หวานใจสาวนักดริฟ
เขียนโดย ไอติมโคนนี่
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ตอนที่ 10 ครึ่งชีวิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 10 ครึ่งชีวิต
ในตอนนี้ทั้งคู่นั้นกำลังแช่น้ำอยู่ในอ่างขนาดกว้าง คนหน้าหวานอยู่หว่างขาคนหน้าคมและนอนพิง แขนคนหน้าคมกอดคนหน้าหวานไว้
“รู้สึกดีขึ้นบ้างยังคะ?” คนหน้าคมถามทั้งที่ยังเอาคางเกยไหล่คนหน้าหวาน
“ดีขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ”
“เมลนี่ตัวเล็กจังเลยนะคะ” คนหน้าคมพูดและใช้มือข้างหนึ่งลูบที่เรือนร่างคนหน้าหวาน
“อื้ออ พี่เซนคะ เดี๋ยวก็ไม่ได้พักหรอกค่ะ” คนหน้าหวานครางออกมาเมื่อรู้สึกเสียวขึ้นมา
“ขอโทษค่ะ เรารีบขึ้นกันดีกว่า น้ำเริ่มเย็นแล้ว”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะลุกออกจากอ่างน้ำนั้นก็มีเสียงตะโกนเรียกมาจากหน้าห้อง
“คุณหนูคะ จะทานข้าวหรือเปล่าคะ?” เสียงมาลีถาม
“ไม่ละค่ะ เดี๋ยวเซนไปข้างนอก” คนหน้าคมจึงหันมาบอกคนหน้าหวาน “เราไปร้านรินกันดีกว่านะ อยากอวดแฟน” คนหน้าคมยิ้มเมื่อได้รับการตกลง ทั้งสองจึงออกไปแต่งตัวเพื่อไปข้างนอกกัน
คนหน้าคมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเพื่อนตัวแสบดู จะพาแฟนไปเปิดตัวซะหน่อยให้เพื่อนมันอิจฉาตาร้อน
ตื้ดดดดด
ไม่นานก็รับสาย
“ปอไปร้านเดิมกัน ฉันมีไรจะอวด”
[อะไรวะ แกเพิ่งออกจากโรงบาลไม่กี่วัน มีอะไรมาอวดแล้วเหรอ]
“เออ ตกลงไปเปล่า?”
[ไปดิวะ เหมือนเดิมนะเว้ย เดี๋ยวฉันรีบไป]
“อ่าๆ” คนหน้าคมพูดจบจึงตัดสายทิ้ง
คนหน้าหวานที่กำลังแต่งหน้าอยู่ หันมาถามคนหน้าคมที่นั่งรออยู่บนเตียงนอน
“เพื่อนคุณตกลงไปด้วยหรือเปล่าคะ”
“แน่นอนว่าไม่เคยพลาด” คนหน้าคมยิ้มให้คนหน้าหวาน และจ้องมองหน้า “เมลไม่ต้องแต่งหน้าเยอะก็ได้ สวยอยู่แล้ว” คนหน้าหวานเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็อดเขินไม่ได้กับคำหวานๆของคนหน้าคม ไม่ต้องสงสัยว่าคนหน้าหวานเอาชุดมาจากไหน ก็คนหน้าคมเป็นคนเตรียมมาให้เอง
เมื่อทั้งสองคนขับรถออกมา ด้านหลังก็จะเป็นลูกน้องคนสนิทของคนหน้าคมขับตามมาอีกที เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นมา คนหน้าคมก็ไม่อยากให้คนหน้าหวานต้องมาเสี่ยงอันตราย จึงต้องค่อยกำกับลูกน้องให้คอยดูแลคนรักของตนให้ดีที่สุด
เมื่อทั้งคู่ย่างก้าวเข้ามาในตัวร้าน ทุกสายตาต่างหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน คนหน้าคมที่รับรู้ได้ถึงสายตาจึงยกแขนขึ้นมาค้างรอ คนหน้าหวานที่เห็นอย่างนั้นจึงสอดแขนตนเข้าไปควงกับคนหน้าคมทันทีก่อนจะเดินตรงยังที่เก่าที่เคยนั่งกัน
“เฮ้ย! ช้าวะ ฉันมาตั้งนานแล้วนะเว้ย” เพื่อนตัวแสบเมื่อเห็นคนหน้าคมก็เริ่มบ่นออกมา
“โทษทีๆ พอดีมากับแฟนนนน” คนหน้าคมบอกลากเสียงและหันมายิ้มหันคนหน้าหวาน ทำให้คนหน้าหวานต้องทุบที่ไหล่คนหน้าคมเป็นการแก้เขิน และนั่งลงบนโซฟาข้างกัน ให้เพื่อนมันอิจฉาตาร้อนไป
“หะ! เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?” เพื่อนตัวแสบถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“เออ วันนี้มาอวดแฟน” คนหน้าคมบอกลอยหน้าลอยตา ก่อนจะจัดการเทเหล้าใส่แก้ว
“พี่เซน เมลขอตัวไปหารินก่อนนะคะ” คนหน้าหวานบอกคนหน้าคมก่อนจะลุกเดินออกไปเมื่อได้รับการพยักหน้า
“แก ไม่กลัวโดนคุณกิตติฆ่าหรือไง” เพื่อนตัวแสบเอียงตัวมากระซิบถาม
“ไม่เว้ย ฉันขอเขาแล้ว” คนหน้าคมยิ้มอย่างอวดดี
“อะไรวะ! แกนี่แม่งกล้าได้กล้าเสียจริงๆ”
“ธรรมดาเว้ย” คนหน้าคมพูดจบก็กระดกแก้วกรอกน้ำสีอำพันเข้าปากรวดเดียว
ทางด้านคนหน้าหวานที่เดินขึ้นมาชั้นบนเพื่อมาหาเพื่อนตนเอง ก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีคนมาจับแขน จึงหันไปมองก็พบว่าเป็นชายหนุ่มกำลังจับแขนตนเอง ก่อนจะต้องทำสายตาไม่พอใจเมื่อชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาระยะประชิดและเอ่ยคำน่าเกียจออกมา
“มาคนเดียวเหรอครับ ไปเล่นกับพี่ดีกว่า จะได้ไม่เหงา”
“ไม่ละค่ะ ฉันไม่ต้องการ” พูดจบบอดี้การ์ดจำเป็นของคนหน้าหวานก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะดันชายหนุ่มออกไป และเผยให้เห็นร่างคนหน้าคมที่เดินเข้ามาทางด้านหลังบอดี้การ์ด
“นายไม่ควรมายุ่งกับผู้หญิงคนนี้นะ” คนหน้าคมเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อชายคนนั้น ที่เธอมาอยู่ตรงนี้เพราะลูกน้องของตนที่เป็นบอดี้การ์ดให้คนหน้าหวาน มากระซิบบอก
“ว้าวว ฝรั่งอย่างเธอนี่ก็สวยนะเนี่ย สนใจมาเล่นด้วยกันเปล่า” ชายหนุ่มยังคงพร่ำอยู่
“นายน่ะมันอ่อนเกินไป” พูดจบก็ผลักชายหนุ่มไป ก่อนจะออกคำสั่งให้ลูกน้องพาตัวออกไป แล้วคนหน้าคมจึงเดินมาควงแขนคนหน้าหวานก่อนจะยิ้มให้
“คุณนี่นะ เมลจัดการได้ ไม่เห็นต้องมาเองเลย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่หวง” คนหน้าคมจึงเดินไปพร้อมกับคนหน้าหวาน ก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับแฟนนิ่นะ ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้อง คนหน้าหวานยื่นมือไปเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
เมื่อได้รับอนุญาตจึงเปิดเข้าไป ก็เห็นเพื่อนตนกำลังตั้งหน้าตั้งตาจดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ไม่มีท่าทีว่าจะเงยหน้ามามองเลย
“นี่ยัยริน จะไม่เงยหน้ามองกันเลยเหรอ” เสียงที่เอ่ยออกมาทำให้รินนภาต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“ก็ฉันต้องเขียนรายงานอยู่” รินนภาเอ่ยบอกก่อนจะอธิบายอีกทีเมื่อคนหน้าหวานทำหน้างง “ไม่ต้องทำหน้างง ฉันรู้ว่าแกมา ลูกน้องฉันบอก” ก่อนจะก้มลงไปจดหยิกๆต่อ
“งั้นฉันก็ไม่น่าขึ้นมาหาเลย ในเมื่อแกก็รู้อยู่แล้ว งั้นฉันลงไปละนะ” คนหน้าหวานกำลังจะเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรินนภาทักหยุด
“หยุดก่อนๆ แกนี่นะ” รินนภาถึงกับต้องส่ายหน้า
“เอ้า! ก็แกไม่คุยด้วยอ่ะ”
“จ้ะ แล้วนี่อะไร บอกมาๆ” คนเป็นเพื่อนมองไปที่แขนเพื่อนที่กำลังควงกับคนที่ตนเคยเจอครั้งที่แล้ว
“พี่เซนไง” คนหน้าหวานพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร
“ฉันรู้ แล้วที่ควงแขนกันมันคืออะไร?”
“ก็แฟนกันจะควงแขนกันไม่ได้หรือไง” คนหน้าหวานเกิดอาการอายเมื่อต้องพูดคำว่าแฟนออกมา คนหน้าคมที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะ เราเป็นแฟนกัน” คนหน้าคมเสริมคำพูดต่อ
“หะ! จริงเหรอคะ ยัยเมลมันสนใจแต่ตัวหนังสือ ไม่คิดว่าจะมีแฟนกับเขาได้” รินนภาถึงกับทำตาโตตกใจ
“ฮ่าๆๆ ก็ต้องมีลูกเล่นหน่อยอะนะ”
“อยากรู้จริงๆว่าพี่ทำยังไง”
“แกไม่ต้องรู้หรอก ไปดื่มกันเถอะ” คนหน้าหวานพูดปัดด้วยการชวนไปนั่งด้วยกัน
“โอเคๆ ถือว่าฉลองให้” รินนภาจึงเก็บเอกสารก่อนจะเดินตามทั้งคู่ออกไปยังโต๊ะ
พอมาถึงโต๊ะจึงนั่งลงกัน คนหน้าหวานที่ไม่เคยดื่มเหล้าจึงสั่งเป็นค็อกเทลแทน ส่วนรินนภานั้นไม่จำเป็นต้องสั่งเพราะลูกน้องรู้ดีว่าเจ้านายชอบอะไร และเมื่อเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
“ยินดีด้วยนะที่เป็นแฟนกันแล้ว” รินนภายกแก้วตนขึ้นและเอ่ยยินดีให้ ทั้งคู่จึงยกแก้วตนชนและดื่ม
“ยินดีกับแกด้วยนะเว้ย มาดื่มๆ” เพื่อนตัวแสบเริ่มมึนๆกับแอลกอฮอล์ชวนดื่ม
“เออๆ” คนหน้าคมรับคำก่อนจะกระดกกินรวดเดียว
“พี่เซนกินแบบนี้เดี๋ยวก็เมาแย่หรอก” คนหน้าคมจึงหันมายิ้มและยักคิ้วกวนๆให้และเอ่ยบอก
“พี่ไม่เมาง่ายๆหรอกค่ะ เชื่อพี่สิ” คนหน้าหวานทำหน้าไม่อยากเชื่อ คนหน้าคมจึงบอก “ลองถามปอดูก็ได้” เพื่อนตัวแสบก็พยักหน้าให้ เมื่อมันคือความจริง คนหน้าคมแต่ก่อนต้องทำงานอะไรแบบนี้จึงมีแขกชวนดื่มบ้าง จึงชินกับของพวกนี้เป็นธรรมดา
เพื่อนตัวแสบที่เอาแต่กระดกแก้วดื่มมองแต่รินนภา ด้วยการแต่งตัวดูแล้วเซ็กซี่ ไอ้หน้าอกที่แทบจะทะลักออกมานั้นชวนสายตาให้มอง ทำให้ปณิธานอยากจะลองเล่นกับรินนภาดู ไม่มีใครเคยปฏิเสธที่จะร่วมรักด้วยยกเว้นคนหน้าคมเท่านั้น จึงอยากจะเอาชนะให้ได้
“นี่รินก็ดื่มเก่งจังนะ ลองมาดวนกันหน่อยมั๊ย?” ปณิธานยกแก้ว
“ได้สิคะ รินเชื่อว่าไม่แพ้แน่ค่ะ” คู่รักที่ออกไปเต้นกันมา เดินกลับมาพอดีและได้ยินที่ทั้งสองคุยกัน คนหน้าคมจึงเอ่ยขึ้น
“พี่ว่ารินอย่าไปแข่งเลยนะคะ” คนหน้าคมกล่าวเตือน
“เมลว่า รินก็อาจจะชนะได้นะ ดูคุณปอจะเริ่มเมาแล้วนิ่” คนหน้าหวานหันมากระซิบคนหน้าคม
“เห็นอย่างนั้น ปอมันก็ยังไม่แพ้ง่ายๆหรอก” คนหน้าคมตอบ
“งั้นเอาเป็นว่า ถ้ารินชนะ รินจะให้เข้าร้านฟรีๆเลย” รินนภาบอก
“ถ้าพี่ชนะ อย่าหวังว่าจะรอดจากพี่” ปณิธานยิ้มมุมปาก
“เอางี้ ดื่มจนกว่าใครจะไม่ไหวละกัน ห้ามฟื้นเด็ดขาด” คนหน้าคมบอกกฎ
“ตกลง/ค่ะ” ทั้งสองรับปาก
เมื่อตกลงกันได้ รินนภาจึงเรียกลูกน้องให้มาจัดการเตรียมของ
“เอาละตามที่ตกลงกันไว้นะ เริ่มได้”คนหน้าคมเป็นกรรมให้
พอทั้งสองเริ่มค่อยๆดื่มกันไปเรื่อยๆ ก็มีการขยับร่างกายกันบ้างเพื่อเรียกเหงื่อให้ไหลออกมาไล่ความมึนออก คนหน้าหวานเห็นเพื่อนตนที่ยกดื่มเอา ไม่มีถ้าว่าจะเมาก็เชียร์ใหญ่ แต่เมื่อหันไปหาอีกคนก็ดูเหมือนจะยังคงอาการเดิม ถึงจะดูเหมือนเริ่มมึนๆ แต่ก็ยังคงดื่มได้โดยไม่ติดขัดอะไร คนหน้าหวานจึงกระซิบถามคนหน้าคม
“พี่เซนคะ ดูคุณปอจะดื่มได้สบายเลยนะคะ เขาเป็นพวกอึดเหรอคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“หะ! งี้รินก็อาจแพ้ได้น่ะสิคะ”
“ก็คงอย่างนั้นแหละ” คนหน้าคมยักไหล่
เวลาเดินไปได้ชั่วโมงกว่าๆ รินนภาเริ่มรู้สึกถึงอาการมึนๆ จึงลองมองไปที่คู่แข่งตน ดูยังไงก็ยังมีอาการเหมือนเดิม รินนภาจึงได้แต่ค่อยๆกระดกกิน
คนหน้าคมที่ยังคงกระดกน้ำสีอำพันเข้าปากเหมือนกับกำลังแข่งกับทั้งคู่ทำให้คนหน้าหวานรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“รู้นะคะว่าพี่ไม่เมาง่ายๆ แต่จะกระดกเหมือนกำลังแข่งกับสองคนนั้นไม่ได้นะคะ” คนหน้าหวานกล่าวเตือน
“อ่อ พี่เผลอลืมตัวไปน่ะ เพราะปกติที่ดื่มกัน มักจะมีการแข่งกันแบบนี้ตลอด” คนหน้าคมบอก เมื่อตนนั้นชินกับการแข่งดื่มอะไรแบบนี้เวลารวมก๊วน
“ไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ ค่อยๆกินเถอะค่ะ” คนหน้าหวานเองที่ดื่มแต่ค็อกเทลก็เริ่มรู้สึกมึนๆบ้างแล้ว เพราะแกปกติไม่เคยกินอะไรแบบนี้จึงทำให้เมาง่าย คนหน้าหวานจึงพิงไหล่ของคนหน้าคมมองดูสองคนแข่งกัน
“นี่ริน พอได้แล้วมั้ง” ปณิธานเห็นว่าอีกคนเริ่มเกิดอาการเซ
“ฉันยังไหวค่ะ” พูดจบก็กระดกอีกแก้ว
“โอเคๆ” แต่ไม่นานรินนภาก็เริ่มเกิดอาการเซจนเหมือนจะล้ม คนหน้าคมจึงพูดขึ้น
“พี่ว่ารินพอเถอะ” คนหน้าคมมองหน้ารินนภา
“แต่รินไม่ยอมเป็นของเล่นเพื่อนคุณนะคะ” รินนภาบอก
“อ่า โอเคๆ ตามใจนะ” คนหน้าคมที่เห็นผลแต่แรกแล้ว จึงได้แต่นั่งเฉยๆ จะทำไงได้ล่ะก็เตือนไปแล้ว แพ้ขึ้นมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่นานรินนภาก็ล้มลงไปนอนที่โซฟา
“นั่นไง ว่าแล้ว” คนหน้าคมส่ายหน้าไปมา
“หืมมมม มาได้แค่นี้เองเหรอเนี่ย” ปณิธานจึงลุกเดินมาข้างๆรินนภา “งั้นฉันจะพารินขึ้นไปบนห้องแล้วกันนะ” พูดจบก็เตรียมจะอุ้มขึ้น
“เดี๋ยวสิคะ คุณปอจะทำอะไร?” คนหน้าหวานที่กลัวเพื่อนจะโดนอย่างคำที่ตกลงกันไว้จึงขัดขึ้น
“ไม่เป็นไร ปอมันไม่ทำไรหรอก” คนหน้าคมบอกกับคนหน้าหวานให้สบายใจ “มันไม่ทำกับใครในสภาพแบบนี้น่ะ ถือเป็นข้อดีของมัน” คนหน้าคมยิ้ม
เมื่อจบการแข่งขัน คนหน้าคมจึงชวนคนหน้าหวานกลับบ้านกัน คนหน้าหวานที่ไม่อยากรบกวนตอนมืดค่ำจึงทำให้คนหน้าคมชวนไปที่คอนโดตนเอง ก่อนจะขึ้นรถก็ยืนเถียงกันว่าใครจะขับ แต่กลายเป็นว่าคนหน้าคมต้องมานั่งข้างคนขับเพราะคนหน้าหวานเถียงไม่หยุดจึงต้องยอม
และพอมาถึงยังคอนโด คนหน้าหวานก็ต้องตกใจเมื่อเลี้ยวเข้ามายังชั้นจอดของคนหน้าคม เพราะว่าที่นี่ยังมีรถของคนหน้าคมเต็มลานจอดรถ แน่นอนว่าไม่ต้องสงสัยว่าเป็นของใครเลย
เมื่อคนหน้าหวานย่างก้าวเข้ามาในห้องก็ต้องตื่นตาเมื่อทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยรูปคนหน้าคมที่เหมือนจะได้มาจากงานที่ถ่ายบ้างหรือแฟนคลับบ้าง และยังมีถ้วยรางวัลอีกมากมาย คนหน้าหวานจึงเดินดูรอบๆห้อง คนหน้าคมที่เห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำไปเตรียมน้ำใส่อ่าง เพื่อเตรียมอาบน้ำ
Rrrrrrrrrrrr
คนหน้าหวานที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงเดินมาตามเสียงก็พบว่าเป็นของคนหน้าคม เมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อว่า แด๊ด คนหน้าหวานจึงตะโกนเรียกคนหน้าคม
“พี่เซนคะ พ่อคุณโทรมาค่ะ” คนหน้าคมจึงเดินออกมารับสาย
“ว่าไงคะแด๊ด?”
[พ่อรู้แล้วว่าใครมันรอบโจมตีลูก] คนหน้าคมที่ได้ยินอย่างนั้นจึงเดินเข้าไปคุยในห้องตน
“ใครคะ?”
[ไอ้โรเทล เพราะลูกน้องพ่อยิงพลาดไปไปโดนคนรักมัน มันเลยจะมาเอาชีวิตคืน แกน่ะดูแลตัวเองดีๆล่ะ] ผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยความห่วง
“เข้าใจแล้วค่ะ” คนหน้าคมรับปาก
คุยกันเสร็จ คนหน้าคมจึงเดินออกมาหาคนหน้าหวานที่ยังคงเดินดูรอบๆ
“เมล” คนหน้าหวานเมื่อได้ยินชื่อตนจึงหันไปหา
“ว่าไงคะ?”
“ช่วงนี้อาจมีอันตรายเกิดขึ้นนะ พี่อาจโดนเอาชีวิตไป แต่พี่จะไม่ยอมเป็นอะไรแน่นอน” เมื่อคนหน้าหวานได้ยินอย่างนั้นจึงวิ่งเข้ามากอดคนหน้าคม
“พี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้นะ เมลจะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรนะคะ พี่เอาตัวรอดได้” คนหน้าคมเชยคางขึ้นมาป้อนจูบ ก่อนจะผละออก “เพราะพี่เป็นครึ่งชีวิตของเมล”
รอติดตามตอนต่อไป
เอาล่ะสิ ตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
คอมเม้นต์ติชมให้กำลังใจกันได้น๊า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ