Oh my god! ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดกับฉันได้

-

เขียนโดย Murasamu

วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.26 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,818 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 16.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่4 ออกสำรวจเมืองเริ่มต้นด้วยตะลุยงานเทศกาล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

           ถ้าพูดถึงโลกในเกมส์จีบหนุ่ม แม้เกมส์นี้เธอจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ในทีแรก(สรุปง่ายๆมีอคติกับเกมส์โดยส่วนตัวน่านะ) แต่พอลองได้มาอยู่ มาสัมผัสบรรยากาศในโลกนี้ บอกได้คำเดียวว่าโลกนี้น่าอยู่พอสมควร 

           อาณาจักรเวลด์เมืองที่เป็นบ้านเกิดของเธอขึ้นชื่อว่าเป็นอาณาจักรเมืองแห่งสายน้ำและสะพาน มีวิวทิวทัศน์โดยรอบห้อมรอบไปด้วยทะเลสีฟ้าครามเพราะอยู่บนเกาะขนาดใหญ่กลางทะเล ยิ่งพอตกกลางคืนวิวโดยรอบบวกกับแสงสีจากตึกราบ้านช่องยิ่งทำให้รอบเมืองดูสวยงามไปอีกเทียบได้กับเมืองเวนิสในอิตาลีและบูดาเปสต์ในฮังการีผสมเลยก็ว่าได้

           "อยากออกไปเที่ยวข้างนอกมั้งจัง"

           หญิงสาวในชุดผู้ดีสูงศักดิ์กระโปรงยาวฟูฟ่องสีแดงสดดูรกโลกแถมใส่หมวกผ้าคลุมสีแดงไม่ต่างกับตุ๊กตาบลายธ์กำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกประตูหน้าต่างภายในห้องอย่างเซ็งๆ 

            "คุณหนูวิคตอเรียอยากออกไปเที่ยวข้างนอกหรือเจ้าคะ"

            เมดสาวที่เข้ามาเก็บจานชามใส่อาหารมื้อเช้าและได้ยินเสียงพูดลอยๆดังมาจากคุณหนูคนโปรดจึงเอ่ยถาม แน่นอนว่าคนอย่างมาชิโระ เอ้ย!ตอนนี้คือวิคตอเรียสินะ คนอย่างเธอมีหรือจะตอบปฏิเสธ!!

            "ใช่...อยากไปเที่ยวข้างนอกมากๆเลย"

            "วันนี้ในเมืองเองก็มีงานเทศกาลด้วยคนคงเยอะพอสมควร คุณหนูอยากออกไปเที่ยวงานเทศกาลไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะไปบอกคุณพ่อบ้านเอเดลให้ขับรถม้าไปส่งให้"

             มิรินด้าพูดเสนอความคิด ถือเป็นข้อเสนอที่ฟังน่าสนใจมากแถมยังเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าสวยได้เป็นอย่างดี แน่นนอนว่าวิคตอเรียพยัคหน้าตอบตกลงแทบทันทีแบบไม่รีรอ

            "อืม...นั้นรบกวนด้วยนะ"

 

            จากนั้น.....

            แต๊น แต๊น!

 

            นั่งรอเพียงไม่นานมิรินด้าเมดสาวคนสนิทจึงเดินขึ้นมาเรียกแล้วพาฉันเดินลงมาชั้นล่าง พอออกมาข้างนอกคฤหาสต์พบพ่อบ้านหนุ่มหล่อ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อเอเดล เป็นพ่อบ้านประจำตระกูลวอคเกอร์ยืนรออยู่หน้าประตูและด้านหลังนั่นมีรถม้าแบบหรูหราที่มีตราประจำตระกูลวอคเกอร์รูปไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ติดอยู่ 

            "เชิญครับคุณหนู"

            พ่อบ้านเอเดลหนุ่มหล่อผมสีดำยาวระต้นคอ ตาสีแดงสดคมเข้มในชุดพ่อบ้านประจำตระกูลผายมือเชิญให้เธอเดินขึ้นไปนั่ง ก่อนจะทำหน้าที่เปิดประตูรถม้าให้เธอตามหน้าที่ เมื่อเธอกับมิรินด้าที่เดินตามหลังมาติดๆนั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้วเขาจึงปิดประตูลงก่อนเดินอ้อมขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับแล้วควบม้าออกจากคฤหาสน์ไป

            เอาล่ะ…เตรียมตัวกันเสร็จแล้ว เวลาแห่งการผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้น ฉันพร้อมจะออกไปเปิดหูเปิดตาต้อนรับวันใหม่ในโลกแฟนตาซีแล้วล่ะ

           ที่จริงก็ไม่อยากจะโม้เลยนะ….จริงๆแล้วฉันค่อนข้างชื่นชอบการออกไปผจญภัยในโลกกว้างสุดๆ โดยเฉพาะโลกในเกมส์จีบหนุ่มนี้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังเวทมนตร์แบบนี้ (ไหนทีแรกหล่อนว่าเกลียดเกมส์จีบหนุ่มไง)

            บางทีอาจทำให้ฉันเข้าใจโลกนี้มากขึ้น ก็แหม…ฉันเองก็อยากร่ายมนตราอะไรแบบนี้ได้เหมือนกันนะ แต่ดูท่าจะยากเกินไปสำหรับฉันที่เป็นคนต่างโลก บางที…ฉันอาจต้องเน้นใช้พลังกายแทนแล้วล่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องการต่อสู้ด้วยดาบ หรือต่อสู้ด้วยมือเปล่าอันนี้ฉันค่อนข้างมั่นใจในฝีมือตัวเองพอสมควร  

             แต่ว่า…อีกใจก็หวังอยู่ลึกๆนะว่าอาจมีวิธีทำให้ฉันสามารถใช้พลังเวทได้ หรือบางทีฉันน่าจะหลอกถามเอาจากมิรินด้าดูเกี่ยวกับเรื่องการใช้เวทมนตร์ดีนะ  ไม่แน่เธออาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้

             เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสค่อยหลอกถามทีหลังแล้วกัน…

 

ใจกลางเมืองหลวงเวลด์

 

            “ว้าว…”

             หญิงสาวมองดูภาพตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย แทบอดรู้สึกตื่นเต้นกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ไหว ตอนนี้เธอได้ออกมาเที่ยวข้างนอกแล้ว บอกได้คำเดียววิวทิวทัศน์ด้านนอกสวยสมชื่อจริงๆ ดูสมจริงยิ่งกว่าตอนมองผ่านทางหน้าต่างห้องเป็นไหนๆ 

              อ่า~~ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน้ำทะเลลอยแตะจมูกนิดๆ ณ ปลายทางด้านหน้าไม่ว่าจะมองมุมไหนไม่ไกลนั้นมองเห็นเป็นท่าเรือและทะเลอยู่ทุกทิศทาง จากข้อมูลที่รู้มาอาณาจักรเวลด์นั้นเป็นเมืองที่คั่นด้วยทะเลแยกเมืองเป็นสองฝั่งที่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหลถึงศิลปะที่สั่งสมมานาน เน้นทำการค้าด้านคมนาคมทางน้ำเป็นหลักจะเห็นว่ามีท่าเรืออยู่มากมาย

              นอกจากนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ใช้คลองในการคมนาคมอีกด้วย ส่วนที่อยู่อาศัยก็ปลูกสร้างลัดเลาะตามสายน้ำบ้างหรือพื้นดินแดนบ้าง การเดินทางในเมืองส่วนใหญ่มีทั้งทางถนนและทางน้ำโดยเรือบริการไปยังสถานที่ต่างๆ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ 2 ฝั่งคลอง นับเป็นเมืองที่มีสัดส่วนของคลองและถนนเท่ากันอย่างลงตัว

             ยังไม่หมดแค่นั้นที่เด่นๆก็สะพานแขวนยาวขนาดใหญ่ที่เป็นอีกจุดขายของเมืองนี้ ถือเป็นเส้นทางใช้สัญจรอีกทางหนึ่งใช้เชื่อมไปยังเมืองข้างๆเพื่อให้ไปมาได้สะดวกนอกจากการเดินทางด้วยเรือจากทางน้ำ

            ยิ่งใจกลางเมืองหลวงที่เธอกำลังยืนอยู่ยิ่งแล้วใหญ่ พวกตึกราบ้านช่องมากมายโดยรอบต่างดูสวยเว่อร์วังไม่ต่างกับเมืองแถบยุโรปที่เคยไปมาเลย ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงชนมากมายหลากหลายเชื้อชาติ

            แถมวันนี้ในเมืองมีจัดงานเทศกาลที่มีทั้งเกมส์ให้เล่นและเมนูอาหารของหวานมากมายชวนให้ได้ลิมลองอีก ลักกี้! เห็นแล้วมันตื่นเต้นและขัดมืออยากช็อปแบบจัดหนักมากๆ  

             เอาล่ะ!เงินครบคนพร้อมงั้นลุยโลด

             “คุณหนู…อย่าเดินเร็ว…สิเจ้าคะ”

 

            เอี๊อด...

 

             วิคตอเรียแทบเบรกเท้าปุบปั๊บขณะกำลังจะวิ่งพุ่งเข้าไปร่วมงานเทศกาล ก่อนเหลือบหันไปมองดูมิรินด้าที่วิ่งไล่ตามหลังมาไกลๆที่ตะโกนเรียกเธอเสียงดัง สภาพสาวใช้คนสนิทเธอตอนนี้เรียกได้ว่าเหงื่อท่วมตัว ดูท่าบางทีฉันคงตื่นเต้นกับโลกนี้มากเกินไป เลยเดินเร็วไปหน่อย เกือบลืมตัวไปว่าพาเธอมาด้วย ฉันนี้แทบรู้สึกผิดนิดๆนะนี่ ส่วนพ่อบ้านหนุ่มก็รับหน้าที่เฝ้ารถม้าไป 

             “ขอโทษนะมิรินด้า ฉันคงมั่วแต่ตื่นเต้นที่ได้ออกมาเที่ยวเลยเดินเร็วไปหน่อยนะ”

             ฉันยกมือไหว้ขอโทษมิรินด้าด้วยใบหน้าสำนึกผิด

             “ไม่เป็นไรเจ้าคะคุณหนู”

             “ถ้างั้น…พวกเราก็ไปร่วมงานเทศกาลกันเถอะ มันต้องมีของกินเยอะแยะเต็มไปหมดแน่ๆเลย พวกเรารีบไปหาอะไรกินกันดีกว่ามิรินด้า”

ฉันหันมายิ้มให้กับสาวใช้คนสนิท จากนั้นดึงมือพามิรินด้าเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในร่วมงานเทศกาลด้วยกัน   

 

โตเกียว เวลา10.30 น.                 

             ทางด้านวิคตอเรียตัวจริงหรือมาชิโระคนปัจจุบันนี้ที่อยู่ในอีกโลกหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะแต่งตัวสำหรับออกไปเดทเสร็จแล้วชุดที่เธอใส่วันนี้คือชุดเดรสสีฟ้าสั้นระดับเข่า ทรงผมก็ปล่อยให้ยาวลงมาถึงกลางหลัง และติดกิ๊บรูปดอกไม้สีชมพูประดับไว้ ส่วนรองเท้าก็ใส่เป็นรองเท้าส้นเตี้ยสีขาวลายลูกไม้ที่เข้ากันกับชุด

             “อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูมาชิโระ”

              พอเธอเดินลงมาชั้นล่าง มายังห้องรับแขกที่เมดสาวคนสนิทชื่อเนโกะนำทางเธอมา ภายในห้องรับแขกมีร่างของนายชื่อสุบารุว่าที่คู่หมั้นกำลังนั่งรอเธออยู่ โดยมีคุณพ่อบ้านรินชาให้เขาดื่มอยู่ข้างๆ แต่พอคุณพ่อบ้านหันมาเห็นเธอ เขาก็เอ่ยทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม ส่วนนายสุบารุเพียงแค่นั่งจิบชาอยู่เงียบๆเท่านั้นด้วยท่าทีสบายใจเฉิ้ม   

             “ค่ะคุณพ่อบ้าน”

             เธอส่งยิ้มทักทายตอบกลับไป จะว่าไปพ่อบ้านของมาชิโระก็หล่อสมชื่อจริงๆ ไม่น่าล่ะมาชิโระคนนั้นถึงได้แอบชอบเขามากขนาดนั้น เธอได้แต่คิดในใจพลางเดินไปเข้าหาคนที่เป็นคู่หมั้นของเธอในตอนนี้  

             “แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ…นั้นพวกเราก็ไปกันได้แล้ว”

             นายสุบารุวางถ้วยชากับโต๊ะเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหา จากนั้นก็จับมือฉันพาเดินออกจากบ้านไปด้วยกันสองคน โดยมีพ่อบ้านหนุ่มยืนโบกมือลาตามมาแต่ไกล  

             “นี่พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันคะ”

             เธอถามอีกฝ่าย ในขณะออกเดินตามแรงฉุนที่แขนออกมาจากตัวบ้าน สุบารุกลับเอาแต่เงียบไม่ยอมตอบคำถามอะไรเธอซักคำ สร้างความหงุดหงิดใจให้กับเธอไม่น้อย เธอจึงพยายามต่อต้านเขาโดยการพยายามสะบัดมือให้หลุดจากเขาแทน

              “นี่เธอ…ไม่ขัดใจฉันซักเรื่องจะได้ไหม ฉันก็บอกเธอไปแล้วไงว่าจะพาไปเดทนะ”

              เขาหันมาบ่นเธอด้วยท่าทีหงุดหงิดใจ แต่ใช่ว่ามีเขาเองคนเดียวเสียหน่อยที่กำลังหงุดหงิดนะ เธอเองก็ไม่ต่างกัน เขาเล่นเอาแต่เดินลากเธอให้ตามไปท่าเดียว โดยที่ไม่บอกกลว่าอะไรเลยแบบนี้ เธอคงจะกล้าไปไหนมาไหนกับเขาสุ่มสี่สุ่มห้ากับเขาหรอกนะ

              “แล้วมันที่ไหนกันล่ะคะ ถ้าคุณไม่บอกฉันก็ไม่อยากไปหรอกนะ”

              “เธอนี่มัน…”

              สุบารุ บ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆ ติดจะรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่ก็ยอมตอบคำถามฉันว่าสถานที่ที่เขากำลังจะไปคือที่ไหน ก่อนเขาจะพาฉันขึ้นไปนั่งบนพาหนะ สิ่งที่เรียกว่ารถยนต์ เจ้ากระป๋องเหล็กที่สามารถวิ่งได้นี่ และขับมันออกไปยังสถานที่ที่เขาเรียกว่าสวนสนุก

              ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าสวนสนุกได้ซักที ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นหน้าตาแปลกๆที่เธอไม่รู้จักเยอะแยะเต็มไปหมด หญิงสาวยืนมองดูเครื่องเล่นพวกนั้นด้วยสายตาตื่นเต้น พราวระยิบระยับเหมือนเด็กน้อยเจอของถูกใจ  

              “มองอย่างกับคนไม่เคยมาไปได้”

               อยู่ๆนายสุบารุก็พูดแขวะขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในรถ เธอเห็นนั่งเงียบมาตลอดทางแท้ๆ เขาคนนี้ช่างเป็นคนเข้าใจยากเสียจริงๆ แถมยังเป็นคนนิสัยไม่ดีด้วย ขืนเธอคิดต่อปากต่อคำกับเขาอีต่ออีก เรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่ เดี๋ยวเขาหาทางมาพูดแขวะเธอไม่เลิกอีก บางทีเธอควรเลือกตามเขาไปเงียบๆดีกว่า

              “อะไร..มองหน้าฉันทำไม อยากจะเถียงก็เถียงออกมาเลยสิ”

              ดูท่าเขาคงอยากต่อปากต่อคำกับเธอเสียจริงนะ แต่เธอไม่อยากมีเรื่องกับเขาหรอก เพราะงั้นเธอจะไม่ตอบโต้อะไรเขาไปแน่ ไม่งั้นก็จะถูกเขาแขวะไม่เลิก

              “วันนี้มาแปลกแฮะ ทุกทีเอาแต่เถียงไม่ยอมท่าเดียว แต่วันนี้เอาแต่ยืนเงียบไม่โต้ตอบอะไร ถามจริงเมื่อคืนไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า หรือเธอกินยาแล้วลืมเขย่าขวดมากันห๊ะ”

             นายสุบารุยังคงยิงคำถามมากมายใส่เธอไม่ยอมหยุด แม้จะน่ารำคาญแต่เธอก็เลือกจะเงียบไม่ตอบคำถามเขา  จนอีกฝ่ายเลิกคิดจะกวนเธอแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นแทน

             “ไปกันได้แล้ว อยากไปเล่นอะไรก็บอกมาได้เลย”

             เขาหันมาถามฉันเสียงเรียบ ฉันนี่ถึงกับฉีกยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น แล้วลากเขาให้ตามไปยังเครื่องเล่นขนาดใหญ่ตรงหน้า และสิ่งนี่คือรถไฟเกาะนั้นเอง เธอได้ยินเขาพูดชื่อมันเมื่อครู่ แต่ทำไมนะ…คนถึงมารอต่อคิวขึ้นเจ้าเครื่องนี้เยอะจัง กว่าเธอและนายสุบารุจะได้ครึ่งต้องยืนรอคิวเสียนานเกือบสองชั่วโมงเต็มๆ

             “เธอแน่ใจนะว่าจะขึ้นมันจริงๆ”

             นายสุบารุที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันถามขึ้น สีหน้าเขาบ่งบอกชัดเจอไม่ค่อยชอบเจ้าเครื่องเล่นนี่เสียเท่าไหร่ แต่ใครจะสนกันล่ะ ยิ่งเธอเห็นสีหน้าลำบากใจของเขาตอนที่ต้องขึ้นมานั่งเจ้านี่แล้ว

             “อืม…ฉันอยากลองเล่นดูซักครั้งมานานแล้วล่ะ”

             ไม่นานเกินรอในที่สุดก็มาถึงคิวของพวกเราแล้ว เมื่อได้ขึ้นมานั่งเครื่องเล่นนี้ อาการของเขายิ่งชัดเจนขึ้น ว่ากลัวมากอยู่เห็นๆ ถึงแม้ว่าเขาจะแอ็บตีหน้าขรึม บอกเธอว่าไม่กลัวมันเลยก็เถอะ เห็นแล้วก็น่าสงสารอยู่หรอกนะ แต่ถือว่าเอาคืนเรื่องก่อนหน้านี้ดีกว่า ช่วยไม่ได้เขาชอบพูดแขวะเธออยู่บ่อยๆนี่น่า จงยอมรับชะตากรรมตรงหน้าเสียเถอะ   

             “ฉันไม่กลัวหรอก…ใช่..มันไม่น่ากลัวเลยไอ้เจ้าเครื่องเล่นนี่น่า”

              ระหว่างที่รอคนนั่งมานั่งให้เต็ม เธอเห็นชายหนุ่มเอาแต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวไปมาอยู่แสนนาน ท่าทางคงพยายามให้กำลังใจตัวเองอยู่แน่ๆ เห็นแล้วแทบเอาเธอรู้สึกผิดไปเลยที่แกล้งเขาแรงแบบนี้นะ  

               เฮ้อ…ช่วยไม่ได้นะ

               หญิงสาวถอนหายใจยาวออกมา ก่อนเอื้อมมือมากุมมือชายหนุ่มไว้แน่น ท่ามกลางความตกใจของเขา สุบารุ แทบหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเขาตอนนี้กลับขึ้นสีแดงระรื่นด้วยความเขิน เห็นแล้วตลกดี แต่มันก็ทำให้อากาศกลัวของเขา สงบลง เขาตอนนี้ดูเหมือนว่าจะหายตัวสั่นแล้ว

               “ทำแบบนี้…คิดว่าอาจจะช่วยให้นายหายเกร็งลงได้นะ คิก”

               ฉันยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใส ทำเอาสุบารุถึงกับยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก เขาเลยเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อหลบซ่อนใบหน้าที่กำลังแดงเถือกจากเธอ

               ครืน…ครืน…

               จากนั้นพอรถไฟเหาะเริ่มออกตัวเคลื่อนไปตามรางของมัน สุบารุก็รีบหันกลับมานั่งบ่นพึมพำท่าเดิมอีกครั้ง ทั้งยังเปลี่ยนมาจับมือเธอไว้แน่นแล้วหลับตาสนิทด้วยความกลัว  

             

  จนกระทั่ง…..

 

                อ๊ากกกกกก!!!!!!!!

                 เขาแทบตะโกนร้องออกมาเป็นคนแรก เมื่อรถไฟเกาะเคลื่อนตัวลงสู่ทางดิ่งข้างล่าง ทั้งยังร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆอีก หมดหล่อเลยล่ะตาคนนี้ หญิงสาวคิดขึ้นภายในใจด้วยความรู้สึกขบขัน

 

 

กลับมาทางมาชิโระหรือวิคตอเรียที่ใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่ง  

                 

              “อ่า…อร่อยจังเลย”

              เธอแทบรู้สึกพอใจกับของกินเกือบทุกร้านในงานเทศกาล ก็แหม…อร่อยไปหมดเลยนี่น่า ไล่กินมาก็เกือบครบทุกร้านแล้วด้วย ตอนนี้เลยค่อนข้างอิ่มท้อง แน่นท้องไปหมดเหมือนกัน

              “คุณหนูกินเยอะไปแล้วนะเจ้าคะ”

              มิรินด้าพูดเอ็นขึ้นด้วยความเป็นห่วง หลังจากต้องคอยช่วยถือสารพัดของกินมากมายให้คุณหนูมาตลอดทาง แถมยังต้องคอยวิ่งไล่ตามให้ทันเธออีก ก็เธอเล่นเดินเข้าไปซื้อนั้นนี่ไปทั่วงานเทศกาลไม่พอยังไปร่วมเล่นเกมส์มากมายตามล่าของรางวัลอีก  และไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้ของมาเยอะแบบนี้ ฝีมือของคุณหนูเรียกได้ว่าร้ายกาจถึงขั้นทำเอาพ่อค้าแทบร้องไห้พรากๆ ขอให้เธอออกจากร้านไปหลังจากสอยของรางวัลเด็ดๆมาเกือบหมดร้านเขาแล้ว

             “คุณหนูนี่ก็เก่งนะเจ้าคะ ดิฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณหนูจะยิงปืนเก่งแบบนั้น แถมยังยิงธนูได้อีกด้วยท่วงท่าสง่างามมากเลยเจ้าคะ”

             มิรินด้าแทบร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ เธออดชื่นชมคุณหนูไม่ไหวไม่คิดมาก่อนเลยว่าเพียงไม่กี่วัน คุณหนูของเธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่น่ายกย่องได้เพียงนี้

              ส่วนรางวัลส่วนใหญ่ที่ได้วิคตอเรียกลับยกมันให้มิรินด้าเสียหมด ส่วนตัวเธอเลือกเอาแค่เฉพาะบางอันที่ถูกใจไปแค่นั้น เช่นน้ำยาเวทมนตร์ (อันนี้เธอพึ่งรู้มาว่าถ้ากินเข้าไปแล้วจะทำให้สามารถใช้เวทมนตร์ได้) ที่เหลือก็เป็นดาบ ดาบทำจากเหล็กชั้นดี ที่ไม่มีวันหักง่ายแน่ๆ สุดท้าย…อันนี้เธอค่อนช้างชอบมาก มันคือกำไลเวทช่วยให้คนที่ใส่สามารถบินได้ ถือว่าเป็นของแรร์หายากเลยล่ะ 

              “ว่าแต่คุณหนูจะเอายาเวทมนตร์ไปทำอะไรหรือเจ้าคะ ในเมื่อตอนคุณหนูเด็กๆก็กินมันไปครั้งหนึ่งแล้ว?”

              มิรินด้าถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่โทษทีนะฉันคงบอกเธอไปไม่ได้ว่าจะเอาไปกินเองนะ ไม่งั้นมีหวังความลับได้แตกดังโพละกันพอดี

              “อ้อ…มีเรื่องที่จะต้องใช้เจ้านี้เป็นส่วนผสมอยู่นิดหน่อยนะ”  

              วิคตอเรียพูดบอกปัดไปทั้งที่แอบเหงื่อตกอยู่หน่อยๆ ซึ่งมิรินด้าก็ไม่เอะใจอะไรอีกแล้วเดินตามหลังฉันมากเงียบๆ จนเราเดินมาถึงทางเดินที่มีใครบางคนกำลังถูกซ้อมอยู่ ท่าทางของเขาเหมือนกำลังลำบากอยู่ไม่น้อย แต่ไม่มีใครเข้าไปช่วยเขาเลยซักคนเดียว ทำไมน่า…โลกนี้ถึงมีแต่คนใจร้ายจัง ไอ้เธอพอเห็นจะทำเป็นมองข้ามไปก็ไม่ได้ด้วยนี่สิ

             “อย่าเข้าไปเลยจะดีกว่านะคุณหนู คนพวกนั้นเป็นคนค่อนข้างมีอำนาจมากด้วยในถิ่นนี้”

             มิรินด้าที่เหมือนกับอ่านใจฉันได้ว่ากำลังจะทำอะไรเอ่ยห้ามไว้ แต่ไอ้ฉันก็เป็นคนไม่ยอมฟังใครง่ายๆซะด้วยสิ เลยทำเป็นหูทวนลมแล้วพุ่งเข้าไปมีเรื่องกับคนพวกนั้นแทนซะงั้น

             “หยุดเดี๋ยวนี่น่า!”

              ฉันตะโกนดังลั่น เรียกให้สายตาหลายสิบคู่หันมามอง แต่ใช่ว่าเธอจะกลัว ทำมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องทำให้มันถึงที่สุด ไม่งั้นฉายาจอมมารที่ได้มาจากโลกเก่าคงเสียชื่อเสียงแย่ 

              “พวกนายกำลังทำอะไรอยู่นะห๊ะ! การรังแกคนไม่มีทางจะสู้แบบนี้ พวกนายนะโคตรไม่เป็นลูกผู้ชายเลย พวกนายคิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกัน”  

              “เดี๋ยวๆสิแม่สาว อยู่ๆก็เข้ามาแทรกกลาง แล้วด่าเราป่าวๆแบบนี้ พี่ก็เสียงชื่อแย่สิ คิดว่าเธอจะทำอะไรพวกเราได้ล่ะห๊ะ เป็นแค่สาวน้อยแสนบอบบางแท้ ใช่ไหมพวกแก!”

              หนึ่งในนั้นที่น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่เอ่ยพูดเยาะเย้ยเธอจากนั้นก็หันไปหัวเราะร่วนกับลูกน้องมันต่อ สร้างความไม่พอใจให้หญิงสาวมาก

              “คิดว่าฉันเก่งแต่ปากหรือยังไงกัน รู้ไหมว่ากี่ศพแล้วที่ปากดีอย่างพวกนายน่านะ ฉันส่งมันเข้าโลงไปหลังจากดูถูกฉันคนนี้นี่แหละ พวกนายอยากจะมีชะตากรรมไม่ต่างกันอย่างนั้นเหรอ!”

              เธอพยายามข่มอารมณ์ตัวเองแล้วพูดต่อไป นี่เธอเตือนไปแล้วนะ…ถ้าหากอีกฝ่ายยังไม่เลิก ดูท่าว่าคราวนี้เธอคงต้องสั่งสอนพวกนั้นไปบ้างล่ะ

              “อุ้ยๆ มีขู่ด้วย…จะสั่งสอนอะไรพวกพี่ล่ะจ้า…มาๆเข้ามาเลย เดี๋ยวพวกพี่ทั้งหลายจะช่วยเอ็นดูเธอให้นะ…”

              เปรี้ยง!

             ไม่ต้องรอให้ได้ทันพูดจบ เธอก็เตะอัดใส่หน้าของเจ้าคนปากมากหนึ่งในนั้นดับไปแล้ว เดี้ยงแล้วไปคนหนึ่ง ดูท่าเธอคงกะใส่แรงเยอะไปหน่อย หน้าของนายคนนั้นนี่แทบยุบติดกับผนังบ้านไปเลย

              สมควรแล้วล่ะ ริอาจมาทำปากเสียดูถูกเธอก่อนแบบนี้ ก็ไปเป็นผีเฝ้านรกก่อนเพื่อนเถอะไอ้งั่งเอ้ย!

             ท่ามกลางสายตาอึ้งๆของพวกที่เหลือ รวมถึงคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าของมันด้วย ทุกคนต่างหันมาส่งสายตาอาฆาตแค้นใส่เธอ ส่วนสาวใช้ของเธอที่ยืนแอบอยู่ด้านหลัง หล่อนแทบยกมือปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเอง ทั้งตกใจแล้วรู้สึกชื่นชมว่าในที่สุดคุณหนูของเธอก็สู้คนแล้ว 

             “บอกแล้วไง…ว่าถ้ามาดูถูกฉันพวกนายทุกคนได้ลงหลุมตามไอ้ปากเสียคนก่อนไปแน่นอน”

              เธอพูดขู่ พลางยกมือสองข้างขึ้นทำท่าหันนิ้วประกอบ เล่นเอาเจ้าพวกที่เหลือแทบหน้าซีกเป็นไก่ต้ม ส่วนเจ้าหัวหน้าของมันนี่ยังคงทำปากดีอยู่ต่อไป มันแทบชี้นิ้วใส่หน้าเธอและพ่นคำพูดดูถูกต่ออีกไม่เลิก

              “นังเด็กบ้านี่ วอนหาที่ตายมากสินะ ได้…เอ้ย! พวกแกรีบข้าไปสั่งสอนมันซะ พวกเรามีตั้งเยอะแถมเป็นผู้ชาย นังนี่มันแค่ผู้หญิงตัวคนเดี๋ยว ไปสั่งสอนมันซะ”

               พอเจ้านายสั่งการ ลูกน้องที่เหลือกว่าเก้าคนรีบพุ่งเข้ามาใส่ร่างของวิคตอเรียทันที ให้ตายสิ…เธอจำได้ว่าบอกไปแล้วว่าอยากมาดูถูกเธอ แต่พวกเขาคงดื้อกันเกินไป

               “ช่วยไม่ได้นะ เฮ้อ…”

               เธอถอนหายใจยาว แล้วหลบตัวจากนายคนหนึ่งที่เหวี่ยงหมัดเข้ามา จากนั้นก็หมุนตัวไปดักข้างหลังแล้วลากคอเสื้อผู้ชานคนนั้นทุบใส่กำแพงเต็มแรง  เอ้า…ไปอยู่เป็นเพื่อนกับเจ้าก่อนหน้าซะไป๊!

              แล้วคนที่เหลือเธอก็จัดการอัด เตะ และเขวี้ยงลงหลุมไปตามๆกันจนสุดท้ายเหลือเพียงแค่ไอ้หน้าอ่อนที่น่าจะเป็นหัวหน้าของพวกนี้แล้ว

              “ปะ..ปีศาจ ยัยนี้มันไม่ใช่คน น่ากลัว…อ๊ากกก”

              พูดจบมันก็แทบวิ่งตาลีตาเหลือกหายออกไปอีกทางซะงั้น โดยทิ้งลูกน้องมันไว้ที่นี่ในสภาพเละตุ้มเปะไว้ข้างหลัง ดูท่าเธอจะหนักมือเกินไปหน่อยล่ะมั้ง เล่นเอากำแพงบ้านในซอกแถมนั้นแทบพังเป็นรูโหว่ไปหมดเลย 

              “ขอบคุณมากนะ”

              ตอนนี้เหลือแค่นายคนที่ถูกรังแกแค่คนเดียวแล้ว จากเท่าที่ดูเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ปากแตก และบาดเจ็บตามตัวนิดหน่อย ดูแล้วไม่น่าตายได้ง่ายๆ

              “อืม…ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนมนุษย์กันเองแท้ มีปัญหาอะไรย่อมต้องช่วยกันเป็นเรื่องปกติ”

               เธอยิ้มสดใส ทำเอาคนตรงหน้าแทบหน้าแดงเถือกอย่างเขินอาย

              “เอ๋…นายหน้าแดงนี่ ไม่สบายเหรอ? หรือว่าพวกนั้นมันทำอะไรนายอีกกันนะ”

               เธอรั่วถามเขาเสียชุดใหญ่ อ่าจะว่าไปแล้วหน้าเขาพอมองดูใกล้ๆ ค่อนข้างเป็นคนหน้าตาดีมีฐานะ เขามีดวงตาสีแดงทับทิม และผมสีดำสนิท แต่งตัวอยู่ในชุดเสื้อผ้าอย่างปราณีดูดีมีราคาไม่ต่างจากลูกขุนนางชั้นสูงหรือพวกราชนิกุล เพียงแต่…ชุดเขาดูเลอะคราบโคลนนิดหน่อย ก่อนหน้านี้คงลงไปนอนคลุมกับดินมาล่ะมั้ง ก็เล่นโดนนักเลงพวกนี้ซ้อมมาซะปานตายเลยนี่น่า 

              “แล้วคนติดตามนายล่ะไม่มีเหรอ ท่าทางนายคงเป็นพวกลูกคนมีอันจะกิน ออกมาเดินเตร่คนเดียวแบบนี้ไม่ดีหรอกนะจ้า นายน่าจะพาคนติดตามมาด้วยซักคนสองคน”

              ฉันพูดเตือนเขาไปอย่างเป็นห่วง แต่เขากลับหลุดยิ้ม หัวเราะใส่ฉันแทนเสียงั้น เอ๋…นายบ้าหรือเปล่านี่ฉันกำลังเตือนด้วยความเป็นห่วงอยู่นะ มาหัวเราะใส่กันแบบนี้ได้ยังไงเสียมารยาทจังเลยตาคนนี้นี่

              “นี่นาย…ฉันเตือนด้วยความเป็นห่วงอยู่นะ หัวเราะแบบนี้เดี๋ยวก็ส่งไปเป็นผี ตามพวกนั้นหรอกนะยะ”

              เธอพูดเอ็นเขา พลางเปลี่ยนมายืนกอดอกตัวเองแน่นด้วยท่าทางแสนงอน

              “โทษทีๆ พอดีฉันไม่คิดมาก่อนนะว่าจะถูกคนอื่นที่พึ่งพบกันครั้งแรกดุใส่แบบนี้นะ”

             เขาพูดพลางยิ้มกลบเกลื่อนสุดชีวิต

             “ว่าแต่เธอเถอะนี่สุดยอดไปเลยนะ…เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แสนบอบบางเองแท้ๆ ดันมีแรงเยอะเอาซะตกใจไปหมดเลย”

              “มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วล่ะ ก็ฉันเก่งนี่น่า ส่วนนายก็แค่กากเองเท่านั้น”

              ชายหนุ่มแทบหุบยิ้มไม่ไหวแล้วหัวเราะร่วนออกมาอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดมาเขาพึ่งเจอคนมาว่าเขากากเป็นครั้งแรกด้วย แถมออกจากปากสาวสวยๆแบบเธออีก เธอคนนี้ช่างดูน่าสนใจเสียเลยจริงๆ ทำเอาเขารู้สึกอยากทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้แล้วสิ

              “เธอชื่ออะไรกันแม่สาวน้อย”  

              “อ๊ะ! แย่แล้วคุณหนูวิคตอเรียเจ้าคะ!”  

              ในขณะนั้นก็มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาขวางเสียก่อน เธอคนนั้นเรียกผู้หญิงตรงหน้าเขาว่าคุณหนู ไม่พอเธอยังรีบลากตัวคุณหนูของเธอให้วิ่งตามไปพร้อมกัน

              แย่จัง…เธอหนีไปซะแล้วสิ ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำความรู้จักกับเธอดีเลย  

              วิคตอเรียงั้นเหรอ…

              ชื่อเธอที่ได้ยินจากปากสาวใช้คนนั้น ชื่อเธอช่างดูคุ้นหูแปลกๆ เขานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอจากไหน แต่เรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาหรอกนะ การจะสืบหาตัวใครซักคนสำหรับเขามันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย 

              แล้วเราจะได้พบกันอีกแน่แม่สาวน้อย…

              บุญคุณก็ต้องทดแทนนะสิจริงไหม เขานี่อยากเจอเธออีกครั้งเร็วๆจัง

              “อะ…องค์ชายมาวิส!”

              องค์ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจพลางหันไปมองตามเสียงเรียกขององครักษ์หนุ่ม ก่อนพบร่างอีกฝ่ายวิ่งหน้าตาแตกตื่นเข้ามาหา ในสภาพเหนื่อยแตกท่วมตัว นี่คงวิ่งวุ้นออกตามหาตัวเขาไปทั่วซะเลยสินะ

               “องค์ชายทำไมทรงอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ขอรับ แล้วนี่พระองค์ทรงได้รับบาดเจ็บด้วย ใครมันบังอาจล่วงเกินท่านได้หรือขอรับ เดี๋ยวกระผมจะไปเชือดคอมันบัดเดี๋ยวนี้”

               องครักษ์หนุ่มมีท่าทีร้อนใจ แล้วซักพักพอเขามองดูซากศพ เอ้ย มองเห็นร่างคนมากมายนอนกองอยู่รอบๆก็ถึงได้รู้ตัว แล้วไม่ล้มเลิกความคิดจะลากคอคนตรงนั้นที่นอนข้างๆเท้าเขาพอดี ขึ้นมาเค้นปากถามหาความจริง

               ดูทำเข้าสิ…เรื่องมันจบไปแล้วนะ ทำไมกันพ่อองครักษ์ของเขาคนนี้ถึงได้ไม่ยอมลามือง่ายๆกับเขามั้งนะ  เขาล่ะเหนื่อยใจจริงๆ บางเรื่องถ้าสามารถหยวนๆกันได้ก็น่าจะพอได้แล้วนะ อีกอย่างเจ้าพวกนี้เองก็ได้รับบทลงโทษมาเกินพอแล้วล่ะนะ

               “พอเถอะรากิ แล้วเตรียมตัวกลับอาณาจักรของเราได้แล้วล่ะ”

               เขาออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด จากนั้นจึงเดินนำหน้าไปอย่างตัดปัญหา รากิที่ไม่มีทางเลือกจึงได้ปล่อยร่างคนพวกนั้นไป ทั้งที่อยากเชือดให้ตายคามือ ก่อนรีบวิ่งตามหลังเขามาเงียบๆ และไม่ถามคาดคั้นอะไรอีก         

               อีกฝั่งหนึ่งหลังจากร่างของวิคตอเรียที่ถูกสาวใช้คนสนิทลากออกมาได้ไกลแล้วนั้น ได้ทีเริ่มถามกลับไป เธอสงสัยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงถูกจับแยกออกมาแบบนี้ ทั้งที่คุยอยู่กับชายคนนั้นไม่จบเลยด้วยซ้ำ

              “ทำไมถึงลากฉันออกมาล่ะ ฉันยังคุยกับผู้ชายคนนั้นไม่จบเลยนะ”

              “ไม่ต้องอยู่คุยกับเขาแล้วเจ้าคะ เขาคนนั้นเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทจากอาณาจักรโรโตเรีย เป็นคนที่คุณหนูไม่ควรไปสนิทด้วยนะเจ้าคะ”

             “เอ้าทำไมล่ะ….ฉันช่วยหมอนั้นไว้นะ!?”

             “คนๆนั้นเขาเป็นองค์ชายจากอาณาอื่น แถมยังเป็นศัตรูคู่อาริกับองค์ชายออสตินว่าที่คู่หมั้นของคุณหนูนะเจ้าคะ”

              มิรินด้าพูด เท่านั้นล่ะหญิงสาวแทบเหมือนพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ อ๋อ…ที่จริงเขาก็คือองค์ชายจากอาณาจักรโรโตเรียนี่น่า เป็นตัวละครลับที่จีบได้ในเกมส์ แล้วถ้าพูดตามความจริงอาณาจักรของเขากับอาณาจักรของคู่หมั้นเธอเป็นศัตรูทางการเมืองกันด้วย

             มิน่าล่ะ…เกือบไปแล้วนะนี่ตัวเรา แค่ปัญหาหลังจากนี้ที่ต้องเจอก็วุ่นวายจะแย่อยู่แล้ว ดีนะที่ โรงเรียนอยู่ในช่วงปิดเทอม ไม่งั้นล่ะสนุกเฮฮาปาร์ตี้เลย เธอไม่อยากจะคิดภาพตามเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสมมติว่าคู่หมั้น(ละมั้ง) รู้ความจริงว่าเธอมาทำตัวตีสนิทกับคู่อริทางการเมืองของเขา เจ้าชายออสตินจะต้องรู้สึกไม่พอใจเธอมากแน่ๆเลย      

             “ก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละ" 

              วิคตอเรียพูดด้วยความรู้สึกผิด แบบสำนึกผิดมากๆเลยในขณะที่อีกใจหนึ่งเหมือนจะคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้เมื่อครู่นี้ 

               มันจะเป็นไปได้ไหมนะ…ถ้าหากจะใช้องค์ชายจากโรโตเรียมาเป็นไม้กันหมา เอ้ย ใช้เขาเพื่อทำให้ชีวิตของเธอนับจากนี้ไม่ต้องพบเจอกับเรื่องน่าปวดหัวนะ

              “นี่มิรินด้า…”

              “เจ้าคะ?”

              ระหว่างทางเดินกลับไปที่รถมม้าซึ่งมีพ่อบ้านรออยู่ ฉันที่เริ่มนึกเรื่องสนุกๆขึ้นได้  เรียกเธอเพื่อถามความเห็น นั้นสิ…ลองขอความเห็นดูเลยล่ะกัน

              “ถ้าเกิดว่าฉันใช้นายองค์ชายจากโรโตเรียมากันพวกน่ารำคาญทั้งหลายในชีวิต เธอคิดว่ามันโอเคดีไหมล่ะ”

              “เอ๋…นี่คุณหนูคงไม่คิดจะ…หรอกนะเจ้าคะ”

              มิรินด้ามีท่าทีเหมือนกับไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้สุดๆ ปฏิกิริยาแบบนี้ตอบได้อย่างเดียวคือกลัว ไม่กล้า เพราะมันก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ถ้าใจไม่เด็ดจริงอะไรจริง และคนอย่างเธอนี่แหละจะทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เอง เธอไม่ขี้ขลาดตาขาวถึงขั้นกลัวว่าแผนการตัวเองจะล้มหรอกนะ ถ้าไม่ลองทำดูก่อนแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันไม่โอ

              เรื่องนี้ไม่ได้ยากและเป็นปัญหาสำหรับเธอเลย นั้นก็เริ่มด้วยจากการปักธง เอ้ย ใช้การองค์ชายนั้นมาเป็นไม้กันหมาเลยดีกว่า เขามีหน้าที่ต้องตอบแทนเธออยู่แล้ว ในเมื่อเธออุตส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยเขาไว้นะ ถึงแม้จะเป็นเรื่องบังเอิญก็ตาม  เธอคงต้องขอใช้ประโยชน์จากเขาบ้างแล้วกัน วะฮ่ะฮ่าฮ่า องค์ชายขา…จงมาสยบแทบเท้าฉันเพื่อปกป้องฉันจากพวกนางเอกพวกนั้นเสียเถอะ หึหึหึ

              ในเมื่อเธอมีองค์ชายออสตินคู่หมั้นฉันเป็นพักพวกร่วมด้วย ฉันคนนี้นี่แหละจะยึดเอาองค์ชายจากแดนคู่อริมาเป็นพวกเหมือนกัน ใช้บารมีเขาคอยหนุนหลัง เท่านี้เธอก็ทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว ลองทำอะไรฉันดูสิ…ต่อให้เป็นองค์ชายออสตินคงช่วยอะไรเธอไม่ได้แน่’

               วิคตอเรียคิดขึ้นในใจ วางแผนชั่วร้ายออกมาเสร็จสรรพเลย โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าออร่าปีศาจร้ายกำลังลอยแผ่ออกมาจากเธอแล้วตอนนี้ เล่นเอาเมดสาวแทบยืนสั่นพับๆเป็นเจ้าเข้าอย่างหวาดกลัวต่ออำนาจมืดของคุณหนูสาว

                “เอาล่ะมิรินด้า เรารีบไปหาคุณพ่อบ้านเอเดลกันเถอะ”

                พูดจบเธอก็เดินหัวเราะร่าเข้ามาตบไหล่สาวใช้ตัวเองเบาๆ แล้วเดินนำหน้าตรงเข้าไปหาพ่อบ้านหนุ่มที่ยืนรออยู่ไม่ไกลกันนั้น ส่วนมิรินด้านะเหรอ…ตอนนี้สาวใช้อย่างเธอชักเริ่มใจคอไม่ดีแล้วล่ะ ก็คุณหนูของเธอกำลังเปลี่ยนไปแถมยังดูน่ากลัวมากกว่าเดิมด้วย

                แต่ว่า…เธอเองก็รู้สึกดีใจนะที่คุณหนูของเธอดูเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ช่างน่าปลาบปลื้มใจเสียนี่กระไร แม้ว่า…วิธีที่ใช้ทำจะอาจจะผิดไปบ้างก็ตาม  

       _____________________________________________​____​____​

 

ตัวละครลับคนแรกโผล่ออกมาแล้ว เดี๋ยวคนอื่นๆที่เหลือคงออกมาแน่ เร็วๆนี้  ยังไงฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ ผิดพลาดประการ.ขอภัย ท่านผู้อ่านสามารถติชมได้ทุกเมื่อ เพื่อสำหรับไรต์ได้ปรับปรุงผลงาน ขอบคุณนะเจ้าคะ^^/

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา