โซ่เสน่หา
เขียนโดย จอมนางค์
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.33 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2561 19.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3 (50%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3
“คุณเริ่มจะว่าง่ายขึ้นมาหน่อยแล้วไวโอเล็ต” เขาว่าพลางเหลือบมองนาฬิกา ไขว่ห้างเอนตัวพิงพนักอย่างสบาย “ยี่สิบนาทีพอดี ผมชอบคนตรงเวลา”
ข้าหลวงประจำห้องเครื่องเลื่อนเก้าอี้ตัวตรงข้ามให้หล่อน
เมื่อแรกญามาติกาคิดจะพยศใส่เขาโดยการไม่ลงมาร่วมโต๊ะตามคำสั่ง แต่ก็หิวเหลือทนเพราะตั้งแต่เมื่อวานเย็นและวันนี้อีกทั้งวันหล่อนยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง
ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่คิดว่าหล่อนกลัวจนหลบหน้า!
ความจริงมีอยู่ว่า หล่อนก็อยากจะหลบ เพราะพอเห็นหน้าเขาแล้ว หล่อนก็อาจควบคุมตัวเองไม่ได้อีก เขาพูดหน้าตาเฉยว่าเขาทำอะไรๆ หล่อน ซึ่งถึงไม่ต้องพูดออกมตรงๆ เขาก็ต้องรู้ว่าหล่อนจะเข้าใจอย่างไร เขาก็ไม่แก้ไขในความที่หล่อนเข้าใจเสียด้วย หล่อนจึงกระวนกระวายใจว่า จะทำอย่างไรดี จะฟ้องร้องเขาให้ย่อยยับจะแจ้งตำรวจหรืออย่างไรหล่อนไม่เคยทำ ไม่เคยคิดว่าทั้งชีวิตนี้จะต้องทำด้วย
หล่อนเคยอ่านข่าวทำนองนี้ทางหน้าหนังสือพิมพ์บ้างเหมือนกันและคิดง่ายๆ ว่าเป็นหล่อนเจอแบบนี้เข้าบ้างหล่อนจะฟ้องร้องถึงขึ้นโรงขึ้นศาล ประจารให้สังคมรู้กันไปเลย จะกัดไม่ปล่อยเพื่อให้คนชั่วได้รับผลกรรมเสียบ้าง
แล้วพอเจอเข้ากับตัวจริงๆ หล่อนก็มัวสับสนอยู่ ญามาติกาฉิวตัวเองเพราะจับได้ว่า หล่อนไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เขาจริงนักหรอก เพียงรู้สึกเจ็บใจแค้นใจเท่านั้นว่า เขามาทำให้หล่อนเสีย ‘ครั้งแรก’ ไปโดยหล่อนไม่ยินยอมก็เหมือนมาดูถูกกัน คิดว่าหล่อนเป็นเพียงผู้หญิงที่ได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องมีความรู้สึกรักกัน
แล้วถ้าเขารัก...หล่อนจะยอมเขาหรือ?
หล่อนถามตัวเองแล้วก็นึกโกรธว่า ทำไมถึงถามแบบนั้น ก็หล่อนเกลียดเขาไม่ใช่หรือ? หล่อนเกลียดที่จู่ๆ เขาก็มาแย่งตาหนูไปและทำให้ชีวิตหล่อนปั่นป่วน
อย่างไรก็ตาม ญามาติกาก็ฝังใจเสียแล้วว่า หล่อนได้เสียครั้งแรกไปแล้วโดยที่หล่อนไม่รู้ตัวเลย
โดยปกติผู้หญิงที่รู้ตัวว่าสูญเสียครั้งแรกไปเขาทำกันอย่างไร?
คงไม่เที่ยววิ่งร้องแรกแหกกระเชอไปหรอก เพราะเขาก็ต้องเสียให้ด้วยความเต็มใจให้กับคนที่รัก
โอย...แล้วนี่อะไร ครั้งแรกของหล่อนเสียให้กับใครก็ไม่รู้ซ้ำหล่อนยังมองเขาเป็นอริ เขาเองก็คงไม่ชอบหล่อนนักเพราะเจอกันทีไรก็ปะทะกันอยู่ตลอด
ก็แล้วมาทำกับหล่อนอย่างนี้ทำไม!
หรือเพียงต้องการเอาชนะกันก็ทำร้ายหล่อนเสียง่ายๆ
หยดน้ำตาแห่งความคับแค้นใจรื้นออกมา หล่อนเชิดหน้าชึ้นเสียเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าหล่อนกำลังสับสนเพียงใด
อัสวาน บิลลอห์ ซาฮามาล คอยดู! หล่อนจะเอาคืน คนอย่างหล่อนอย่านึกว่าจะมารังแกกันง่ายๆ
“ไวน์? หรืออยากได้คอกเทลสวยๆ ซักแก้ว” เสียงของเขาปลุกหล่อนจากภวังค์ความคิดอันสับสน หล่อนหันไปมองก็เห็นเขาอยู่ตรงบาร์เครื่องดื่ม ทำท่าจะบริการหล่อนเอง
ห้องนี้เป็นเหมือนห้องเพนทรี่ซึ่งเขาคงจะกันไว้เป็นส่วนตัวเพราะมีบาร์เล็กๆ ห่างออกไปจากโต๊ะซึ่งคงจะเอาไว้รับรองแขกส่วนตัวบ้าง
“วิสกี้ออนเดอะร็อค” หล่อนบอกหน้าเฉย
โดยปกติญามาติกาไม่แตะต้องเครื่องดื่มชนิดที่มีแอลกอฮอล์เลย แม้ในงานเลี้ยงซึ่งไม่ว่าจะลูกค้าหรือผู้บริหารก็ดื่มกันทั่วไป หล่อนยังปฏิเสธสุภาพว่า
‘โอ...ประธานโทษเถอะค่ะ ดิฉันไม่ค่อยถูกโรคเลย’ ก็เป็นอันว่าหล่อนไม่เตะต้องแอลกอฮอล์ทุกโอกาส เพราะถือว่าทำงานไม่นานหล่อนก็จะออกมาใช้ชีวิตอยู่สงบๆ กับลูก
ตอนนี้ญามาติกาต้องการให้อัสวานเห็นหล่อนเป็นสาวผู้มาดมั่นซึ่งพร้อมจะต่อกรกับเขาตลอดเวลา
อัสวานเลิกคิ้วมองหล่อนยิ้มๆ ก่อนจะส่งเครื่องดื่มซึ่งหล่อนเพิ่งทำกล้าขอไป ก่อนจะรินเบียร์ให้กับตัวเอง
“ผมชอบดื่มเบียร์เย็นๆ ก่อนถึงมื้อใหญ่” เขาอธิบายปนหัวเราะราวกับก่อนหน้านี้เขากับหล่อนไม่เคยมีเรื่องใดๆ กันมาก่อน
“คุณดื่มแบบนี้ประจำหรือ” หล่อนเลิกคิ้วมองเขาบ้าง นิ้วเรียวไล้ไปบนปากแก้ว คิดในใจว่าถ่วงเวลาให้น้ำแข็งละลายอีกหน่อยคงพอดื่มลงบ้าง
“ก็...ไม่ถึงกับประจำ” หล่อนไหวไหล่ คิดว่าตัวเองทำได้ไม่เลวนักหรอก ตอนนี้มาดหล่อนคงเหมือนสาวรอบจัดผู้แกร่งกระด้างอยู่บ้าง ญามาติกายกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากแล้วเกือบเบ้หน้า กลิ่นเหล้าฉุนจนหล่อนอยากเบือนหนี แต่ยกขึ้นมาแล้วจะวางแก้วลงเฉยๆ เขาคงจับไต๋ได้ว่าหล่อนไม่เคยดื่มจริงๆ หญิงสาวกลั้นใจกระดกแก้วพรวดลงไป รสสัมผัสของเหล้าแรงร้อนวาบเป็นทางจนหล่อนไอโขลก อัสวานก้าวเข้ามารับแก้วจากหล่อนวางลง เขาหัวเราะเบาๆ พลางช่วยลูบหลังไหล่ให้
“คุณเป็นสาวน้อยใจกล้าคนแรกที่ฝึกดื่มด้วยวิสกี้ออนเดอะร็อค” หล่อนยังไอโขลกๆ อยู่ก็เลยปล่อยเขาวิจารณ์ได้ตามสบาย นึกอายว่าอุตส่าห์วางมาดแทบแย่ ยังไม่ทันข้ามคืนเลยเขาก็จับได้เสียแล้ว
เขาประคองหล่อนนั่งลงบนเก้าอี้ ปัดปอยผมที่รุ่ยลงมาเกี่ยวไว้กับไปหูเรียว พักหนึ่งหล่อนจึงเลิกระอักกระไอ
บ้าจริง! หล่อนนึกเซ็งตัวเอง
“อย่ากังวลไปเลยที่รัก” เสียงเขายั่วเย้า ตามองหล่อนคล้ายผู้ใหญ่มองเด็ก “การแสดงออกว่าคุณเป็นสาวนักดื่มไม่ได้ช่วยให้คุณดูแกร่งกร้าวขึ้นมาหรอก” อัสวานลุกขึ้นรินน้ำส้มลงแก้วใหม่ให้หล่อน ญามาติกามองเขาอย่างกล่าวโทษซึ่งหล่อนรู้สึกเสียใจว่าไม่ควรเลย การกระทำแบบนั้นทำให้หล่อนดูเหมือนเด็ก หล่อนเงียบอยู่เป็นนานเพราะรู้สึกเสียหน้า
อัสวานให้สัญญาณพนักงานเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะได้
หล่อนและเขาจัดการกันอาหารเงียบๆ อยู่ซักครู่อัสวานก็ชวนหล่อนคุยในเรื่องกลางๆ ซึ่งหล่อนพอจะพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตรได้บ้าง
“...ผมเคยไปเสปนหลายครั้ง แต่ไม่ค่อยได้เที่ยว เคยสองสามครั้ง แต่รู้สึกว่าชอบพิพิธภัณฑ์ปราโด้ที่สุด”
“คุณชอบงานประติมากรรม?” หล่อนเดา “ฉันเคยไปมาดริดครั้งเดียว บ้านเกิดแม่อยู่คอร์โดบา”
“คุณไม่มีญาติอยู่นี่นั่นบ้างหรือ ไวโอเล็ต...ยาวจัง” เขาบ่น “มีนิคเนมไหม” เขาถามอย่างที่ถ้าหากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาไม่ทำสงครามกับหล่อนมาหยกๆ หล่อนคงอยากตอบบ้าง
“ปั้นหยา เป็นชื่อไทย คุณคงเรียกไม่ถูกหรอก”
“พาน...อะไรนะ”
“ปั้นหยา”
“พาน...ยา ยากเกินไป ไม่มีชื่ออื่นหรือ” หล่อนส่ายหน้า
“ไวเล็ต...ไวล์...ไวท์” เขาลองเรียกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็บอกอย่างเอาแต่ใจว่า “เรียกไวโอเล็ตง่ายที่สุด อย่าเปลี่ยนเลย” ญามาติกาพยักหน้า
“ตามใจคุณ”
“ผมเดาไม่ผิด...ชุดนี้เหมาะกับคุณมาก” เขามองหล่อนอย่างมีความหมาย ญามาติกาก้มลงมองตัวเอง
หล่อนอยู่ในชุดอีฟนิ่งเดรสสีฟ้า ตัดจากผ้าชีฟอง คว้านคอเป็นตัววีมีซับในสีเดียวกันอยู่ด้านในอีกชั้นหนึ่งตัวเสื้อมีเพียงสายเล็กๆ เกาะอยู่กับไหล่บาง ด้านหลังย้วยลงไปตามทรง เปิดตั้งแต่ช่วงสบักหลังยาวลงไปถึงกึ่งกลาง ชุดนี้เวลาเดินจะเห็นผ้าพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหว หากเวลานั่งอยู่กับที่จะเกาะทรวดทรงเห็นชัด
ญามาติกาเผลอห่อไหล่เมื่อพบว่าสายตาแรงร้อนของอัสวานหยุดมองที่แอ่งชีพจรของหล่อนนาน เขาหรี่ตาจับจ้องหล่อน สายตาเย้ายวนนั้นทำให้หล่อนสะท้าน
เขาก้าวพรวดเดียวก็มาหยุดยืนตรงหน้า หล่อนผวาจะลุกอย่างลืมตัว เขาก็จับไหล่หล่อนรั้งเบาๆ เพื่อตรึงหล่อนไว้กับที่
“จุ๊” เขาจุ๊ปากบอกเสียงกระซิบ “ใจเย็นๆ สาวน้อย คุณกลัวผมทำไมนะ ผมเพียงแค่อยากมองให้ชัดเท่านั้น เลือกชุดนี้ให้คุณไม่ผิดหวังเลย”
“คุณเลือกชุดนี้ให้ฉัน?” หล่อนพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ
“ใช่...รู้ตัวไหมไวโอเล็ต คุณสวยมาก” ตาของเขาหลุบมองริมฝีปากของหล่อน ญามาติกาโมโหตัวเองว่า พอเขามองริมฝีปาก ริมฝีปากหล่อนก็สั่นระริก
“ปากคุณสวย” เขาชม “น่าจูบ”
“ถามจริงๆ ทำไมคุณต้องเข้ามายุ่งกับฉันและลูก” หล่อนทำใจกล้าถาม
“เขาเป็นลูกผมด้วย” เขากระซิบ
“คุณน่ะเห็นแก่ตัว รู้ไหมฉันพยายามเท่าไรกว่าจะมีแกได้ แล้วจู่ๆ คุณก็เข้ามา จะมาแย่งแกไป! ผู้ชายก็เป็นแบบนี้กันหมด เพศเห็นแก่ตัว น่ารังเกียจ รู้ไหมฉันอยากให้คุณไสหัวไปจากชีวิตเรา ตอนนี้เลย!” หล่อนรู้สึกว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อวลอยู่ในกายทำให้หล่อนกล้ามากขึ้น
ตาของอัสวานมีประกายอันตราย
“ไวโอเล็ต ผมไม่เคยคิดว่าเพศหญิงเป็นเพศที่พูดไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยจนกระทั่งมาเจอคุณ”
“ก็เหมือนที่ฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาส เห็นแก่ตัวเท่าคุณมาก่อน”
“คุณอคติกับผมเพราะคุณเกลียดผู้ชาย ยอมรับเถอะไวโอเล็ต เพราะอะไรคุณถึงได้เหมารวมผู้ชายทั้งโลกว่าเห็นแก่ตัว?”
“ฉันไม่ได้เหมารวม!”***เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ