ยามเมื่อสายลมกรีดร้อง!
เขียนโดย GCodename
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.29 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 15.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) บทที่14 ปัจฉิมบท
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบท14 ปัจฉิมบท
หลังจากผ่านงานฌาปนกิจของชินกรไปร่วมเดือนนางภาก็กลับมาอยู่ที่บ้านได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้สรจะเต็มใจที่จะช่วยดูแลแต่ด้วยเพราะก่อนหน้าสิ่งที่นางภาได้ทำกับชาวบ้านไว้ก็ส่งผล ทุกวันจะมีชาวบ้านพากันมาขว้างก้อนหินใส่หลังคากับตัวบ้าน หลายครั้งที่นางภาเดินเข้าไปในหมู่บ้านจะเจอแต่คนพูดจาดูถูกพร้อมถ่มน้ำลายใส่ สุดท้ายด้วยความที่เป็นห่วงนางภาเป็นจังหวะเดียวกับมีทนายเดินทางมาพบเพื่อบอกถึงพินัยกรรมที่ชินกรทำไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเสียชีวิตแค่หนึ่งสัปดาห์ โดยชินกรยกคอนดูหรูพร้อมกับรถสปอร์ตส่วนตัวและทรัพย์สินทั้งหมดให้กับนางภามารดาของตน แม้จะไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอนที่อยู่อาศัยมาหลายสิบปีแต่ตอนนี้นางภาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องย้ายไปอยู่ที่คอนโดหรูของชินกรที่กรุงเทพมหานคร เพื่อหลีกเลี่ยนอันตรายร้ายแรงกว่านี้หากยังทนฝืนอยู่ที่บ้านวังสาต่อไป
เมื่อมาอยู่เมืองหลวงนางภาตัดสินใจขายรถสปอร์ตของลูกชายและทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นอย่างคอลเลคชั่นนาฬิกาหรู เครื่องประดับต่างๆเพื่อนำเงินที่ขายได้ทั้งหมดทำบุญไปให้กับชินกรทุกบาททุกสตางค์ จนกระทั่งเวลาผ่านไปสองเดือนนางภาก็เริ่มปรับตัวเองได้ ด้วยเงินทองที่ชินกรทิ้งไว้ให้พอที่จะเลี้ยงดูนางภาได้ทั้งชีวิตแบบสบายๆแต่กระนั้นทุกวันนางภาก็ต้องเผชิญความเหงา อ้างว้าง และคิดถึงลูกชายเพียงคนเดียว ทว่าไม่กี่วันมานี้นางภาก็ต้องเผชิญกับเรื่องแปลกใจเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น เมื่อทุกๆคืนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องตอนเที่ยงคืนซึ่งเมื่อไปเปิดดูนางภาก็พบแต่ความว่างเปล่า! แรกๆนางภาคิดว่านั่นคือวิญญาณของชินกรที่กลับมาหาหญิงวัยกลางคนจึงเฝ้ารอที่หน้าประตูทุกคืนเพื่อหวังจะได้เห็นหน้าชินกรหรือถ้าโชคดีกว่านั้นก็ได้พูดคุยให้คลายความคิดถึงบ้าน แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเปิดประตูไปก็ยังพบแต่ความว่างเปล่าเช่นเคย
มาวันนี้นางภาเพิ่งจะคิดได้ว่าตนเองสวมใส่สร้อยพระที่เคยให้ชินกรใส่เพื่อกันปอบเจ้าไว้ แม้ภายหลังจะถูกปอบเจ้าที่แฝงร่างอยู่หลอกให้ชินกรถอดสร้อยพระก็ตาม นางภาจึงถอดสร้อยพระเพื่อรอดูคืนนี้ว่าจะได้พบกับชินกรหรือไม่?
นางภาเฝ้ารอเวลาที่ขณะนี้เกือบจะห้าทุ่มครึ่ง เหลือเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นที่อาจจะได้พบกับชินกรที่มาเคาะประตูทุกคืน แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงเคาะที่หน้าประตูเกิดขึ้นจนนางภานั้นแปลกใจไม่น้องที่วันนี้เสียงเคาะดังเร็วกว่าเดิมร่วมครึ่งชั่วโมง เมื่อนางภาไปเปิดประตูก็เจอกับชายหนุ่มร่างสูงสง่าคนหนึ่งในมาดสูทสุดเนี๊ยบถือไม้เท้าที่ส่วนหัวเป็นเหล็กรูปสิงโตยืนยิ้มให้กับนางภาพร้อมแนะนำตัว
“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อมันตรัยเป็นเพื่อนและเคยเป็นลูกค้าคนหนึ่งของชินกรมาเยี่ยมคุณป้าครับ ขอโทษที่มาดึกขนาดนี้แต่ผมมีเหตุผล ผมขออนุญาตเข้าไปคุยกับคุณป้านะครับ”
ด้วยท่าทางที่นอบน้อมบวกกับมันตรัยได้โชว์รูปในมือถือที่ได้ถ่ายคู่กับชินกร นางภาก็อนุญาตให้เข้ามาภายในห้อง เมื่อเข้ามาภายในห้องมันตรัยก็แนะนำตัวเองว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทโบรกเกอร์ที่ทำเกี่ยวกับหุ้นและการลงทุน ตอนที่เป็นงานศพของชินกรเขาได้อยู่ที่ต่างประเทศเลยไม่ได้มาร่วมงาน นางภาคุยกับมันตรัยไปพรางมองเวลาโดยตอนนี้อยากจะให้ชายหนุ่มตรงหน้ากลับไปเสียพ้นๆเพราะอยากจะเจอกับชินกรที่จะมาตอนเที่ยงคืนมากกว่า มันตรัยมองนางภารอยยิ้มที่มุมปากของเขาบ่งบอกถึงความผยองบางอย่างที่นางภาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้น่าจะมีนิสัยที่ผยองและเอาตัวใจตัวเองไม่ต่างจากชินกรลูกชายของเธอหรืออาจจะมากกว่าชินกรเสียด้วยซ้ำ
“ผมสังเกตเห็นคุณป้ามองนาฬิกาบ่อยมาก กำลังรอใครอยู่หรือครับ?”
นางภารู้สึกสะอึกที่ชายหนุ่มถามมาตรงๆแต่ก็ดีเพราะจะได้ไล่กลับไปตอนนี้เสียเลย
“ความจริงป้ารอแขกของป้าอยู่น่ะจ๊ะ คุณมันตรัยถ้าไม่ถือป้านะป้าติดธุระจริงๆถ้าคุณจะมาเยี่ยมป้าก็ขอให้เป็นวันหลังเถอะ วันนี้กลับไปก่อนเถอะนะเดี๋ยวป้าไปส่งที่หน้าประตู”
“คนที่มาหาคุณป้าไม่ใช่ชินกรหรอกนะครับ!”
มันตรัยพูดพรางจิบชาที่นางภาเสิร์ฟให้พร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาที่คมกริบ
“ความจริงที่ผมมาหาคุณป้าตอนนี้ก็ไม่ใช่เพราะอยากมาสักเท่าไร แต่ชินกรไปขอร้องผมมาสองวันแล้วว่าคุณป้ากำลังตกอยู่ในอันตราย สิ่งที่คุณป้าเคยทำไว้มันกำลังส่งผลในตอนนี้คือมีบางคนที่อาฆาตแค้นจากการที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจากอะไรก็แล้วแต่ ที่คุณป้าทำและผมก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย ได้ส่งบางอย่างมาเพื่อฆ่าคุณป้าแต่คุณป้าก็รอดมาได้ตั้งหลายวันอาจจะเป็นโชคที่คุณป้ายังไม่ถึงคราวตาย หรือเป็นเพราะเครื่องรางบางอย่างที่คุณป้าสวมใส่ปกป้องคุณป้าไว้เป็นอย่างดี แต่ทั้งหมดคงไม่ได้ผลในคืนนี้แน่บอกตรงๆนะครับ ผมไม่เห็นของดีอะไรที่จะปกป้องคุณป้าในคืนนี้ได้เลย”
นางภารู้สึกอึ้งที่คำพูดทุกอย่างของชายหนุ่มที่ชื่อมันตรัยกลับถูกต้องทั้งที่เธอก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังแม้แต่น้อย นาฬิกาที่นางภาตั้งไว้บอกเวลาเที่ยงคืนพอดีเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเคาะประตูชายหนุ่มที่ชื่อมันตรัยหันไปมองแล้วก็หันมายิ้มน้อยๆกับเธอ
“โห ท่าทางสิ่งที่คุณป้าทำไว้จะไม่ใช่น้อยนะครับ คนที่ส่งมันมานี่ถึงได้จัดเต็มกะเอาถึงตายขนาดนี้”
“พ่อหนุ่มเห็นอะไรที่หน้าประตู?”
มันตรัยหันไปมองที่ประตูห้องอีกครั้งที่หน้าห้องเขาเห็นร่างของผีตายโหงเจ็ดตนแต่ละตนราวกับซอมบี้จากซีรี่ย์ฝรั่ง พวกมันดูหิวโหยชนิดที่ว่าถ้านางภาไปเปิดประตูตอนนี้พวกมันทั้งเจ็ดตนคงจะฉีกกระชากร่างกายและวิญญาณนางภาเป็นส่วนๆไปเป็นแน่ แต่นั่นยังไม่ชวนให้หวั่นใจเท่ากับชายร่างใหญ่ที่ตัวเป็นสีแดงทะมึนทั้งตัวแต่งชุดนักรบโบราณทว่ากลับไร้หัวถือดาบใหญ่คอยคุมผีตายโหงทั้งเจ็ดตนอีกทีหนึ่ง!
“สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ผมบอกได้เพียงคนที่ทำคุณไสยมนต์ดำใส่คุณป้าน่าจะเอาตะปูเจ็ดป้าช้ามาพร้อมกับผีจ้าวเปลวโบราณหมายจะฉีกกระชากวิญญาณของคุณป้าแล้วเอาไปทรมานไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยทีเดียว”
เป็นคำพูดที่ดูเรียบเฉยสำหรับชายที่ชื่อมันตรัยแต่สร้างความขนหัวลุกความกลัวให้กับนางภาได้เป็นอย่างดี นางภาเริ่มตัวสั่นน้อยๆเริ่มคิดว่าตนเองได้จบชีวิตในคืนนี้เป็นแน่แท้ มันตรัยเอื้อมมือมาจับมือของนางภาที่สั่นไว้แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“ผมรับปากกับวิญญาณชินกรไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลคุณป้า คุณป้ายังต้องอยู่อีกนานครับเชื่อผม”
พูดจบ ชินกรลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินไปที่ประตูเขาจับลูกบิดแล้วก็เปิดบานประตูออก ทันทีที่ประตูเปิดออกเหล่าผีตายโหงทั้งเจ็ดตนรวมไปถึงผีจ้าวเปลวก็พุ่งเข้ามาภายในห้องหมายชีวิตของนางภา ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทที่ออกมาจากปากของมันตรัยก็ดังลั่นมันทรงพลังแลทำให้สัมพเวสีที่น่ากลัวทั้งแปดตนถึงกับชะงักไปด้วยความกลัว!!
“พวกมึงบังอาจกล้าเข้ามายุ่งกับคนของกู! กูจะลากพวกมึงรวมทั้งนายของมึงที่ใช้พวกมึงมาลงไปสู่ภพภูมิที่จะทำให้พวกมึงต้องไปอยู่ในที่ที่พวกมึงควรไปอยู่เสียที!”
สิ่งที่นางภาเห็นเพียงชั่วอึดใจคือด้านหลังของชายหนุ่มที่ชื่อมันตรัยได้มีเงาใหญ่ทะมึนยืนอยู่ด้านหลัง เป็นเงาดำที่ทรงพลังอำนาจที่นางภาที่เป็นหมอธรรมมาหลายสิบปีไม่เคยพบเจอมาก่อน แม้แต่ปอบเจ้าที่สร้างความฉิบหายแก่ครอบครัวเธอก็ยังไม่อาจทรงพลังน่าสะพรึงกลัวเท่าเงาดำนั้น!! พริบตาที่เสียงของบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังมันตรัยเอ่ยเสียงขึ้นมาสัมพเวสีทั้งแปดตนก็สลายหายไปเป็นขี้เถ้าสีดำลอยละลิ่วหายไปในอากาศ นางภาตกตะลึงในภาพที่เห็นตรงหน้าไปชั่วครู่มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มันตรัยได้มาเขย่าตัว
“คุณป้าครับเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“.....นั่นมันตัวอะไรกันพ่อหนุ่ม?”
นางภาชี้ไปด้านหลังที่บัดนี้หายไปแล้ว มันตรัยยิ้มน้อยๆส่ายหน้า
“นั่นเป็นปัญหาส่วนตัวของผมมานานแล้วครับ คุณป้าอย่าใส่ใจเลยอีกอย่างคงไม่มีใครกล้ารับงานอัปมงคลแบบนี้มาทำอะไรกับคุณป้าอีกแล้ว คุณป้าแขวนเครื่องรางที่เคยใส่ไว้นะครับแล้วผมจะมาเยี่ยมคุณป้าบ่อยๆผมรับรองว่าจะไม่มีสัมพเวสี มนต์ดำอะไรมาทำอันตรายคุณป้าได้”
“พ่อหนุ่มเป็นใครกันแน่?”
“ผมชื่อมันตรัยเป็นเพื่อนของชินกรลูกชายคุณป้า ตอนที่ชินกรยังอยู่เขาเคยช่วยเหลือผมไว้เรื่องคดีบางอย่างผมต้องตอบแทนเขา อ้อ แล้วความจริงชินกรก็มาหาคุณป้าบ่อยๆนะแค่คุณป้ามองไม่เห็นเท่านั้นเอง เขายังคงรักแม่ของเขาเสมอแล้วรอที่จะพบกับคุณป้าในอีกภพภูมิหนึ่ง คุณป้าได้เจอกับชินกรอีกแน่นอนครับ”
พูดจบ มันตรัยเดินออกไปทีประตูแล้วหันมายิ้มให้กับนางภารวมไปถึงชินกรและหวานที่ยืนอยู่ข้างๆนางภาแต่ไม่อาจเห็นได้ นางภาเดินมาส่งมันตรัยพร้อมกันนั้นถึงแม้เธอจะไม่เห็นแต่นางภาก็รู้สึกอบอุ่นตามที่มันตรัยได้บอกไว้จริงๆโดยเฉพาะในเวลานี้
“ความจริงชินกรก็มาหาคุณป้าบ่อยๆนะแค่คุณป้ามองไม่เห็นเท่านั้นเอง”
จบปัจฉิมบท
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ