Love You My Love รักเธอที่เป็นเธอ
เขียนโดย แม่หญิงเมืองสาคร
วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.50 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 16.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 1 แค่ได้คิดถึง (อัพ 100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่1 แค่ได้คิดถึง
I'm Pim
ท่ามกลางสายฝนที่ร่วงโรยลงมาจากฟากฟ้า ท้องฟ้าที่เคยสดใส ตอนนี้กลับกลายเป็นสีเทาที่ดูหม่นหมอง สายตาของฉันเหม่อมองล่องลอยออกไปนอกหน้าต่าง แววตาที่เคยมีความสุขกลับหายไปในพริบตา ฉันเกลียดบรรยากาศแบบนี้เป็นที่สุด หยดน้ำใสๆไหลอาบแก้มทั้งสองข้างลงมาไม่ขาดสาย ฉันพยายามจะห้ามตัวเองไม่ให้นึกถึงเรื่องราวในอดีต เพราะมันทำให้นึกถึงภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายมากที่สุดในชีวิต ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วแบบที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว หลังจากวันนั้นฉันเฝ้าถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า เรื่องแบบนี้ทำไมต้องเกิดขึ้นกับฉัน
เหตุการณ์นี้ผ่านไปสามปีแล้ว แต่ฉันยังรับรู้ถึงความรู้สึกทุกอย่างว่ามันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ฉันก้มมองแหวนแต่งงาน และสัมผัสมันไว้ตลอดเวลา ค่อยๆหลับตาลง เพื่อให้ใจสงบ และลืมเรื่องราวที่เลวร้ายนี้ แต่ทำไมยิ่งหลับตาลงเท่าไหร่ ภาพเหล่านั้นยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น
“....หลับตาครั้งใด ภาพในใจ ก็ยังมีแต่เธอ แล้วเธออยู่ไหน โปรดกลับมา อยากให้อยู่ตรงนี้เพื่อสบตา แต่มันคงไม่มีวัน มันคงไม่มีวัน ที่เธอจะกลับมา กอดกับความเหงาไม่มีใคร ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แต่มันคงไม่มีวัน มันคงไม่มีวัน สุดท้ายในหัวใจ ยังคิดถึงเพียงเธอ...ทั้งที่เรายังผูกพัน ต้องจากกันทั้งๆที่ยังรัก”
เสียงเพลงของ Sweet Mullet ในร้านกาแฟดังขึ้น มันยิ่งทำให้ตัวฉันจมดิ่งอยู่กับความเศร้า ทั้งเสียงฝน เสียงเพลง ยิ่งทำให้คิดถึงเขามากเหลือเกิน ตอนนี้ฉันอยู่ในร้านกาแฟที่เขาชอบมานั่งดื่มเป็นประจำ เพราะเวลาที่ฉันคิดถึงเขาก็มักจะมาร้านนี้เสมอ
ในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง อยู่ๆก็มีฝ่ามืออุ่นมาแตะที่หัวไหล่ของฉัน
“เอาอีกแล้วนะแก ร้องไห้อีกแล้ว”
ฉันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันหน้าไปตามที่มาของมือ และเสียงนั้น “ไอ้บ้า ตกใจหมดเลย”
“เมื่อไหร่แกจะเลิกจมอยู่กับอดีตสักที หมวย 3 ปีแล้วนะเว้ย ถ้าเฮียเต้รู้เข้า มันคงไม่โอเคที่แกเป็นแบบนี้”
เพื่อนสาวของฉันคนนี้ เธอคือคุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง โรส อรลักษณ์ ส่วนฉันคือวิศวกรสาว พิมพ์ มนธิรา เพื่อนๆมักจะเรียกฉันว่า “หมวย” แทนชื่อพิมพ์ซะมากกว่า
เราสองคนเป็นเพื่อนรักกัน เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่มัธยม จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังคงเรียนที่เดียวกันแต่แค่คนละคณะ โรสเรียนค่อนข้างหนักซึ่งเป็นที่รู้กันดีสำหรับกิตติศัพท์ของเด็กแพทย์อยู่แล้ว ส่วนฉันเรียนวิศวะ หนักเหมือนกัน แต่ช่วงเวลาเรียน ถึงแม้ว่าจะเรียนหนักแค่ไหน ฉันก็ยังมีเวลาว่างพอที่จะสมัครเป็นติวเตอร์สอนบรรดาเด็กวิศวะทั้งหลายได้ ถึงเวลาของเราทั้งคู่จะมีน้อย แต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะพบปะสังสรรค์กันตามประสาเพื่อนสนิทสำหรับเราทั้งสองคน
ส่วนบุคคลที่โรสเอ่ยถึง เขาคืออดีตคนรักเก่าของฉันเอง เป็นอดีตที่ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ และวันนี้เป็นวันครบรอบ 3 ปีกับการจากไปของเขา ฉันเลยถือโอกาสนี้นัดโรสให้ไปทำบุญเป็นเพื่อนกัน
“เหมือนผีดิบขึ้นทุกวัน” โรสยังคงบ่นฉันไม่เลิก แต่ที่เธอพูดนั่นก็ถูก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมาจากที่ฉันเคยเป็นคนร่าเริง สดใส กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน วันๆเอาแต่เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร
“จะรอให้ฝนหยุดก่อน หรือจะไปกันเลย” โรสหันมาถาม
“ไปกันเลยก็ได้แก”
“เอานี่ไปเลย” เธอยื่นแว่นกันแดดสีชามาให้ฉัน
“เอามาทำไม”
“ก็ใส่ปิดตาแกไปไงเล่า!!! ร้องไห้ตาแดง บวมขนาดนั้น ถ้าใครที่ไหนมาเห็นเข้าจะตกใจเอาเปล่าๆ”
“เออ ขอบใจนะ” ฉันเอื้อมมือไปหยิบแว่นมาใส่อำพรางตาอย่างที่โรสว่า ก่อนจะออกเดินทางไปยังจุดหมายที่ได้ตั้งใจไว้
........................................................................................................
“หมวย”อยู่ๆโรสก็ทำลายบรรยากาศความเงียบปนความเศร้าของฉันที่ตลบอบอวนเต็มไปทั่วรถบวกกับบรรยากาศภายนอกที่มีการจราจรหนาแน่น เพราะสาเหตุจากฝนยังคงตกลงมาไม่ยอมหยุด
“มีไรแก”ฉันถามออกไปโดยที่สายตายังเงยมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆอันมืดครึมชวนให้คิดถึงเรื่องนั้นอยู่เสมอ
“ฉันไม่อยากเห็นแกในสภาพแบบนี้อีกแล้ว แกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมวะ”
“......”
“รู้สึกแย่ที่แกเป็นแบบนี้ ฉันเป็นห่วงสุขภาพกายกับจิตของแกนะ”
“......”
“ฉันพยายามหาคนรู้จักมาแนะนำให้ แต่แกเล่นไม่สนใจใครเลย เก็บตัวอยู่คนเดียวแบบนี้ จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายๆนะเว้ย” โรสแสดงสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วงอย่างจับใจ
“นี่หมายความว่าแกมีคนมาแนะนำให้ฉันรู้จักอีกแล้วใช่ไหม” การที่เพื่อนพูดแบบนี้ มีหรอคนอย่างฉันจะไม่รู้ทันเพื่อนซี้ของตัวเอง
“เออ รู้ดีจริงๆ ฉันมีคนอยากแนะนำให้แกรู้จัก นิสัยดี อนาคตไกล เพอร์เฟคสุดๆ”
“ทำไมแกไม่สอยเองซะล่ะ”
“โอ๊ย!!! แก ฉันแนะนำของดี อุตส่าห์สละบุรุษหนุ่มผู้นี้ให้ แกควรจะซาบซึ้งในน้ำใจของฉันนะ” โรสเริ่มโวยวายเสียงดัง
“อื้อ ขอบใจ”
หางตาของฉันดันเห็นเพื่อนตัวแสบสะบัดหน้าใส่ ก่อนจะทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่สบอารมณ์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรสทำแบบนี้ เธอพยายามหาบุรุษหนุ่มให้ตลอด แต่เป็นฉันเองที่ไม่พร้อมเปิดใจ เพราะหัวใจฉันไม่เคยลืมคนรักเก่าเลย
“เขาเป็นหมอ เป็นเพื่อนฉันเอง ” โรสพูดทำลายบรรยากาศความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ถึงเธอจะหงุดหงิดที่ฉันปฏิเสธความหวังดีของเธอไปเมื่อกี้ก็เถอะ
“ถ้าเขาเป็นอย่างที่แกพูดจริง ทำไมถึงยังรอดน้ำมือของเหล่าชะนีมาได้ล่ะ เอ๊ะ!! หรือเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน ”
“เขาชอบผู้หญิง แถมยังโสดสนิทด้วย” เพื่อนฉันหันมาพร้อมกับกรีดนิ้วชี้เข้าหาตัวเอง
“นี่ใคร...นี่หมอโรส อรลักษณ์ นะคะ รุ่นนี้มองคนไม่มีผิดแน่นอน” เธอยังคงยิ้ม และภาคภูมิใจในความมั่นใจของตัวเอง จนทำให้ฉันอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ที่ฉันยิ้มไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับเพื่อนหรอก แต่ยิ้มเพราะความมั่นใจเกินร้อยของเพื่อนตัวเองต่างหาก
“เอาไว้วันไหนฉันจะนัดเพื่อนหมอมาเจอกับแกนะ ฉันมั่นใจว่าเขาต้องชอบแก และแกก็ต้องชอบเขามากแน่นอน”
“เฮ้อ!!!” ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าเพื่อนสนิทฉันไปพกความมั่นใจอย่างนี้มาจากไหน
........................................................................................................
หลังจากที่เราทำบุญเสร็จ โรสได้ขับรถมาส่งฉันที่คอนโด ก่อนจะขอตัวไปทำงาน ดีที่เธอเข้างานช่วงบ่าย ถ้าเข้าช่วงเช้าคงไม่ทันแน่นอน
“ขอบใจนะ”
“เออ แกก็อย่าเพ้อให้มาก ฉันไปทำงานล่ะ”
ฉันโบกมือลา และได้แต่ยืนมองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไป
ในขณะที่ฉันกำลังยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียวจู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจับแขนฉันและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์เปิดพอดี
"ว๊าย!!!" ฉันร้องตกใจ เพราะตัวเองลอยไปตามแรงที่อีตาผู้ชายคนนี้เพิ่งลากเข้ามาในลิฟต์ อย่าเรียกว่าลากเลยดีกว่า เรียกว่าเหวี่ยงถึงจะถูก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจอาการตกใจของฉันเลยสักคน
“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับแจม ขอตัวก่อน เดี๋ยวแฟนผมจะเข้าใจผิด"
ใคร...ใครคือแจม ใครคือแฟนเขา แล้วนี่คืออะไร ลากฉันเข้ามาในลิฟต์ทำไมเนี้ย
“หยุดนะพอล เราต้องมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ยูจะทิ้งไอไปแบบนี้ไม่ได้”
ฉันหันมองตามเสียงเล็กๆนั้น ก็พบกับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ว่าแต่เธอเป็นใคร อ๋อ!!! อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนกับอีตาผู้ชายคนนี้
“ห้ามเข้ามา และห้ามมายุ่งกับแฟนของผม หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
ฉันรู้สึกเย็นวาบกับน้ำเสียงอันทรงพลังของเขา แต่เห็นทีจะไม่ได้การ ฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิดไปแบบนี้ไม่ได้
“เอ่อ.....” ฉันรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่เขาดันหันมาทำหน้าดุ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ้อนใส่ โอ้โห!!! พอหันมานี่อย่างกับเทพบุตรเลยอ่ะ แต่เดี๋ยวนะ!!! มันใช่เวลาที่ฉันต้องมาหลงใหลกับหน้าตาของเขาไหม
“ผมขอโทษที่รัก ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก ผมรู้ว่าคุณโกรธมาก เราไปเคลียร์กันต่อที่ห้องนะ” จากหน้าดุก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าสำนึกผิด มือหนายื่นมือไปกดลิฟต์ชั้น 16 ก่อนจะกดปิดประตูลิฟต์แบบรัวๆ แล้วเขารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ชั้น 16
“พอล พอลคะ เกลขอโทษ”
ผู้หญิงหน้าตาดีคนนั้นตะโกนเข้ามาก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดตัวลง ฉันรีบสะบัดแขน แล้วหันไปเอาเรื่องกับอีตาบ้า นิสัยแย่ ที่เพิ่งจะลากฉันเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเขา
“นี่...กล้าดียังไงมาอ้างว่าฉันเป็นแฟน ฉันไม่ได้ชื่อจงชื่อแจมที่รักบ้าบออะไรของคุณ แล้วฉันก็ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณด้วย จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคุณเจอคนที่รักคุณแล้ว ก็ควรดูแลเขาให้ดี ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป”
ฉันใส่เขาไม่ยั้ง แต่เขากลับมองหน้าฉันนิ่ง ไม่รู้จะจ้องอะไรหนักหนา แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อีก
ติ๊ง ต๊อง..Sixteen floor door open
“ขอโทษ และก็ขอบคุณนะ”
แล้วเขาก็เดินจากไป อ้าว เฮ้ย!!! มาแบบงงๆ ไปแบบงงๆ แค่ขอโทษ และขอบคุณแค่นั้นเนี่ยนะ นี่เทวดากำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่หรือเปล่า
แต่!!! ที่แย่กว่านั้นคืออะไรรู้ไหม ห้องอีตาบ้านั่นดันอยู่ตรงข้ามฉัน ให้ตายเถอะ
.....................................หมวยปวดจิต.................................
อัพ100%
สงสารหมวยจังเลย นอกจากจะเศร้ากับเรื่องในอดีตแล้ว ยังต้องมาเจอกับอิตาบ้าที่ไหนอีกก็ไม่รู้ ว่าแต่อดีตที่ผ่านมาของเธอเป็นอย่างไร และต่อไปหมวยต้องเจออะไรบ้าง รอติดตามในตอนต่อๆไปนะคะ
❤️ตอนแรกมาแล้วนะจ๊ะ เค้ามาอัพแล้ว❤️
ปล.ฝากด้วยนะคะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ไรท์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยจ้า ติชมได้เลยค่ะ❤️ เป็นกำลังใจให้ด้วยน้า❤️
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ