย่าขับเร็วมาก เข้าใจไหม” ฉันพยักหน้าตอบรับเพื่อนก่อนจะเหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าตรงไปยังคอนโดตัวเองทันที ฉันอยากจะพักร่าง พักสมอง วันนี้เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้

 

....................................................

 

 

image

I'm Rose

 

 

โรส Part

 

          วันนี้ฉันมีเวรตรวจคนไข้ช่วงบ่าย เพราะฉะนั้นฉันสามารถนอนตื่นสายได้สบาย แต่เสียงข้อความจากมือถือเจ้ากรรมดันดังขึ้น ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความดูว่าใครส่งมา “คุณหมอโรสครับ วันนี้ก่อนเข้าตรวจคนไข้ กรุณาขึ้นมาพบผมที่ห้องทำงานด้วยครับ หมอพอล”

          

          จากง่วงๆ พออ่านข้อความจบฉันก็ตาสว่างอย่างกับกินกาแฟดับเบิ้ลช๊อตเข้าไป โอ๊ย!!!ตายๆ จะโดนอะไรหรือเปล่าวันนี้ ฉันรีบต่อสายตรงไปยังหมวยผีจีน โทรไป4สาย แต่เธอดันไม่รับ ขานั้นคงนอนหลับเป็นตายขึ้นอืดคาเตียงอยู่แน่ๆเลย 

          

          11.00 น.ฉันมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลางานตั้ง 2 ชั่วโมง สาบานได้ว่าฉันไม่ได้ตื่นเต้นเลย หวังว่าไอ้หมวยไม่ได้ไปทำอะไรแม่ลูกคู่นั้นจริงๆใช่ไหม ทำไมเขาถึงต้องเรียกฉันไปพบด้วย หรือจะเป็นเรื่องงาน โถชีวิตหมออย่างฉันจะโดนอะไรบ้างหนอ

 

          “คุณหมอโรสสวัสดีค่ะ” ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็พบเข้ากับน้องเชอร์รี่ ใช่เมื่อวานหมวยบอกว่าน้องเชอร์รี่เป็นคนพาไปห้องหมอพอลแต่ฉันยังไม่ทันได้ถามอะไรน้องเชอร์รี่ ลูกเจ้าของโรงพยาบาลดันเดินเข้ามาทักทายฉันซะก่อน

          “สวัสดีครับหมอโรส พร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วเชิญที่ห้องทำงานผมเลยครับ” หมอพอลพูดจบก็เดินนำหน้าฉันไป จะมาถามฉันทำไมว่าพร้อมหรือยัง เชิญขนาดนี้ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมล่ะวะ 

 

          “ตามสบายครับหมอโรส ผมไม่ได้เรียกคุณมาตำหนิเรื่องงานหรอกครับ” สงสัยหมอพอลจะเห็นท่าทีที่ดูเกร็งๆของฉัน พอได้ยินที่คุณหมอพูดฉันก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

          “คือ...” หมอพอลเว้นช่วงพูด สายตาของเขาจับจ้องมาที่ฉัน มันเป็นสายตาที่ดูจริงจัง และต้องการอะไรสักอย่าง

 

          “คุณพอลมีอะไรให้ช่วย ก็บอกมาได้เลยค่ะ เรื่องไหนที่พอจะช่วยได้ โรสยินดี”

          “เรื่องนี้คุณต้องช่วยได้แน่ครับ” หมอพอลพูดและยิ้มกว้างขึ้น “ผมบอกตามตรงนะครับ ผมสนใจเพื่อนของคุณ” ฉันอึ้งกับคำสารภาพตรงๆของเขา หมายความว่าไง 

 

          “คุณพอลหมายถึง คุณสนใจพิมพ์เพื่อนของโรสหรอคะ” 

          “ใช่ครับ และผมก็พอรู้มาว่าคุณพิมพ์เคยแต่งงานแล้ว แต่ผมไม่ยักกะเห็นแฟนของเธอเลยสักครั้ง หมอโรสพอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ” 

ไม่ได้นะโรส เราจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด ถ้าเขาต้องการรู้ก็ควรที่จะรู้มาจากปากของพิมพ์เอง

          “ต้องขอโทษจริงๆค่ะ โรสคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่สามารถนำมาเล่าให้คุณฟังได้ ถ้าคุณพอลสามารถทำให้เพื่อนโรสเปิดใจได้ สักวันหนึ่งเธอจะเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณฟังเอง และขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะ เพื่อนโรสเธอเป็นคนที่รักใครรักจริง แต่ถ้าหมอไม่คิดจะจริงจังกับเธอ ก็ควรปล่อยเธอไปค่ะ” ที่ฉันพูดเพราะเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ ก็ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงขนาดนี้ ใครจะไม่เป็นห่วงเพื่อนตัวเองจริงไหม

 

          “คุณคงคิดว่าผมจะเล่นๆ กับเพื่อนคุณเหมือนที่คุณได้ยินกิตติศัพท์ของผมมาใช่ไหม ผมยืนยันตรงนี้เลยครับ ผม จริง จัง” หมอพอลพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เน้น ย้ำ ทุกคำ ทำให้ฉันรู้สึกว่าผู้ชายที่นั่งตรงหน้าคนนี้อาจจะเป็นคนที่ทำให้เพื่อนฉันหลุดพ้นจากเรื่องราวที่เลวร้ายในอดีต และจะเป็นคนที่ทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

 

          “โรสจะช่วยคุณเท่าที่โรสช่วยได้นะคะ แต่ทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวพิมพ์ และอยู่ที่ตัวคุณพอลเอง”

ฉันพูดเน้นเสียงตอนท้ายประโยค แต่ก็ไม่ได้เป็นน้ำเสียงที่หน้าเกลียดจนเกินไป  สายตาฉันจ้องไปที่หมอพอล เพื่อเป็นการย้ำชัดในสิ่งที่ฉันพูด ในตอนนั้นสมองของฉันก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนเมื่อวานจึงอดสงสัยและอดที่จะถามหมอพอลไปตรงๆไม่ได้

 

          “คุณพอลค่ะ โรสมีเรื่องหนึ่งอยากถามคุณ” 

          “ว่ามาเลยครับ”

          “เมื่อวานที่พิมพ์เข้ามาในห้องนี้ เป็นแผนของคุณหมอพอลใช่ไหมคะ” ฉันตัดสินใจถามไปตรงๆ คำตอบที่ได้กลับมา มีเพียงแค่รอยยิ้มจากหมอพอลเท่านั้น ซึ่งรอยยิ้มที่ได้กลับมามันดันเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดโดยที่คุณหมอไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา โอเคเข้าใจแล้ว

 

          “หมอโรสมีอะไรสงสัยจะถามผมอีกไหม” หมอพอลถามฉันกลับแบบท่าทางสบายๆ

          “ไม่มีค่ะ งั้นโรสขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ฉันพนมมือไหว้ลา

          “ขอบคุณหมอโรสเช่นกันครับ” 

 

          จะมาขอบคุณฉันทำไม ถ้าหมวยรู้ ฉันตายแน่ เมื่อวานนางเพิ่งบอกไม่อยากเจอหน้าอีตาบ้าห้องตรงข้ามอยู่ งานนี้โรสจะไม่ยุ่งได้ไหม คงไม่ทันแล้วล่ะ 

 

..............ขอโทษนะเพื่อน..............

 

พิมพ์ Part

          “ฮัลโหล ว่าไงโรส โทษทีพอดีปิดเสียงโทรศัพท์ไว้อ่ะ” ตื่นมาฉันก็คว้าโทรศัพท์เช็คดูข้อความ เห็นมีแต่สายโทรเข้าของเพื่อนสาว 4 สายสงสัยคงมีเรื่องอะไรแน่ๆไม่งั้นไม่โทรหาฉันถึง 4 สายหรอก ปกติสายเดียวฉันไม่รับโรสก็ไม่โทรจิกแล้ว

 

          “ไม่มีไรแล้วแก ไว้เราค่อยคุยกัน ช่วงนี้ฉันคงไม่ค่อยว่างไปหาแกนะ ต้องทำโครงการค่ายอาสา แกสนใจเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ไหม”

          “ไงก็ได้ แกมีไรให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกันนะ เออโรส สรุปแกรู้ตัวคนแกล้งฉันหรือยัง” 

 

          “เอ่อ อ๋อ...เมื่อวานน้องเชอร์รี่เขาฟังฉันผิดน่ะไม่มีไรหรอกแก มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน

          “ไม่เข้าใจว่ะแก สรุปคือยังไง ฉันงง”

 

          “เฮ้ยแก ฉันต้องวางแล้วโทษที ไว้คุยกันนะ บาย” ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ฉันมองโทรศัพท์ในมือ เพื่อนฉันเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูแปลกๆไป ช่วงนี้งานคงหนักไปหน่อย

 

          ครืด ครืด ครืด!!!

          หลังจากที่วางสายเพื่อนรักได้ไม่นาน โทรศัพท์ที่อยู่ในมือฉันก็สั่น หน้าจอแสดงเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นตา ถ้าเป็นลูกค้าที่ติดต่องานเขาจะไม่โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวแน่นอนเพราะฉันแยกเบอร์งานกับเบอร์ส่วนตัวอย่างชัดเจน ปกติฉันก็ไม่รับเบอร์แปลกอยู่แล้ว  แต่ทำไมครั้งนี้ฉันเลือกที่จะกดรับสาย 

          ฉันค่อยๆเอาโทรศัพท์แนบหู ยังไม่พูดอะไร เพราะรอฟังเสียงจากอีกฝั่งก่อน

 

          “......” เงียบกริบ ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้นแม้แต่เสียงลมก็ไม่มี

          “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ในเมื่อฝั่งนั้นไม่พูด ฉันเลยตัดสินใจพูดก่อน

          “......” ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับของอีกฝั่งอยู่ดี

          “ฮัลโหล ได้ยินไหมค่ะ” 

          “......” ไม่มีเสียงตอบรับ เอ๊ะ! หรือสัญญาณไม่ดี ฉันยกหูโทรศัพท์ออกมาดูสัญญาณ แต่สัญญาณดันเต็มเปี่ยม

          “ฮัลโหล ได้ยินไหมค่ะ ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ” ฉันเริ่มหงุดหงิด งานนี้คงเป็นไอ้พวกโรคจิตแน่ๆ

 

          “เดี๋ยวเธอ” เสียงจากอีกฝั่งรีบห้าม 

​          “เลิกยุ่งกับพอล ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”

          “นั่นใครพูด” เขาเป็นใคร ทำไมถึงรู้เบอร์ส่วนตัวฉัน

          “นี่ว่างมากรึไง ถึงโทรป่วนคนอื่นเขาแบบนี้ หัดไปหางานหาการทำซะบ้าง จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ถ้าไม่เลิกโทรมาป่วนฉันจะแจ้งความจับแกไอ้โรคจิต” 

 

          ฉันตะโกนสาดคำด่าผ่านโทรศัพท์ส่งตรงไปถึงไอ้โรคจิตคนนั้นก่อนจะกดวางสาย ดูซิมันมาทำให้ฉันอารมณ์เสียตั้งแต่ตื่นนอนเลย ต้องเป็นผู้หญิงของอีตาหมอบ้าหลงตัวเองนั่นโทรมาป่วนประสาทแน่ๆ ตามสืบเบอร์จนได้นะ 

          ฉันรีบเมมเบอร์โทรเผื่อไลน์ของเบอร์นี้จะเด้งขึ้นว่าเป็นของใคร ...(คนโรคจิต)... ไม่นานเกินรอ ไลน์ของเบอร์นั้นเด้งขึ้นมาจริงๆฉันรีบกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ไลน์ก่อนจะถึงบางอ้อกับรูปโปรไฟล์หนุ่มเกาหลีสวมชุดกราวยืนโอบกับผู้หญิงคนนั้น ชัดเจนนี่มันคงเป็นเบอร์ของยัยนั่นซินะ บล็อกมันทั้งเบอร์โทรทั้งไลน์นั่นแหล่ะ รำคาญ...

 

          ไม่เอาล่ะ ไปอาบน้ำเข้าบริษัทเคลียร์งานดีกว่า ป่านนี่เฮียพอสยังไม่เห็นหัวฉันคงบ่นกระจายแล้วมั้ง

......................................................................

 

อัพ 100%

- มาแล้วจ้า มาแล้ว คุณหมอพอลทำไมถึงแกล้งหมวยแบบนี้ล่ะคะ ไม่น่ารักเลย แถมยังใช้อำนาจเข้าทางเพื่อนซี้ของน้องเขาอีก ร้ายนะคะคุณหมอ ยังไม่วาย ผู้หญิงคนเก่าของหมอยังอุตส่าห์ไปเสาะหาเบอร์ของหมวยมาจนได้ แล้วจะเป็นไงต่อต้องรอติดตามนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา