ซาตานเร้นใจ

-

เขียนโดย ธัญพิชชา

วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.45 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  5,354 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2561 19.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetailsPublisher&publisher_id=578958&id=578958&name=%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%20(Me%20Do%20Shop)&book_id=46811

Easy coffee

                ในยามเย็นที่การจราจรหนาแน่นและฝนพรำไม่มีอะไรทำให้เปรมินรู้สึกสบายใจได้เท่ากับการเข้ามานั่งในร้านบรรยากาศดีๆ ตกแต่งด้วยสีอิฐอ่อนปนครีมให้ความรู้สึกสบายตาและสบายใจ ในอุ้งมือใหญ่มีแก้วชาร้อนๆที่มีกลิ่นอ่อนๆของฝักวนิลาเจืออยู่ ชาวนิลากลิ่นหอมพร้อมกับเสียงเพลงจังหวะ Soul ที่คลอเบาๆทำให้เขาไม่อยากลุกไปไหน อยากจะละทิ้งทุกๆอย่างไว้สักชั่วขณะ ยามเย็นของทุกวันหลังเลิกจากงานประจำที่เขารับผิดชอบตำแหน่งรองประทานใหญ่ของบริษัทตัวแทนจำหน่าย super car เขามักจะเข้ามาดูแลร้านกาแฟที่ร่วมหุ้นกับเขาสม่ำเสมอ แต่ในวันนี้ไม่ได้มาตรวจดูควรเรียบร้อยเพียงอย่างเดียว หากแต่มานั่งดื่มชาร้อน คงจะต้องการผ่อนคลายเรื่องเครียดหรือกลุ้มใจบางอย่างซึ่งเป็นปรกติที่เวลามีเรื่องเครียดเขามักจะเข้ามาในร้าน Easy coffee สั่งชาร้อนรสโปรดมาจิบช้าๆ

                ชายหนุ่มนั่งอยู่ในภวังค์ของตนเองอยู่เนิ่นนาน ไม่รู้เวลา ไม่รับรู้รอบข้างสนใจเพียงแต่อยากจะผ่อนคลายจากความเหนื่อยที่ได้รับจากภาระงานและคนสักพัก ไม่รับรู้ว่ามีลูกค้าเข้าหรือออกวุ่นวายขนาดไหน ไม่รู้แม้กระทั้งมีหนุ่มหล่อร่างสูงอีกคนเดินเข้ามา

“ไอ้มิ้น! ไอ้มิ้นโว้ย!”

‘ภรพ’ ออกเสียงเรียกเพื่อนสนิทให้ดังขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าเปรมินเข้าสู่โลกของตัวเองไปแล้วพร้อมทั้งแกล้งวางแก้วโกโก้เย็นแรงๆใส่โต๊ะหนึ่งทีพอให้เสียงดังๆปลุกเพื่อนสนิทคนนี้ให้ตื่นจากอาการตาค้างได้

“อ้าว ว่าไงวะ” คนถูกเรียกหันหน้ามาหาต้นเสียง เขายิ้มน้อยๆเมื่อเห็นภรพ เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่อายุ5ขวบเข้ามานั่งด้วย สายตาให้ความสนใจกับกระดาษบางอย่างในมือของอีกฝ่าย และสายตาแห่งความสนใจของเขาก็ตกอยู่ในสังเกตการณ์ของเพื่อนสนิทอย่างภรพ หนุ่มตี๋ยิ้มจนตาหยีก่อนจะรีบชี้แจงไขความกระจ่าง

“ยอดขายเดือนล่าสุดมาแล้ว กำไรทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายร้านรวมถึงค่าแรงพนักงานได้สองแสนกว่าบาท พุ่งขึ้นจากเดือนที่แล้วเกือบสามเท่า ที่ยอดขายร้านเราเพิ่มขึ้นขนาดนี้คิดว่าน่าจะเพราะได้น้องขมิ้นมาเป็นพนักงานในร้าน เลยทำให้ทั้งหนุ่มทั้งสาวเข้ามาใช้บริการเต็มไปหมด ยังไงขอเชิญท่านผู้บริหารคนที่หนึ่งรอรับเงินด้วยนะครับ ไม่งั้นจะเอาไปใช้คนเดียว” พูดติดตลกตามประสาคนพูดมากทั้งที่ใจความสำคัญมีเพียงแค่ให้เปรมิน อยู่รอรับเงินรายได้ที่ร้านในฐานะหุ้นส่วนและเจ้าของร้าน

“ขอบใจว่ะ” เสียงทุ้มตอบสั้นๆเหนื่อยๆก่อนจะหันมาสนใจชาวนิลาในมือต่อ ตาคมวาวโรจน์ขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อขมิ้น ชื่อที่ทำให้เขานึกไปถึงคนๆหนึ่ง ที่ชื่อมีสัมผัสอักษรคล้องจองกัน...ขลุ่ย

“เฮ้ย! เปิดร้านร่วมหุ้นมาเกือบปีในตอนนี้เพิ่งจะกำไรเยอะขนาดนี้เอ็งไม่ดีใจเหรอวะ” ภรพย้อนถามเมื่อเห็นเพื่อนรูปหล่อของเขาทำท่าซึมๆ

“ดีใจสิวะ งั้นจัดงานเลี้ยงให้พนักงานหน่อยก็แล้วกัน เอ็งจัดการเลยนะเว้ย” ตอนนี้เขาเหนื่อยกับงานบริษัทจนไม่อยากจะคิดอะไรให้มากและยังไม่ถึงจุดที่จะบอกกับเพื่อนว่าตอนนี้เขารำคาญมันแค่ไหน

“ต้องอย่างนี้เว้ย งั้นข้าจะให้พราวจัดการนัดทีมงาน Easy มาคุยเรื่องจัดเลี้ยงเลย” พูดถึงงานเลี้ยงงานสังสรรค์ หนุ่มตี๋นักสังคมอย่างภรพกระชุ่มกระชวยยิ่งกว่าต้นไม้เหี่ยวเฉาได้รับน้ำ “ว่าแต่เอ็งเครียดกับงาน บริษัทของเอ็งที่บริหารอยู่มันมีปัญหาเหรอ”

“เปล่าหรอก งานบริษัทข้าแก้ได้สบายมากแต่ข้ากำลังมีเรื่องให้คิดเพลินๆ”

“เรื่องสาวเหรอวะ”

เปรมินสะอึกกับการที่ภรพยิงคำถามโดนใจดำ หากมันเป็นปัญหาสาวๆที่ควงอยู่ในปัจจุบันก็คงจะดีและการแก้ไขปัญหาคงจะง่ายดายเพราะอย่างน้อยๆก็แค่บอกเลิก หากแต่ปัญหาสาวที่เขานึกถึงกลับเป็นปัญหาเรื่องโศรยาหรือเซรัน สาวหวานอดีตคนรักของเขาที่ตัดสินใจจบชีวิตตนเองเพื่อหนีปัญหาการเรียนเมื่อครั้งยังเรียนในมหาวิทยาลัย มันมีเหตุการณ์หลายอย่างทำให้เขาอดคิดถึงอดีตอันหวานขมที่ผ่านมาไม่ได้ รอยจูบอันเย็นชืดที่ปราศจากความรู้สึกเมื่อครั้งโอบกอดร่างไร้วิญญาณยังคงเป็นแผลเหวอะหวะไม่อาจสมานในใจ

“เรื่องไร้สาระเว้ย” เปรมินตอบพร้อมกันไล่ส่งๆ “ว่าแต่เอ็งเถอะร้านทองที่บ้านไม่มีปัญหาหรือไงเห็นวันๆไม่ทำอะไรเอาแต่คลุกอยู่ร้านกาแฟ นี่ทั้งวันก็จ้างพราวมาเป็นผู้จัดการแล้วก็ปล่อยเขาบริหารไปสิเราแค่เข้ามาดูเป็นขวัญเป็นกำลังใจตอนเลิกงานก็พอ”

เปรมินดักคออย่างรู้ทัน เพื่อนสนิทของเขาคนนี้กำลังจะขายขนมจีบให้พนักงานในร้านถ้าหากไม่ใช่แพรวาผู้จัดการคนสวยก็ต้องเป็นเพลงพิณ สาวห้าวหน้าหวานอดีตรุ่นน้องร่วมคณะสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วยังเป็นอดีตนักศึกษาฝึกงานฝ่ายการตลาดของโชว์รูมรถหรูของเขา นอกจากนี้เธอยังเป็นลูกสาวคนเดียวของอาจารย์เพลงขลุ่ย คนที่เขาไม่มีวันลืมได้!

“ก็พราวทั้งสวยทั้งหวาน ส่วนน้องขมิ้นก็ทั้งน่ารักทั้งคุยเก่ง ข้าก็ต้องอยากอยู่คุยนานๆดิวะ” หนุ่มตี๋จอมเจ้าชู้ตอบไม่อาย แค่คิดภาพสองสาวนอนยั่วยวน กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวก็กระตุกสะท้านด้วยความชอบใจ

“ข้าคิดไว้นะเว้ย ถ้าได้น้องสองคนคนนี้มาเป็นร่วมใช้ชีวิตสามคนผัวเมียคงจะดีไม่น้อย แค่คิดก็สุขใจแล้ว”

คนอย่างภรพถูกจัดให้อยู่ในระดับที่พิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นผู้ชายที่มีผิวขาวจัด ใบหน้าไม่ยาวมากเข้ากับ ตาตีบ จมูกโด่ง ปากกระจับสีกระเจี๊ยบแถมด้วยเขี้ยวเสน่ห์และที่สำคัญการศึกษาดีรวมถึงร่ำรวยมหาศาล แต่ไม่รู้โดนคำสาปรักหรืออะไรทำให้ต้องกลายเป็นชายสมบูรณ์แบบที่ผิดหวังเรื่องความรักอยู่เสมอ ใครหลายๆคนที่เข้ามาล้วนทำให้เขาฝันเฟื่องค้างคากลางวิมานลอย ด้วยเหตุนี้ทำให้หนุ่มตี๋กลายเป็นพวก ‘ซื้อกิน’ ตามคำแนะนำของเปรมิน

“ไอ้ทะลึ่ง ลูกน้องแกนะนั้นอยากจะเป็นสมภารกินไก่วัดรึไง เสียการปกครองหมด”

เปรมินด่าเข้าให้ก่อนจะเหลือบไปมองหญิงสาวผมยาวท่าทางอ่อนหวานเรียบร้อยที่ยืนประจำอยู่ตำแหน่งแคชเชียร์ แพรวาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเขานอกจากนี้ยังเป็นเพื่อนสนิทของโศรยาอดีตแฟนสาว เธอเข้ามาเติมสีสันในร้านกาแฟเมื่อหลายเดือนก่อนในตำแหน่งผู้จัดการร้าน ใบหน้าสวยๆมีรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอและยิ่งอ่อนโยนอ่อนหวานมากขึ้นยามเมื่อยิ้มมาที่เขา

เขารับรู้และเข้าใจว่าภรพชอบผู้จัดการสาวคนนี้ เขาเข้าใจและรู้ดีพอๆกับที่รู้ว่าแพรวาเองก็มีใจให้เขาจากการที่เคยอยู่ลำพังแล้วเจ้าหล่อนพยายามทอดสะพานให้รวมถึงความหวังดีต่างๆที่มีให้เขามาก ‘เป็นพิเศษ’ ก่อนจะเลื่อนสายตามายังร่างเล็กทะมัดทะแมงที่เข้ารูปกับผมซอยสั้นจนกุด เธอคือพนักงานประจำคนใหม่ล่าสุดของร้าน เธอที่เข้ามาพร้อมกับยอดขายและการเข้าใช้บริการที่พุ่งสูงขึ้นจนแทบไม่มีโต๊ะว่างสักนาที

เขาสังเกตว่าตั้งแต่เพลงพิณหรือน้องขมิ้นเข้ามาทำงานยอดขายในร้านสูงขึ้นหลายเท่าตัวเพราะมีลูกค้าผู้หญิงที่มีรสนิยมชอบผู้หญิงด้วยกันเข้ามาเพื่อดูหน้าเก๋ๆเท่ๆของสาวห้าวอย่างเธอ

สายตาคมจ้องมองไปเรื่อยๆด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้หญิงคนนี้เป็นรุ่นน้องที่เรียนร่วมคณะ เธอขึ้นปี1 ตอนเขาเข้าสู่ปี5ด้วยเหตุสุดวิสัยทำให้เสียเวลาไป1ปีเต็มๆ เธอคือบุคคลสำคัญที่เขารอคอยเวลาที่จะทำอะไรบางอย่างด้วยและเธอคนนี้ก็ต้องเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของโศรยาในฐานะลูกสาวคนเดียวของอาจารย์เพลงขลุ่ย อาจารย์ที่มีวิธีการสอนที่กดดันอย่างโหดร้ายทารุณจิตใจจนแฟนสาวของเขาต้องคิดสั้นฆ่าตัวตาย!  

เพลงพิณซึ่งรู้สึกว่าถูกจ้องเลยหันไปมองบ้างเห็นว่าเปรมินมองมาทางเธอยืน พอสบเข้ากับสายตาคมโดยบังเอิญจึงรีบหันหลบ ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจเมื่อเห็นสายตาของเขาจดจ้องคล้ายจะจับผิด รุ่นพี่เปรมินและพ่อของเธอเคยมีประเด็นวิวาทกันเมื่อครั้งที่เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยที่พ่อเธอสอน เรื่องมันค่อนข้างสับซ้อนและร้ายแรงถึงขั้นมีคนตายและมีการปะทะทำร้ายร่างกายกันระหว่างลูกศิษย์และอาจารย์ แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว

“ขมิ้นจ๊ะ เดี๋ยวมีอเมริกาโน 4แก้วของลูกค้าโต๊ะ9นะจ๊ะ” เสียงอ่อนหวานของแพรวาผู้จัดการสาวดังขึ้น พร้อมๆกับใบรายการอาหารในมือ

“ได้ค่ะ” ร่างเล็กหันไปเตรียมทำเครื่องเดิมอย่างทะมัดทะแมงคล่องแคล่ว แต่อาการเคลื่อนไหวเร็วทำให้หน้ามืดกะทันหันจนต้องรีบหาที่จับ

เคล้งงงงง !! ทุกคนหันมามองต้นเสียงเป็นตาเดียวเมื่อมีเสียงโครมครามและของตกแตกดังสนั่นขึ้น แพรวา เปรมิน ภรพและพนักงานคนอื่นๆในร้านต่างตกใจจนตาค้างกับความย่อยยับที่เห็นเบื้องหน้า

“ขมิ้น!” แพรวาเรียกชื่อหญิงสาวผู้ก่อเหตุด้วยเสียงอันดังตกใจ

เพลงพิณเองก็ตกใจกับสิ่งที่เธอก่อขึ้นเมื่ออาการหน้ามืดสักครู่ทำให้ต้องหาที่จับและที่จับที่เธอคว้าได้ก็คือตัวยึดข้างหนึ่งของชั้นวางแก้วกาแฟที่มีลักษณะเป็นบาร์ไม้เกาะพนังและทั้งบาร์เต็มไปด้วยแก้วกาแฟกระเบื้องเคลือบราคาแพงที่ภรพสั่งนำเข้าจากอิตาลีแล้วไหนจะเครื่องบดกาแฟที่ตอนนี้เทกระจาดลงมากระจายเกลื่อนที่พื้น การที่บาร์ไม้จะหักมันเป็นเรื่องยากแต่ก็เกิดขึ้นแล้วนับว่าเป็นอุบัติเหตุที่เพลงพิณบังเอิญไปอยู่ในเหตุด้วย

“ขอโทษด้วยครับ” ภรพรีบก็สถานการณ์ด้วยการเอ่ยขอโทษลูกค้าและรีบเข้ามาดู

“ขมิ้นเป็นยังไงบ้าง โดนบาดไหม” เสียงทุ้มนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง เขาไม่ได้คิดที่จะโทษเพลงพิณเลยเพราะเจ้าบาร์ไม้นี้เริ่มแสดงอาการล่อแล่มา2วันแล้ว และวันนี้มันก็พังลงมาจริงๆ

“ไม่ค่ะ ไม่บาดค่ะ” เพลงพิณที่ยังคงตกใจหน้าซีดตอบเสียงแผ่ว ทั้งปวดหัว ทั้งตกใจ

“ไม่เป็นไรนะขมิ้น เดี๋ยวพราวเก็บให้เอง” แพรวาทอดเสียงอ่อนโยนก่อนจะพยุงเพลงพิณมานั่งที่โต๊ะจากนั้นเตรียมหันมาจัดการจานชามที่แตกแทน

“ไม่ต้องหรอกพราว!” เสียงเข้มแข็งๆดุๆของเปรมินดังขัดขึ้นทุกสิ่ง ร่างสูงเข้ามาสำรวจความพังของอุปกรณ์แล้วตวัดสายตาดุไปยังคนก่อเหตุ ยิ่งทำให้เพลงพิณหน้าซีดเข้าไปใหญ่

“สัพเพร่า! มาเก็บซากให้สะอาดเรียบร้อยแล้วรอชำระความหลังร้านปิดเย็นนี้ ทำข้าวของที่ร้านเสียหายขนาดนี้เธอจะต้องชดใช้ ห้ามหนีเด็ดขาดไม่งั้นก็เตรียมเข้าคุกหมดอนาคตที่ไม่ค่อยจะมีได้เลย” เขาชี้หน้าคาดโทษ

“เฮ้ย ไอ้มิ้น บาร์มันจะพังอยู่แล้วน้องขมิ้นไม่เกี่ยวนะเว้ย” ภรพช่วยแย้ง

ข้าวของที่แตกเล็กน้อยมากในความรู้สึกของเขาแม้ว่าแก้วกาแฟแต่ละใบจะมีมูลค่า 40 ยูโรไม่รวมค่านำเข้าจากอิตาลี และแน่นอนว่าถ้าให้เพลงพิณรับผิดชอบทั้งหมดคงร่วมแสน แล้ววันนี้เป็นวันพึ่งจ่ายเงินเดือน หากให้เธอรับผิดชอบทั้งหมดคงไม่มีซองเงินเดือนกลับบ้านซ้ำยังต้องเป็นหนี้ทางร้านอีกหลายเดือน

“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็แม่นี่เป็นคนทำมันพังลงมา ดังนั้นให้รับผิดชอบชดใช้ก็สมควรแล้วหรือถ้าไม่ทำก็ต้องไล่ออกแล้วก็แจ้งความจับส่งตำรวจ ไม่มีเงินชดใช้ก็ติดคุกชดใช้” เขาใช้ไม้ขู่ จงใจหาเรื่องเต็มที่

“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ภรพยอมเงียบเมื่อเห็นว่าเปรมินเอาจริง

“เดี๋ยวพราวช่วยสรุปค่าความเสียหายทุกอย่างให้ผมด้วยนะครับ ส่วนเธอ เพลงพิณ จัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วเย็นนี้รอรับทราบจำนวนเงินที่ต้องชดใช้”

ปลายเสียงเขาเน้นเป็นพิเศษ สะใจที่ลูกสาวอาจารย์เพลงขลุ่ยเปิดช่องว่างให้เขาเล่นงาน ของที่แตกมันไม่ได้มากมายและไม่ได้เป็นแม้แต่เศษเงินของเขา แต่มันจะเป็นเครื่องมือใช้เล่นงานหญิงสาวต่างหาก

จนกระทั้งร้านปิดให้บริการ พนักงานทุกคนรวมถึงภรพและแพรวากลับบ้าน เพลงพิณก้มหน้าซ่อนน้ำตาแห่งความเสียดาย รับทราบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมทั้งสิ้นสองหมื่นบาท ภรพช่วยเกลี่ยกล่อมจนเปรมินยอมหักค่าเครื่องบดกาแฟออกเหลือแต่ค่าแก้วหรูที่เสียหายไปสิบกว่าใบ หญิงสาวถึงกับเครียดไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหนมาชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้น ในตอนนี้เธอจึงตัดสินใจเดินเข้ามาหาเปรมินที่กำลังก้าวขึ้นรถเปิดประทุนสุดหรูเตรียมตัวจะกลับคอนโดเช่นเดียวกัน

“ขอโทษค่ะคุณเปรมิน” เสียงผู้หญิงดังขึ้นขัดขวางการกลับบ้านของเขา ร่างสูงลุกขึ้นจากเบาะรถก่อนจะหันไปหาต้นเสียงพบว่าเป็นเพลงพิณที่เข้ามาทักจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ

“อ้าว ขมิ้น ยังไม่กลับไปเตรียมเงินมาชดใช้ค่าแก้วที่แตกเหรอ” เขาหันมาทักพร้อมกับรอยยิ้มที่เพลงพิณไม่ชอบใจเวลาเห็น มันคล้ายว่าจะเจือความเยาะเย้ยอยู่ในนั้น เขาคงเยาะเย้ยที่ลูกสาวอาจารย์เพลงขลุ่ย ปรมาจารย์ด้านบริหารธุรกิจตกอับขนาดมาเป็นพนักงานเสิร์ฟแลกค่าแรงขั้นต่ำ ซ้ำยังก่อเรื่องจนต้องเสียเงินหลายหมื่นสินะ

“ยังค่ะ พอดีฉันว่าจะขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าพอดีอยู่ในร้านลืมบอก”

หญิงสาวพูดอย่างกระดากใจ เพิ่งทำงานได้เพียงเดือนเดียวเงินเดือนก็เพิ่งรับไปยังบากหน้ามาขอเบิกล่วงหน้า แต่เงินเดือนที่เธอได้มาตอนนี้มันไม่เพียงพอต่อความต้องการของเธอจริงๆ ทั้งยังมีเพิ่มค่าแก้วกาแฟที่ต้องชดใช้

เปรมินเลิกคิ้วอย่างฉงนก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อยเป็นเชิงดูถูก “วันนี้เงินเดือนพึ่งออกนิทำไมมาขอเบิกล่วงหน้าล่ะ หรือจะเอาเงินที่เบิกล่วงหน้ามาเป็นค่าแก้วกาแฟที่แตกไป” เขาจงใจถามด้วยเสียงเจือหัวเราะเยาะยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกแย่ เธอมาขอเบิกเงินล่วงหน้าประหนึ่งว่าเขาโง่เสียเต็มประดา ใครจะไปยอมให้เธอชิ่งหนีง่ายๆ

“พอดีฉันจะพาพ่อไปหาหมอ เงินที่มีอยู่ตอนนี้ไม่พอ” เธอตอบแค่นั้นพยายามกำหมัดแน่นระงับความโกรธสุดชีวิตกับน้ำเสียงเย้ยหยัน ต้องอดทนกับสายตาดูแคลนที่เปรมินมักจะมองมาเนื่องจากงานมันหายากและงานเสิร์ฟที่ได้เงินดีในตอนนี้ก็มีแค่ที่ร้านนี้แห่งเดียว

“อาจารย์ขลุ่ยเป็นไงบ้างตอนนี้ ไม่สบายเหรอ” เขาถามต่อไม่คิดที่จะยอมให้เงินล่วงหน้าแน่นอน เขาไม่ไว้ใจว่าเธอจะชิ่งหนีหรือเปล่าและที่สำคัญ เรื่องอะไรต้องช่วยลูกสาวของอาจารย์แก่เรื่องมากที่เคยฉีกหน้าเขาโดยการแจกเกรดเอฟ ซ้ำยังด่าประจานเขาและแฟนสาวของเขาจนอับอายแทบจะอยู่ต่อไม่ได้ แววตาคมเฉียบหม่นแสงยามเมื่อนึกถึงอดีตที่มันทารุณจิตใจ

11 ปีก่อนหน้า

“ทำไมคุณถึงทำอะไรโง่ๆแบบนี้ การคัดลอกผลงานวิชาการ มันเป็นความผิดและไร้จริยธรรมสิ้นดี” เสียงตวาดดุดันเครียดขึงดังไปทั่วทั้งห้องพักของอาจารย์ แล้วยังดังไปทั่วทั้งชั้นเพราะคนตวาดอยู่ในอารมณ์โมโห โกรธละคนผิดหวังกับเด็กนักศึกษาสองชายหญิงตรงหน้าที่ทำงามหน้าสถาบันโดยการคัดลอกผลงานวิชาการของคนอื่นจนเกิดเรื่องร้องเรียนมาทางมหาวิทยาลัย อาจารย์เพลงขลุ่ยถูกสอบวินัยฐานเป็นผู้ตรวจงานแล้วผลงานที่เขาตรวจถูกร้องเรียนว่าเป็นผลงานที่คัดลอกจากงานเขียนของผู้อื่นอีกที อาจารย์และนักศึกษาคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณต่างมองด้วยความสนใจ บางคนส่ายหัวเพราะถือว่าสิ่งที่พวกเขากำลังถูกตำหนิอยู่เป็นเรื่องน่าอายที่รับไม่ได้

สองหนักศึกษาชายหญิงต่างก้มหน้ารับฟังความผิดของตน นักศึกษาชายรู้สึกผิดแต่มีหน้าเรียบเฉยเพราะแฟนสาวของตนทำผิดจริง ในขณะที่นักศึกษาผู้หญิงนั้นหน้าซีดน้ำตาคลอ ทั้งกลัว ทั้งเครียดและโกรธแค้น ความผิดครั้งนี้อาจจะส่งผลต่อทุนที่เธอจะได้รับและครอบครัวของเธอจะผิดหวังขนาดไหนกัน ในที่สุดโศรยาก็ร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างสุดจะกลั้น

“ไม่ต้องร้องไห้บีบน้ำตาหรอกคุณ เจ้าของผลงานเขาเอาเรื่องคุณแน่ โง่แล้วยังไม่กล้าเผชิญความจริงแบบนี้ก็อย่าอยู่อีกเลย ไปตายซะรกโลก” จะโทษนักศึกษาที่คัดลอกงานอย่างเดียวก็ไม่ถูกเพราะเขาเป็นอาจารย์ผู้ตรวจงานแท้ๆ กลับลอดพ้นสายตาจนผลงานได้ตีพิมพ์ จนเป็นเหตุให้เกิดการร้องเรียนในที่สุด “แล้วทีนี้จะทำยังไง เขาร้องเรียนเป็นคดีความขนาดนี้”

“อาจารย์ครับ ผมว่าจะโทษแต่เซรันก็ไม่ถูกนะครับ” เปรมินช่วยเถียงแทนแฟนสาว สุดที่รักของเขาร้องไห้ตัวสั่นเกรงกลัวความผิด เขาเองก็ผิดด้วยที่ไม่ช่วยห้ามปราม

“คุณจะโทษแต่ผมที่ไม่ตรวจดูให้ดีงั้นเหรอ ทำไมพวกคุณหน้าไม่อายแบบนี้ ทำผิดไม่ยอมรับผิดแล้วมีหน้ามาโทษคนอื่น ผมอยากจะรู้จริงๆว่าพวกคุณถูกเลี้ยงมายังไง” คำพูดดุดันรุนแรงนั้นโศรยาไม่อาจจะรับไหว  ในที่สุดเธอก็ร้องไห้กระเซอะกระเซิงและวิ่งหนีอย่างไร้สติ

“เซรัน! เดี๋ยวก่อนเซรัน!” เปรมินพยายามวิ่งตามท่ามกลางความตกใจของอาจารย์เพลงขลุ่ยและคนอื่นๆ โดยเฉพาะสาวน้อยหน้ามนตากลมว่าที่นิสิตของมหาลัยที่นั่งอยู่โต๊ะของอาจารย์เพลงขลุ่ยผู้เป็นพ่อ คอยดูพ่อดุลูกศิษย์ด้วยใจลุ้นระทึก สงสารสุดซึ้งที่เห็นว่าที่รุ่นพี่ของพวกเธอถูกดุ

“ขมิ้นดูไว้นะลูก หนูจะต้องเรียนที่นี่ด้วยความสามารถของหนู ไม่ใช่เล่ห์กลคัดลอกผลงานของคนอื่นมาส่งงานแบบนี้ โดยเฉพาะงานวิจัย หนูจะลอกคนอื่นไม่ได้” คนเป็นทั้งอาจารย์และเป็นพ่อหันมาสอนลูกสาวด้วยความหวังดี อารมณ์เครียดแต่จะพูดกับลูกสาวคนเดียวอย่างอ่อนโยนเสมอ

“ค่ะพ่อ” เพลงพิณรับคำก่อนจะมองตามรุ่นพี่ที่เธอปลื้มนักปลื้มหนาวิ่งตามแฟนสาวของเขาไป

เปรมินต้องใช้เวลาปลอบใจแฟนสาวของเขาอยู่นาน กว่าโศรยาจะยอมสงบลงได้จะเขาวางใจที่จะให้เธอทบทวนตัวเองอยู่ลำพัง แต่ชายหนุ่มได้รู้ตัวของตัวเองในวันนั้นเองว่าเขาวางใจอะไรไม่ได้ เพราะเพียงแค่ชั่วโมงเดียวที่เขาคาดสายตาจากหญิงสาว กลับต้องพบกับร่างไร้วิญญาณที่ปลิดชีพตนเองหนีจากโลก ทิ้งไว้เพียงจดหมายระบายความอับอายขายหน้าที่ถูกร้องเรียนเรื่องคัดลอกงานวิชาการ และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนั้นก็คือประโยคระบายความเครียดแค้นที่มีต่ออาจารย์เพลงขลุ่ย

มือหนาเผลอกำแน่นด้วยความรู้สึกแค้นสุมอกกับอดีตที่หวนสู่ภวังค์ร้ายของเขายามเมื่อมองหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของอาจารย์เพลงขลุ่ยตรงหน้า สายตาเหยียดหยามถูกใช้แก่ร่างเล็กตรงหน้า เหตุการณ์ในอดีตส่งผลต่อการกระทำในปัจจุบัน ที่เขาคอยจับผิดและถากถางเพลงพิณเพราะในอดีตสมัยเป็นนักศึกษาเคยมีกรณีผิดใจกัน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอโดยตรงหากแต่เป็นเพราะเพลงพิณก็คือลูกสาวคนเดียวของอาจารย์เพลงขลุ่ย อาจารย์ที่สอนวิชาจิตวิทยาการตลาดและเคยปรับตกแก่เขาด้วยข้อหาคัดลอกรายงาน ความแค้นฝังใจมันถูกปะทุขึ้นจนต้องรีบรับเพลงพิณที่เป็นลูกสาวเข้าทำงานเพื่อที่จะให้รับรู้ถึงสถานภาพที่ด้อยกว่าเขา

เขาพอจะรู้จากแพรวาว่าในตอนนี้เพลงพิณมีความจำเป็นต้องใช้เงินหลักแสนต่อเดือนเนื่องจากปัญหาสุขภาพของพ่อจึงต้องละทิ้งการเรียนตั้งแต่ยังไม่ขึ้นปี2มาเป็นพนักงานกินเงินเดือนหรือรับจ้างทั่วไป แต่เขาจะเห็นใจไปทำไมในเมื่อพ่อของเพลงพิณคืออาจารย์เพลงขลุ่ย อาจารย์ที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาจบปริญญาตรีไปถึงหนึ่งปีเต็มเพราะจับได้ว่าเขาไม่ได้ทำรายงานด้วยตนเองและที่สำคัญที่สุดอาจารย์เพลงขลุ่ยยังเป็นต้นเหตุให้โศรยาของเขาต้องฆ่าตัวตาย!

“ค่ะ พ่อไม่สบาย ฉันขอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนนะคะฉันสัญญาจะตั้งใจทำงานให้คุ้มค่า”

เพลงพิณส่งสายตาอ้อนวอนสุดชีวิตระหว่างเอ่ยคำมั่นสัญญาแต่กลับได้รับการตอบรับเพียงความเย็นชาซ้ำเยาะเย้ย มันไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องหนักใจอยู่แล้ว ชีวิตของอาจารย์แก่ๆคนหนึ่งกับลูกสาวมันจะมีค่าหรือมีอิทธิพลอะไรให้เขาต้องเสียเวลาใส่ใจ

“จะเบิกเท่าไหร่” เขาถามหน้านิ่งๆพร้อมทั้งประเมินอีกฝ่าย ไม่คิดที่จะให้เบิกล่วงหน้าหากแต่คิดที่จะให้เธอแลกเปลี่ยนอย่างอื่นแทน!

“ล่วงหน้าหกเดือนค่ะ” บอกออกมาพร้อมกลั้นหายใจ โอกาสที่จะได้ช่างริบหรี่ยิ่งเขาทำท่าเย็นชาใส่แบบนี้

“ฉันคงให้เบิกไม่ได้ เพราะฉันไม่ไว้ใจว่าเธอจะชิ่งหนีหรือเปล่าแล้วไหนจะหนี้สินที่เธอพึ่งก่อเมื่อตอนเย็นนี้อีก”

เขาให้คำตอบตามตรงทั้งที่ในความจริงแล้วเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะมีพนักงานคนไหนเชิดเงินเดือนที่เบิกล่วงหน้าหนีไปเพราะก่อนรับเข้าทำงานเขาได้เขียนสัญญาอย่างละเอียดรอบครอบไว้แล้วแต่ในตอนนี้เขาคิดที่จะทำบางอย่างกับเธอที่จะมีแต่เขาได้ประโยชน์!

“ไม่หนีแน่นอนค่ะ ไม่หนีแน่ๆฉันไม่มีงานที่ไหนจะหนีไปไหนได้ ฉันมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ”

“ลำพังทำงานร้านกาแฟเงินเดือนหมื่นห้ามันก็ได้เงินช้านะ จริงๆเธอก็เป็นผู้หญิงน่าจะทำอาชีพเสริมอย่างอื่นไปด้วย งั้นเอาอย่างนี้ไหม เธอมาทำงานให้ฉันสิ แล้วฉันจะให้ค่าแรงเธอพิเศษ”

ในหัวคิดเรื่องสนุกบางอย่างขึ้นมาได้ เรื่องสนุกที่จะทำให้เขาได้ของเล่นชิ้นใหม่แล้วยังได้เหยียบย่ำอาจารย์หน้าโง่คนนั้นให้ใจสลายอีกด้วย ถึงเพลงพิณจะห่างไกลมาตรฐานของเขาหลายขุม ทั้งเรื่องทรวงทรงองเอวแต่อย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง

“งาน? งานอะไร”

“งานขายตัวไงล่ะ ขายให้ฉันก็ได้นะ จะสงเคราะห์ช่วยซื้อให้” ส่งสายตาเหยียดชังไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมทั้งสำรอกข้อเสนอออกมาอย่างหน้าด้านๆ ข้อเสนอที่ทำให้คนฟังตัวชาและหน้าชา

“พะ...พูดอะไร เราเป็นเพื่อนกันนะคะ” เธอถามอย่างเจ็บปวดและอดสูใจ รุ่นพี่ที่มีแต่ความดีงามในความรู้สึกจนเธอแอบปลื้ม ในวันนี้เขาพูดแบบนี้กับเธอ!

“ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนอย่าคิดที่จะตีเสมอฉัน อย่าลืมสิว่าเธอเป็นลูกสาวของอาจารย์เพลงขลุ่ยที่ฉันแสนจะเกลียด ตอนนั้นฉันจ้างทำรายงานแล้วยังไงในเมื่อตอนนี้ฉันกลายมาเป็นเจ้านายเธอ ได้ดิบได้ดีจากธุรกิจที่บ้าน ซ้ำยังร่ำรวยมหาศาลจนเงินสองแสนที่หารกับไอ้ภรพเป็นแค่เศษเงิน จะเขียนงานดีหรือไม่ดีไม่เห็นจะเกี่ยวกับความรวยความสุขสบายที่พ่อแม่มีไว้ให้เลยสักนิด” เขาขึ้นเสียงอย่างอัดอั้น ความโกรธแค้นที่สั่งสมมาถูกระบายให้ทายาทของอาจารย์ฟังในวันนี้

“แต่เรื่องมันผ่านมาแล้ว ตอนนี้พ่อฉันก็ลุกมาต่อว่าอะไรคุณไม่ได้คุณจะให้ฉันทำยังไง แล้วฉันขอให้คุณเห็นใจถึงความจำเป็นฉันสักนิดเถอะค่ะ” เพลงพิณพยายามใจเย็นแม้จะไม่พอใจที่ต้องมาฟังคำดูหมิ่นพ่อตนเองแบบนี้

“คงให้เบิกไม่ได้แต่ก็อย่างที่บอก ถ้าเธอมาหาฉัน เธอจะได้คืนละพันห้าตามราคาทั่วไปของผู้หญิงอย่างว่า มันจะมีวิธีไหนหาเงินได้ง่ายและเร็วเท่ากับการขาย จริงไหมเพลงพิณ”

เสียงทุ้มๆของเขาทำให้คนฟังหัวหมุนด้วยความโกรธ ไม่คิดว่าจะมีผู้ชายหน้าด้านคนไหนในโลกมาขอให้เป็นเครื่องบำเรอกามซึ่งๆหน้าขนาดนี้

“ฉันทำไม่เป็น ฉันไม่ทำ!” เธอรีบปฏิเสธหันหน้าหนีเชิดๆ

“ถ้ายังไม่เคยฉันจะให้ค่าตัวเพิ่มอีกนะไม่ลองคิดดีๆเหรอ”

                “คนบ้า! คุณกล้าดียังไงมายื่นข้อเสนอบ้าๆให้ฉันแบบนี้!” ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องชี้หน้าด่าออกมา “อย่าได้เจอะได้เจออีกเลย ฉันไม่มีวันรับข้อเสนอบ้าๆแบบนั้นฉันจะทำงานหาเงิน งานที่ไม่ใช่ขายตัวแบบที่คุณชวนฉันทำ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยและฉันจะขอจ่ายหนี้สองหมื่นที่ทำแก้วกาแฟแตกในวันนี้” เธอรัวเสียงด่ากราดก่อนจะยัดซองเงินเดือนและควักเงินสดส่วนตัวอีก5พันใส่มือเขา จากนั้นตัดสินใจเดินหนีและคิดว่าจะไม่มีวันกลับมาขอร้องไอ้ผู้ชายทุเรศคนนี้อีกรวมไปถึงจะไม่กลับมาทำงานที่ร้านกาแฟนั้นอีก

การเดินหนีในวันนี้จะถือได้ว่าเป็นวันปิดตำนาน “พี่เปรมิน” รุ่นพี่ปี4ที่เธอแอบปลื้มมาเนิ่นนานจนกระทั้งวันเข้าทำงานร่วมร้านกาแฟกับเขา ในเมื่อวันนี้เขาทำให้เธอรู้สึกเกลียดและขยะแขยงอย่างไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ จบแล้วสินะ รักแรกของเธอ

11 ปีก่อนหน้า

เด็กสาวมัธยม 6 ยืนเงอะงะอยู่กลางมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนต่อของเพลิงพิณ แต่ด้วยความที่ผู้เป็นพ่อติดภารกิจต้องเป็นอาจารย์คอยสัมภาษณ์งานรับเข้านักศึกษาใหม่เช่นกันทำให้วันนี้เธอต้องเดินทางมาสอบด้วยตนเอง ด้วยความที่ไม่เคยเข้ามามหาลัยยิ่งใหญ่แห่งนี้ด้วยตนเองทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘หลงทาง’ แต่จนแล้วจนรอดก็สามารถเดินมาจนเห็นป้ายบอกทาง 

“นี่ไง! บริหารศาสตร์เลี้ยวขวา” เสียงหวานบอกตัวเองก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนหมายจะข้ามไปอีกฝั่งของถนน โดยไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้มีรถเก๋งญี่ปุ่นคันเก่ากลางใหม่กำลังขับเข้ามาในระยะกระชั้นชิด

เอียดดดด

เสียงเบรกห้ามล้อดังลั่น ทำให้เพลงพิณสะดุ้งตกใจจนล้มหงายหลัง ใจเต้นรัวเมื่อได้รู้ว่าตัวเองเข้าใกล้ความตายเพียงไม่กี่คืบ สักพักชายร่างสูงในชุดนักศึกษาถึงเปิดประตูลงจากรถด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“เป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม” เขารีบนั่งชันเข่าเข้าดูอาการของคนตัวสั่นหน้าซีดเผือด สำรวจเนื้อตัวไม่พบบาดแผลมีเลือดออกก็ค่อยเบาใจก่อนจะพยุงร่างเล็กขึ้นยืน

“ไม่เป็นอะไรนะครับ” น้ำเสียงเขาอบอุ่นไม่ต่างจากท่าทีสุภาพอ่อนโยน ไม่ได้มีอาการล่วงเกินคนตกใจแม้แต่น้อย

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” เพลงพิณตอบซื่อๆ เงยหน้ามองพี่นักศึกษารูปหล่อด้วยดวงตากลมใส ยังตกใจไม่หายจนแววตาสั่นระริก เห็นแบบนั้นเปรมินค่อยผ่อนคลายความตื่นเต้น

“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมสั่นแบบนี้ล่ะ น้องจะไปที่ไหนเหรอครับเดี๋ยวขึ้นรถไปกับพี่ดีกว่าไหมเดี๋ยวพี่พาไป” ยิ้มล้อเลียนก่อนจะอาสาทำความดี

“ไปคณะบริหารค่ะ”

“อ๋อ เห็นว่าวันนี้มีสอบสัมภาษณ์นักศึกษาใหม่นี่เนอะ ขึ้นรถไปกับพี่ได้นะพี่จะไปคณะพอดี” รุ่นพี่ปีสี่ของบริหารศาสตร์ขันอาสา ต้องการจะทำความดีและต้องการไถ่โทษที่ทำให้นักเรียนคนนี้ตกใจ

“ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” เพลงพิณและเปรมินเลยได้นั่งรถไปที่คณะด้วยกันโดยเขาส่งเด็กสาวลงที่หน้าคณะ ก่อนจากกันได้มีการอวยพรทิ้งท้ายด้วยความเอ็นดู

“สู้ๆนะ มาเป็นรุ่นน้องของพี่ให้ได้นะครับ” รอยยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงสวยก่อนจะหมุนกระจกขึ้นและขับรถเคลื่อนจากไป ปล่อยให้เด็กสาวยิ้มปลื้มตามหลัง คนอะไรทั้งรูปหล่อ สุภาพและใจดี มีรุ่นพี่แบบนี้เพลงพิณยิ่งต้องพยายามในการสอบสัมภาษณ์เพื่อให้สามารถเข้ามาเป็นรุ่นน้องของเขาให้ได้

แต่ในปัจจุบันนี้เธอพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ว่าคนรูปหล่อ สุภาพและใจดีในวันวาน วันนี้ไม่มีอีกต่อไปสำหรับเปรมิน เขากลายเป็นซาตานไร้ใจที่พร้อมจะขยี้ เหยียบย่ำทรมานเธอจนกว่าจะตายไปข้าง

                เปรมินยิ้มร้ายตามหลัง อย่างไรก็ตามสุดท้ายเพลงพิณต้องกลับมายอมรับข้อเสนอของเขาอยู่ดี เพราะนับจากนี้เขาจะบีบทุกทางให้ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหนทางทำมาหากินจนต้องกลับมาขอร้องให้เขาจ้าง...จ้างขึ้นเตียง!

                หลังจากลาออกกะทันหันจากร้านกาแฟ เพลงพิณเที่ยวออกหางานใหม่แต่เธอไม่มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับบริษัทมีแต่ประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครชาวบ้านและวุฒิ ม.6 ซึ่งไม่เพียงพอที่จะให้บริษัทที่ได้เงินดีตอบรับเข้าทำงาน เป็นอีกหนึ่งวันในหลายอาทิตย์ที่อยู่ในสภาวะว่างงานแต่ทั้งพ่อและเธอมีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายทั่วไป

เพลงพิณกลับมาที่บ้านทรุดโทรมของตัวเอง หลังจากไปเยี่ยมพ่อที่นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เธอคอยเช็ดตัวและป้อนอาหารเหลวทางสายยางให้จนกระทั่งพยาบาลประกาศหมดเวลาเยี่ยมจึงกลับบ้าน

หลังจากทำธุระกับตัวเองจึงเริ่มต้นเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้จ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อในวันรุ่งขึ้นและวันต่อๆไปเงินร่วมสองหมื่นที่ได้ค่าแรงทั้งเดือนถูกใช้หนี้ไปแล้วและตอนนี้ใบแจ้งค่าใช้จ่ายจากทางโรงพยาบาลที่พ่อรักษาอยู่ทำให้เธอหน้าเครียด รายจ่ายที่ต้องเร่งหาเงินมาจ่ายยังขาดอีกห้าหมื่นปลายและระยะเวลาก็กระชั้นเข้ามาเพียงไม่กี่วันทำให้หนักใจอย่างยิ่งว่าจะรับงานที่ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นเสนอให้หรือเปล่า

“ขมิ้นต้องทำยังไงคะพ่อ พ่อถึงจะลุกขึ้นมากอดขมิ้นได้เหมือนเดิม” เธอพูดเบาๆพร้อมนึกถึงอาจารย์เพลงขลุ่ยที่นอนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่โรงพยาบาล

“อะ...โอ๊ย!”

ยิ่งคิดมากยิ่งเครียดอาการปวดหัวเรื้อรังท่าทางจะกำเริบ มือบางรีบคว้ายาประจำเข้าปากเพื่อบรรเทาอาการแต่ก็แทบจะบ้าตายเมื่อพบว่ากระปุกยาประจำนั้นในตอนนี้ว่างเปล่า ยาของเธอหมดเมื่อหลายวันก่อนแต่ยังไม่สะดวกที่จะไปหาหมอและรับยามากินบรรเทา ‘อาการ’ เพิ่มเติม

ใบหน้าซีดเซียวส่ายไปมาหวังจะระบายความเจ็บปวดก่อนจะรีบพลิกตัวอาเจียนนำพาแต่น้ำและลมออกจากท้อง อาการปวดหัวจนอาเจียนเป็นรอบที่สามของวันนี้แต่มันยากเหลือเกินที่จะทำให้ชิน

“โอ๊ย!” อาการปวดหัวจากภายในเริ่มลุกลามจนน้ำตาไหล ปวดเหมือนถูกใครบีบที่หัวสุดแรงแม้จะเกิดอาการแบบนี้ขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังคงไม่มีความเคยชินกับมันสักนิด

ในที่สุดก็ต้องร้องไห้ออกมาเพราะทำอะไรไม่ได้ ยิ่งร้องยิ่งปวด ความเจ็บปวดที่ได้พานพบมันช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา