Sensuality รัก? รัญจวนใจ?
เขียนโดย Licht
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.34 น.
แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2561 23.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Touch me (BL)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ผมรับงานพิเศษจากคำแนะนำของรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่ง ไม่ใช่งานยากอะไรนักแค่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นในตัวเองสูงสักหน่อย และที่สำคัญคือต้องไม่ประหม่าเมื่อถูกสายตานับสิบคู่จ้องมองมาบนร่างที่เปลือยเปล่าโดยไม่มีอะไรปกปิดของผม
การรับงานเป็นนายแบบนู้ดให้ตามสถาบันสอนศิลปะไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างหน้าตาดีนักศึกษาศิลปะต้องการศึกษาสรีระทุกรูปแบบ แต่การที่ผมมีกล้ามเนื้อที่สวยอย่างเป็นธรรมชาติและการที่มีร่างกายยืดหยุ่นสามารถทำท่าทางได้ตามที่ต้องการก็เป็นข้อดีของผม โดยปกติเรารับงานผ่านเอเจนซีเพราะปลอดภัยกว่ามีการตรวจสอบและไม่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานอะไรแปลกๆ รวมถึงสามารถพิจารณาข้อตกลงของแต่ละงานได้
งานที่ผมรับมางานนี้เป็นการจ้างงานโดยตรงจากผู้ว่าจ้างที่ผ่านรุ่นพี่ของผมและเราได้คุยโทรศัพท์เพื่อตกลงรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ผู้ว่าจ้างยังโอนค่าตัวผมล่วงหน้ามาให้ด้วยเรียกว่าคุยกันง่าย เมื่อผมเดินทางมาถึงบ้านและสตูดิโอส่วนตัวของเขา บ้านเดี่ยวขนาด 2 ชั้นที่ชั้นล่างถูกดัดแปลงเป็นพื้นที่ทำงานของเจ้าของบ้าน มันจึงเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับใช้ในงานศิลป์ ผู้ว่าจ้างของผมเป็นชายร่างใหญ่ที่มีดวงตาเหมือนปลาตายนิ่งสนิทและไร้แวว ช่างดูไร้ความน่าสนใจ ทั้งยังไม่สูบบุหรี่ไว้ผมหรือหนวดเครายาวเหมือนศิลปินบางคนหรืออาจจะหลายคน เขาชี้ให้ผมนั่งที่เก้าอี้มีพนักพิงตัวหนึ่งที่เตรียมไว้อยู่หน้าโต๊ะที่มีกระดานรองเขียนกับกระดาษวาดภาพวางอยู่
ทีแรกผมเข้าใจว่าอาจต้องทนร้อนแล้วแต่ยังดีที่นายจ้างผมใจดีเปิดแอร์ให้ เขาบอกว่าตอนนี้ยังไม่ต้องถอดหรอกให้นั่งก่อน เพียงแต่เขาจะขอถ่ายรูปหรือสเก็ตช์รูปเก็บเอาไว้สักหน่อย ผมพยักหน้าเพราะตอนว่าจ้างมีกล่าวถึงเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่ถ่ายของสงวนหรือนำรูปพวกนี้ไปเผยแพร่ที่ไหน หากผมไม่มั่นใจสามารถขอตรวจสอบรูปได้หลังจากที่เขาถ่ายเสร็จ กล้องถ่ายรูป DSLR ชนิดความละเอียดสูงติดตั้งเลนส์ถูกนำมาถ่ายผมในหลายๆ มุม เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างผมเพื่อเปิดรูปที่เพิ่งถ่ายให้ดู ผมจึงได้เห็นตัวเองในแบบ 360 องศาเลยที่เดียว เขาบอกว่าการมีเทคโนโลยีนั้นช่วยได้เยอะหากมีของจริงเป็นแบบก็ยังดีกว่า
ผมพบว่าสิ่งเดียวที่ดูน่าสนใจของชายคนนี้คือ มือ เขามีมือและนิ้วมือที่สวย นิ้วยาวแกร่งดูมีพละกำลัง จากนั้นเขากลับไปนั่งที่โต๊ะหยิบดินสอมาร่างภาพผมในระยะใกล้ ทั้งหน้าตรง ซ้าย-ขวา บางครั้งก็สเก็ตช์เจาะจงบางส่วนบนใบหน้าของผม บางครั้งเขาหยิบอุปรณ์ที่คล้ายวงเวียนที่ปลายทั้งสองข้างโค้งเข้าหากันตรงกลางมากางออกเพื่อวัดมุม บางครั้งก็หยิบแวร์นิเย (Vernier Caliper) มาวัดขนาด จากนั้นจึงจดทุกอย่างลงบนภาพสเก็ตช์ที่เขาวาดไว้ ทั้งหมดกว่าจะเสร็จกินเวลาไปจนใกล้เที่ยง แม้เขาจะคอยบอกว่าหากเหนื่อยผมจะพักสักครู่ก็ได้ ผมก็ขอแค่เวลาดื่มน้ำที่เขาเตรียมให้บ้างกับเข้าห้องน้ำในช่วงนั้น อันที่จริงผมไม่เสียเปรียบหรอก เขาจ่ายค่าจ้างผมเป็นรายวันถึงวันนี้ไม่เสร็จวันต่อไปหากเขายังอยากเรียกใช้ผมอีกก็ไม่เป็นไร พอใกล้เที่ยงเขาก็ถามผมว่าจะทานอะไรเพื่อโทรสั่งอาหาร นี่เป็นอีกสวัสดิการที่ผมพอใจกับงานนี้ ค่าจ้างรายวันจ่ายล่วงหน้าพร้อมอาหารกลางวัน-เย็น
หลังพักทานอาหารกลางวันเขาถึงให้ผมถอดเสื้อออกเขาชี้ไปที่ราวด้านข้าง ผมถอดเสื้อยืดที่สวมมาออกใส่ไม้แขวนที่เตรียมไว้ให้บนราวก่อนกลับมาคราวนี้เขาขอให้ผมยืน เขาถือกล้องเดินรอบผม 2-3 รอบ ก่อนจะตรวจสอบรูปทั้งหมดต่อหน้าผม จากนั้นเขาให้ผมนั่งลงแล้วเขาก็สเก็ตช์ภาพอย่างต่อเนื่อง ผมนั่งนิ่งบ้าง ขยับตัวเปลี่ยนท่าตามที่เขาสั่ง แต่ดวงตาผมยังคงจับจ้องเพียงสิ่งเดียว...มือคู่นั้นของเขา ที่ข้างหนึ่งกำลังถือดินสอในแนวขนานกับกระดาษเพื่อแรเงา ข้างหนึ่งตรึงกระดาษกับกระดานรองให้อยู่กับที่ มือขวาของเขากำลังสร้างสิ่งที่ราวกับผมไม่ใช่ต้นแบบของมันขึ้นเป็นสิ่งที่ดูงดงามและมีเสน่ห์...งดงามเกินไปแล้ว สายตาผมจ้องมองสิ่งที่มือคู่นั้นต่างประสานงานกันสร้างขึ้นมา บางครั้งงานศิลปะงดงามขึ้นได้หาใช่เพราะต้นแบบ แต่เป็นศิลปินได้ใส่จิตวิญญาณของตนลงไปสินะ เราสองคนพูดจากันน้อยมากกระทั่งช่วงพัก บทสนทนาที่ยาวที่สุดคือ ผมจะทานอะไรเป็นอาหารเย็น ผมทานอาหารเย็นกับผู้ว่าจ้างก่อนจะลากลับ ระหว่างทานข้าวเขาบอกผมว่า พรุ่งนี้ผมคงต้องถอดทั้งหมดจริงๆ แล้วนะ ผมยิ้มพร้อมกับยักไหล่ให้เขา
“นั่นเป็นงานที่คุณจ้างผมมาอยู่แล้วนี่”
วันต่อมาผมเข้าไปถอดทุกอย่างในห้องน้ำยกเว้นเสียแต่ปราการด่านสุดท้ายของท่านชายที่เขาบอกว่าตอนนี้เขายังไม่สนใจจะใช้ ผมที่เคยเปลือยหมดตัวกลับรู้สึกว่าการมีของหนึ่งชิ้นอยู่บนร่างกายที่ไม่มีอะไรเลยนี่ต่างหากที่เป็นจุดสนใจ แต่เมื่อผู้ว่าจ้างบอกว่าไม่ต้องผมจึงไม่ได้ถอดกางเกงชั้นในแบบบิกินี่ออก แล้วคลุมด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำก้าวเดินออกไป เขาชี้จุดให้ผมยืน ตาผมจ้องมองไปยังสิ่งที่เขาเตรียมเอาไว้ ขณะที่ผมปลดสายคาดเอวของถอดเสื้อคลุมออก เขาเองก็ดึงเอาผ้าชุบน้ำหมาดๆ ที่คลุมสิ่งที่ผมจ้องอยู่ออก เป็นดินเหนี่ยวที่โปะบนโครงลวด ส่วนที่เป็นศีรษะน่าจะขนาดใกล้เคียงกับศีรษะของผมต่อกับส่วนคอลงไปถึงอกน่าจะเป็นผลจากการวัดสัดส่วนอะไรหลายอย่างเมื่อวาน
ดวงตาของเขายังไร้แววเหมือนเดิม สองมือเขายิ่งน่าสนใจกว่าเดิม เมื่อเขาบอกผมว่าวันนี้ขอสัมผัสใบหน้าและตัวผมสักหน่อยเงื่อนไขนี้อยู่ในรายละเอียดที่ผมทราบมาแต่ต้น ผมรู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายประหม่ายามสัมผัสผมด้วยซ้ำ เขาพยายามล้างมือให้สะอาด เช็ดมือจนแห้งสนิท ก่อนที่ปลายนิ้วสวยๆ นั้นจะแตะลงบนใบหน้าของผม เพียงแผ่วเบา ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนจากปลายนิ้วของเขายามลากผ่านส่วนโค้งบนใบหน้า ส่วนที่นูนขึ้นมาและส่วนที่ลึกเข้าไป
“...ดวงตา...” ผมได้ยินเสียงเขาพูด “...เป็นสิ่งที่ยากที่สุด”
เขาใช้ดวงตาที่นิ่งสนิทเหมือนปลาตายนั้นมองมาที่ผม เขานั่งลงตรงหน้าผมพร้อมกับบอกว่า
“ตอนนี้มองมาที่ฉัน...มองตรงมา”
ผมจึงต้องมองตาของเขา ถึงกระนั้นผมก็อดมองมือของเขาไม่ได้ มือที่หยิบเครื่องมือที่ใช้ในการปั้นดินเหนียวขึ้นมา ผมไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไรบ้างยามเขามองมาที่ผม ผมก็มองตาเขา เมื่อใดที่เขาละสายตาจากผม ผมก็มองไปยังมือของเขาที่ปั้นดินเหนียวให้เป็นรูปทรง บางครั้งที่เขาเอื้อมมือมาเพื่อจะสัมผัสผมแต่มือของเขาเลอะอยู่ เขาจึงได้แต่ดึงมือกลับก่อนหาทิชชู่เปียกมาเช็ดมือตัวเองให้สะอาดก่อนสัมผัสผม
บางครั้งเขาก็มองมาพร้อมกับถามผมว่า พักก่อนไหม? หรือถามว่าแอร์เย็นไปไหม? ผมทราบว่าเขาพยายามลดลมแอร์ลงแล้ว เพื่อให้เหมาะสมกับการปั้นดินเหนียว
เมื่อส่วนหัวเริ่มเป็นรูปเป็นร่างก็มาที่คอ คราวนี้มือของเขาแตะบริเวณต้นคอไล่ลงมาถึงรอยบุ๋มของไหปลาร้า จากนั้นก็ไล้ไปตามความยาวที่แผ่ออกไปจนถึงไหล่
“กล้ามเนื้อนายสวย แต่นายไม่ได้เข้าฟิตเนสไม่ใช่หรือ”
ผมยิ้มให้เขาพร้อมคำตอบว่าผมไม่มีเงินขนาดนั้น อาศัยว่าผมทำงานใช้แรงรับจ้างสารพัด
“...ฉันชอบกล้ามเนื้อแบบนี้นะ” เขาว่าก่อนจะกลับไปหยิบเครื่องมือเพื่อทำงานต่อ
ผมจึงมองมือที่สัมผัสผมเมื่อครู่ นึกถึงความอุ่นร้อนของปลายนิ้วที่ส่งผ่านมายังผิวของผม เขาเล่าให้ผมฟังว่า เขาก็ต้องไปออกกำลังกายบ้างเช่นกันไม่เช่นนั้นจะเสียสุขภาพหากนั่งทำงานเพียงอย่างเดียว แล้วเขาก็พูดเรื่องที่น่าสนใจขึ้น
“เคยคิดไหม ฉันอาจจะเป็นคนสัมผัสนาย แต่นายก็ได้สัมผัสฉันเช่นกัน...”
วันต่อมาผมยังมานั่งประจำอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่ได้สวมอะไรเลย
“ดวงตานายวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวานอีกแล้ว ฉันอาจต้องปรับแต่งใหม่”
ผมเลิกคิ้วก่อนจะถามออกไป “แล้วคุณชอบแบบไหนมากกว่า”
“วันนี้...”
ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม เพียงแต่ผมนึกไม่ถึงว่าเขาจะสังเกตผมขนาดนั้น และผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เลยเพียงแต่ว่าเมื่อได้รับรู้สัมผัสจากปลายนิ้วที่ส่งผ่านมายังผิวของผม จากมือคู่นั้นผมจึงเริ่มมองลึกเข้าไป โดยไล่สายตาไปที่ท่อนแขนล่ำสัน ไปที่บ่าไหล่ บางครั้งก็หยุดสายตาพิจารณาอกกว้างๆ ว่าจะมีกล้ามเนื้อแบบไหนกัน
เขาขอให้ผมยืนขึ้นทำท่าทางตามที่เขาต้องการ ผมพยายามมองไปที่ดวงตาที่เหมือนปลาตายคู่นั้นเพื่อที่ผมจะได้ไร้อาการตอบสนองใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากผมเปลือยทั้งตัว
เมื่อเขายื่นเสื้อคลุมมาให้ผมพร้อมกับบอกว่าพักก่อนเถอะ ผมก็สวมก่อนจะนั่งลงแล้วดื่มน้ำ ที่แย่ที่สุดของวันนี้ไม่ใช่ความรู้สึกว่าผมอยากจะลองวางมือบนอกเขาบ้าง แต่ผมเกิดอยากรู้ว่ามีทางไหนบ้างไหมที่ทำให้ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไปบ้าง ช่างเป็นความคิดโง่ๆ ผมคิด...มันเป็นไปไม่ได้
หลังจากนั้นตัวผมเหมือนไม่มีสมาธิ ช่างแย่จริงๆ ดูเหมือนว่าเขาเองก็สังเกตเห็น ผมมองดูชิ้นงานพร้อมกับคิดในใจว่า บางทีวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้มาที่นี่ก็ได้
ตอนที่ทานอาหารเย็นเขาบอกผมว่าเขาต้องทำโครงที่อาจต้องใช้เวลาไม่น้อย เอาไว้เขาจะนัดว่าให้มาอีกทีเมื่อไร ผมบอกว่าคุณไลน์มาบอกผมก็ได้ นี่คุณยังไม่ได้แอดไลน์ผมอีกหรือ เขาจึงค่อยนึกได้
หลายวันที่ไร้การติดต่อจากเขา อย่างไรผมก็ได้รับค่าจ้างที่ไปทำงานครบถ้วนแล้วผมจึงส่งข้อความผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ถามเขาว่า ระหว่างนี้ผมสามารถรับงานระยะสั้นก่อนได้ใช่ไหม เมื่อทางนั้นตอบกลับมาสั้นๆ ว่า ได้ ผมจึงติดต่อเอเจนซี่เพื่อรับงานเป็นนายแบบในห้องเรียนศิลปะ
ผมเคยได้ยินว่ามีชายชราชาวจีนผู้หนึ่งที่รับเป็นนายแบบนู้ดให้นักศึกษาเช่นเดียวกัน ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในนั้นมานานทำให้เขาเรียนรู้จนสามารถมอบคำแนะนำให้นักศึกษาเสมือนเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งได้ด้วยช่างน่าทึ่งจริงๆ ผมคิด บางทีผมอาจต้องศึกษาแบบครูพักลักจำดูบ้างแล้ว บ่ายแก่ของวันนั้นเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นดังขึ้นทันทีที่ผมเปิดเสียง
เขาส่งไลน์มาถามว่าเย็นนี้ผมว่างไหมมาทานข้าวเย็นด้วยกันสิ เขาอยากให้ผมแวะไปหาสักหน่อย ผมตอบไปทันทีว่าเพิ่งเสร็จงานจะเข้าไปหาพร้อมกับรายการอาหารที่อยากทาน
ผมไปถึงบ้านเขาพร้อมกับอาหารที่จัดเรียงเรียบร้อย ดวงตาของเขายังคงเหมือนปลาตายหากสีหน้าเขาดูหงุดหงิด
“มาทานข้าวกันเถอะ” เขาเรียกให้ผมนั่ง
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
หลังคำถามนั้นเขาจ้องตาผมเขม็ง
“...แววตานายเปลี่ยนอีกแล้ว” เขากล่าวขึ้นลอยๆ
“ผมขอโทษ...” ผมพูดออกไปทันทีเมื่อคิดว่าตัวเองอาจเป็นสาเหตุให้เขามีท่าทางหงุดหงิดเช่นนี้
เขาส่ายหน้าก่อนจะบอกผมว่า
“ไม่ใช่เพราะนายหรอก บางทีก็เป็นแบบนี้แหละ” เขานั่งลงตรงข้ามกับผม หยิบช้อนส้อมขึ้นก่อนลงมือทานอาหารเย็น โดยที่เราไม่มีคำพูดอะไรต่อกันอีกจนทานอาหารเสร็จ เขายกจานชามไปล้างก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม ระหว่างนั้นผมก็ปรี่ไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำเย็นมาเพิ่มแล้วนั่งลงที่ของตัวเอง
ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ผมก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันรู้สึกเหมือน...ยังมีบางอย่างไม่พอ...”
ผมเริ่มนึกอะไรได้จากประสบการณ์ในห้องเรียนศิลปะ
“อารมณ์ศิลปินอะไรจำพวกนี้หรือครับ ”
“ฉันไม่อยากใช้คำนี้หรอกนะ แต่ก็ใกล้เคียงล่ะ”
หลังจากนั้นเราก็คุยอะไรกันต่อจนกระทั่งผมลุกขึ้นไปล้างมือก่อนจะบอกเขาว่า
“ขอผมดูผลงานของคุณหน่อยได้ไหมครับ”
เขาพยักหน้าให้ ก่อนเดินนำผมเข้าไปที่สตูดิโอ เห็นขาตั้งที่ยึดบริเวณขาของรูปปั้นดินเหนียวเอาไว้ ผมเดินวนรอบ เอียงคอมองแล้วก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวผมที่มาเป็นแบบเลย...มันดูดีเกินไป ผมจึงหันไปถามเขา
“มีอะไรที่มันไม่โอเคหรือครับ”
“มีสิ...มันบอกไม่ถูก”
เป็นครั้งแรกที่ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา เขาชะงักเล็กน้อยแต่ผมยังไม่ได้ดึงมือกลับ ผมถามเขาตามตรง
“บอกผมหน่อยสิ ที่คุณไม่พอใจคืออะไร ผลงานของคุณหรือตัวผมกันแน่? ถ้าเป็นที่ผม ผมจะคืนเงินให้คุณทั้งหมดเพราะผมบกพร่อง คงเป็นแบบให้คุณไม่ได้อีก”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น” เขาจ้องมองผมด้วยดวงตาไร้แวว
“ดวงตาของคุณยามมองมาที่ผมมันไม่บ่งบอกอะไรเลย ทั้งที่ผมรู้สึกว่าในน้ำเสียงคุณยังมีความไม่พอใจแฝงอยู่”
ผมเลื่อนปลายนิ้วไปบนสันกรามของเขาขึ้นไปใกล้ดวงตา
“คุณบอกว่าแววตาผมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ทำไมแววตาคุณยังเหมือนเดิมล่ะ”
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น ผมไล้นิ้วไปบนริมฝีปากบางของเขา จู่ๆ มันก็แยกออกจากกันก่อนขยับเข้ามาระยะประชิด แล้วแนบสนิทกับริมฝีปากผม พอผมจะส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ กลายเป็นเปิดโอกาสให้ลิ้นของเขาแทรกเข้ามาภายใน ผมแทบหายใจไม่ทันจนต้องออกแรงผลักเขาออก
แล้วผมก็ได้เห็นดวงตาคู่นั้นหวามไหว นี่แหละดวงตาที่ผมอยากเห็นแต่เขาก็หันหนีก่อนก้มลงมองพื้นแล้วพูดออกมาว่า “...ขอโทษที”
ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำเกินไปหน่อย เขาคงไม่กล้าสบตาผมอีกเหมือนผมเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรสัมผัส
“ดวงตานายทำให้ ฉัน...” เสียงเขาขาดหายไป “...ทำให้ควบคุมลำบาก”
ผมจึงก้าวเข้าไปหาเขา สอดปลายนิ้วเข้าไปเกาะกุมนิ้วมือของเขาที่ผมชอบมองและหลงไหลอยากได้สัมผัสของเขา ก่อนจะโถมเข้ากอดเขา
“เอ่อ...แบบนี้ไม่ดีนะ” น้ำเสียงเขาประหม่า
“หมายถึงตรงนี้ไม่ดีหรือยังไงครับ?” ผมถามเขาออกไป
“งั้นเราขึ้นไปที่ห้องนอนก็แล้วกัน...”
(จบ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ