สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ความเจ็บปวด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
‘อัญชัน แม่อาการทรุดหนัก รีบกลับไปดูใจด่วน!’
นั่นคือข้อความที่ช่ออัญชันได้รับหลังกลับจากฟังผลสอบวิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัย กระดาษโน้ตแผ่นน้อยติดอยู่ที่หน้าประตูห้องพัก ทันทีที่อ่านข้อความจบ ร่างเล็กบอบบางถึงกับเซถอยหลังจนต้องใช้ผนังเป็นที่พิงคล้ายกำลังจะยืนไม่อยู่ เนื้อตัวสั่นเทาสะบัดร้อนสะบัดหนาววูบวาบในอก รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นช้าลง กลัวเหลือเกินว่ามารดาจะไม่ทันได้อยู่เห็นความสำเร็จจากความพากเพียรของเธออย่างที่ท่านรอคอย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งได้รับข่าวน่ายินดีที่สุดว่าเธอนั้นเรียนจบแล้ว รอทำเรื่องอีกไม่นานก็จะกลายเป็นบัณฑิตใหม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ หนำซ้ำเธอยังเรียนจบก่อนกำหนด ช่างมีความสุขนักเมื่อในสมองจินตนาการไปล่วงหน้าว่าตัวเธอในชุดครุยกำลังยืนถ่ายรูปคู่กับมารดา ทั้งเธอและแม่ต่างมีรอยยิ้มสดใสเมื่อลูกคนนี้สามารถทำตามความฝันสูงสุดของแม่ได้สำเร็จ เพราะแม้นวลจันทร์สตรีวัยสี่สิบเอ็ดปีจะไม่มีความสามารถหาเงินมาส่งให้ลูกสาวคนเดียวเรียนได้ แต่ช่ออัญชันกลับมีความมานะบากบั่นอดทนทำงานส่งเสียตัวเองเรียนจนจบ ลำพังลูกสาวไม่เกเรเที่ยวเตร่คนเป็นแม่ก็ภูมิใจจะแย่ แต่นี่ช่ออัญชันยังสามารถดูแลตัวเองและยังมีเงินส่งกลับมาให้ครอบครัวใช้จ่ายทั้งที่อายุยังน้อยแล้วก็ตัวเล็กนิดเดียว นวลจันทร์จะไม่ยิ่งภูมิใจหรือ
แต่มาตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่านวลจันทร์จะได้มีโอกาสอยู่ชื่นชมความสำเร็จของช่ออัญชันหรือเปล่า เพราะข้อความที่ได้รับมันค่อนข้างมีความเป็นไปได้มากว่านวลจันทร์จะมีอาการแย่อาจถึงขั้น… เพราะก่อนหน้านี้ใช่ว่ามารดาของช่ออัญชันจะมีสุขภาพแข็งแรงอย่างคนอื่นเขา นวลจันทร์เริ่มเจ็บป่วยออดๆแอดๆมาตั้งแต่ออกจากงานที่ไร่แห่งหนึ่งแล้วกลับมาทำไร่ทำสวนที่บ้านหลังเก่าของกำพลซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่พ่อแม่ของสามีทิ้งไว้ให้ แต่ด้วยความที่ผู้หญิงตัวเล็กๆตามสไตล์สาวชาวเหนือต้องเลี้ยงลูกน้อยเพียงลำพัง ไหนจะงานบ้านและงานไร่ที่ต้องทำทุกอย่างเพียงคนเดียวทั้งที่เพิ่งคลอดลูกได้ไม่นาน เพราะสามีอย่างกำพลเอาแต่ไถเงินไปซื้อเหล้าและเข้าบ่อนไม่เคยช่วยกันทำมาหากิน
พอกำพลมาขอเงินแล้วเธอไม่มีให้ก็จะโดนตบตีจนเนื้อตัวเขียวช้ำเป็นประจำ บางครั้งร่างกายยับเยินถึงขนาดไข้ขึ้นลุกทำงานไม่ไหว แต่ก็ต้องฝืนสังขารโรยแรงออกไปตากแดดตากลมเพราะหากเธอไม่ทำก็จะไม่มีเงินซื้อข้าวซื้อนมให้ลูก ความเหน็ดเหนื่อยและอาการบอบช้ำสะสมเนิ่นนานนับสิบๆปีจนทำให้นวลจันทร์ป่วยกระเสาะกระแสะมาเป็นเวลานาน และในที่สุดสังขารก็ไม่อาจฝืน ทำให้ร่างผอมบางของนวลจันทร์ได้แต่นอนแบ็บอยู่บนที่นอน ทิ้งภาระทุกอย่างให้ลูกสาวคนเดียวอย่างช่ออัญชันแบกรับต่อไป แต่นวลจันทร์ก็ยังมีความหวังเล็กๆว่าสักวันหนึ่งเธออยากจะเห็นลูกสาวคว้าปริญญามาให้ได้ชื่นใจ แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็ตาม
“แม่จ๋า แม่อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะจ๊ะ อัญกำลังจะกลับไปหาแม่ แม่รออัญหน่อยนะ”
มือขาวซีดยกขึ้นปาดน้ำตาจากนั้นจึงรีบเก็บเสื้อผ้าสี่ห้าชุดที่มีใส่กระเป๋าสะพายสีซีดแล้วรีบออกเดินมุ่งหน้าไปยังท่ารถดดยสารประจำทางเพื่อเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เร็วที่สุด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“พ่อ! มารอรับอัญเหรอจ๊ะ แล้วแม่ล่ะ แม่เป็นยังไงบ้าง”
เสียงใสๆคุ้นหูที่เอ่ยเรียกมาจากทางด้านหลังทำให้กำพลที่กำลังนั่งกลัดกลุ้มใจอย่างคนทุกข์หนักอยู่ไม่ไกลจากจุดให้ผู้โดยสารนั่งรอรถทัวร์บริเวณท่ารถหันไปมอง แล้วก็ต้องแปลกใจจนหัวคิ้วชนกันจนหน้าผากยับย่น เพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอบุตรสาวของตัวเองยืนอยู่ตรงนี้ มั่นใจว่าตาไม่ฝาดแน่ๆ เพราะวันนี้เขาไม่เมา จะว่าไปเขาก็ไม่เมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะไม่มีเงินไปซื้อเหล้า คนที่เคยหาเงินให้เขาใช้กินเหล้าเข้าบ่อนอย่างสบายใจมัน…ตายไปแล้ว เมื่อวานนี้เอง
“แกกลับมาทำไม!” ทำไมไม่อยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วทำงานส่งเงินมาให้พ่อคนนี้ใช้!
“ก็พ่อโทร.ไปที่หอ บอกว่าแม่อาการหนักให้อัญรีบกลับ”
‘ฮึ! สงสัยอีนังแก่นมันสาระแน!’
กำพลไม่ตอบคำถามลูกสาวที่ตอนนี้ขยับมานั่งอยู่ใกล้ๆ พลางนึกเข่นเขี้ยวในใจว่าคงเป็นฝีมือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเป็นคนโทร.ไปบอกที่หอพักของช่ออัญชัน เพราะนังนั่นมันชอบสาระแนมายุ่งกับลูกกับเมียเขาเป็นประจำ เดี๋ยวเอากับข้าวมาฝาก เดี๋ยวเอาหยูกยามาให้ แต่กับเขาล่ะไม่เคยพูดจาด้วย ขนาดเดินสวนกันมันยังไม่ยอมมองหน้า สงสัยนังแก่นมันกลัวเขาจะไถเงินกระมัง
แล้วเขาก็มั่นใจว่าไม่ได้เมาจนโทร.ไปที่หอพักของช่ออัญชันแน่นอน เพราะเขาไม่ต้องการให้ลูกสาวรู้ว่านวลจันทร์ตายแล้ว ถ้าช่ออัญชันรู้ ต่อไปเขาคงไถเงินจากลูกสาวด้วยข้ออ้างว่าเป็นค่ายาค่าหมอของนวลจันทร์ไม่ได้อีก
แล้วตอนนี้เขาควรทำอย่างไร ในเมื่อช่ออัญชันมาอยู่ตรงนี้ นั่งรถสองแถวอีกประมาณยี่สิบกิโลเมตรก็จะถึงบ้านอยู่แล้ว ใบหน้าเหี่ยวย่นดูสูงวัยกว่าคนอายุสี่สิบเก้าเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกันเพราะกินเหล้าอย่างหนักของกำพลจ้องหน้าลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างใช้ความคิด นาทีนี้เองที่กำพลเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของช่ออัญชันเต็มตา ลูกสาวของเขาหน้าตาเกลี้ยงเกลาหมดจดเหมือนนวลจันทร์เมื่อตอนสาวๆไม่มีผิด ดวงตากลมโตแต่ติดจะหม่นๆไม่สดใส ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ และแก้มอิ่มขาวนวลตามประสาสาวชาวเหนือเหมือนแม่ ไม่สวยซึ้งแต่ค่อนไปทางน่ารักมองไม่เบื่อเสียมากกว่า ที่สำคัญคือช่ออัญชันโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ไม่ใช่เด็กหญิงผอมกะหร่องที่คอยวิ่งร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจแล้วทิ้งตัวกับพื้นนั่งกอดขาเขาไว้ยามที่นวลจันทร์ถูกเขาลงไม้ลงมือ วินาทีนี้เองที่กำพลคิดหาทางออกได้เสียทีว่าเขาจะจัดการกับปัญหาเรื่องหนี้สินที่ติดไว้กับบ่อนของเสี่ยชาญชัยได้อย่างไร
‘นังอัญชัน แกคือตัวเงินตัวทองของพ่อจริงๆ’
ใบหน้าเหี่ยวย่นกระหยิ่มยิ้มชั่วแววตาร้ายเล่ห์เมื่ออยู่ๆฟ้าประทานลูกสาวกลับมาหาเขาทันเวลา อย่างนี้ก็ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้เลยนอกจากสวรรค์ต้องการให้ช่ออัญชันมาเป็นตัวขัดดอกชดใช้หนี้สินแทนเงินแน่ๆ เผลอๆหากเสี่ยชาญชัยถูกใจ เขาอาจได้เงินสดอีกก้อนโตมาทำทุน กำพลทำตาลุกวาวเมื่อนึกถึงเงินส่วนต่างที่อาจได้รับอย่างชอบอกชอบใจพลางคิดว่าบุญอะไรของกำพลคนนี้หนอถึงได้มีเมียมีลูกไว้คอยรองมือรองเท้ารับใช้ไม่เคยขาด ชีวิตเขานี่ดีจริงๆ
“แม่แกสบายดี ไม่มีอะไรต้องห่วง”
กำพลตอบเสียงเรียบแล้วหันหน้ามองอีกทางไม่กล้าสบตากับช่ออัญชัน ก็เวลามีคนตายมักจะมีคนพูดปลอบใจแบบนี้ไม่ใช่หรือ ใครๆก็บอกว่าคนที่ตายน่ะคือคนที่ไปสบายแล้ว หมดเวรหมดกรรม งั้นนวลจันทร์ก็คงสบายดีอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ อย่างน้อยๆก็คงไม่มีใครตามไปตบตีมันให้เจ็บตัวเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอีกแล้ว
“อ้าว! ไหนเมื่อวานบอกว่าแม่อาการหนักล่ะจ๊ะ”
“นั่นมันเมื่อวาน” ก็เมื่อวานตอนมันยังไม่ตายอาการก็หนักจริงๆนั่นแหละ
“แล้วแกจะถามทำไมนักหนาฮะนังอัญชัน รีบตามฉันมานี่!”
กำพลรีบตัดบทด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่อยากให้ลูกสาวถามอะไรให้มากความแล้วขยับตัวลุกขึ้นเดินนำไปยังรถสองแถวที่จะพาเขากลับไปที่บ่อนของเสี่ยชาญชัยอีกครั้ง เพราะกลัวว่าช่ออัญชันจะรู้ความจริงเสียก่อนที่จะไปถึงบ่อนจนทำให้เสียแผน แล้วคนที่จะซวยก็คือเขานี่แหละ
“พ่อเข้าไปเถอะจ้ะ อัญคิดถึงแม่ อัญจะรีบกลับบ้านไปหาแม่”
เมื่อรถสองแถวที่นั่งมาจอดส่งเธอกับกำพลลงที่หน้าอาคารทรงโมเดิร์นแปลกตาสีขาวสลับดำซึ่งก็คือแหล่งอบายมุกที่ทำให้เธอกับแม่ต้องลำบากมาทั้งชีวิต สองขาเรียวเล็กจึงหยุดเดินตาม มือบางจับสายกระเป๋าสะพายไหล่ไว้แน่น ก่อนตัดสินใจขัดคำสั่งของบิดาหมุนตัวหันหลังแล้วออกเดินไปยังถนนใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่ความต้องการของกำพล ร่างท้วมลงพุงของคนกินอิ่มกินเต็มผิดจากลูกเมียจึงหมุนตัวตามแล้วรีบคว้าแขนเล็กๆเหมือนแขนเด็กของช่ออัญชันเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแล้วฉุดกระชากร่างเล็กบางบังคับให้เดินเข้าไปในบ่อนด้วยกัน
“พ่อปล่อยอัญนะ อัญไม่ไป อัญจะไปหาแม่”
ช่ออัญชันขืนตัวไม่ยอมก้าวตามแล้วพยายามแกะมือของพ่อออกจากข้อมือ แต่พ่อก็จับไว้แน่นเหลือเกิน ไม่ว่าจะพยายามแกะสักเท่าไรก็ดูจะไม่เป็นผล ใบหน้าขาวนวลไร้เครื่องสำอางส่ายไปมาพร้อมน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย เมื่อตอนนี้ร่างบางถูกกระชากเข้ามาใกล้กับประตูทางเข้าบ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำตัวแข็งก็แล้ว ดิ้นหนีก็แล้ว แต่ยังไม่มีวิธีใดจะหยุดเรี่ยวแรงมหาศาลของบิดาได้เลย ใบหน้าของกำพลที่หันมามองช่างดูเลวร้ายราวปีศาจจิ้งจอกจนเธอหนาวสั่นไปทั่วร่าง ไม่คิดมาก่อนว่าพ่อแท้ๆจะทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ จนกระทั่งถูกลากมาอยู่หน้าประตูที่มีสาวสวยสองคนใจดีเปิดอ้าอย่างรอคอย ช่ออัญชันจึงรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดข้อมืออย่างแรง จนกำพลที่ไม่ทันระวังตัวเสียหลักล้มลงไปนั่งกับพื้น
“พ่อ! อัญขอโทษ”
ช่ออัญชันเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นกำพลล้มลงต่อหน้า ใจอยากไปช่วยดึงบิดาขึ้นมาด้วยรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อบาดเจ็บ แต่อีกใจก็กลัวว่าจะกลายเป็นเข้าไปให้ถูกจับไว้อีกครั้ง ไม่มีเวลาให้คิดลังเลนานนักเมื่อดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาเห็นว่ากำพลกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้น และสายตาแข้งกร้าวที่มองจ้องมาที่เธอบอกให้รู้ว่าพ่อกำลังโกรธจัด ช่ออัญชันจึงตัดสินใจวิ่งหนีสุดชีวิต แต่เพราะความหวาดกลัวที่คลอบคลุมจิตใจจึงทำให้หญิงสาวไม่ทันระวัง
เอี๊ยดดดดดดดดด!
เสียงล้อรถครูดกับถนนอย่างแรงจนเกิดกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งทำให้ช่ออัญชันที่กำลังวิ่งหนีกำพลหันขวับไปมองด้วยความตกใจสุดชีวิตเมื่อเห็นรถแวนสัญชาติยุโรปสีขาวคันใหญ่อยู่ห่างจากร่างของเธอไม่ถึงช่วงแขน ร่างบางตกใจจนก้าวขาไม่ออก หลับตาลงทิ้งตัวนอนลงกับพื้นเอาดื้อๆเพราะคิดว่าเธอคงไม่รอดแน่
“หนู เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างไหม”
ช่วงเวลาที่คิดว่าร่างทั้งร่างคงถูกรถยนต์คันโตพุ่งชนจนได้รับความเจ็บปวดกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะนอกจากจะไม่มีความรู้สึกว่าเนื้อตัวของเธอถูกกระแทกจนร่างกระเด็น เธอยังได้ยินเสียงทุ้มอบอุ่นของผู้ชายคนหนึ่งดังอยู่ไม่ไกล ช่ออัญชันค่อยๆลืมตาขึ้นมองทีละนิดๆอย่างกังขา ด้านหน้าคือชายต่างชาติวัยกลางคนแต่ยังดูหล่อเหลาท่าทางใจดียืนมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง ที่ด้านหลังของเขายังมีผู้ชายอีกคนอายุน่าจะไล่เลี่ยกันก็กำลังมองมาที่เธอ ส่วนด้านข้างคือรถยนต์สีขาวที่จอดนิ่งห่างจากเธอไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด
“ฟู่! เรายังไม่ตายเหรอเนี่ย”
“แต่ถ้าแกไม่ยอมเข้าไปหาเสี่ยชาญชัยกับฉันตอนนี้ แกตายคามือฉันแน่นังอัญชัน! มานี่!”
หายใจโล่งๆได้พริบตาเดียวก็มีเหตุให้ช่ออัญชันต้องขวัญผวาอีกครั้ง เมื่อตอนนี้กำพลตามมาถึงตัวแล้วกระชากเส้นผมยาวประบ่าของสาวน้อยไว้ในมือไม่ให้ช่ออัญชันกล้าดิ้นรนจนเด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดปีน้ำตาร่วงกราวกับความเจ็บร้าวไปทั้งศีรษะ
“พ่อ อัญเจ็บ ฮือ ฮือ”
“อย่ามาสำออย! ถูกตบจนหน้าเขียวแกก็เคยโดนมาแล้ว เจ็บแค่นี้ไม่ต้องมาร้อง ตามฉันมานี่ ถ้าแกกล้าขัดคำสั่งฉันวันนี้แกโดนกระทืบจนตับแตกเหมือนแม่แกแน่ นังอัญชัน ตามมา!”
“พ่อ อัญไม่อยากไป” ช่ออัญชันยกมือไหว้ปุหลกๆพยายามอ้อนวอนให้กำพลเห็นใจทั้งน้ำตานองหน้า
“อีนี่พูดไม่รู้เรื่อง ถ้าแกไม่เข้าไป ฉันก็ตายสิวะ ฉันจะไม่ยอมตายเพราะความดื้อด้านของลูกอกตัญญูอย่างแกหรอกนะ มานี่ ดิ้นมากนัก เดี๋ยวตบคว่ำ”
ด้วยความโมโหสุดขีดกำพลจึงด่าทอลูกสาวด้วยคำหยาบคายและเงื้อมืออีกข้างที่ว่างขึ้นสูง เป้าหมายอยู่ที่แก้มซีดขาวของช่ออัญชันที่ตอนนี้เลอะเทอะด้วยคราบน้ำตาเพื่อกำราบลูกสาวตัวดีไม่ให้ดื้อรั้น แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือหยาบกร้านข้างนั้นจะสัมผัสกับนวลแก้มเนียน กลับมีมือแข็งๆของใครสักคนจับมันไว้เสียก่อน กำพลจึงเงยหน้าโหดๆอย่างคนที่กำลังโกรธจัดขึ้นมอง อยากจะรู้นักว่าใครกันที่มันกล้ามายุ่งเรื่องของเขา พ่อจะกระทืบมันให้นอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนนเหมือนหมาถูกรถทับเลยเชียว
“ค่อยๆคุยกันดีกว่านะ กำพล”
.......................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ