ปริศนาราณี
เขียนโดย Richa
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) แม่เฒ่าตาบอด (2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ณ เส้นทางริมน้ำ อารียาเดินผ่านบ้านไม้หลังหนึ่งที่มีลักษณะแปลกประหลาด เป็นบ้านไม้ยกสูงขึ้นจากพื้นเพียงนิดเดียวตั้งอยู่ริมโขง พื้นที่อื่น ๆ โดยรอบถูกน้ำกัดเซาะเข้ามาจนต้องสูญเสียดินแดนให้กับสายน้ำไป เหลือเพียงพื้นที่ที่เป็นอาณาบริเวณของบ้านหลังนี้เท่านั้นที่ยังยื่นหน้าดินออกไปต้านทานกับกระสายน้ำอย่างไม่ย่อท้อ
“น่าแปลกจัง ทำไมพื้นดินบริเวณนี้ถึงไม่ถูกไม่น้ำกัดเซาะ แล้วผู้คนเขามาทำอะไรกันที่นี่” อารียาเอ่ยถามเมื่อเห็นบ้านหลังเล็กหนาแน่นไปด้วยฝูงชน
“ชาวบ้านเขาลือกันว่า พญานาคกัดเซาะดินแดนเพื่อจะได้เดินทางไปกราบไหว้พระที่วัดใหญ่ได้สะดวก พื้นที่โดยรอบเหล่านี้จึงถูกน้ำกัดเซาะ เหลือแค่บ้านหลังนี้เขาว่ามีวิญญาณเหี้ยน”
“วิญญาณเหี้ยน?” อารียาเอ่ยทวนคำของไก่โต้ง
“วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่ไม่ยอมไปเกิดใหม่ ดวงวิญญาณที่อาฆาตแค้นหรือไม่ก็พวกดวงวิญญาณที่มีพลังลึกลับเป็นพิเศษ”
อารียาทำหน้าตาราวกับคนที่ไม่อยากจะเชื่อสิ่งเธอได้ยินมาจากคำบอกเล่าของไก่โต้ง ความเชื่อพื้นบ้านเหล่านี้มันไม่สามารถพิสูจน์ได้ก็จริงแต่มันก็อธิบายภาพความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นได้อย่างมีอรรถรสเลยทีเดียว
ผู้คนจำนวนหนึ่งทยอยเดินกันเข้าไปในบ้านเล็กหลังนั้น อารียาจึงถือโอกาสเดินตามเข้าไปด้วยเพราะความสงสัยใคร่รู้ ไก่โต้งไม่ได้ทักท้วงหรือห้ามปรามหญิงสาวแต่อย่างใด เขาเดินตามหัวใจดวงน้อยของเขาเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ด้านในของบ้านยังคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่นั่งกันอย่างแออัด ไก่โต้งและอารียาจึงไม่สามารถเข้าไปหาที่นั่งได้ พวกเขาทั้งสองจึงได้แต่ยืนดูตรงประตูทางเข้า ด้านในสุดของตัวบ้าน คือชายวัยกลางคนใส่ชุดขาวทั้งตัวคล้ายชุดของพวกพราหมณ์ ในมือของเขาถือปลายสายสิญจน์เอาไว้ และปลายอีกข้างคือครอบครัวหนึ่งซึ่งมี พ่อ แม่ บุตร และธิดา
อีกมุมหนึ่งของบ้านคือแม่เฒ่าตาบอดพร้อมเหล่าสารานุศิษย์นั่งเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ชายผู้เป็นพ่อที่ถือสายสิญจน์อยู่เริ่มร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังลั่น
“มึงเป็นใคร?” เสียงจากชายชุดขาวเอ่ยถามขึ้น
“กูเป็นพระ” ชายผู้เป็นพ่อตอบ
“แล้วมึงเคยทำอะไรผิด”
“กูเคยขโมยพระพุทธรูป แล้วยังประพฤติผิดวินัยร่วมปเวณีกับสีกา” ชายผู้นั้นตอบพลางร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง
“แล้วมึงเอาพระพุทธรูปที่ขโมยมาไปไว้ที่ไหน”
“กูคืนไปแล้ว อยู่ที่วัดใหญ่โน่น วัดที่พวกพญานาคมันไปกราบไหว้กัน” นายประเสริฐชี้มือไปทางวัดใหญ่ มันคือวัดที่ไก่โต้งและอารียาเพิ่งจะเดินเท้าผ่านมาและเป็นวัดที่มีรูปปั้นพญานาคตั้งตระหง่านอยู่ท้ายวัด
“แล้วใครกันที่ตามมึงมา” ชายชุดขาวเอ่ยถามอย่างต่อเนื่อง
“พญานาค!!!” ชายผู้ถูกถามก้มหน้าลงมองพื้น ตามเนื้อตัวของเขาสั่นเทาอย่างหวาดกลัว
“หน้าตามันเป็นยังไง”
“มันก็เหมือนคนนี่ล่ะ มันแปลงกายเป็นคน มันตามกูขึ้นมา ...”
“มันตามมึงขึ้นมาทำไม”
“ชาติก่อนกูเป็นพญานาคแต่กูหนีมาเกิดเป็นคนแล้วก็มาบวชมาเป็นพระ พวกมันจึงตามกูฆ่ากูไม่ได้แต่พอกูทำผิด มันก็ตามมาลากกูกลับคืนไปสู่แม่น้ำ กูตายแล้วหนีมาเกิดใหม่อีกครั้งพวกมันก็ยังตามมารังควานกูไม่เลิก กูกลัวเหลือเกิน กูไม่อยากกลับไปเป็นนาคอีก ช่วยกูด้วย” เสียงร้องไห้คร่ำครวญยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“มึงไม่ต้องกลัว กูไม่ให้พวกนาคเอามึงคืนไปหรอก ชาตินี้มึงจะบวชอีกมั้ย” เสียงจากชายชุดขาวเอ่ยถามขึ้นอีก
“กูบวชไม่ได้ กูมีลูก มีเมียแล้ว ถ้ากูบวชใครจะเลี้ยงลูก เลี้ยงเมียกู ลูกกูก็ยังเล็กนัก บักหำน้อย กะอีเหน่งน้อย ก็กำลังเรียนปะถมอยู่เลย กว่าพวกมันจะโตก็อีกตั้งหลายสิบปี ไว้ให้ลูกกูทั้งสองเรียนจบก่อน แล้วกูจะบวชให้ ชดใช้กรรมเก่าให้หมด”
“แม่เฒ่า” ชายชุดขาวหันไปถามแม่เฒ่าตาบอด ”แม่เฒ่าเห็นอนาคตมันมั้ย บักประเสริฐนี่มันจะอายุยืนยาวถึงลูกมันโตมั้ย”
นายประเสริฐที่ถูกเอ่ยถึงคลานเข้าไปหาแม่เฒ่าตาบอดด้วยน้ำตานองหน้า ในมือของเขานั้นยังไม่ยอมปล่อยสายสิญจน์ เขาดึงมันไปด้วย เมียและลูกน้อยทั้งสองจึงจำเป็นต้องคลานตามผู้เป็นพ่อไป
แม่เฒ่าตาบอดจับศีรษะของนายประเสริฐและลูบคลำลงไปจนถึงไหล่ แล้วก็ไล่มาจับและคลำตามศีรษะของเมียและลูกทั้งสองของนายประเสริฐทีละคน โดยทุกคนทยอยกันคลานเข้าไปหาอย่างช้า ๆ ทีละคนจนครบ แม่เฒ่าตาบอดปล่อยให้ทั้งสี่คนคลานกลับไปยังตำแหน่งเดิมโดยไม่พูดจาอะไร
เสียงซุบซิบนินทาเริ่มดังขึ้นเบา ๆ จากผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็นว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับครอบครัวนายประเสริฐ อารียาเองก็ไม่ปฏิเสธว่าเธอเริ่มสนใจเรื่องราวของนายประเสริฐด้วยเช่นกัน จะเป็นเรื่องจริงหรือการสร้างสถานการณ์ก็ตามแต่ มันก็สร้างความตื่นเต้นให้หญิงสาวอยู่ไม่ใช่น้อย
“บักประเสริฐ มันได้บวชแน่ ตอนนี้มันจนเพราะกรรมเก่ามันเยอะ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น มีงานเข้ามาแต่เงินก็หมดไป แต่กรรมดีมันก็พอมีอยู่บ้าง ลูกชายกับลูกสาวมันคาบช้อนทองช้อนหินมาเกิด รอให้พวกมันโตก่อน บักประเสริฐกับเมียก็จะสบาย ช่วงนี้ก็อดทนไปก่อน” แม่เฒ่าเอ่ยตอบด้วยภาษาพื้นเมือง เสียงซุบซิบของชาวบ้านดังขึ้นเบา ๆ ต่างคนต่างจับคู่พูดจากันอย่างเงียบ ๆ
“ทุกวันพระพวกมึงต้องไปทำบุญที่วัด จัดดอกไม้ธูปเทียน บูชาพระพุทธรูปในบ้านด้วย เข้าใจมั้ย” ชายชุดขาวกล่าวเสริม ซึ่งนายประเสริฐและภรรยาก็พยักหน้ารับ
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของครุฑ มึงกับลูกเมียอยู่ไม่ได้หรอก ย้ายออกไปหาที่อยู่ใหม่เสียเถอะ นาคกับครุฑไม่ถูกกัน มึงกับเมียถึงได้ทะเลาะกันทุกวันทุกคืน” แม่เฒ่าตาบอดเอ่ยขึ้น คราวนี้เสียงซุบซิบต่าง ๆ ก็หยุดลงเหมือนทุกคนพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่แม่เฒ่าตาบอดกำลังจะเอ่ยออกมา
“หลังสุดของบ้านปักมีดอาคมของครุฑเอาไว้ ห้ามใครดึงออก!!! เพราะมีดเล่มนั้นล่ะที่ช่วยเก็บดินแดนผืนนี้เอาไว้ไม่ให้พวกนาคมันกัดเซาะเข้ามา” แม่เฒ่านิ่งเงียบไปอีกครั้ง เหล่าผู้คนในเหตุการณ์ต่างพยักหน้าให้กันอย่างเข้าใจในคำเตือน
“ใครบังอาจไปดึง มันจะมีอันเป็นไป อย่าหาว่ากูไม่เตือน!!!” แม่เฒ่าตาบอดพูดจบประโยคแล้วลุกขึ้นยืน เหล่าลูกศิษย์ช่วยกันประคอง ผู้คนเริ่มแหวกทางให้แม่เฒ่าและเหล่าลูกศิษย์เดินออกมา
อารียาและไก่โต้งที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าก็เบี่ยงทางหลบให้แม่เฒ่าตาบอดและเหล่าลูกศิษย์ คณะของแม่เฒ่ากำลังจะเดินผ่านอารียาและไก่โต้งไป แต่แล้วแม่เฒ่าตาบอดก็หยุดเดินหันมาจ้องมองใบหน้าของอารียาราวกับว่ามองเห็นเธอ แววตาคู่นั้นที่จ้องมองอารียามันคือแววตาของคนตาบอดอย่างชัดเจน เพียงแต่ดวงตาที่ไร้การมองเห็นคู่นั้นคือตาทิพย์ คือดวงตาที่หยั่งรู้ความเป็นไปทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตของผู้คนที่ได้สัมผัส
“ระวัง กูเตือนมึงแล้ว!!!” แม่เฒ่าตาบอดเอ่ยขึ้นแล้วเมินหน้าหนีไปจากอารียา เหล่าผู้คนและลูกศิษย์จึงไม่อาจจะคาดเดาได้ว่า แม่เฒ่าเพียงแค่ย้ำเตือนทุกคนหรือเตือนอารียาเป็นพิเศษ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ