ปริศนาราณี
เขียนโดย Richa
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) เดอะแฟลช
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คุณคืออมนุษย์” อารียาเอ่ยขึ้น เธอเริ่มรู้จักคำคำนี้และคุ้นเคยกับมันได้อย่างรวดเร็ว
“ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าผมเป็นอมนุษย์” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มที่ปนเศร้า
“เพราะคุณมีพลังงานเหนือธรรมชาติ คุณเคลื่อนที่ได้ไวมาก อาจจะไม่ไวเท่าความเร็วแสง แต่ไวกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเคลื่อนที่ได้ คุณคือเดอะแฟลช”
เสียงหัวเราะขบขันดังมาจากชายหนุ่ม เขาจ้องมองใบหน้าของอารียาอย่างต้องมนต์สะกด ผู้หญิงมากมายเดินผ่านเส้นทางสายนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้เธอช่างแตกต่าง ไม่เฉพาะใบหน้างามเท่านั้นที่แตกต่างจากคนอื่นแต่เพราะเธอมีอะไรที่พิเศษกว่าหญิงทุกคน
“เดอะแฟลช ... ชายหนุ่มผู้เคลื่อนที่ได้ไวกว่าแสง และหลงรักผู้หญิงที่ชื่อ ไอริช เธอและเขาเติบโตมาด้วยกัน ฉะนั้นผมก็ไม่ใช่เดอะแฟลช เพราะเราสองคนไม่ได้เติบโตมาพร้อมกัน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน
อารียาอาจจะเป็นหญิงที่แตกต่างสำหรับเขาและเขาก็เป็นชายที่แตกต่างสำหรับเธอเช่นกัน ความสวยของเธอนั้นสะกดสายตาและหัวใจของเขาได้ก็จริง แต่เขาก็ไม่เข้ามาจู่โจมขอสานสัมพันธ์กับเธอเหมือนชายคนอื่น เขาช่างอดทนและรอคอยได้เนิ่นนานเหลือเกิน
เสียงหัวเราะดังมาจากอารียาบ้าง ในช่วงเวลาที่เธอต้องการอยู่เพียงคนเดียว หญิงสาวผลักไสทุกคนออกไปจากช่วงเวลาส่วนตัวเช่นนี้แต่ทำไมชายแปลกหน้าคนนี้ถึงกล้าเดินเข้ามาอยู่หน้าประตูหัวใจ
“คุณมีความสามารถพิเศษนี้ได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณ และเกิดขึ้นตอนไหน ถ้าคุณพอจะเล่าให้ไอร์ฟังได้ ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงไอร์ขอสัมภาษณ์คุณได้มั้ย ไอร์มันพวกชอบรู้สอดรู้สอดเห็น”
เสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มดังเบา ๆ แววตาคู่นั้นของเขาส่งยิ้มให้เธอ มันคือยิ้มที่ส่งออกมาจากดวงตาอันแสนเศร้าของเขา เธอผู้นี้มีอะไรพิเศษนัก เธอเก็บความลับได้ ซ้ำยังทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วน เวทมนตร์ลบเลือนความทรงจำที่เขาใช้จนช่ำชองกับใช้ไม่ได้ผลกับเธอคนนี้ ซ้ำยังมาขอสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวอีก
“ยืนสัมภาษณ์กันกลางป่าช้าแบบนี้นี่นะ” ชายหนุ่มมองไปโดยรอบ ต้นไม้เริ่มไหวเพราะแรงลมอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ลมพัดไม่แรงเท่าครั้งที่ผ่านมา
“งั้น เราไปกาแฟดื่มกัน ไอร์เลี้ยงเอง” อารียาเสนอ เธอหิวจนตายอยู่แล้ว เธออยากจะเลือกร้านอาหารพื้นเมืองสักร้านเพื่อเติมกระเพาะอาหารให้เต็มมากกว่า แต่ทำไมปากของเธอถึงพูดออกไปว่าร้านกาแฟ
“ผมหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว ไปหาร้านอาหารพื้นเมืองกินกันดีกว่า ผมเลี้ยงเอง ในฐานะผู้ถูกสัมภาษณ์ มันทำให้ผมรู้สึกดี ที่อยู่ดี ๆ ก็มีหญิงสาวสวยมาขอสัมภาษณ์ประวัติส่วนตัว เผื่อว่าวันหนึ่งคุณจะนำเรื่องราวของผมไปตีพิมพ์จนโด่งดังไปทั่วโลก ... ว่าผมนี่ล่ะ เดอะแฟลช ที่มีตัวตน” ชายหนุ่มหยอกเย้า ทำเอาอารียาที่กำลังเซี่องซึมถึงกับต้องหัวเราะขบขัน
ณ ร้านอาหารริมโขง อารียาชี้นิ้วสั่งอาหารอย่างหิวโหย ต้มยำปลาน้ำโขง ปลาไส้อ่อนทอดกระเทียม ส้มตำไทยพริกครึ่งเม็ด ลาบหมู หมูน้ำตก แกงหน่อไม้ ทุกอย่างต้องไม่เผ็ดเลย และข้าวเหนียวร้อน ๆ ถูกจดรายการไปอย่างรีบเร่งเพราะหญิงสาวสวยเธอย้ำหนักหนาว่าเธอหิวจนไส้จะขาด ถ้าเธอไม่ได้กินอาหารภายในห้านาทีนี้ เธอจะพังโต๊ะอาหารให้ราบเป็นหน้ากลอง
“ไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงไทยลูกครึ่งอย่างคุณจะกินอาหารอีสานเป็น” ชายหนุ่มกระเซ้า
“ไอร์กินเป็นทุกอย่างตั้งแต่เด็ก แม่ชอบทำให้ไอร์กิน และที่ชอบที่สุดคือข้าวเหนียว มันเหนียว ๆ นุ่ม ๆ” อารียาพูดจบประโยค ข้าวเหนียวร้อน ๆ ก็วางอยู่ตรงหน้าสองกระติบ เหมือนรู้ว่าหญิงสาวชอบนักหนาหรือเพราะกลัวร้านจะพังเพราะฝีมือคนหิวก็เป็นได้
อาหารที่อารียาสั่งไปเริ่มทยอยมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ความหิวโหยมันทำให้เธอลืมเลือนไปได้ทุกสิ่งโดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์อะไร อารียากินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดเกลี้ยง ในขณะที่ชายหนุ่มแค่จิ้ม ๆ ชิม ๆ เหมือนคนกลัวความอ้วน หรือไม่ก็คนที่เพิ่งอิ่มท้องมาแล้ว
“ไหนคุณบอกว่าหิวจะตาย ทำไมกินยังกะแมวดมแบบนี้” อารียาเอ่ยถามเมื่อเธออิ่มท้องแล้ว
“ก็หิวนะ แต่ผมเห็นคุณกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมก็อิ่มแล้ว” ชายหนุ่มตอบอย่างขบขัน
“คุณคงไม่ชอบอาหารอีสานซินะ อ๋อ เดี๋ยวก่อนนะ” อารียาหยิบสมุดบันทึกส่วนตัวของเธอออกมาจากกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิง พร้อมกับปากกาชนิดลบได้
“ไอร์ของเริ่มสัมภาษณ์คุณเลยนะ เริ่มจากชื่อก่อน คุณชื่ออะไร เดอะแฟลช?”
“เรียกผมว่า แฟลช แล้วกัน ผมชอบชื่อนี้แล้ว ขอบคุณสำหรับชื่อใหม่” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แววตาของเขายังคงจ้องมองไปที่อารียาราวกับว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้นที่เขาเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน
“โอเค แฟลช ... คุณรู้ตัวว่าเป็น เมตะฮิวเมน ตั้งแต่เมื่อไหร่ .. เอ่อ ไอร์หมายถึงมนุษย์ที่มีพลังวิเศษ”
“ตั้งแต่เกิด” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เอ่อ ... คุณคงหมายถึงเกิดมาพร้อมกับความเร็ว แบบนี้ใช่มั้ย” อารียาเอ่ยถาม ชายหนุ่มที่เพิ่งได้ชื่อใหม่ว่าแฟลชพยักหน้า หญิงสาวสวยจึงจดลงสมุดบันทึกของเธอ
“ร่างกายของคุณมีอะไรที่ผิดปกติไปจากมนุษย์คนอื่น ๆ มั้ย เช่นกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ระบบเลือด และอื่น ๆ เคยไปหาหมอ หรือพวกนักวิจัยทางสรีรวิทยาบ้างมั้ย”
“ไม่ ... มันเป็นกรรมพันธุ์ของผม”
“โอ้ว ครอบครัวของคุณเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดทุกคนเลยเหรอ” อารียาเอ่ยถามขณะที่กำลังกัดปากกาอย่างใช้ความคิด แต่ชายหนุ่มผู้อยู่ตรงหน้ากับมีสีหน้าเศร้าหมอง
“ขอโทษนะ ...อารียา ผมคงให้คุณสัมภาษณ์ต่อไม่ได้แล้วล่ะ เราเช็กบิลกันดีกว่านะ” เขาพูดพลางเรียกพนักงานมาเก็บค่าอาหารที่อารียาสั่งไป
“ไอร์ ขอโทษนะคะ ถ้าคุณไม่อยากตอบคำถามนี้ ไอร์เปลี่ยนเป็นคำถามอื่นก็ได้” อารียาสัมผัสได้ถือความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามมากกว่าจะยอมให้เขาจากไป
“คำถามอื่นก็ตอบไม่ได้” ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าแฟลช วางเงินไว้บนโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว อารียาวิ่งตามออกไปแต่เธอวิ่งไม่ทันเขา เขาหายวาบไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
อารียาเดินทางกลับบ้านไปเพียงลำพังตามเส้นทางเลียบริมโขงที่เธอกับเดอะแฟลชเดินเท้ากันมา ขามานั้นใกล้เพียงนิดเดียวและวิวสองข้างทางสวยงามมากราวกับเนรมิตขึ้นมา แต่ทำไมขากลับถึงได้ไกลและเต็มไปด้วยป่า ตลอดเส้นทางเดินกลับนั้นเงียบกริบและไร้ร้างผู้คน หญิงสาวยังคงเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวว่าภัยร้ายกำลังตามมาเบื้องหลัง ชายชาวพื้นเมืองสองสามคนกำลังย่องตามหลังเธอมาอย่างคิดมิดีมิร้าย
ความรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างกระซิบบอกอารียาให้รับรู้ถึงภัยใกล้ตัวที่กำลังเคลือบคลานเข้ามา หญิงสาวหันกลับไปมองและออกวิ่งอย่างรวดเร็ว ชายชาวพื้นเมืองทั้งสามวิ่งตามมาติด ๆ แม้อารียาจะรูปร่างสูงเพรียวและเคยเป็นนักกีฬา เธอวิ่งได้เร็วมากแต่เพราะความตกใจทำให้หญิงสาววิ่งหนีไปอย่างไร้ทิศทาง
พวกมันทั้งสามล้อมจับอารียาจนได้ หญิงสาวถูกอุ้มเข้าไปดงป่ารกชัฏ แม้ว่าเธอจะพยายามส่งเสียงร้องและขัดขืนก็ยากเกินไปสำหรับเรี่ยวแรงของผู้หญิง มันปิดปากเธอเอาไว้ ชกท้องเธอจนจุกและช่วยกันจับมือและขาเอาไว้แน่น
“ช่วยด้วย!!!” อารียาตะโกนออกมาสุดเสียง
“ไม่มีใครได้ยินหรอกคนสวย มาม่ะ มาเป็นเมียพวกพี่ซะดี ๆ อย่าให้ต้องใช้แรงข่มขืน” ชายหนึ่งในสามพุ่งตัวเข้าไปเพื่อจะลวนลามหญิงสาวเมื่อมันได้โอกาสและก่อนที่ใบหน้าสกปรกของมันจะเข้าใกล้กับใบหน้าของหญิงสาว อสรพิษร้ายตัวเขื่องก็โผล่ออกมาจากดงป่ารกฉกเข้าไปที่ใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างสยดสยอง
“โอ๊ย! งู งูจงอาง” ชายพื้นเมืองผู้คิดมิดีมิร้ายร้องเอะอะกระโดดตัวลอยออกมาจากดงป่า บนใบหน้านั้นยังมีงูจงอางขนาดใหญ่ที่กัดไม่ยอมปล่อยติดออกมาด้วย แม้ชายชั่วจะพยายามดิ้นรนเท่าไหร่งูจงอางตัวนั้นก็ยังฝังเขี้ยวของมันลงไปอย่างไม่มีวี่แววจะปลดปล่อยดวงวิญญาณ
อีกสองชายที่ยังไม่ได้ลงมือลวนลามหญิงสาวต่างพากันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต ล้มลุกคลุกคลานไปตามพื้นยังไงก็ตะเกียกตะกายหนีไปต่ออย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจห่วงใยเพื่อนผู้ร่วมก่อการร้ายที่ถูกเล่นงานไปแล้ว
อารียาจ้องมองชายผู้คิดร้ายกับเธอถูกงูจงอางพุ่งเข้าเล่นงานจนชักดิ้นชักงอตายไปอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก เธอทั้งสงสารและเวทนาแต่ก็ไม่อาจจะเข้าไปช่วยเหลือได้ ชายผู้นั้นนอนตายจนแน่นิ่งไปแล้วแต่งูจงอางตัวนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างที่ไร้วิญญาณให้เป็นอิสระ
อารียาตัดสินใจวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเห็นว่างูจงอางตัวนั้นสนใจอยู่แค่จะเล่นงานชายผู้จิตใจชั่วร้ายคนนั้น หญิงสาววิ่งไปอย่างไร้ทิศทางเหมือนเช่นเคยจนกระทั่งชนกับอกกว้างของใครคนหนึ่ง เธอกรีดร้องอย่างตกใจขีดสุดและทำท่าจะวิ่งหนีไปอีกทาง
“ไอริช นี่ผมเอง ผมเอง...ไก่โต้ง เกิดอะไรขึ้น” ไก่โต้งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าของอารียา เขาคว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ได้ทันก่อนเธอจะเตลิดหนีไปอีก หญิงสาวโผล่เข้ากอดชายหนุ่มอย่างตกใจเมื่อภาพใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนขึ้นมาในจักษุประสาทของเธอ
“งู งูจงอาง มันกัดคนตาย ที่โน่น ดงป่าโน้น” อารียาชี้มือไปยังทิศทางที่เธอเพิ่งวิ่งหนีมา
“ชาวบ้านเขาลือกันว่า ที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อนมันคือดงจงอาง แต่นานแล้วที่ไม่มีใครเจอ แล้วทำไม ไอริชถึงเดินมาไกลขนาดนี้ ผมเป็นห่วงแทบแย่ ผมเดินหาจนทั่ววัดก็ไม่เจอ ไปหาตามที่ต่าง ๆ รอบ ๆ ก็ไม่เจอ พ่อบอกให้มารอไอริชอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวไอริชก็ออกมา แล้วไอริชก็มาจริง ๆ ด้วย”
ไก่โต้งพยายามจะอธิบายว่าทำไมเขาถึงมารอเธออยู่ตรงนี้ แต่อารียาไม่อาจจะอธิบายได้ว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง เธอแค่เดินทางไปร้านอาหารพื้นเมืองกับชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งเรียกเขาว่าเดอะแฟลช บนเส้นทางที่เธอเดินไปกับเขานั้นมันช่างสวยงามและใกล้นิดเดียว เพียงแต่ตอนกลับนั้นต่างกันลิบลับ มันช่างยาวไกลและน่ากลัวเหลือเกิน
“ไอร์หิว ไอร์เลยไปหาร้านอาหารพื้นเมืองกินที่โน่น” อารียาชี้มือไปยังร้านอาหารพื้นเมืองริมโขงที่เธอเพิ่งไปกินมัน ตอนนี้มันสามารถมองเห็นได้จากตำแหน่งที่เธอยืนอยู่
ร้านอาหารพื้นเมืองนั้นมันอยู่ไกลมากจากจุดที่เธอยืนอยู่ ณ ปัจจุบัน เธอต้องเดินเท้าไปถึงครึ่งชั่วโมงทีเดียวกว่าจะถึงที่นั่น หรือเพราะเธอเดินทางไปกับเดอะแฟลช เขาสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วหรือไม่เขาก็ต้องย่นระยะทางได้แน่ อารียาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพียงลำพังและเธอก็เดินทางกลับบ้านไปพร้อมกับไก่โต้งอย่างปลอดภัย
เรื่องราวของคนถูกงูจงอางกัดจนตายเป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน แต่เนื้อความในเรื่องราวนี้กลับไม่มีชื่อของอารียาถูกเอ่ยถึง ชายชั่วสองคนที่รอดชีวิตมาได้ต่างก็กลัวความผิด พวกมันจึงปิดปากเงียบเอาไว้ ได้แต่บอกใครต่อใครว่าแวะไปหาของป่าแล้วเจอจงอางเล่นงานเท่านั้น
“ไอร์ไม่อยากให้คุณตาเรื่องรู้ คุณตาเครียดมากพอแล้ว ตั้งแต่ไอร์มา มีแต่เรื่องราวร้าย ๆ เกิดขึ้น” อารียาพูดกับไก่โต้ง ทั้งสองคนสัญญากันว่าเรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ
ความลับเรื่องงูจงอางนี้ไม่ได้มีผู้รู้แค่เพียงสองชายชั่ว อารียาและไก่โต้งเท่านั้น อีกหนึ่งผู้รู้ที่ไม่มีใครจับตัวได้นั้นจ้องมองสองชายหญิงเดินกลับมาด้วยแววตาที่แหลมคมและรู้ลึกรู้จริง เหมือนภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นถูกจ้องมองผ่านแววตาที่คมกริบของเขา
“กลับมาแล้วครับพ่อ ... ไอริชแอบไปกินข้าวร้านอาหารอีสานอีกหมู่บ้านหนึ่งคนเดียว คงเดินเหม่อไปจนไกล” ไก่โต้งรายงานผู้เป็นพ่อ
“หมู่บ้านโน้น ... นั่นมันต้องผ่านดงจงอางเก่านิ” ตาบังอาจลืมตาโตขึ้นมาอย่างตกใจ “ไอร์ไปยังไงล่ะลูก ตาได้ยินว่ามีคนเดินไปหาของป่า แล้วถูกงูจงอางกันตาย”
“ไอร์ นั่งรถสามล้อรับจ้างไปนะคะ เขาลือกันว่าร้านนั้นอร่อยมาก ไอร์เลยอยากจะไปลองชิม” อารียาพยายามจะโกหกอย่างแนบเนียน
“งั้นค่ำนี้ ไอริชก็ไม่ได้กินข้าวด้วยกันแล้วซิ ดูท่าจะอิ่มมาแล้ว” ลุงบรรเจิดที่นั่งจ้องตั้งแต่ทั้งคู่เดินกลับมาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ค่ะ ไอร์ยังอิ่มมาก” อารียาจ้องมองไปยังแคร่ไม้เก่า ๆ ที่มีอาหารพื้นเมืองต่าง ๆ ที่เธอชื่นชอบวางเรียงรายกันอยู่อย่างสะเปะสะปะ ทุกรายการอาหารบนแคร่ไม้นั้นกับรายการอาหารที่เธอสั่งมากินที่ร้านอาหารอีสานพร้อมกับชายแปลกหน้ามันคืออาหารชุดเดียวกันราวกับใครบางคนในนี้แอบย่องตามไปเห็นเธอสั่ง
“ไอร์ขอตัวก่อนนะคะ” อารียาปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องนอนเล็ก ๆ แคบ ๆ ที่ร้อนอบอ้าว อารียานอนคว่ำอยู่บนที่นอนยัดไส้งิ้ว เบื้องหน้าของเธอคือสมุดบันทึก มือข้างที่ถนัดที่สุดกำลังถือปากกาชนิดลบได้ หญิงสาวไม่ได้ใช้มันจดลงไปบนสมุดแต่กัดมันอย่างใช้ความคิด ความมืดมิดก็ค่อย ๆ เริ่มแผ่เข้ามาปกคลุม อารียาเผลอหลับไปแล้วบนเตียงนอนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ไอริช ช่วยแม่ด้วย” เสียงของแม่ดังแว่วมากระทบโสตประสาทของอารียา
“แม่ ... แม่อยู่ไหนคะ” อารียาเอ่ยตอบไปในมืดคล้ายเอ่ยขึ้นจากความฝัน
“ไอริช ... หนูเอาเถ้าถ่านและวิญญาณของแม่ทิ้งลงไปในน้ำโขงทำไม แม่หนาวเหลือเกิน” เสียงนั้นยังคงดังก้องอย่างชัดเจน
“แม่ แม่คะ แม่เป็นคนบอกไอร์ให้นำอัฐิและเถ้าถ่านกลับมาไม่ใช่เหรอคะ” ไอริชยืนกรานจากจดหมายปริศนาฉบับนั้นที่เธอได้อ่านมา
“ไอริช แม่หนาวเหลือเกิน มาพาแม่ขึ้นไปจากน้ำทีซิลูกรัก ... ไอริช” เสียงสั่นระริกอย่างหนาวเหน็บเริ่มจางหายไป
อารียาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภายในห้องนอนของเธอมีแต่ความมืดมิด ด้านนอกห้องเริ่มมีแสงไฟฟ้าส่องสว่าง เธอจ้องมองไปยังนาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือของเธอ ขณะนี้เวลาหนึ่งทุ่มสิบห้า หญิงสาวไม่รอช้าหยิบชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วขึ้นมาสวมใส่ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าปริศนาแห่งวังน้ำวนนั้นคืออะไรกันแน่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ