Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา
เขียนโดย Blueheadphone
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) กาญผจญภัยครั้งที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อืม...”
แสงแดดอ่อนยาเช้าส่องผ่านเข้ามาภายในห้องผ่านผ้าม่านผืนบาง เด็กหนุ่มผมฟ้าลุกขึ้นมานั่งพลางบิดขี้เกียจสักรอบสองรอบ ดวงตาสีชมพูสดใสนั้นชำเลืองลงไปมองหญิงสาวซึ่งขยับไปมาเล็กน้อยบนเตียง
“ตื่นได้แล้วมั้ง”ว่าก่อนจะขึ้นคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่าย “รึจะให้ทำตอนเธอนอนอยู่แบบนี้?”
“นี่ฉันแทบไม่ได้นอนทั้งคืน...ขอนอนก่อนไม่ได้หรือไงกัน?”เธอว่าทั้งๆตายังคงหลับอยู่ “แต่ถ้ายังไหว...ก็จัดมาเถอะ”
“ไม่เคยพอใจอยู่แล้ว”คนผมฟ้าว่าแล้วก็หัวเราะ “แค่คืนเดียวเท่านั้น อย่าหลงรักผมซะล่ะ”
โซเฟียกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดปนเสียวซ่านไปทั่วกายพร้อมกับใช้เล็บของเธอจกลงบนแผ่นหลังอันมีรอยสักรูปร่างประหลาดถูกวาดอยู่ของเบ็คกาลอส เด็กหนุ่มกอบโกยความตัณหาของตนเองโดยไม่สนใจคนซึ่งอยู่ด้านล่างและยิ่งเวลาล่วงเลยไปมากเท่าใดเขาก็มีความรุนแรงต่อการกระทำมากเท่านั้น แต่นั่นกลับไม่ใช่ความทรมาน เพราะมันคือความสนุกและความต้องการของทั้งสองฝ่าย
ก๊อกๆ
ในช่วงเวลาซึ่งไฟอารมณ์นั้นไม่สามารถหยุดให้ดับลงได้เสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้น เบ็คกาลอสสบถออกมาด้วยความหัวเสียงที่ช่วงเวลาความสุขกำลังถูกขัดจังหวะ เจ้าตัวถอนอ้อมกอดของตนออกจากคนใต้ร่างแล้วขยี้เส้นผมตนเองด้วยความหงุดหงิดขณะเดินไปเปิดประตู
“มีอะไร!?”เด็กหนุ่มตะโกนถามอีกฝ่ายซึ่งเขาเองก็รู้ว่าเป็นใครเพราะสามารถสัมผัสคลื่นวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายได้
“มีธุระจะคุยด้วย”
วูดวูฟตอบคู่สนทนาก่อนที่สายตาของเขาจะมองต่ำลงไปแล้วต้องรีบเงยขึ้นมาจ้องดวงตาสีชมพูดของอีกฝ่าย เขาแอบชำเลืองมองเข้าไปภายในห้องพักเก่าๆก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังใช้ผ้าห่มพันปกปิดเรือนร่างของตนต่างจากฝ่ายชายซึ่งเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรกับสายตาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ”คนผมฟ้าถอนหายใจ “บอกแล้วไงว่าเงินน่ะไม่ต้องการ แค่ที่อัศวินขาวให้มามันก็มากพอแล้ว ขอตัวล่ะ”
“เดี๋ยว!”ชายร่างหนาใช้ตัวเองบังประตูซึ่งกำลังจะปิด “ไม่ใช่เรื่องเงิน”
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ?”
“ขอเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว”
“ไม่เห็นรึไงว่าฉันไม่ว่าง?”
“แต่นี่เรื่องสำคัญ”
“เฮ้อ”อีกครั้งที่เบ็คกาลอสต้องถอนหายใจแรงแล้วเดินไปวางเงินบนเตียงข้างๆคู่นอนของตน “ไปซะโซเฟีย”
เด็กหนุ่มคว้าเสื้อผ้าของเธอซึ่งกองอยู่บนพื้นแล้วโยนให้เธอไปแต่งตัวในห้องน้ำ หญิงสาวกัดฟันเหมือนไม่สบอารมณ์แต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ โซเฟียรับเงิน ไปแต่งตัวในห้องน้ำแล้วจากไปแต่โดยดีทิ้งให้ทั้งสองอยู่กันภายในห้อง
“มีอะไรก็ว่ามา”เจ้าตัวว่าพลางนั่งลงบนเตียง
“…”คนผมดำเบือนหน้าหนีก่อนจะพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ปะ...ไปแต่งตัวก่อนไป”
“เรื่องมากซะจริงนะ”คนผมฟ้าหัวเราะเล็กน้อยแล้วทำตาม “พอใจแล้วนะ?”
ชายผมดำพยักหน้าเมื่ออย่างน้อยอีกฝ่ายก็สวมกางเกงปิดจุดสำคัญเอาไว้ เขาลากเก้าอี้ไม้และโต๊ะเล็กมาไว้ตรงหน้าของเบ็คกาลอส เขาเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาด้วยการถอดต่างหูของตนเพื่อวางให้เด็กหนุ่มดู หากมองผ่านๆก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่เครื่องประดับธรรมดาทั่วไป หากแต่คนผมฟ้าต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อสิ่งของตรงหน้าเขาคือ...
“1 ใน 7 อัญมณีแห่งแสง ต่างหูดำจอมเวทย์บรรพกาล ‘มานุส’!!!”
“ใช่แล้ว”วูดวูฟพยักหน้า
“เอามาให้ฉันดูทำไม?”คนอายุอ่อนกว่าถาม “ถ้านายบอกว่า ‘ใช่แล้ว’ แสดงว่านายก็ต้องรู้จักค่าของมันอยู่พอสมควร”
“ก็เพราะฉันต้องการรวมมันให้ครบทั้ง 7 ชิ้นยังไงล่ะ”
“แล้ว?”เบ็คกาลอสเอียงคอแล้วหลบตาอีกฝ่าย
“ตำนานกล่าวเพิ่มไว้ว่าอัญมณีแต่ละชิ้นจะมอบพลังแตกต่างกันตามสีของมัน และเมื่อมันอยู่ในระยะตามกำหนดทั้งสองชิ้นจะเกิดปฏิกิริยาบางอย่าง...”
คนผมดำบอกตามสิ่งที่เขาเคยอ่านและจากการเจอมันกับตัวซึ่งเป็นตอนเหตุการณ์ในเมื่อวานเวลาเย็น ดังนี้
“นักล่าไร้สังกัด ‘เบ็คกาลอส’ รายงานตัวในภารกิจคร้าบบบบ (>W<)Y”
เบ็คกาลอสกล่าวเปิดการแนะนำตัวของตนเองก่อนจะหันมามองร่างชายหนุ่มทั้งสองคนซึ่งนอนฟุบอยู่กับพื้น เขาส่ายหัวไปมาเมื่อวางกระเป๋าลง มือที่ยื่นเข้ามาจับคอเสื้อของทั้งสองเอาไว้ก่อนจะลากร่างซึ่งไร้เรี่ยวแรงไปพิงไว้กับกำแพงของบ้านหลังหนึ่ง
ขณะนั้นปฏิกิริยาขอสิ่งของสองสิ่งก็เกิดขึ้น ต่างหูดำของเขาเรืองแสงสว่างออกมาเช่นเดียวกับตรงบริเวณคอของเด็กหนุ่มที่มีแสงสว่างส่องออกมาเช่นกัน
“ระวังนะขอรับเจ้านาย!!!”
เสียงเตือนของตุ๊กตาดังออกมาในขณะที่กระสุนไฟถูกยิงให้พุ่งตนมา เท็ดดี้จึงออกแรงเตะกระเป๋าไม้ส่งไปให้กับเจ้านายของตน เด็กหนุ่มรับมันมาก่อนจะเปิดอ้าออกแล้ววางลงบนพื้น ทันใดนั้นสนามพลังสีฟ้าก็ถูกปล่อยออกมาจากด้านในกระเป๋าป้องกันการโจมตีทุกชนิด
“อย่าออกมาล่ะถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
คนผมฟ้าทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินออกจากม่านพลังไปได้อย่างง่ายดาย เขาก้มลงไปเก็บหอกของอัศวินขาวซึ่งตกอยู่บนพื้นออกมาควงไปมาอย่างชำนาญ
“มันก็แค่นักล่าเพิ่มมาอีกคนเดียวมันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอกน่า!!!”
ปีศาจใบมีดตะโกนออกมาด้วยความเกี้ยวกราดในขณะกำลังใช้เท้าเตะอีกฝ่าย หากแต่ร่างของคนผมฟ้ากลับหายไปต่อหน้าต่อตาแล้วมันก็ถูกสะกิดจากด้านหลัง เด็กหนุ่มส่งยิ้มอันอ่อนโยนให้ก่อนจะใช้ปลายหอกกระแทกไปยังสีข้างอย่างจัง
จิ้งจอกสามหางเคลื่อนไหวเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยเท้าทั้งสี่ข้างของมันแล้วใช้หางทั้งสามส่วนพุ่งมาหานักล่าตรงหน้า อีกฝ่ายแสยะยิ้มแล้วสามารถปัดป้องการโจมตีจากหางทั้งสามได้อย่างง่ายดายด้วยหอกพิเศษซึ่งถูกเสริมพลังเวทย์เข้าไป
เบ็คกาลอสกระโดดถอยหลังเมื่อรู้สึกว่าตนเองถูกเล็งจากบางสิ่ง ทันใดนั้นลูกธนูก็ถูกยิงออกมาด้วยการกระทำของเหล่าโครงกระดูก ก้มตัวหลบใบมีดจากทางด้านข้างก่อนจะกลิ้งหลบกระสุนไฟขนาดใหญ่กับพวกลูกธนูได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไว
“ได้แค่นี้รึไงกัน?”
“อย่าดูถูกกันนะ!”
หมาจิ้กจอกพุ่งตัวเข้าไปใช้กรงเล็บยาวของมันตะปบร่างของเด็กหนุ่ม ซึ่งผลก็ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้งเมื่ออีกฝ่ายสามารถหลบได้ทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งใช้หางและเพื่อนมาช่วยกันฆ่าเด็กคนนี้ คนผมฟ้าก็สามารถปัดป้อง หลบและสวนกลับไปได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองตนคำรามออกมาเพราะความโกรธจัด ก่อนที่เหล่าโครงกระดูกจะสลายหายไปในอากาศแล้วกลุ่มวิญญาณสีดำก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของพวกมันทั้งสอง พวกมันมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นและพลังเวทย์ก็เพิ่มขึ้นไปตามขนาดเช่นกัน
เบ็คกาลอสยืนมองการเปลี่ยนแปลงของพวกมันทั้งๆที่กำลังยืนกอดอกราวกับไม่หวั่นเกรงอะไร ในขณะเดียวกันหมาจิ้งจอกก็ยิงลูกไฟการโจมตีประจำตัวเข้ามา และในครั้งนี้มันใหญ่และเร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แม้กระนั้นก็ตามวีรบุรุษของเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน
“ถ้าแกคิดว่าหลบได้ก็ลองดูสิ!...นั่นแกจะทำอะไร!?”
ปีศาจตนเดิมส่งเสียงท้าทายก่อนจะตะลึงเมื่อเด็กคนนั้นกลับหัวเราะและยื่นมือออกไปด้านหน้า คนผมฟ้าใช้เพียงแค่มือเปล่าไม่ได้เสริมอะไรเข้าไปแม้แต่สนามพลังก็สามารถตบการโจมตีนั้นให้กระเด็นขึ้นไปบนฟ้าได้ก่อนที่มันจะแตกกระจายแล้วกลายเป็นลูกไฟนับสิบตกลงมายังด้านล่าง
“ของพรรค์นี้น่ะ...แค่นิ้วกลางก็พอแล้ว”เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วให้นิ้วนั้นกับปีศาจทั้งสองตนซึ่งกำลังอ้าปากค้าง “ดูเหมือนฉันจะประเมินพวกแกสูงไปแฮะ แม้จะถูกเสริมพลังจากสิ่งต่างๆพวกแกก็เป็นเพียงแค่ปีศาจระดับ B ไม่ใช่คู่มือเลยแม้แต่น้อย”
ร่างของเด็กหนุ่มหายไปจากการมองเห็นของทุกครั้งแล้วโผล่มาอีกทีก็เมื่อใช้ส่วนหัวของปีศาจทั้งสองตนเป็นแท่นกระโดดให้สูงขึ้น ฉับพลันลมกรรโชกแรงก็ถูกพัดเข้ามาทางใดก็ไม่มีใครทราบ ลมนั้นเสริมการกระโดดของคนกลางอากาศให้สามารถไปได้ไกลมากขึ้น
กลุ่มเมฆสีดำรวมตัวกันอยู่ด้านบนตรงจุดที่วงเวทย์นั้นกำลังทำงานอยู่ ดวงตาของเบ็คกาลอสเปลี่ยนสีจากสีชมพูให้กลายเป็นสีฟ้าพร้อมกับกระแสไฟฟ้าซึ่งถูกสร้างขึ้นตามลำตัวเพื่อส่งไปยังหอกในมือ
สายฟ้าผ่าลงมาดังลั่นใส่เด็กหนุ่มคนนั้นที่พุ่งลงมาทำลายวงเวทย์ประหลาดนั่นจนพื้นเบื้องล่างแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทำให้มันหายไปจากการไม่มีจุดยึดให้มันอยู่ด้วยกัน เบ็คกาลอสดึงหอกออกมาจากพื้นแล้วเดินเข้ามาหาปีศาจทั้งสองตนที่กำลังก้าวถอยหลังเพื่อหนีปีศาจร้ายตรงหน้า
“กะ...แกเป็นตัวอะไร!?”
“ฉันแค่คนธรรมดา...”
เด็กหนุ่มตอบแล้วขว้างหอกพุ่งเข้ามาเสียบทะลุส่วนอกของปีศาจหมาจิ้งจอกพาเอาหัวใจซึ่งยังคงเต้นตุ้บๆติดมาด้วย ร่างของมันทรุดตัวลงอย่างช้าๆลงกับพื้นก่อนจะหมดลมหายใจไปในไม่กี่วินาทีต่อมา
“ที่วอนหาเรื่องเป็นบางเวลา”
“ว้าก!!!”
ปีศาจอีกตนกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับสยายปีกเหล็กของมันออกมาจากแผ่นหลังแล้วพัดลมให้แรงเพื่อให้ฝุ่นผงต่างๆพุ่งไปหาเด็กหนุ่มและหาจังหวะในการหลบหนี เมื่อสบโอกาสปีศาจใบมีดกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
เบ็คกาลอสถอนหายใจยาวแล้วดึงหอกออกมาจากร่างไร้วิญญาณบนพื้นพลางเล็งไปยังจุดสำคัญของอีกฝ่าย เขาโยนมันขึ้นจนมันตกลงมาในจุดที่ต้องการก็ออกแรงเตะมันพุ่งตรงไปยังร่างของปีศาจบนฟ้านั่น
ฉึก!
มันสำลักเลือดสีแดงสดออกมาก่อนจะร่วงลงไปในกลางป่าด้านหลังของหมู่บ้าน แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือหอกนั้นมันดันพุ่งกลับมา เด็กหนุ่มรับมันมาไว้ในมือแล้วสะบัดคราบเลือดออกไปแล้วใช้มืออีกข้างปัดคราบเปื้อนบนเสื้อของตนเอง
“ภารกิจเสร็จสิ้นช่วยแบ่งค่าตอบแทนให้ด้วยล่ะ”
หลังจากนั้นเมื่อพลังเวทย์ลึกลับนั้นหายไปทุกคนก็สามารถกลับมาขยับและเคลื่อนไหวได้อย่างปกติ เสียงเฮในชัยชนะโห่ร้องให้กับเด็กหนุ่มที่สามารถกำจัดปีศาจทั้งสองตนไปได้อย่างง่ายดาย เบ็คกาลอสรับเสียงชื่นชมและคำขอบคุณนั้นก่อนจะมองขึ้นไปยังกำแพงสูงซึ่งมีใครบางคนยืนอยู่
สิ่งมีชีวิตในชุดคุมแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะกลายเป็นกลุ่มควันสีดำแล้วหายไปในอากาศ เด็กหนุ่มยักไหล่อย่างไม่สนใจแล้วช่วยพวกทหารที่กำลังร่วมกับชาวบ้านซ่อมแซมส่วนต่างๆของเมือง
ด้วยพลังเวทย์ของหน่วยซ่อมแซมงานทำให้มันสร้างกลับมาเป็นสภาพเดิมได้ในเวลาอันสั้น ไม่ช้างานเลี้ยงครั้งใหญ่ก็ถูกจัดขึ้น มันเป็นงานของอัศวินขาวโดยเฉพาะเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้รับตำแหน่งนี้มาซึ่งแน่นอนว่าเขาเองก็ได้เชิญคนในหมู่บ้าน เบ็คกาลอสและวูดวูฟมาร่วมงานเช่นกัน
ท่ามกลางแสงไฟ เสียงดนตรีและเครื่องดื่มมึนเมาทำให้สติของเด็กหนุ่มค่อนข้างจะเลือนราง มีหลายคนมาชวนเขาคุยซึ่งเขาก็ตอบถูกบ้างไม่ถูกบ้างก่อนจะถูกวูดวูฟจับลากไปนั่งกับเก้าอี้แล้วอีกฝ่ายก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่ม
สุดท้ายแล้วเขาซึ่งกำลังจะเดินทางไปหาที่พักก็พบเข้ากับโซเฟียระหว่างทาง เธอส่งยิ้มยั่วยวนให้โดยปกติแล้วเบ็คกาลอสก็ไม่ใช่คนชอบเรื่องอะไรแบบนี้ แต่นานๆทีหัวใจคนเราก็ต้องย่อมมีเวลาเหงาและเปล่าเปลี่ยวบ้างจึงชวนเธอไปด้วยกัน
และเรื่องราวต่อจากนั้นถือว่าคงจะรู้กัน....
“นั่นสินะอัญมณีของนาย”
วูดวูฟชี้นิ้วมาที่สร้อยคอรูปประหลาดของเบ็คกาลอส มันมีลักษณะอันแปลกประหลาดโดยมองยังไงก็ไม่ใช่เครื่องประดับ เพราะมันคล้ายกับแม่กุญแจถูกคล้องด้วยโซ่และนำมาไว้ตรงคอซะมากกว่าหากไม่อัญมณีสีฟ้าอยู่ตรงกลางนี่ก็ใช่เลย
“แม่กุญแจฟ้าบรรพกาล ‘ยูลาส’”เด็กหนุ่มเอ่ยชื่อมันออกมา “สิ่งสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้...”
“ขอดูมันหน่อย”
คนผมฟ้าถอดมันออกจากคอแล้ววางลงบนโต๊ะ มือของชายร่างหนาเอื้อมมาคว้ามันและเอาเครื่องประดับทั้งสองชิ้นมาชิดกัน ฉับพลันแสงสว่างจ้าก็ถูกปล่องออกมาจนทั้งสองคนต้องหลับตา
เบ็คกาลอสลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองถูกดึงเข้าไปในบรรยากาศอันคุ้นเคย กลิ่นที่คิดถึง และภาพในวันวาน ตรงหน้าของเขาคือบานประตูไม้อันแสนจะคิดถึง เมื่อหันไปมองกระจกด้านข้างก็พบกับตนเองในวัยเด็ก...เด็กน้อยที่ยืนรอพ่อของตนเองกลับบ้านทุกๆวัน ของฝากทุกครั้งที่ทำภารกิจเสร็จและเล่นด้วยกันหน้าประตูนี้เสมอทั้งตอนออกไปหรือเข้ามา
ลูกบิดบานประตูตรงหน้าค่อยๆถูกบิดพร้อมกับประตูนั้นกำลังถูกผลักเข้ามาด้านใน เด็กน้อยผมฟ้ายิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมพยายามจะขยับตัวไปดึงประตูนั้นให้เปิดในทันที หากแต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้นอกจากส่วนขึ้นไป
“พ่อกลับมาแล้ว”
“พ่อครับ...ยินดีต้อนรับกลับนะ...”
ในขณะเดียวกันทางด้านของวูดวูฟเขาตื่นขึ้นมาในสถานที่อันแปลกตา มันมีลักษณะคล้ายกับกระท่อมเมื่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างก็จะพบกับต้นไม้สูงใหญ่มากมายจึงคาดว่าที่ตั้งของที่นี่คือป่าลึก เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงประตูไม้ด้านหน้าเขยื้อน ชายหนุ่มรีบคว้ามีดเล่มหนึ่งซึ่งวางอยู่ตรงโต๊ะด้านข้างเพื่อเตรียมพร้อมต่อการต่อสู้
ฉับพลันกลิ่นกายของสิ่งมีชีวิตเบื้องหลังประตูนั้นก็ลอยเข้ามาในจมูก แม้จะไม่เคยได้กลิ่นแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“ในที่สุดเราก็ได้พบหน้ากันสักทีนะ”เสียงผู้ชายด้านหลังประตูบอก
“ใครน่ะ?”
“จำพวกเราไม่ได้รึยังไง?”คราวนี้เป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง
“ตอบมาสิว่าใคร!?”
“ก็พ่อและแม่ของลูกไง”
“ว่าไงนะ...”
ยังไม่ทันจะได้พบเจอหน้าของพ่อและแม่ของแต่ละฝ่าย ทั้งสองก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในมิติเดียวกันอีกครั้ง ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้ากันสักพักก่อนจะได้ยินเสียงก้าวเท้าเดินเข้ามาของใครสักคนหากแต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ เพราะจุดที่เขาทั้งสองคนอยู่กับจุดที่ชายคนนั้นกำลังก้าวเข้ามาช่างห่างไกลกันเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังมีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่รอบตัวชายคนนั้นทำให้มองยากขึ้นไปอีก
“จงรวบรวมอัญมณีทั้ง 7 ให้ครบ แล้วข้าจะมอบพรทั้ง 7 ข้อให้พวกเจ้า”
และแล้วแสงสว่างวาบครั้งสุดท้ายก็เกิดขึ้น วิญญาณของทั้งสองกลับเข้าร่างมายังห้องพักเก่าๆของเบ็คกาลอสเช่นเคย ทั้งคู่ต่างหอบหายใจแฮกๆราวกับไปเผชิญศึกหนักมากันก่อนที่จะเงยหน้ามามองกัน
“เห็นเหมือนกันใช่ไหม?”เบ็คกาลอสเอ่ยถาม
“ใช่”วูดวูฟพยักหน้า “มันคือใครกันแน่?”
“ไม่รู้สิ”เด็กหนุ่มว่าแล้วจึงค่อยสวมสร้อยคอของตน “สนใจมาทำสัญญาด้วยกันไหม?”
“สัญญาอะไร?”
“ร่วมทีมกันไง”เด็กหนุ่มว่า “ถ้าเรารวมมันครบกันได้ทั้ง 7 ชิ้นฉันขอคำขอพรแค่ 3 ข้อก็พอใจแล้วอีก 4 ข้อยกให้นายเลย”
“ก็จริงอยู่ว่าอัญมณีแต่ละชิ้นจะดึงดูดกัน แต่ระยะนั้นมันต้องใกล้มาก เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีก 5 ชิ้นอยู่ที่ไหน”
คนผมฟ้ากลิ้งลงจากเตียงไปหากระเป๋าไม้ใต้เตียงก่อนจะนำมันมาวางไว้บนเตียง เมื่อเปิดมันออกก็พบเข้ากับตุ๊กตาหมีเท็ดดี้เป็นสิ่งแรก หากนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเพราะสิ่งที่เขาอยากได้นั่นคือข้อความใต้ผ้าผูกคอนั้น
“ต้องลองไปขอข้อมูลจากคาเอมกับเซอร์เพ็นซะหน่อยแล้ว!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ