ไหนบอกว่ามันเป็นแค่ชาวบ้าน!

-

เขียนโดย SilencerWT

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.29 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,937 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 01 : นั่นคืออาหารของข้าใช่หรือไม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                01 : นั่นคืออาหารของข้าใช่หรือไม่

                กาแลนด์ แผ่นดินขนาดเล็กที่เคยเต็มไปด้วยอารยธรรมอันรุ่งเรืองของเหล่ามนุษย์ซึ่งมาคราวนี้กลับกลายเป็นเพียงอดีต ปัจจุบันกาแลนด์คือพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากผลของสงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจ

                หลายคนเชื่อว่าแผ่นดินกาแลนด์นี้ถูกปกครองโดยพวกปีศาจ หรือไม่ก็มากด้วยสัตว์ประหลาดและอันตรายแทบทุกที่ ไม่มีใครคิดที่จะเดินทางมายังที่แห่งนี้ ทว่ายังคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่รู้ดีว่าแผ่นดินแห่งนี้ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่คิด และพวกเขาก็ใช้มันเป็นช่องทางในการหากินโดยไม่คิดเปิดเผยอีกต่างหาก

                ส่วนใหญ่มักเป็นพ่อค้าวานิช แต่ไม่วาย ทุกครั้งที่พวกเขาเดินทาง จำเป็นต้องยกขบวนขนาดใหญ่พร้อมกับคนคุ้มกันอีกมากมาย

                พวกเขาจะเดินเที่ยวค้าขายไปมาระหว่างอาณาจักรครูเซียและอาณาจักรเซโจ โดยต้องผ่านกาแลนด์ซึ่งเป็นเส้นทางลัดที่เร็วที่สุดเสียก่อน

                สองวันสำหรับการเดินทางเท้าในกาแลนด์ ระหว่างนั้นพวกนักเดินทางจำเป็นต้องพักที่หมู่บ้านไทอาเนื่องมาจากว่าหมู่บ้านไทอานั้นคือสถานที่ปลอดภัยแห่งเดียวที่มีอยู่ในกาแลนด์

                ไม่มีใครเชื่อหรือคาดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ พวกเขาคิดว่ากาแลนด์คือดินแดนที่ตายไปแล้ว แต่หมู่บ้านไทอาคือข้อพิสูจน์อย่างชัดแจ้งเลยว่า มนุษย์ก็สามารถอยู่ในที่แห่งนี้ได้

                หมู่บ้านขนาดเล็กที่กำลังจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ติดที่ตรงหัวหน้าหมู่บ้านนั้นกล่าวปฏิเสธการมาตั้งรกรากของคนต่างถิ่นเสียก่อน จนตอนนี้หมู่บ้านไทอาก็ยังดูซอมซ่อและมีขนาดเล็กอยู่เช่นเดิม

                ทว่าชาวบ้านแห่งนี้กลับมากด้วยเด็กและผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่มักมีหน้าตาสะสวยงดงามเพราะผิวสีขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลา สีผมโทนจาง และดวงตาอันทรงเสน่ห์ เป็นเหตุให้เหล่านักเดินทางคิดนำพาผู้หญิงจากหมู่บ้านไทอาติดตัวไปด้วย ปัญหาเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ชาวบ้านก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นเหล่าผู้ชายจึงต้องคอยสอดส่องเด็กผู้หญิงอยู่เสมอ

                ทว่าเวลานี้กลับไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปเพราะเด็กผู้หญิงที่นี่ล้วนแข็งแกร่ง

                “นี่เรอะ ที่เรียกว่าร้านอาหาร” กลุ่มทหารรับจ้างสี่คนซึ่งรับหน้าที่คุ้นกันให้กับคณะพ่อค้าเดินมาหยุดตรงหน้าร้านอาหารขนาดเล็กแห่งหนึ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่ผู้ว่าจ้างต้องการพักผ่อน ระหว่างนั้นพวกผู้คุ้มกันจึงตระเวนออกหาอาหารทานในหมู่บ้านไทอานี้

                “เหอะ เส็งเคร็งกว่าที่คิดไว้ซะอีก” พวกเขาว่าพลางเดินผ่านประตูร้านเข้าไป เห็นมีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้สี่ชุดภายในห้องขนาดยี่สิบตาราเมตร มีเคาน์เตอร์ตัวเล็กอยู่มุมขวาซึ่งมันไม่ได้แสดงเครื่องดื่มอะไรเลยสักขวดยกเว้นน้ำเปล่า

                ภายในนี้มีแค่คนเพียงสองคน หนึ่งคือเด็กสาวที่กลังเดินยกจานอาหารมาให้กับชายหนุ่มที่กำลังนั่งหลับอยู่ เธอมีหน้าตาที่น่ารักสดใส ผมสีเหลืออ่อนๆ กับนัยน์ตาสีฟ้าจางอยู่ภายใต้ชุดสีขาวและผ้ากันเปื้อนสีฟ้า พวกทหารรับจ้างมองเธอตาค้างแล้วค่อยยิ้มออกมาพลางว่า

                “อย่างน้อยก็มีของดีแล้วกันล่ะ”

                “นี่ มาทางนี้หน่อยสิ” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ “พวกเราหิวไส้จะขนาดอยู่แล้ว”

                เด็กสาวถอนหายใจต่อชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะเดินไปหาเหล่าทหารรับจ้าง แต่ด้วยเสียงเอ่ยปากของพวกเขาก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเบาๆ เขาหันไปมองยังต้นเสียง เพ่งมองครู่หนึ่งจนถูกสวนว่า

                “มองอะไร”

                “หึ ก็แค่พวกบ้าๆ บอๆ” พวกทหารรับจ้างดูไปตามสภาพที่เห็นเพราะชายหนุ่มนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับภาพของยาจกเลย ผ้าเผ้าของเขากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนหลายจุด หากแต่ยังมีใบหน้าที่ดูเกลี้ยงเกลาซึ่งไม่ได้สกปรกมากเท่าไหร่นัก

                ชายหนุ่มจึงหันกลับมาทานอาหารตรงหน้าตนทันที ขณะเดียวกันพวกทหารรับจ้างก็จับข้อมือแล้วฉุดร่างเด็กสาวเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยว่า

                “หิวก็จริง แต่ถ้าได้คนอย่างเจ้ามานั่งเป็นเพื่อนคงอิ่ม-”

                เด็กสาวสะบัดข้อมือออกก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เธอถอยฉากออกมาพร้อมกับกล่าวเสียงแข็งว่า “ที่นี่ให้ได้แค่อาหาร ถ้าไม่กินก็เชิญพวกเจ้าออกไป”

                “ไม่เอาน่า สาวน้อย” หนึ่งในนั้นว่า “สักนิดสักหน่อยจะเป็นอะไรไป เจ้าหวงตัวเกินไปรึเปล่า เราต้องการผูกมิตรไม่ได้มาร้ายซักหน่อย อย่างไรนี่ก็เป็นบ้านของเจ้าไม่ใช่รึไง”

                พูดจบก็หมายเอามือมาโอบเอวเด็กสาว แต่เธอก็ตีมือนั้นแล้วท้วงไปว่า “เอามือเน่าๆ ออกไปให้ห่างจากตัวข้า ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ แล้วก็ออกไปจากร้านของข้าด้วย”

                “เฮ้ เดี๋ยวนี้มีเด็กผู้หญิงกล้าพูดแบบนี้กับข้าแล้วเหรอ” พวกทหารรบัจ้างเริ่มนั่งตัวไม่ติด กระทั่งอีกคนกล่าวขึ้นว่า

                “ก็ได้ สาวน้อย ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยนำอาหารที่อร่อยที่สุดมาวางตรงหน้าพวกข้าแทนสิ ถ้าหากว่ามันอร่อยถูกปาก พวกเราก็จะจ่ายให้เจ้าอย่างงามเลยล่ะ”

                คำพูดนั้นดูมีเลศนัยบางอย่าง พวกพวกเขาแอบอมยิ้มให้กัน จากนั้นเด็กสาวก็เดินหมุนตัวออกไปโดยพยายามข่มกลั้นความโมโหเอาไว้

                เธอเดินผ่านชายหนุ่มที่กำลังนั่งทานข้าวอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ แต่เธอก็เดินกลับมากระซิบข้างหูกับเขาว่า “อย่าเพิ่งกลับเชียวล่ะ เจ้าต้องอยู่ดูสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นพยานให้กับข้า... หึหึ ข้ารอคอยเวลานี้มานานแล้ว”

                “ได้ๆ” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นเด็กสาวก็เดินหายไปทางด้านหลังร้านที่เป็นเขตห้องครัว

                ชายหนุ่มนั่งทานอาหารต่อไป ทว่าท่าทางสนิทสนมนั่นกลับทำให้พวกทหารรับจ้างรู้สึกไม่พอใจเท่าใดนัก ระหว่างนั่งระอาหารอยู่นั้น พวกเขาจึงตะโกนถามชายหนุ่มว่า

                “เฮ้ เจ้าน่ะ... ชื่อว่าอะไร”

                ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากจากข้าว “เรียกข้าเหรอ”

                “มีแค่เจ้านั่นแหละ เจ้าชื่ออะไรแล้วเป็นอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนั้น”

                “ชื่อของข้าคือ แอร่อน เป็นเพื่อนบ้านกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้” ชายหนุ่มนามแอร่อนกล่าวจบก็นั่งจ้องหน้าพวกทหารรับจ้างเพราะเขากำลังรอฟังว่าพวกทหารนั่นจะมีคำถามยิงมาอีกหรือไม่

                “ข้ารู้สึกว่ามันกำลังกวนประสาทเรายังไงไม่รู้” ทหารหน้าบากกล่าว

                “อาจจะเป็นแค่คนเสียสติก็ได้ ที่แบบนี้มีแต่คนประเภทนี้แหละ” ทหารหน้ายาวตอบ

                “นี่ แอร่อน แล้วเด็กคนนั้นชื่อว่าอะไรล่ะ” ชายหน้าเหลี่ยมถาม

                “หึ” แอร่อนยิ้มที่มุมปาก “เชื่อข้าสิ พวกเจ้าไม่อยากรู้จักนางหรอก”

                “อะไรนะ” ชายหน้าบากกระตุกหัวคิ้วและทหารรับจ้างในกลุ่มเดียวกันเริ่มมองแอร่อนด้วยท่าทีเคลือบแคลง ในขณะเดียวกันประตูร้านพลันถูกเปิดออก ปรากฏมีเหล่านักเดินทางอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน พวกเขามีกันสี่คนเท่ากันกับกลุ่มที่เข้ามาในครั้งแรก และจากรูปร่างภายนอกแล้ว คงน่าจะเป็นพวกคุ้มกันพ่อค้า

                “นี่คือร้านอาหารสินะ” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น พวกเขามีจุดเด่นตรงที่ผ้าพันคอสีแดง มันคือสัญลักษณ์สมาคมทหารรับจ้างที่มีชื่อว่า เฮลแมนเทิล ส่วนกลุ่มทหารรับจ้างก่อนหน้านั้นดูคล้ายจะเป็นพวกนอกสังกัดไม่ขึ้นตรงต่อสมาคมใด

                “โอ้ ดูนั่นสิ” เฮลแมนเทิลหันไปทางพวกทหารรับจ้างที่นั่งอยู่ก่อนหน้า “มีพวกทหารแบบเดียวกับเราด้วย”

                “ไม่ ไม่ใช่อย่างพวกเราหรอก นั่นมันพวกไร้สังกัดต่างหาก” เฮลแมนเทิลอีกคนแย้งแล้วทั้งกลุ่มก็หัวเราะพร้อมกัน

                “เฮ้... มันมีอะไรน่าหัวเราะขนาดนั้น” ทหารไร้สังกัดเอ่ยสวนทันที

                “ก็เปล่า เรื่องของพวกเรา แค่มันน่าตลกก็เท่านั้น พวกเจ้าไม่เข้าใจเหรอว่ามันฮาตรงไหน ฮ่าฮ่าฮ่า” เฮลแมนเทิลตัวสูงเพรียวหันมาทำตากลอกกลิ้ง มันส่งผลให้พวกทหารไร้สังกัดถึงกับเลือดขึ้นหน้า ทว่ากลับเป็นเวลาเดียวกับที่เด็กสาวเจ้าของร้านเดินยกอาหารเข้ามาพอดี ในจานนั้นมีผักสีเขียววางล้อมรอบเนื้อสัตว์ย่างอบซอส กลิ่นนั่นหอมเย้ายวนจนแอร่อนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

                การมาของเด็กสาวทำให้บรรกาศอันตึงเครียดหยุดชะงักไปในทันที

                “โอ้... ดูเธอสิ” เฮลแมนเทิลหน้าแหลมหันไปชี้ใส่เด็กสาว “มีดอกไม้แสนสวยอยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ด้วยล่ะ”

                “หมู่บ้านแบบไหนกันที่เจ้ากำลังพูดถึง” เด็กสาววางจานอาหารลงแล้วหันมาว่า

                “ฮ่าฮ่า ระวังปากหน่อย พอดีว่าที่นี่เธอเป็นเจ้าของน่ะ” ทหารไร้สังกัดเอ่ยเข้าข้างเพื่อแดกดันเฮลแมนเทิล

                “เชิญนั่งก่อน” เด็กสาวกล่าวต่อเฮลแมนเทิล ราวกับว่าวันนี้เป็นวันอันแสนหนักหน่วงของเธอเสียจริงๆ ที่ต้องมาเจอกับคนเหล่านี้ อย่างไรเธอก็เป็นแม่ค้าที่ต้องคอยต้อนรับลูกค้าตามธรรมดา เธอจึงต้องข่มใจไว้แล้วยิ้มรับผู้คน

                เฮลแมนเทิลทั้งสี่นั่งลงที่โต๊ะเดียวกันโดยแอร่อนนั่งอยู่ตรงกลาง เฮลแมนเทิลผู้หนึ่งรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าของแอร่อน เขาจึงถามทันทีว่า

                “เจ้าชื่อว่าอะไร”

                “ข้าเหรอ” แอร่อนที่มัวแต่จับจ้องจานอาหารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะของพวกทหารไร้สังกัดพลันหันขวับมาถาม

                “ใช่ เจ้าชื่ออะไร”

                “ข้ามีชื่อว่า แอร่อน”

                “เจ้ารู้จักคนที่ชื่อว่าฟอลค่อนหรือเปล่า”

                “...” คำถามนี้กลับทำให้ทุกคนในร้านถึงกับเบิกตากว้างแล้วหันไปยังแอร่อน เพื่อนเฮลแมนเทิลด้วยกันถึงกับกระซิบถามกันว่า “ใครคือฟอลค่อน” “เจ้าหมายถึงใคร” “เขาคือฟอลค่อนเหรอ”

                “เปล่า” แอร่อนปฏิเสธ “ทำไมถึงถามเรื่องนั้นล่ะ”

                “...ข้าแค่รู้สึกแปลกๆ ช่างเถอะ หน้าอย่างเจ้าไม่มีทางเป็นฟอลค่อนได้หรอก อาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น” เฮลแมนเทิลร่างสูงเพรียวผู้นั้นตอบ

                “ฮ่าฮ่าฮ่า เขาตายไปตั้งนานแล้ว ยังจะติดใจเรื่องไหนอีก” เฮลแมนเทิลอีกคนพูด

                “เจ้าก็รู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน ฝีมือแบบนั้นไม่ใช่จะตายง่ายๆ แน่”

                “เชิญสั่งอาหารมาได้เลยค่ะ” เด็กที่ยืนหัวโด่คล้ายไม่มีใครสนใจพลันเอ่ยขึ้น เฮลแมนเทิลสี่คนสะดุ้งพร้อมกันก่อนจะหันไปบอกเด็กสาวว่า

                “เอาอะไรก็ได้ที่คิดว่าอร่อยที่สุด”

                “ได้” เด็กสาวพยักหน้า แอร่อนมองตามเธอด้วยสายตาเว้าวอน เขายังไม่อิ่มเลย เขาต้องการเพิ่ม เด็กสาวที่เห็นสายตานั่นหันมากล่าวว่า

                “ไม่ ครั้งที่แล้วพี่ยังไม่จ่ายข้าเลย อย่าคิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”

                “โธ่ แค่จานเดียวเอง” แอร่อนทำตัวงอแง

                “ถ้าหากว่ารวมกับของเมื่อวานแล้วมันจะกลายเป็นห้าจาน พี่จำไม่ได้รึไงว่าเจ้าผลาญคลังเสบียงของข้าไปมากเท่าไหร่”

                “...” แอร่อนเงียบหงอยลง “ขะ...ข้าจ่ายก็ได้ แต่ขออีกจานหนึ่งก่อน”

                “ไม่” เด็กสาวปฏิเสธเสียงแข็ง จากนั้นเธอก็เดินเข้าครัวทันที

                “เฮ้ ไม่มีเงินจ่ายก็อย่ามาทำตัวเป็นหมาขอกินแบบนี้สิวะ มันเดือดร้อนคนอื่นไม่รู้รึไง” ชายหน้าบอกในกลุ่มทหารไร้สังกัดต่อว่าแอร่อน

                แอร่อนพลันนั่งนิ่งเมื่อได้ยินคำๆ นั้น เขาปล่อยลมหายใจจนโล่งปอดเพื่อคลายอารมณ์ซึ่งการกระทำเช่นนี้คล้ายกำลังจะสื่อว่าแอร่อนนั้นมีพละกำลังมากและสามารถที่จะระบายความโกรธใส่พวกทหารรับจ้างไร้สังกัดได้ หากแต่เขาต้องข่มใจไว้ไม่ทำ

                “คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไงถึงไปพูดต่อว่าคนอื่นแบบนั้น” เอลแมนเทิลผู้หนึ่งได้ทีก็แดกดันกลับ “พวกเจ้าก็อยู่ส่วนของพวกเจ้าไปสิ มายุ่งอะไรเรื่องชาวบ้าน”

                “ฮ่าฮ่าฮ่า ปากแบบนี้มันไม่น่าอยู่มาถึงวันนี้เลยว่ะ” ชายหน้ายาวของกลุ่มทหารไร้สังกัดพูดใส่ “พวกเฮลแมนเทิลมันอวดดีปกป้องคนอื่นแบบนี้ทุกคนเลยรึไงวะ”

                “เจ้าว่าไงนะ!” เฮลแมนเทิลร่างสูงเพรียวทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าโกรธขึงทันควัน

                “จะเอายังไงก็เอาสิ” พวกทหารไร้สังกัดทั้งสี่พลันลุกขึ้นตาม จากนั้น เฮลแมนเทิลที่เหลือก็ลุกขึ้นด้วยเช่นกัน

                กลายเป็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะลงมือต่ออีกฝ่ายแล้ว หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้ คงเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันแน่นอน

                ทว่าขณะเดียวกัน แอร่อนกลับลุกขึ้นมา เขายืนอยู่ตรงกลางของทั้งสองกลุ่ม มองทางเฮลแมนเทิลสลับกับพวกทหารไร้สังกัดก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

                “นี่คือร้านอาหาร ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทานอาหาร เชิญนั่งลงก่อนเถอะ นางกำลังทำอาหารอยู่ ถือว่าข้าเตือนแทนนางแล้วกัน”

                “เจ้าไม่มีสิทธิ์ ไอ้ขอทาน” ไม่รู้ว่าฝ่ายใดที่กล่าวคำนี้ออกมา แอร่อนพลันนิ่วหน้าแล้วเอียงคอเปิดหู

                “ไหนลองพูดอีกทีซิ” เขาว่า

                “ไอ้ขอทาน-”

               

                เวลาผ่านไปเกือบห้านาที เด็กสาวเดินกลับเข้ามาพร้อมกับจานอาหารน่าลิ้มลอง ทว่าสิ่งที่ได้พบเห็นกลับเป็นสภาพของร้านที่พังยับเยิน พวกทหารรับจ้างทั้งสองกลุ่มลงไปกองกับพื้น หากแต่ยังเหลือเพียงแอร่อนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กับโต๊ะตัวเดิมของเขา นั่งยิ้มแฉ่งรออาหารจากเด็กสาว

                “อย่าบอกนะว่า...” เด็กสาวกล่าวแล้วมองหน้าแอร่อนอย่างตกตะลึง

                “พวกเขาหิวจนหน้ามืดน่ะ” แอร่อนตอบ “แล้วว่าไง นั่นคืออาหารของข้าใช่หรือไม่”

                “คงใช่ล่ะมั้ง!” เด็กสาวตอบพลางโยนจานอาหารยัดหน้าแอร่อน “เอาไปแดร๊กซะ!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา