อังซูเรย์ ยะรีกอ เขี้ยวเพชรฆาตรวิญญาณอสูร
10.0
เขียนโดย DANTE07
วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.51 น.
8 ตอน
0 วิจารณ์
10.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ช้างบุก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอังซูเรย์ ยะรีกอ เขี้ยวเพชรฆาตรวิญญาณอสูร
.......กองไฟกองน้อยส่งเสีย งปะทุลั่นปลุกให้บุรุษทั้งส องที่นั่งอยู่ตื่นจากภวังค์ เสียงกาแฟในหม้อสนามเดือดปุ ดส่งกลิ่นหอมอบอุ่นตัดกับกล ิ่นละอองดองไม้ป่าและความชื ้นของอากาศยามดึก มะอีซาขยับตัว รินกาแฟส่งให้ พันโทพิทักษ์ อัครเศวตวงค์ ที่นั่งตรงข้ามกันพลางกล่าว ชวนคุย “นายครับ อากาศปลอดโปร่งดีอย่างนี้เห็นที ‘อังซูเรย์’ คงไม่ได้อยู่ละแวกนี้เป็นแน ่ ผมเห็นว่า มันคงเตลิดขึ้นไปทางสันเขาแม่ละต า แล้วกระมังครับ”
“อืมห์ ฉันก็คิดว่ามันคงไม่ได้อยู่ เขตนี้หรอกในคืนนี้ แต่ฉันคิดว่า มันจะไม่ยอมทิ้งห่างพวกเรา
.......กองไฟกองน้อยส่งเสีย
“อืมห์ ฉันก็คิดว่ามันคงไม่ได้อยู่
ห รอก มันคอยจ้องวนเวียนจะสู้กับพ วกเรายาวทีเดียว แล้วมะอีซาเคยสำรวจเขาแม่ละตาถึงไหนแล ้วละ เข้าออกทะลุปรุโปงหรือไ ม่”
พิทักษ์ รับกาแฟมา จิบแล้วถามกลับ
“ไม่หรอกนาย เคยเข้าไปสองสามครั้งเอง ไปกับพ่อของ มะอีซา สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ เป็นป่าดิบชื้นนัก ชุ่มเย็นตลอดทั้งปี แต่ พวกทากนี้ชุมนัก มีเป็นดงเลยทีเดียว ไปทางไหนก็เจอ ยกเว้นบนสันเขาที่เป็น ทุ่ง เป็นดงหญ้า เก้ง กวาง วัวแดง กระทิงมีออกให้พรึบ เสียแต่ว่าทางขึ้น มันลำบากซับซ้อนนัก”
“ทุ่ง? ทุ่งอะไรบนสันเขา” พิทักษ์ขมวดคิ้วถาม
“ผมจะอธิบายยังไงดีละนาย พอขึ้นถึงสันเขา มันจะมีทางตัดขึ้นไปอีก เป็นเหมือนที่ราบสูง กว้างไกลนัก บนนั้นก็ยังมีภูเขาอีก” มะอีซา พูดตอบด้วยสำเนียงและลิ้นขอ งชาวป่า
“อืมห์ เห็นจะไม่ต้อง ดั้นด้นไปถึงขนาดนั้นหรอกกร ะมัง เราแค่มุ่งตามรอย
‘อังซูเรย์’ เท่านั้น แต่หากมันคิดหนี ไปทางนั้นจริงก็เห็นว่าต้อง ตามไปทำงานให้สำเร็จ ฉันก็อยากเห็นทุ่งที่ว่านั้ นเหมือนกัน ว่าแต่มันมีชื่อหรือไม่ทุ่ง นั้น”
“ทุ่งแก้วครับนาย เห็นเขาเรียกอย่างนั้น เพราะหินสีๆบนเขา มันสวยงามเหมือนแก้ว มีสีเขียวสีแดงสีขาวสีดำเต็ มไปหมด”
“หือ?” พิทักษ์ ยิ้มแยกเขี้ยวเห็นฟันเขี้ยว ขาววับ “มะอีซา” เขากล่าวหนัก “ฉันว่า คงเป็นพวกเพชรพลอยกระมัง มีใครเคยเอามาขายในตัวเมือง รึป่าว”
“ไม่มีดอกนายไม่เคยมีใครกล้ าแตะต้องเลย เพราะเจ้าป่าเขาหวงนัก ไปยิงสัตว์ก็พอได้กินแต่ไม่ เคยมีใครเก็บหิน สีๆมาเลย มันเกลื่อนเต็ม ริมทุ่งไปหมด”
“เอ.. ชักอยากไปเห็นสะแล้วสิ” พิทักษ์ ยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย แล้วยกกาแฟอุ่นในมือขึ้นจิบ การสนทนา พลันต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีใครบางคนผลุดลุกขึ้น ฉันพลัน ทั้งคู่หันขวับไปดู ร่างล่ำสั้นที่นอนชิดกองไฟต ิดกอไผ่ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงลิ่วมาที ่มานั่งยองๆตรงหน้าพิทักษ์ ใบหน้าและแววตาส่อแสดงสิ่งผ ิดปกติ
“ท่าจะไม่ดีแล้วนาย”
“มีอะไรหรือ พะตี้เย” พิทักษ์ขมวดคิ้วถาม
“นายลองตั้งใจฟังเสียงนั้นด ู”
พิทักษ์ วางแก้วกาแฟ กระชับ ซีแซด 30-06 ในมือ แล้วเงี่ยหูฟังอยู่ครู่
“ไม่ได้เห็นได้ยินอะไรเลย อังซูเรย์ หรือ”
“ไม่ใช่นาย” เสียงของ พะตี้เย ขาดเพียงเท่านั้น ก็บังเกิดเสียง กิ่งไม้หัก และใบไม้เสียดสีกันกับวัตถุ บางอย่าง ก็แว่วลอยขึ้นมาพร้อมกับกลิ ่นอับโคนที่ลอยตามลม ขุนพิทักษ์ขมวดคิ้ว พะตี้เย ทำสัญญาณมือเป็นหูโบกและงวง แกว่ง เพียงเท่านั้น พันโทพิทักษ์ อัครเศวตวงค์ ก็รู้อะไรเป็นอะไรแล้วโดดผึ ่งขึ้นมาทันที ส่งเสียงเบาลอดไรฟัน “ปลุกพวกเราเร็ว”
พะตี้เย ย่องไปปลุกพันตรีชำนาญ และนายช่างณรงค์ ส่วนมะอีซา รีบสุ่มไฟให้แรงขึ้นแล้วโดด ปราดไป ปลุกคนที่เหลือ ทั้งคณะต่างงัวเงียขึ้นมา มองหน้ากันไม่ทันจะมีใครอ้า ปากถาม พิทักษ์ กล่าวขึ้นเบาๆสีหน้าจริงจัง ว่า “ลุกเร็วมีช้างป่ามาด้อมๆมอ งๆใกล้กับปางพักเรานี้ดูท่า จะคุมโขลงขึ้นมาเสียด้วย” เพียงเท่านั้น ทุกคนกะโดดขวับขึ้นมา กระชับปืนขึ้นลำกล้องกันดัง แกรกกราก ‘เอาไงดี’ เสียงใครบางคนพูดขึ้น “เก็บของ แล้วถอยไปหาที่กำบังก่อน” พิทักษ์พูด เหล่าพรานพื้นเมือง อันประกอบด้วย พะตี้เย มะอีซา ลามู และโอบะจิ รีบเข้าไป เก็บสัมพาระที่พอเก็บได้ เข้าไปซุกไว้ใต้โคนไม้ ส่วน พิทักษ์ ชำนาญ และนายช่างณรงค์ ต่าง พากันถอยเข้าโคน ต้นไทร ใหญ่ซุ่มดูเหตุการณ์ พิทักษ์รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เพราะ ปืนที่อยู่ในมือ เป็นปืนขนาดเล็ก ไม่มีแรงปะทะพอที่จะหยุดโขล ง คชสารได้หากมันกรูเข้ามาจริ ง “ให้ตายสิถ้า ผม มีปืนที่ขนาดใหญ่กว่านี้ จะไม่หวั่นใจเลย หากมันตะลุยโขลงเข้ามา แต่ที่ถืออยู่นี้เห็นที่จะต ้อง ปีนต้นไม้หนีเป็นลิงเป็นค่า งแน่” “คุณพิทักษ์จะแลกปืนกับกระผ มรึป่าวครับกระบอกนี้ใหญ่สุ ดในคณะแล้ว” พันตรีชำนาญ ขยับ เมาเซอร์ 10.75ในมือยื่นให้ “ไม่เป็นไรหรอกคุณ ผมไม่คุ้นเคยกระปืนแคริเบอร ์ขนาดนั้น”พิทักษ์ยกมือห้าม “แล้วเรื่องอะไรที่จะเอาเปร ียบคุณด้วยในเมื่อผม เป็นคนประมาทป่านี้เอง มี เมาเซอร์ ของคุณกับ .375 แม๊กนั่ม ของ ณรงค์ก็น่าจะเอาอยู่แม้จะเส ี่ยงไปสักหน่อยก็ตามที” พิทักษ์ ปฎิเศษแล้วส่งเสียงในลำคอเบ าๆ พลางคัดลูกออกจากรังเพลิงเป ลี่ยนจากลูกหัวอ่อนเป็นแบบเ จาะเกราะ ซีแซดขนาด 30-06 จัดเป็นปืนขนาดเล็กที่เอาไว ้จัดการกับพวกสัตว์หนังบางบ างประเภท เช่น กวาง และเสือ แต่เมื่อต้องมาเจอ ช้างหรือกระทิง มันก็แทบจะไร้ความั่นใจ “พวกนั้นช้ากันเสียจังขอรับ ” เสียงนายช่างณรงค์ บ่นอุ่บในความมืด
พะตี้เย และลามู วิ่งเข้ามาสมทบ มีปืนลูกซอง แบบเดี่ยวและแฝดติดมากันคนล ะกระบอก ส่วน มะอีซา กับ โอบาจิ ปีนขึ้นโขดหินริมผาคุมเชิงอ ยู่อีกด้าน ซึ่งทั้งสองก็มีแต่เพียงลูก ซองเดี่ยวเช่นกัน
“โขลงใหญ่รึไม่ พะตี้” ชำนาญ ถาม “ไม่ใหญ่ดอกนาย สักยี่สิบกว่าตัวได้ ซุ่มอยู่ ธารน้ำด้านล่างนี้เอง”
“เอ..ไอ้พวกนี้พฤติกรรมน่าส งสัย มีรึไฟออกกองใหญ่อย่างนี้ยั งลับๆล่อๆเข้ามา” นายช่างนรงค์ พูดลอยๆขึ้น “ป่านี้มันเอาแน่ไม่ได้นาย สัตว์มันดุนักหนา ดีไม่ดี มันก็คุมโขลงขึ้นมา เหยียบปางพักเราแบนเท่านั้น ”
“ยิงไล่ดีรึป่าวครับนาย เผื่อมันสิตกใจหนีไปทางอื่น ” ลามู กล่าวแสดงความคิดเห็น “ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน แต่ระวังไว้ให้ดี ประเหมาะวิ่งเตลิดมาทางนี้ล ะยุ่งกันแน่ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ขึ้นต้นไม ้หนีก่อนนะพวกเรา” พิทักษ์สรุปง่ายๆ แล้วพยักหน้าให้กับ ลามู ไม่ทันที่ลามูจะตั้งท่ายิง เสียงปืน ลูกซองก็ดังขึ้นสนั่นในความ มืดทำเอาทุกคนตกใจ กันหมด บึ่ม!! บึ่ม!! สองนัดซ้อนแต่นัดสองห่างจาก นัดแรกหนึ่งช่วงจังหวะ ตามมาด้วยเสียงช้างร้องแปร้ แปร๋นๆ เซ็งแซ่เป็นโกลาหน ไม่ทันที่ ชาวคณะด้านล่างจะทันรู้อะไร เป็นอะไร สีดอตัวขนาดมหึมา ก็พุ่งทะยาน ผ่านแนวไฟ เข้ามา ตามด้วยด้วย โขลงช้างทั้งโขลง ที่วิ่งกันเป็น พัลวัน ตูม!! 30-06. ในมือของพิทักษ์ก็ระเบิดกึก ก้องปลุกคนที่เหลือให้ลั่นไ กตาม นัดแรกที่พิทักษ์ยิง กระสุนเจาะเข้าที่ใต้ตาขวาข องเจ้าพลาย ตัวที่เหมือนจะวิ่งตรงมาทาง กลุ่มมนุษษ์ที่สุด มันสะบัดหัวคว้างเบนออกไปก็ พอดีกับ ที่กระสุนขนาด .375 แม๊กนั่มของนายช่างนรงค์พุ่ งเข้าที่ขมับพอดี มันทรุดลงไปกองกับพื้น ฝ่ายมนุษย์ ช่วยกันกระหน่ำยิง เท่าที่จะเห็นเป้าได้ถนัด อำนวยผลการยิงได้มากที่สุดค ือ เมาเซอร์10.75 ของ พันตรีชำนาญ นัดเดียวเข้าแสกหน้าเป็นได้ ก้นจ้ำเบ้าทุกตัว มีเจ้าพังอยู่ตัวหนึ่ง วิ่งเหยาะๆหันรีหันขวาง เพราะพวกมันไม่เห็นฝ่ายมนุษ ย์ได้ถนัดว่าอยู่หนใดกัน กระสุนปืนหน้าตัดขนาดใหญ่ ของชำนาญก็ลอยละลิ่วเข้าตัด ซอกขาหน้ากระสุนคว้านตีกระด ูกแตกมันทรุดตัวลงกันพื้นร้ องโอ๊ก ยาว ทุกคนช่วยกันยิงซ้ำ อย่างไม่ให้มันทรมาณ ยิงพลางร้องตะโกนพลาง โขลงช้างที่ตื่นตระหนก วิ่งชุลมุนชุลเก เหยียบกองไฟบางกองแตกดับกระ จายหมด เสียงปืนก็ระเบิดกันที่ยิบเ ท่าที่ทักษะการยิงปืนลูกเลื ่อน ละปืนลูกซองเดี่ยวจะอำนวยผล ได้มากที่สุด ปืนลูกซองแม้จะไม่สามารถทำอ ันตรายแก่ ช้างได้ถึงตายคาที่เหมือนปื นไรเฟิลแต่การยิงอย่างชำนาญ และระยะประชิด ด้วยทักษะพราน ก็ทำให้มันบาดเจ็บเลือดสาด ตาบอดไปหลายตัวเช่นกัน เจ้าพรายรุ่นตัวหนึ่ง งาสั้นขนาดศอกเดียวพยายามปี นหินขึ้นไปหา มะอีซาทางด้วนริมผา มะอีซาและโอบาจิ สอดกล้องปืนลูกซองเดี่ยวกดต ูมไปที่เนินน้ำเต้าเหนือโคน งวง ยิงห่างไม่ถึงสองศอกผลคือ เจ้าพลายร้องโฮก แค่คำเดียวหงายหลังทรุดลื่น ไถลตกผาไปขาดใจด้านล่าง 30-06. และ.375 แม๊กนั่ม ก็เช่นกัน แม้หน้าตัดจะไม่ใหญ่แต่อำนา จทะลวงมีมาก และไม่ได้ยิงอย่างพรานสมัคร เล่นแต่เป็นการยิงอย่างผู้ช ำนาญ ทุกนัดจึงแทบไม่สูญเปล่าเลย การยิงของ พิทักษ์ เป็นการยิงแบบ ยุทธ์วิธี สงคราม คือ มือซ้ายจับที่กระโจมมือ ส่วนมือขวาไม่ได้จับคอปืนเว ลาจะเหนี่ยวไก แต่คว่ำมือลง กำที่ลูกเลื่อนทำการกระชากค ัดปลอกเมื่อตบลูกเลื่อนลงก็ ใช้นิ้วนางเหนี่ยวไก แล้วก็สลั่ดลูกเลื่อนคัดปลอ กกระสุนแล้ว ผลักป้อนกระสุนใหม่ตามกลไก วิธียิงแบบนี้ ทำให้การยิงเป็นไปได้อย่างต ่อเนื่องและรวดเร็ว เพราะไม่ต้องมาเสียเวลากระช ากลูกเลื่อนแล้วปล่อยมือมาก ำคอปืนถึงเหนี่ยวไกได้ เป็นการยิงแบบรวดเร็ว โดยคนที่จะยิงได้แบบนี้ต้อง เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงที่ ฝึกมาอย่างชำนาญมาก แต่ข้อเสียคือคือ กระสุนจะหมดเร็วและค้อนข้าง ขาดความแม่นยำ เสียงปืนขาดหายไปบ้างเพราะต ้องผลัดกันใส่ กระสุน เป็นอีกครั้งที่เมาเซอร์ 10.75 แสดงถึงขีดความสามารถสูงสุด ในการเดินป่าผจญกับสัตว์ร้า ย เพราะนอกจากจะมีแรงปะทะอันห นักหน่วงแล้ว การบรรจุกระสุนก็สามารถทำได ้รวดเร็วมาก เพราะมีแหนบบรรจุ โดยนำแหนบมาวางตรงช่องแล้วก ด กระสุนลงไปในช่องทีเดียว 5 นัดเลย ทำให้การบรรจุกระสุนชุดใหม่ เสียเวลาไม่ถึงสองวินาที เสียงการยิงปะทะดังสนั่นป่า เหมือนหนังสงคราม โขลงช้างป่าผู้ดุร้ายไม่อาจ ทนต่ออำนาจกระสุนปืนฝรั่งได ้ บัดนี้พวกมันกำลังแตกพ่ายถอ ยร่นอย่างอลหม่าน ผงคลีฟุ้งไปหมดตลบอบอวน ไอ้พลายตัวหนึ่งสูงใหญ่ทมึน เหมือนภูเขาเลากายืนสะบัดงว งโบกหูอยู่ข้างกอไผ่แสงไฟกร ะทบโคลนที่สีข้างเป็นมันระย ับ มันชูงวงส่งเสียโกญจนาถ ยาวขึ้น ประหนึ่งสัญญาณถอย ตัวมันเองก็วิ่งเหยาะๆมาทาง ต้นรังใหญ่ที่จะตัดลงสู่ลำห ้วยเพื่อหนีทางกระสุนปืนของ ฝ่ายมนุษย์ แต่สายไปเสียแล้ว บัดนี้บันท้ายอันมหึมาของมั นถูกจับด้วยศูนย์เปิดของ ไรเฟิลเอ็ฟเอ็น ขนาด .375 ฮอลแลนด์ แอนด์ ฮอลแลนด์ แม็กนั่ม มันคำรามลั่นเป็นนัดปิดท้าย กระสุนความเร็วสูง พุ่งทะยานเข้าโคนหางอย่างจั งเหมือนจับวางกระสุนร้อยพวง ตีเครื่องในแหลกเละเกิดเป็น คลื่นช็อคย่างรุนแรง มันไม่ร้องซักแอะแต่พุ่งหน้ าทรุดลงกับพื้นหน้าคว่ำคะมำ งายาวข้างหนึ่งปักลงกับดินท านน้ำหนักไม่ไหวก็หักสะบั้น แตกลง นั้นนับเป็นกระสุนประกาศิตท ี่ปลิดได้ชีวิตอย่าง เฉียบคม เป็นอันยุติศึกระหว่างโขลงช ้างป่ากับฝ่ายมนุษย์ เพราะเสียงโขลงช้างป่าแตกอู ้ไปทางป่าด้านล่างไกลลิบมัน คงไม่หวนกลับมาอีกแน่ ควันปืนที่ฉุนกึก เบาบางลงเสียงใครบางคนถอนหา ยใจอย่างโล่งอก “เอาซี้นึกว่าเสร็จมันเหมือ นกันไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ ย” เสียงนายช่างณรงค์ตะโกนถาม
“ยังอยู่ดีแต่ยิงเสียจนลำกล ้องร้อนฉ่าเป็นไฟเลย” พิทักษ์ตอบมายิ้มๆ “ผมนี้ยิงเสียจน ไหล่แทบทรุดเลย ไอ้แก่มรกดคุณพ่อนี้ถีบแรงใ ช่เล่น ยิงแบบนี้ทุกวันมีหวังขยาดพ อดี” ชำนาญพูดขณะ เดินเลาะพงหญ้าเข้ามาสมทบ มือซ้ายก็นวดคลึงที่ไหล่ ขวาที่ดูท่าจะ ขัดๆเพราะแรงถีบของ ไรเฟิลขนาดหนัก
“พะตี้เย กับ ลามูไปสำรวจกองไฟและข้าวของ ว่าอะไรที่ชำรุดเสียหายไป หรืออะไรที่ควรจัดการก็แล้ว แต่เลย ประเดี๋ยวฉันจะไปสำรวจรอบๆส ักหน่อย แหม่มีศพช้างมานอนตายกลางแค ้มแบบนี้ มันวังเวงแปลกๆ” พิทักษ์สั่งงานพรานพื้นเมือ งแล้วแบบลวกๆ ก่อนนำทีมสามสหายไป สำรวจดู บริเวณรอบปางพักว่ามีช้างเจ ็บตายมาน้อยเพียงใด ก็พอดีกับที่ โอบาจิ และ อะอีซาเดินลงเนินสวนมาพอดีห น้าตาบุคคลทั้งสองขาวซีด แล้วก็รายงานข่าวใหม่ให้คณะ นายจ้างฟัง ข่าวใหม่ที่โอบาจิ และมะอีซาเล่า ทำให้แทบจะลืมเรื่องช้างบุก ไปได้เลย
จับใจความได้ว่า ขณะที่สองพรานพื้นเมือง ขึ้นไปหมอบรอดักช้างบนเนิน ก็พลันแว่วเสียงคน คุยกันพึมพำอยู่ในชายป่าด้า นล่าง โอบาจิทำท่าว่าจะลงไปดูเพรา ะคิดว่าเป็นกลุ่มเจ้านาย แต่มะอีซาห้ามไว้ เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์
ขณะกำลังสงสัยกันอยู่นั้นเส ียงนั้นก็เงียบไป ก็ปรากฏเสียงหายใจของช้างดั งฟืดฟัด แทน แต่ในความเงียบนอกจากเสียงห ายใจอันฟืดฟัดของช้างแล้วแล ้ว ยังมีเสียงตะกุยดิน เสียงหินเกร็ดร่วงกราว อยู่ที่ทางขึ้นเนินด้านหลัง ที่สองพรานนอนพังพาบอยู่ โอบาจิ เอะใจเลยหันไปส่องไปดูทันที ่ที่แสงไฟกระทบเป้าหมาย ขนในกายก็ลุกชันเลือดแทบจับ เป็นก้อน เรี่ยวแรงที่มีพลันหายไปหมด เพราะแสงไฟจากไฟฉายอันเตอร์ ขนาดแปดท่อน สาดจับไปกระทบเข้ากับ ดวงตาสีทับทิมสดใสและฟันขาว แวบในปากสีแดงฉานลายเหลืองด ำพร้อย ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 20เมตรตรงหน้านั้นเอง อำนาจแห่ง เจ้าป่า ข่มให้พรานหนุ่มนอนฉายไฟแน่ นิ่ง มันก้าวฉับๆเข้ามากว่าจะถึง ระยะ ลูกซองในมือ มะอีซาก็ลั่นขึ้น ยิงแล้วโยนทิ้ง ก่อนจะคว้าปืนของ โอบางจิ มากด ต่ออีกนัด สิ้นเสียงปืน ก็บังเกิดเสียง โกญจนาถ ของฝูงช้างที่ยกทัพเข้ามาเห ยีบปางพักหมายให้กลุ่มมนุษย ์ราพนาสูน แต่เจ้าร่างขนาดใหญ่สีลายดำ สลับเหลืองกลับอันตรธานหายว ับไปทันทีที่ควันปืนจาง “เป็นมันแน่ครับนาย ‘อังซูเรย์’แน่นอน”
โอบาจิ ยืนยัน
“ตัวมาใหญ่มากครับนาย ไม่มีเสือตัวใดในป่านี้ที่จ ะมีขนาดเท่านี้ เราตามรอยมันมาจนแทบจะลูบรอ ยเท้าก็จำได้”
มะอีซาสมทบมา ปากคอสั่น
“ได้สำรวจบริเวณรอบๆแล้วรึย ัง” พิทักษ์ถามเรียบๆดวงตาสีน้ำ ตาลเข้ม ส่อแววกังวล “ยังเลยนาย ทั้งเสือทั้งช้าง พอมันเตลิดไปผมทั้งสองก็รีบ มารายงานให้นายทราบก่อนครับ ”
“ผมว่าเราลองไปตรวจดู สักหน่อยเถิดครับ เผื่อ จะได้อะไรเพิ่ม เห็นท่าชักจะไม่ค่อยดีเสียแ ล้ว ที่มีเสือกินคนมาป้วนเปี้ยน ใกล้แคมป์เราทั้งที่เราเป็น ฝ่ายล่ามันก่อนก็ตามที” ชำนาญ แสดงความคิดเห็น พลางขยับไฟฉายในมือกราดไฟไป มา
“ก็ดี แต่ผมว่าเรียก สองพรานนั้นมาฟังความก่อนดี กว่า จะไปก็ไปกันหมดนี้แหละตอนนี ้ยังไม่อยากแยกกัน” พูดจบพิทักษ์ก็ส่งสัญญาณ และโบกมือให้ พะตี้เย และ ลามูเดินมาสมทบ
“มีอะไรหรือนาย” พะตี้เย ผู้สำเหนียกถึงสิ่งผิดปกติข องเหตุการณ์ ได้เร็วกว่าทุกคนยิงคำถามก่ อนจะมีใครเอ่ยปากออกมา
“ไอ้ตัวที่เราตามล่าอยู่นะส ิ ตอนนี้มัน ย้อนรอยกลับมาล่าเราแล้ว”
“อังซูเรย์ !!” พะตี้เย และลามูสะอึกคำพูดออกมาพร้อ มกัน
“ใช่ มันนั้นและ พะตี้ ลองถาม มะอีซาดู”
พรานพื้นเมือง วัยฉกรรจ์หันไปส่งภาษาถิ่น ทำไม้ทำมือเสียงดังล้งเล้ง สอบถาม ความกันอยู่ครู่ ก็บังเกิด สีหน้าแววตา พิลึกที่ไม่มีใครอ่านออก
‘อังซูเรย์’ เสียงแผ่วเบาลอด ออกจากปากของ พะตี้เย เสียงนั้นเลื่อนลอย เบาหวิวคล้ายดังคนถูกมนต์สะ กด สายตา ของพรานผู้เจนจัดต่อป่า หันมาสบตา คณะนายจ้างโดยตรง แล้วมาหยุดที่หัวหน้าคณะอย่ าง พิทักษ์ พูดแผ่วเบาว่า
“นายตบะมันร้ายเหลือเกิน มันเป็นมากกว่าสมิง เป็นวิญญาณร้าย อังซูเรย์ ใช้มนต์บังคับโขลงช้าง ให้มาโจมตีเราเพราะมันรู้ว่ าเรากำลังตามล่ามัน นาย มันไม่ใช่เสือธรรมดา อย่างที่นายคิด นายจะตามมันอีกหรือ นาย” เสียงของพะตี้เย หยุดลงเพียงเท่านั้น แววตาที่กำลังสบสน และหวั่นเกรงของ พะตี้เย ถูกสบ โดยดวงตาสีน้ำตาลเข้มอันมั่ นคงคู่หนึ่ง มันเป็นดวงตา ของหัวหน้าคณะ มือข้างหนึ่งของเขากุมที่ไห ล่ของพรานเฒ่า
“ พะตี้เย” เสียงนั้นกล่าวขรึมๆ
“ขะรับนาย” พะตี้เย ขานตอบ
“เราก็รู้อยู่แก่ใจมิใช่หรื อ ว่า ไอ้เสือเวรนี้ มันเป็นสมิง แต่กระนั้นฉันและเพื่อนก็อา สาติดตามมาปราบให้ ไม่ใช่ว่าฉันจะเป็นผู้วิเสษ มาจากไหน เพียงแต่ว่า ฉันคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ กับ ผู้คนที่หมู่บ้าน ว่าจะตามล่าตามล้าง ไอ้เสือตัวนี้ให้จงได้ ซึ่งพะตี้เย ก็อาสารับนำทางมา พะตี้เย จำได้หรือไม่”
“จำได้นาย”
เสียงพะตี้เยดู มั่นคงขึ้น
“ดีแล้ว การที่พะตี้ แสดงอาการเหมือนหวาดกลัวก็ย ่อม ทำให้คณะเราเสียกำลังใจ เพราะพะตี้ เป็นพรานใหญ่หากพรานใหญ่แสด งความหวาดวิตกแล้ว พรานรุ่นน้องและกลุ่มนายจ้า งก็จะคอยไขว้เขว พะตี้ยังคิดจะให้ฉันล้มความ ตั้งใจในการ ล่า อังซูเรย์ หรือไม่”
“ไม่ขะรับนาย พระคุณนายนั้นมีล้นฟ้าที่ได ้ช่วย พะตี้และลูกเมียไว้ แม้จะบุกป่าลุยน้ำพะตี้ก็จะ ไม่ทอดทิ้งนายจะติดตามรับใช ้นายไปทุกหนแห่ง” พะตี้เย พูดพร้อมกราดมอง กลุ่มนายจ้าง
“ดีแล้ว ตอนเห็นพะตี้เหม่อๆเมื่อกี้ ฉันใจหายหมด” ชำนาญ กล่าวยิ้มๆ
“แต่ฉันว่าน่าจะมีสิ่งผิดปร กตินะ” ณรงค์แย้งมา ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปที่ใบหน ้าอันซีดเซียวของพะตี้เย
“หรือว่าพะตี้จะไม่สบาย” พิทักษ์ กล่าวขึ้น เลื่อนมือขึ้นไปอังซอกคอ ของพะตี้ดู “เอ้ ตัวก็ไม่ร้อนนิ ให้นายช่างณรงค์ตรวจหน่อยมั ้ยพะตี้ หยูกยาฉุกเฉินก็พอจะมีมาอยู ่” “ผมไม่เป็นอะไรครับ นาย ไม่ได้ป่วยเพียงแต่ว่า จิตใจช่วงนี้ไม่ค่อยปรกติ เท่านั้น”
“ยังไง”
เสียงใครบางคนซักมา ระหว่าง ที่ทั้งสี่ยืนพูดคุย สามพรานพื้นเมืองหนุ่มก็ พากันขยายกองไฟ ไว้ในที่ต่างๆรวมถึง บริเวณปากทางเข้าแคมป์ ที่ทั้งหมดยืนคุยกันด้วย แสงไฟทำให้เห็นใบหน้าและดวง ตากันชัดเจน
“ก่อนช้างจะบุก” เสียงพะตี้ พูดเนิบๆ
“ผมฝันเห็น เสือโครงตัวใหญ่ มันมาเดินลัดเลาะปางพักของเ รา บนหลังมีหญิงชรา ผมหงอกขี่หลั่งคร่อม มาด้วย หญิงชรา จะใช้ไม้ตะพดตีที่ตัวเสือ เวลาที่ต้องการให้มันทำบางอ ย่างหรือไปทางใหน” “อืมห์ เข้าท่าแล้วไงต่อ” ชำนาญซัก ส่วน พิทักษ์ กับ ณรงค์เหลียวมองหน้ากัน อย่างบังเอิญ
“หญิงชรา ขี่เสือมาตรงที่ผมนอนพอดี” พะตี้เยเริ่มเล่าต่อ
“หญิงชรา ชี้เหน้าผมด้วยไม้ตะพดแล้วพ ูดภาษาที่ผมเองไม่เข้าใจ เสือใหญ่ตัวนั้น ยืนแยกเขี้ยวโง้งยาวขาววับ ดวงตามันจ้องเขม็งมาที่ผม ผมพยายามหยิบปืนแต่ร่างกายม ันหนักไปหมด เสือตัวนั้นมันก้าวตรงที่ที ่ผมแล้วมันก็หยุดชะงัก ร้องคำรามและเอาท้าตะกุยอาก าศเบื้องหน้า มันไม่สามารถก้าวพ้น แนวไฟเข้ามาในปางได้ มันคำรามอย่างกร้าวโกรธ หญิงชรา ก็เอาไม้ตะพดตีอย่างแรงแล้ว เสือแล้วมันก็ม้วนตัวกลับ แต่ก่อนที่มันจะก้าวลับไปไน ราวไม้ หญิงชราก็หัวเราะดังแหบห้าว พร้อมบ่นเป็นภาษาที่ฟังไม่เ ข้าใจ เสือใหญ่นั้น ได้หยุดเดินแล้วเหลียวกลับม าดูในแคมป์ มันไม่ได้มองมาที่พะตี้ แต่มองมาผ่านเข้าไปในใจกลาง แคมป์ดวงตามัน เหมือนคนอย่างที่สุด แต่ผมอ่านความหมายไม่ออก จากนั้นผมก็ตื่น” เสียงใครบางคนลัดนิ้วดังเปา ะ ตามด้วยเสียงผิวปากดังวืด เมื่อพะตี้เย หยุดเล่า ทั้งสามเหลียวมองหน้ากัน ก่อนจะกระเดือกน้ำลายฝืดๆลง คออันแห้งฝาก “เอาเข้าจริงแล้วไง” ชำนาญพูดพลางลูบขนแขนอันลุก เกรียว “แล้วหลังจากพะตี้ตื่นละ” พิทักษ์ถาม “ผมรู้สึกและได้ยินเสียง ช้างขอรับ จึงรีบจะมาปลุกเจ้านาย แต่ เห็นนายพิทักษ์ ที่นั่งยามอยู่กับมะอีซาพอด ี” “อ้อ คุณพิทักษ์ ออกมานั่งยามตั้งแต่ตอนไหนค รับผมเห็นหลับไปตั้งแต่ หัววัน” ณรงค์ ถามขึ้นตัดจังหวะ “ผมลุกมาธุระเบาครับเห็นมะอ ีซานั่งอยู่คนเดียวเลยเข้าไ ปนั่งเป็นเพื่อน ก็นั่งกันอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็ น พะตี้เย ลุกมาบอกว่าช้างมาล้อมปางอย ู่ จากนั้นก็วินาศสันตะโรกันอย ่างที่นั้นนี้แหละครับ”
“ความฝันของพะตี้เย ดูพิลึกน่ากลัวปนสยอง เหมือนกัน แต่มันก็เป็นเพียงความฝันนะ พะตี้ ไม่ต้องคิดมาก อย่าได้เก็บมาใส่ใจเป็นเรื่ องหนัก เราตามรอยล่า เสือกินคน มาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็มีบ้างที่จิตพะวงจนเก็บมา ฝัน” พิทักษ์ปลอบ เขารู้ดีว่าจิตใจพรานของเขา ผ่านอะไรมามากมายในช่วงสองส ัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ เรื่องบางอย่างก็เก็บเอาไปค ิดจนทำให้จิตใจ เกิดฟุ้งซ่านและห่อเหี่ยวสั บสนจนผิดจากที่เป็นอยู่
“คะรับนาย แต่มันเหมือนจริง จนแยกแทบไม่ออกทีเดียว เหมือนกันว่า มันเกิดขึ้นจริงๆ” “พะตี้หมายความว่าไง” พิทักษ์ซักต่อ แววตาดูเข้มขัง พะตี้เยขยับตัวเข้ามาใกล้ พูดเบาๆตอบ “พะตี้คิดว่า เสือในฝันคืออังซูเรย์” เสียง ชำนาญกับณรงค์อุทานหลุดมาเห มือนจะพูดอะไร แต่พิทักษ์ยกมือห้ามไว้ พยักหน้าให้ พะตี้เล่าต่อ
“ผมคิดว่ามันมีวิญญาณร้ายที ่แก่กล้าสิงอยู่ มันคงจะมาป้วนเปี้ยน แถวปางพักเราอยู่ครู่ใหญ่แล ้วแต่มันไม่ใกล้าเข้ามาด้วย อำนาจไฟ และพิธีกรรมบางอย่างที่เราท ำไว้ตั้งตอนตั้งแคมป์ มันก็เลย”
“ก็เลย ไปใช้อาคมหรือเวทมนต์ บังคับช้างให้มา เหยียบเราแทน ใช่หรือไม่”ชำนาญ สอดมา พิทักษ์เหลียวหน้าไปมองสหาย รักอย่างฉงน “ทำไมคุณชำนาญ คิดแบบนั้นครับ” “ก็รูปการมันบอกอย่างนั้นนี ้ครับ พะตี้ฝันเป็นเรื่องเป็นราวว ่า มีเสือมาวนเวียนรอบแคมป์ แต่ว่ามันเข้ามาไม่ได้ แล้วเสือมันก็หายในป่า ใช่มั้ยตะตี้” ประโยคน์หลังชำนาญหันถาม พะตี้พยักหน้ารับ “ตอนนั้นพะตี้เยคงไม่รู้ว่า มันหายไปไหน แต่พอเกิดเหตุการณ์จริงตอนช ้างบุกแล้ว มะอีซากับโอบาจิ ไปเจอเสือใหญ่ พะตี้มารู้เข้าก็คงเอามาเหม าเป็นเรื่องราวเดียวกัน ถึงกับหน้าซีดกันเลยเมื่อกี ้ ฉันพูดมาถูกต้องมั้ยพะตี้” “ขะรับนายเป็นอย่างที่นายทห ารว่า”พะตี้เย ตอบเสียงอ้อมแอ้ม “คุณชำนาญ เข้าใจประติดประต่อเรื่องนะ ครับ หากไปเป็นคนเขียนนิยายแนวลึ กลับคงจะขายดีไม่น้อย” ณรงค์แซวมายิ้มๆ “เอาหละไว้ค่อยคุยกันเวลาอื ่นตอนนี้เราไปสำรวจรอบๆก่อน เผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม นอกจากกองซากช้างตายเป็นพะเ นินนี้” พิทักษ์ตัดบท “ก็ดีเหมือนกัน เอ้า!!ก่อนไป ดื่มสักหน่อยพะตี้เลือดลมจะ ได้เป็นปรกติ” ชำนาญ ส่งแบนเหล้าแสตนเลส ให้พะตี้เย กรอกลงคอไปอึกใหญ่ แล้วส่งวนเวียนไปครบทุกคน ก่อนที่จะเหลือกลับมาที่ตัว เองเพียงน้อยนิด จึงยกซัดเรียบหมดแบน “ว้า ..หมดเสียแล้ว รู้งี้น่าจะติดมาขวดใหญ่ๆก็ ดี ทิ้งไว้หมู่บ้านหมด เวลาแบบนี้ช่วยเรื่องเลือดล มและกำลังใจดีนัก” ชำนาญบ่นอย่างเสียดาย “อย่าไปเสียดงเสียดาย อะไรกับเหล้าเลย ถ้าจะเสียดายนะคือผมเอาปืนม ากระเล็กเกินไปป่านี้มันลอง ดีกับเราเข้าแล้ว” พิทักษ์พูดพลาง เกร็ดบุหรี่ใส่ปากแล้วป้องไ ฟจุด แล้วโยนทั้งซองให้สองสหาย เขาอัดควันเข้าลึกแล้ว ปล่อยยาว ลมดึกตีควันฟุ้ง พิทักษ์หนีบไรเฟิลที่ซอกแขน มือคีบบุหรี่ “ไปพวกเรา เริ่มจะดูจากตรงที่ มะอีซายิงเสือ ดูทีว่าจะได้อะไรเพิ่มเติม” ขณะกำลังลังจะก้าวไป นายช่างณรงค์ ก็สะกิด แขนพิทักษ์ ดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นสบตาต รงมีประกายลึกลับกล่าวยิ้มๆ ให้ได้ยินแต่เพียงสองคนว่า “ถ้าเสือ ในฝัน ของพะตี้เย เป็นจริงดังว่า ก่อนมันจะกลับเข้าไปในป่ามั นได้เหลียวกลับมาดูในกลางปา งพัก ผมว่ามันคงจ้องดู คุณกระมัง” กล่าวจบก็พาดปืนขึ้นบ่าเดิน อาดๆตามพวกนั้นไป ทิ้งให้ นายทหารหนุ่ม ยืนเสียวสันหลังวูบเขากระเด ือกน้ำลายฝืดๆลงคอ ก่อนจะอัดควันลึก แล้วดับบุหรี่ลงด้วยพื้นรอง เท้าคอมแบท เขาสาวท้าวเดินตามไป โดยมี ลามู เป็นคนระวังหลังให้นายจ้างผ ู้รั้งท้ายสุด
.......................... .......................... .......................... .........
Dante
พิทักษ์ รับกาแฟมา จิบแล้วถามกลับ
“ไม่หรอกนาย เคยเข้าไปสองสามครั้งเอง ไปกับพ่อของ มะอีซา สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ เป็นป่าดิบชื้นนัก ชุ่มเย็นตลอดทั้งปี แต่ พวกทากนี้ชุมนัก มีเป็นดงเลยทีเดียว ไปทางไหนก็เจอ ยกเว้นบนสันเขาที่เป็น ทุ่ง เป็นดงหญ้า เก้ง กวาง วัวแดง กระทิงมีออกให้พรึบ เสียแต่ว่าทางขึ้น มันลำบากซับซ้อนนัก”
“ทุ่ง? ทุ่งอะไรบนสันเขา” พิทักษ์ขมวดคิ้วถาม
“ผมจะอธิบายยังไงดีละนาย พอขึ้นถึงสันเขา มันจะมีทางตัดขึ้นไปอีก เป็นเหมือนที่ราบสูง กว้างไกลนัก บนนั้นก็ยังมีภูเขาอีก” มะอีซา พูดตอบด้วยสำเนียงและลิ้นขอ
“อืมห์ เห็นจะไม่ต้อง ดั้นด้นไปถึงขนาดนั้นหรอกกร
‘อังซูเรย์’ เท่านั้น แต่หากมันคิดหนี ไปทางนั้นจริงก็เห็นว่าต้อง
“ทุ่งแก้วครับนาย เห็นเขาเรียกอย่างนั้น เพราะหินสีๆบนเขา มันสวยงามเหมือนแก้ว มีสีเขียวสีแดงสีขาวสีดำเต็
“หือ?” พิทักษ์ ยิ้มแยกเขี้ยวเห็นฟันเขี้ยว
“ไม่มีดอกนายไม่เคยมีใครกล้
“เอ.. ชักอยากไปเห็นสะแล้วสิ” พิทักษ์ ยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย แล้วยกกาแฟอุ่นในมือขึ้นจิบ
“ท่าจะไม่ดีแล้วนาย”
“มีอะไรหรือ พะตี้เย” พิทักษ์ขมวดคิ้วถาม
“นายลองตั้งใจฟังเสียงนั้นด
พิทักษ์ วางแก้วกาแฟ กระชับ ซีแซด 30-06 ในมือ แล้วเงี่ยหูฟังอยู่ครู่
“ไม่ได้เห็นได้ยินอะไรเลย อังซูเรย์ หรือ”
“ไม่ใช่นาย” เสียงของ พะตี้เย ขาดเพียงเท่านั้น ก็บังเกิดเสียง กิ่งไม้หัก และใบไม้เสียดสีกันกับวัตถุ
พะตี้เย ย่องไปปลุกพันตรีชำนาญ และนายช่างณรงค์ ส่วนมะอีซา รีบสุ่มไฟให้แรงขึ้นแล้วโดด
พะตี้เย และลามู วิ่งเข้ามาสมทบ มีปืนลูกซอง แบบเดี่ยวและแฝดติดมากันคนล
“โขลงใหญ่รึไม่ พะตี้” ชำนาญ ถาม “ไม่ใหญ่ดอกนาย สักยี่สิบกว่าตัวได้ ซุ่มอยู่ ธารน้ำด้านล่างนี้เอง”
“เอ..ไอ้พวกนี้พฤติกรรมน่าส
“ยิงไล่ดีรึป่าวครับนาย เผื่อมันสิตกใจหนีไปทางอื่น
“ยังอยู่ดีแต่ยิงเสียจนลำกล
“พะตี้เย กับ ลามูไปสำรวจกองไฟและข้าวของ
จับใจความได้ว่า ขณะที่สองพรานพื้นเมือง ขึ้นไปหมอบรอดักช้างบนเนิน ก็พลันแว่วเสียงคน คุยกันพึมพำอยู่ในชายป่าด้า
ขณะกำลังสงสัยกันอยู่นั้นเส
โอบาจิ ยืนยัน
“ตัวมาใหญ่มากครับนาย ไม่มีเสือตัวใดในป่านี้ที่จ
มะอีซาสมทบมา ปากคอสั่น
“ได้สำรวจบริเวณรอบๆแล้วรึย
“ผมว่าเราลองไปตรวจดู สักหน่อยเถิดครับ เผื่อ จะได้อะไรเพิ่ม เห็นท่าชักจะไม่ค่อยดีเสียแ
“ก็ดี แต่ผมว่าเรียก สองพรานนั้นมาฟังความก่อนดี
“มีอะไรหรือนาย” พะตี้เย ผู้สำเหนียกถึงสิ่งผิดปกติข
“ไอ้ตัวที่เราตามล่าอยู่นะส
“อังซูเรย์ !!” พะตี้เย และลามูสะอึกคำพูดออกมาพร้อ
“ใช่ มันนั้นและ พะตี้ ลองถาม มะอีซาดู”
พรานพื้นเมือง วัยฉกรรจ์หันไปส่งภาษาถิ่น ทำไม้ทำมือเสียงดังล้งเล้ง สอบถาม ความกันอยู่ครู่ ก็บังเกิด สีหน้าแววตา พิลึกที่ไม่มีใครอ่านออก
‘อังซูเรย์’ เสียงแผ่วเบาลอด ออกจากปากของ พะตี้เย เสียงนั้นเลื่อนลอย เบาหวิวคล้ายดังคนถูกมนต์สะ
“นายตบะมันร้ายเหลือเกิน มันเป็นมากกว่าสมิง เป็นวิญญาณร้าย อังซูเรย์ ใช้มนต์บังคับโขลงช้าง ให้มาโจมตีเราเพราะมันรู้ว่
“ พะตี้เย” เสียงนั้นกล่าวขรึมๆ
“ขะรับนาย” พะตี้เย ขานตอบ
“เราก็รู้อยู่แก่ใจมิใช่หรื
“จำได้นาย”
เสียงพะตี้เยดู มั่นคงขึ้น
“ดีแล้ว การที่พะตี้ แสดงอาการเหมือนหวาดกลัวก็ย
“ไม่ขะรับนาย พระคุณนายนั้นมีล้นฟ้าที่ได
“ดีแล้ว ตอนเห็นพะตี้เหม่อๆเมื่อกี้
“แต่ฉันว่าน่าจะมีสิ่งผิดปร
“หรือว่าพะตี้จะไม่สบาย” พิทักษ์ กล่าวขึ้น เลื่อนมือขึ้นไปอังซอกคอ ของพะตี้ดู “เอ้ ตัวก็ไม่ร้อนนิ ให้นายช่างณรงค์ตรวจหน่อยมั
“ยังไง”
เสียงใครบางคนซักมา ระหว่าง ที่ทั้งสี่ยืนพูดคุย สามพรานพื้นเมืองหนุ่มก็ พากันขยายกองไฟ ไว้ในที่ต่างๆรวมถึง บริเวณปากทางเข้าแคมป์ ที่ทั้งหมดยืนคุยกันด้วย แสงไฟทำให้เห็นใบหน้าและดวง
“ก่อนช้างจะบุก” เสียงพะตี้ พูดเนิบๆ
“ผมฝันเห็น เสือโครงตัวใหญ่ มันมาเดินลัดเลาะปางพักของเ
“หญิงชรา ขี่เสือมาตรงที่ผมนอนพอดี” พะตี้เยเริ่มเล่าต่อ
“หญิงชรา ชี้เหน้าผมด้วยไม้ตะพดแล้วพ
“ความฝันของพะตี้เย ดูพิลึกน่ากลัวปนสยอง เหมือนกัน แต่มันก็เป็นเพียงความฝันนะ
“คะรับนาย แต่มันเหมือนจริง จนแยกแทบไม่ออกทีเดียว เหมือนกันว่า มันเกิดขึ้นจริงๆ” “พะตี้หมายความว่าไง” พิทักษ์ซักต่อ แววตาดูเข้มขัง พะตี้เยขยับตัวเข้ามาใกล้ พูดเบาๆตอบ “พะตี้คิดว่า เสือในฝันคืออังซูเรย์” เสียง ชำนาญกับณรงค์อุทานหลุดมาเห
“ผมคิดว่ามันมีวิญญาณร้ายที
“ก็เลย ไปใช้อาคมหรือเวทมนต์ บังคับช้างให้มา เหยียบเราแทน ใช่หรือไม่”ชำนาญ สอดมา พิทักษ์เหลียวหน้าไปมองสหาย
..........................
Dante
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ