koku-soja
เขียนโดย TsuKiTsuKi
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.23 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 12.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่3 พี่เขย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจ็บ..มันคือความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึกได้หลังจากผมฟื้นจากการสลบ ผมลองขยับตัวแต่ก็ปวดเมื่อยและเจ็บระบบไปหมด เมื่อตัวขยับไม่ได้ดั่งใจผมก็เลยใช้สายตากวางไปรอบห้องก็ไม่พบกับคนคนนั้น เสื้อผ้าของบางชิ้นอยู่บนที่นอน ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องออกไปนานแล้วรึยังแล้วจะกลับมาตอนไหนแต่ที่ผมรู้คือ ผมต้องหาทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วที่ที่ผมจะไปก็คือบ้านของพี่เขย ความคิดของผมเขาต้องเกี่ยวข้องอะไรกับพี่เขยแน่ เพราะตอนที่มีอะไรกันผมได้ยินเขาพูดถึงพี่เขยและผมมั่นใจว่าผมไม่ได้หูฝาดอย่างแน่นอน
ผมรอให้สายตาของผมชินกับไฟสีส้มสลัวในห้อง เมื่อสายตาชินกับไฟในห้องผมค่อยๆขยับตัวช้าๆเพื่อเอาหยิบเสื้อผ้า ความเจ็บปวดที่ไม่ดีขึ้นทำให้ผมแปลกใจ ผมเป็นพ่อมด..แน่นอนการที่ผมเป็นพ่อมดนั้นหมายถึงว่าผมมีเวทย์มนตร์ และการมีเวทย์มนตร์นั้นทำให้พ่อมดอายุยืนกว่ามนุษย์ ทำให้ผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้ และการมีเวทย์มนตร์ทำให้พ่อมดมีความสามารถในการฟื้นฟูและอึดกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่ครั้งนี้ผมกลับแปลกใจว่าทำไม่ร่างกายของผมมันไม่ฟื้นฟูตัวเองทำไมมันไม่รู้สึกดีขึ้นเลยมันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผมกัน
ในขณะที่เด็กน้อยกำลังแต่งตัวอยู่ร่างหนาที่ข่มแห่งเด็กน้อยจนสลบคาเตียงก็กำลังแอบมองเด็กน้อยอยู่โดยใช้เวทย์ล่องหน เมื่อเด็กน้อยแต่งตัวใกล้เสร็จรางหนาร่ายเวทย์โดยไม่มีเสียง ซึ่งทักษะร่ายเวทย์ไร้เสียงนี้ย่อมต้องเป็นคนที่มีทักษะเวทย์ขั้นสูงถึงจะทำได้
โคคุร่ายเวทย์บางอย่างจบก็ปรากฏเป็นเงาขนาดเท่ากับฝ่ามือของคนเสกมาตรงหน้าโคคุร่างเงานั้นโค้งทำความเคารพโคคุแล้วกระโดดเพียงแค่สองครั้งไปเกาะอยู่ที่ไหล่เด็กน้อยที่แต่งตัวอยู่ ก่อนที่เงานั้นจะเดินไปบนตัวเด็กน้อยแล้วย่อนตัวเองลงกระเป๋ากางเกงของเด็กน้อยเพื่อทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
ผมค่อยๆแต่งตัวทั้งที่เจ็บปวดไม่อยากขยับ แต่ถ้ายังคงนอนต่อผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เอาจริงๆผมไม่คิดว่า..ผมจะมาเจอะไรแบบนี้ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาลงเอ่ยด้วยการนอนกับคนที่ไม่รู้จัก ผมคิดเพียงจะมาคุยหรือตกลงเรื่องที่จะไม่ให้เขามายุ่งกับที่บ้านของผมเท่านั้น เมื่อผมใจเย็นลงผมรับรู้ได้ว่าผมสัมผัสเวทย์ตัวเองไม่ได้เลย ที่นี่อาจจะมีการลงใช้อักขระโบราณสลักไว้เพื่อทำให้ใช้เวทย์ในนี้ไม่ได้ก็ได้ ด้วยเพราะแบบนั้นหรือเปล่าร่างกายของผมที่ไม่ได้รับการฟื้นฟู เมื่อคิดได้แบบนั้นผมเลยรีบพยุงตัวเองออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ผมตรงมาที่ลิฟท์ ใจก็อยากจะเดินลงบันได เพราะกลัวจะซ้ำรอยเดิมที่เจอกับเมื่อกี้อีก แต่ร่างกายของผมมันไม่ไหวแค่ทางเลียบก็แย่แล้ว เมื่อมาถึงลิฟท์ผมก็เห็นว่ารอบลิฟท์ไม่มีใคร แถมลิฟท์มันยังค้างอยู่ที่ชั้นนี้อีก มันดูเหมือนกับดักแต่ว่าผมก็ไม่สนแล้ว ผมไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วเขาได้จากผมหมดแล้ว
ผมออกจากโรงแรมได้แล้ว แล้วทันที่ที่ผมออกจากโรงแรมได้ผมก็เริ่มรู้สึกถึงพลังเวทย์ของผมแต่มันอ่อนแอมาก ผมมีสองทางเลือกในต้อนนี้ 1คือใช้พลังนี้รักษาตัวเอง แต่ถึงรักษาไปก็.. ”เฮ้อ”ผมถอนหายใจออกมา พลังของผมมันไม่พอจะรักษาอาการทั้งหมดพลังผมตอนนี้มันอ่อนมาก ข้อที่2ผมใช้พลังนี้หายตัวไปหาพี่เขยของผมให้พี่เขยของผมช่วยให้หมอหลวงรักษาให้ผม...และเพื่อการนั้นผมก็คงต้องเล่าความจริงให้พี่เขยรับฟัง
ผมตัดสินใจเลือกข้อที่2 ก็กวาดสายตาไปรอบๆก่อนที่จะเลือกเดินไปด้านข้างโรงแรมที่ดูมือและไม่น่าจะมีใครเห็นไม่ว่าจะจากบนตึกไหนที่อยู่รอบด้านก็ตาม ถ้าถามว่าทำไมไม่หายตัวในโรงแรม เขาตอบได้ทันที่ว่าเพราะเวทย์นั้นน่าจะมีการสลักอักขระโบราณป้องกันการใช้เวทย์เอาไว้จริงๆ
“ฟู่”..ผมเป่าลมหายใจออกมาทางปาก ก่อนหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิ หายใจเข้าลึกๆทำใจให้สงบนึกถึงที่ที่จะไป ผมเปิดตาอีกครั้งก็พบว่าสถานที่ที่อยู่มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่รับรู้แม้กระทั่งความตายที่กำลังจะเกิดขึ้นจนได้ยินเสียงเข้มๆของคนที่คุ้นเคย
“หยุด” เสียงของพี่เขยดังขึ้น ผมหันไปมองไปทางที่มาของเสียง ถึงแม้จะเห็นเพียงรางๆเพราะความมืด ทำให้รู้ว่าอยู่ที่ที่ไม่ใช่โรงแรมนั้นแต่ก็ไม่รู้ที่ไหนอยู่ดี กลิ่นของความตายลอยอบอวนรอบตัวพี่เขยของผม พี่เขยเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนมาหยุดข้างตัวผม
“พี่เขยมีอะไรเหรอ ทำไมให้ผมหยุด...แล้วที่ที่นี่ไหนกันครับ” ผมถามพี่เขยด้วยความแปลกใจ มันเกินอะไรขึ้นหว่าทำไมถึงไปไม่ถึงบ้านพี่เขยที่ต้องการจะไป
“เปล่าไม่ได้พูดถึงเรา แต่พูดถึงเจ้าหงเป่ยที่กำลังจะฉกเรา” พี่เขยพูดพร้อมมองไปฝั่งตรงข้ามกับพี่เขย
“อ่าวหงเป่ยจะทำร้ายฉัน..ทำไมละ” ผมหันไปมองพี่เขย ตาของผมเห็นสายตาที่พี่เขยมองมา สายตาแบบที่เรียกได้ว่ามองผมเป็นศัตรูและพร้อมจะฆ่าหากผมทำอะไรให้เค้าสงสัย ผมยืนนิ่งไม่กล้าขยับมือเห็นสายตาแบบนั้น มือใหญ่ของพี่เขยตบไปที่กระเป๋ากางเกงของผมอย่างแรงหนึ่งที่ ก็มีควันสีดำลอยออกมาจากกางเกงของผม ผมเบิกตากว้างจ้องมองไปที่กระเป๋ากางเกงตัวด้วยร่างกายแข็ง
เด็กชายหันไปมองผู้เป็นพี่เขยอีกครั้งก็พบว่าสายตาของเขาเป็นปกติแล้ว แล้วเมื่อครู่มันคืออะไร สายตานั้นคืออะไร
“เฮ้อ” ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มาดันหัวไหล่ผมเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบกับงูที่มีลักษณะคล้ายกับงูเดธ แอดเดอร์[Death Adder] แต่มันกับแผ่แม่เบี้ยได้เหมือนงูเห่าและสีสันนั้นกับสวยงาม เกล็ดส่องแสงเมื่องูขยับราวกับเพชรยามเมือต้องแสงประกายของเกล็ดเล่นกับแสงเป็นความงามราวกับภาพวาดที่งดงามแต่ก็ถึงตายจึงไม่เคยมีใครได้รู้จักเต้างูเหล่านี้ยกเว้น เจ้าของและครอบครัวผมเอง พี่เขยของผมมีงูพันธุ์นี้สี่ตัว มีหงเป่ย หงเป๋ยเป็นตัวโปรดของพี่ชาย ส่วนตัวโปรดของผมคืออินเทียนซีก็เจ้าตัวนี่ละที่เอาหัวมาดันหัวผม ตัวที่สามคือปาวเฟิงหนานและตัวสุดท้ายจี่โฮ่งเฟิงตง
ผมกอดหัวอินเทียนซีแล้วฟ้องเจ้างูตัวโปรด “อินเทียน หงเป่ยจะฉกจาจา” หางของอินเทียนตวัดไปตีหัวงูอีกตัวที่ห่างออกมาไม่มาก
“ไปไหนมา แล้วเป็นอะไร” พี่เขยมองผมจากหัวจรดเท้าด้วยสาตาทีต้องการคำตอบ
“ผมขยับไม่ไหวแล้วพี่ พาผมไปบ้านพี่หน่อยสิ” ผมพูดไปก็ส่งสายตาอ้อนวอนพี่เขยไป พี่เขยเดินเข้ามาอุ้มผมแบบพ่อแม่อุ้มลูก ผมหันไปมองหงเป่ยแล้วสะบัดบ็อบใส่อย่างงอนๆ ผมเห็นหงเป่ยกับอินเทียนเลื่อยตามมา
“ที่มันจะฉกเธอก็เพราะว่าสิ่งที่ตามมากับเธอ ทำให้มันเข้าใจว่าเธอเป็นศัตรู” ผมนิ่งเงียบผมรู้ว่ามีอะไรตามผมมา แต่ก็ไม่คิดว่าพี่เขยจะโกหก อีกเรีองผมไม่รู้ว่าวันนี้พี่ชายผมอยู่ที่นี่ไหม แต่ผมไม่อยากให้พี่ชายผมรู้เรื่องนี้ รอเข้าบ้านพี่เขยก่อนแล้วค่อยถามหากว่าเป็นอย่างที่พี่เขยผมว่าก็เป็นไปได้ว่าคนคนนั้นจะส่งอะไรตามผมมา เพราะงั้นรอให้เข้าบ้านพี่เขยก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ผมมาคนเดียวนะไม่มีอะไรตามมาหรอก ก็มีเท่าที่พี่เห็นครับ ว่าแต่พี่มาทำอะไรข้างนอก” เห็นแบบนี้พี่เขยของผมเป็นพวกยามค่ำแล้วจะไม่ออกนอกบ้านหรอก หากว่าไม่มีเรื่องอะไร
“สัมผัสได้ถึงเวทย์มนสายมืดกำลังมาทางนี้ ถึงได้ออกมากับหงเปยและอินเทียน” โทชิตอบจาจา
เมื่อใกล้ถึงทางเข้าบ้านพี่เขยก็โบกมือให้อินเทียนกับหงเป่ยกลับไปประจำที่
“โทชิต้าาาาาาาาาาา...”พี่เขยถึงกับหยุดนิ่งแข็งทื่อ ผมที่กลัวว่าพี่เขยจะทำผมตกรีบเอามือคล้องคอพี่เขยเอาไว้ ผมร้บรู้ได้ถึงสายตาของพี่เขย ผมก้มหน้าไม่มองหน้าพี่เขยแล้วรีบพูดต่อ
“พี่โทชิ ไซโซโตแล้วนะไม่เด็กแล้ว เรามาทำเลิฟเลิฟกันเถอะนะ นะครับ” ผมรับรู้ได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเองกับขอบตาที่เริ่มรื้นๆด้วยน้ำตา ต้องมาทำท่าทางเหมือนเป็นพี่ไซโซกับพี่เขย ใครไม่อายผมอายครับบอกเลย
พี่โทชิเองก็คงรู้สึกประหลาดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“อ่ะ..แต่ว่าพี่โทชิบอกว่ามีอะไรตามผมมาใช่ไหมครับ งันพี่โทชิ..ช่วยร่ายเวทย์ป้องกันการแอบดูหรือฟังด้วยนะฮะไซโซอาย” ผมเงยหน้ามองพี่ชายด้วยสายตาเคร่งเครียด ผมยังไม่อาจพูดอะไรได้จนกว่าพี่เขยจะกางเขตอาคม พี่เขยไม่พูดอะไรอีกแล้วยิ้มออกมา
“ที่นี่ทำอยู่แล้ว..ไม่ต้องห่วงหรอกไซโซที่รัก” พี่เขยแสยะยิ้มในขณะที่มองผม ผมได้แต่หลบสายตา
พี่เขยพาผมเข้ามาในบ้าน พี่เขยวางผมลงบนโซฟาในห้องรับแขกที่เรียกอีกอย่างได้ว่าห้องประชุมหรือห้องจัดงานเลี้ยงก็ได้..ก็มันกว้างขนาดนั้นเลย
“พี่ไซโซอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับพี่เขย” ผมเอ่ยถามคำถามออกมา คำถามที่ค้างอยู่ในใจ พี่เขยไม่ได้ตอบทันที่ที่ได้ยินคำถาม พี่เขยเดินไปนั่งโซฟาตรงข้ามผมแล้วถึงตอบ
“เปล่า..ถ้ามาพี่คงไม่ออกไปดูข้างนอกหรอก” พี่เขยตอบหน้าตาเฉย
“ดีแล้วผมไม่อยากให้พี่รู้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่พี่เขยแต่จริงๆผมก็ไม่อยากให้ใครรู้เรืองนี้เลยเพียงแต่ว่า ผมต้องบอกเพื่อให้พี่ระวังตัวและระวังพี่ชายให้ผม พี่โทชิตอนนี้ผมต้องการหมอ ผมเจ็บผมปวดผมระบมพี่ ถึงผมจะดูไม่เป็นอะไรแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวทั้งร่างกายและจริงใจ พี่โทชิ...” ผมเรียกพี่เขยพร้อมกับเลิกเสื้อให้พี่เขยดูเพียงครู่เดียว
“ผมรู้ว่าพี่รู้ว่า มันคือรอยอะไร” พี่เขยทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็นั่งลง ผมเห็นสีหน้าและแววตาของพี่เขยอย่างชัดเจดมันเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยผมเล่าทุกอย่างให้พี่เขยฟังทั้งหมดตั้งแต่มีคนโทรเขามา ปิ่นของแม่ โรงแรม และจบลงด้วยเจอพี่เขยที่นี่
“พี่เขยรู้จักคนที่ชื่อโคคุไหม” ผมเอ่ยถามออกไปเมี่อนึกขึ้นได้ว่าคนน่ากลัวคนนั้นบอกชื่อผมไว้ แต่ผมยังไม่ทันได้พูดคำตอบผมก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบมันดับวูบไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ