ไหนบอกว่ามันเป็นแค่ชาวบ้าน!

-

เขียนโดย SilencerWT

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.29 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,873 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

                00 : บุตรชายแห่งฟอลค่อน

                อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดว่ากันว่าเขาสามารถฝ่าทะลวงแดนปีศาจได้ด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว ไม่ใช่แดนปีศาจขนาดย่อมหรอกนะ แน่นอนว่าต้องเป็นแดนปีศาจที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะโหดร้ายแค่ไหน

                อัศวินผู้นั้นมีนามว่า คาร์ลแห่งแสง เขามาจากตระกูลอันต่ำต้อยและไต่เต้าสร้างผลงานกระทั่งกลายเป็นพาลาดินอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร ครูเซีย

                คาร์ลให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เขาไม่ใช่บุตรชายที่แท้จริงหากแต่เป็นเด็กกำพร้าที่มาพร้อมพรสวรรค์อันเหลือล้น คาร์ลตั้งชื่อให้กับเด็กผู้นั้นว่า ฟอลค่อน ทั้งยังให้ใช้นามสกุลเดียวกับคาร์ลอีกด้วย

                หากแต่ฟอลค่อนกลับไม่ได้รับความเท่าเทียมในบ้านของคาร์ลเลยแม้แต่น้อย เขาถูกกลั้นแกล้งจากพี่ชายและแม่เลี้ยงของเขาสารพัตร ฟอลค่อนไม่ต่างอะไรกับเด็กรับใช้ หากแต่นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฟอลค่อนแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครในบ้านของคาร์ล

                เขาถูกซ้อมแทบทุกวัน ทุกเฆี่ยนในทุกเย็น และไม่ว่าเขาจะทำผิดมากน้อยแค่ไหน ร่างกายของต้องถูกกระทบกระทั่งด้วยไม้เรียว แส้ หรือฝ่ามืออย่างรุนแรงโดยไม่มีปรานี บางครั้งเขาก็ถูกดุด่าตบตีอย่างไร้เหตุผล

                คาร์ลออกทำงานทหาร เขาไม่มีทางรู้ว่าฟอลค่อนโดนอะไรบ้างแม้จะอยู่ในบ้านของตนเอง แม่เลี้ยงของเขาปกปิดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับฟอลค่อนอย่างแนบเนียน ฟอลค่อนร้องหาความเป็นธรรมในบ้านหลังใหญ่โต ไม่มีใครช่วยเขาได้นอกเสียจากว่าเขาจะต้องช่วยตัวเอง

                เมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี ฟอลค่อนจึงได้ขออนุญาตคาร์ลเพื่อไปสมัครเป็นทหารฝึกหัด และด้วยวิชาดาบที่เขาได้สังเกตและเรียนรู้มาจากคาร์ลบวกกับความสามารถเฉพาะตัวที่สูงยิ่งกว่าใครจึงทำให้ฟอลค่อนก้าวสู้การเป็นทหารอันดับหนึ่งได้ไม่ยากเย็นนัก

                แน่นอนว่าพี่ชายของฟอลค่อนย่อมอิจฉาตาร้อนเป็นธรรมดา ฟอลค่อนได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินฝึกหัด เขามีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้การเป็นอัศวินเต็มตัวและมีสิทธิ์ที่จะได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้น ที่นี่เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มที่มากความสามารถหากแต่ว่าฟอลค่อนนั้นกลับโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ฟอลค่อนย่อมได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดเสมอ

                ทว่ามันกลับทำให้เขากลายเป็นคนหลงระเริงไปกับความสามารถของตนเอง...

                ฟอลค่อนกลายเป็นอัศวินในท้ายที่สุด งานแรกของเขาคือนำกำลังทหารห้าสิบนายไปปกป้องหมู่บ้านแถบชายแดนที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองหลวง ฟอลค่อนรู้สึกว่านี่คืองานท้าทาย เพราะได้ข่าวว่าหมู่นี้ ปีศาจออกอาละวาดหนัก และถ้าหากว่าเขาสามารถกำจัดปีศาจมากมายด้วยกำลังพลเพียงน้อยนิด เขาคงสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองอย่างล้นพ้น ทุกคนจะต้องก้มหัวให้กับเขา โดยเฉพาะพวกลูกชายของคาร์ลที่เคยดูถูกรังแกเขามาตลอด

                “หมู่บ้านนี้มันเล็กเกินว่าที่เราคิดไว้เสียอีก” ฟอลค่อนกล่าวกับทหารมือขวาของเขาที่มีชื่อว่า วอลเตอร์ “แต่ดูจากสภาพแล้วพวกปีศาจคงชอบที่นี่มาก”

                “พวกเขายังยืนหยัดได้ ท่านฟอลค่อน เห็นว่าชาวบ้านที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้กันทั้งนั้น พวกปีศาจจึงบุกโจมตีไม่ได้เสียที”

                “พวกเขากำลังคิดว่าทำไมเราต้องนำกำลังพลมาแค่นี้” ฟอลค่อนอ่านสายตาชาวบ้านที่นั่งเฝ้าอยู่กำแพงไม้แล้วเอ่ยขึ้นมา “หึ คงไม่รู้สินะว่าปีศาจนั่นมันกระจอกแค่ไหน กำลังพลเท่านี้ก็เหลือบ่ากว่าแรงแล้ว”

                “ข้าขอพูดตามตรงนะท่านอัศวิน พวกชาวบ้านรู้ดีว่าที่นี่ตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรงยังไง”

                “เอาเถอะน่า วอลเตอร์” ฟอลค่อยโบกมือกล่าวตัด เขารู้ว่ามือขวาของเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ “เจ้าก็รู้ว่ายังไงข้าก็รับมือได้อยู่แล้ว”

                “ไม่ใช่เรื่องนั้น ท่านอัศวิน”

                “อะไร” ฟอลค่อนถึงกับขมวดคิ้ว วอลเตอร์จึงยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูว่า

                “ชาวบ้านพวกนี้ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นกับดักที่พี่ชายของท่านส่งมา” น้ำเสียงของวอลเตอร์ดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก และด้วยความหัวไวของฟอลค่อนย่อมเข้าใจได้ไม่ยาก

                “ข้าก็เห็นเหมือนกัน ข้ารู้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในหมู่บ้านนี้แล้ว นี่มันกับดักชัดๆ”

                “อืม... ท่านเข้าใจก็ดีแล้ว” วอลเตอร์ยื่นหน้าออกไปแล้วทำเหมือนพูดคุยกันตามปกติ

                วันรุ่งขึ้น อันที่จริงมันเป็นเช้ามืดของอีกวัน ในเวลานั้นได้มีเสียงกลองศึกตีดังสนั่นลั่นหมู่บ้าน ชาวบ้านลุกออกมาจากจุดคบเพลิงของตน พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว และเช่นกัน ฟอลค่อนดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน เขาสวมชุดเกราะโดยเร็วแล้วเร่งจับอาวุธของตนวิ่งออกมานอกบ้านพัก ทว่าสิ่งแรกที่ได้เห็นคือภาพการต่อสู้ระหว่างพวกปีศาจ ทหารของเขาเองและพวกชาวบ้าน

                ขณะเดียวกันวอลเตอร์ก็วิ่งเข้ามาพอดี เขาตะโกนบอกฟอลค่อนว่า “พวกมันแอบเข้ามาทางกำแพงที่ทรุดโทรม ตอนนี้พวกเราย่ำแย่มาก เรากำลังถูกล้อมเอาไว้ พวกเด็กกับผู้หญิงถูกพาไปรวมที่หอระฆังชั้นใต้ดิน เราต้องไปปกป้องที่นั่น”

                “ได้!” ฟอลค่อนพยักหน้า “ทุกคนฟังข้า! เคลื่อนพลไปยังหอระฆังแล้วปกป้องที่นั่นซะ นี่คือคำสั่ง!”

                ฟอลค่อนพูดจบกลับรู้สึกไม่พอใจนักเพราะเท่ากับว่าวอลเตอร์เป็นคนออกคำสั่ง ไม่ใช่เขา

                ทหารห้าสิบนายที่เหลือเพียงสามสิบคนเคลื่อนตัวมายังปากทางเข้าหอระฆังพร้อมกับชาวบ้านอีกยี่สิบกว่า พวกเขาตั้งแถวครึ่งวงกลมแล้วปัดป้องศัตรูอย่างเอาเป็นเอาตาย ศพไร้วิญญาณของพวกปีศาจเริ่มมากมายก่ายกองขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในขณะเดียวกันพวกทหารก็ไร้เรี่ยวแรงกระทั่งเพลี่ยงพล้ำถูกศัตรูฆ่าตายอย่างง่ายดาย

                ฟอลค่อนและวอลเตอร์ถอยหลังเรื่อยๆ ศัตรูจำนวนมหาศาลพุ่งเข้ามารอบทิศทางกระทั่งหลังของทั้งคู่ชนกัน

                “พวกเราคงไม่รอดแล้ว ท่านอัศวิน” วอลเตอร์กล่าว

                “ข้าไม่มีวันมาจบชีวิตอยู่ที่นี่หรอก”

                “ใช่ ข้าก็เหมือนกัน ท่านอัศวิน” วอลเตอร์พูดจับพลันสวนดาบใส่สีข้างฟอลค่อน “หากท่านตายไปสักคน พวกปีศาจคงชอบใจหน้าดู น่าเสียดายจริงๆ ที่พี่ชายของท่านจ่ายงามเกินไป อันที่จริงไม่มีใครต้องการท่านอีกแล้วล่ะ ท่านอัศวินผู้แก่งกล้า ท่านหยิ่งผยองเกินไป”

                “วอลเตอร์!” ฟอลค่อนเหลือกตามองลูกน้องของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา วอลเตอร์เพิ่งแทงดาบใส่ร่างของเขา

                ทว่าฟอลค่อนกลับสวนดาบคืนอย่างรวดเร็ว ศีรษะวอลเตอร์หลุดออกจากบ่าพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ฟอลค่อนดันมารู้ตัวอีกทีว่าทหารที่เขานำมาทั้งหมดล้วนเป็นพวกทรยศทั้งสิ้น เพราะยังมีอีกกว่ายี่สิบคนที่ซุ่มซ่อนอยู่ พวกเขากระโจนออกมาฆ่าปีศาจก่อนจะล้อมฟอลค่อนและชาวบ้านที่เหลือไว้

                “นี่มันหมายความว่าอะไรกัน” ชาวบ้านผู้หนึ่งร้องขึ้น

                “พวกเขาทรยศเรา” ฟอลค่อนตอบ “ครูเซียคงไม่ใช่บ้านของข้าอีกต่อไปแล้ว”

                และคืนนั้นก็มีข่าวการตายของอัศวินผู้มีนามว่าฟอลค่อนแห่งตระกูลคาร์ลผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกับทหารอีกห้าสิบคนของเขา

                หมู่บ้านนั้นกลับกลายเป็นหนึ่งในดินแดนของพวกปีศาจ และชื่อของฟอลค่อนก็ถูกยกขึ้นว่าเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง หากแต่ชื่อนั้นคงอยู่เพียงชั่วคราวและอยู่เพียงแค่บางแห่งเท่านั้น

                ฟอลค่อนหายสาบสูญไป การตายของเขาทำให้เหล่าอัศวินแห่งครูเซียเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย ไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจต่อเหตุการณ์นั้นเลย

                กระทั่งหลายปีต่อมา มีเด็กชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและบอกว่าตนคือบุตรชายแห่งฟอลค่อน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา