สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) หายนะ...กำลังเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“เนียม ฝากดูแลลูกสะใภ้ฉันด้วยนะ”
นั่นคือคำสั่งของนายใหญ่ไร่ดวงหทัยที่บอกกล่าวกับหัวหน้าแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่เขาไว้ใจ เพราะหลังจากอยู่เป็นเพื่อนลูกสะใภ้ที่บ้านไร่ได้แค่คืนเดียวก็มีเหตุให้อัลเฟรดต้องรีบเดินทางกลับเกาะจันทร์ฉายเป็นการเร่งด่วน เมื่อตอนเช้าตรู่ลูกน้องที่อยู่ที่เกาะโทรศัพท์มารายงานว่าเครื่องจักรในโรงงานทำกะทิเสียหายพร้อมกันหลายเครื่อง ทำให้อัลเฟรดต้องรีบไปตรวจหาสาเหตุและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เนื่องจากมีออร์เดอร์จากลูกค้าประจำจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในขั้นตอนรอการผลิต อัลเฟรดจึงต้องรีบไปจัดการปัญหาด้วยตัวเอง
แต่หนุ่มใหญ่เจ้าของไร่ดวงหทัยก็ยังมีความห่วงใยช่ออัญชันที่ต้องอยู่ที่ไร่กับคนงานตามลำพัง เพราะไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอาชาวินจะกลับมาที่ไร่วันไหน หลังจากเมื่อวานตอนจดทะเบียนสมรสเสร็จ อาชาวินก็ขับรถออกไปข้างนอกทันทีและยังไม่กลับเข้ามาเลย โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ไม่แน่ใจว่ามันต้องการไปหาที่สงบๆทำใจยอมรับความจริงว่ามันไม่โสดแล้วหรือเป็นเพราะมันต้องการประชด เมื่อไม่อาจพึ่งพาลูกชายให้ดูแลลูกสะใภ้ตัวคนเดียวที่ยังไม่คุ้นชินกับสถานที่และผู้คนรอบข้าง อัลเฟรดจึงต้องไหว้วานหัวหน้าแม่บ้านนี่แหละเป็นคนช่วยดูแลช่ออัญชันแทนเขา
“แด๊ดไปก่อนนะอัญชัน อันที่จริงยังไม่หายป่วยไม่ต้องลงมาส่งแด๊ดก็ได้”
“อัญยังไหวค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะแด๊ด”
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องระหว่างเธอกับอาชาวินเลยกระมังที่ทำให้เธอยิ้มได้ เมื่อฝ่ามืออูมของคุณอัลเฟรดวางลงมาบนศีรษะของเธอแล้วลูบเบาๆอย่างเอ็นดู รอยยิ้มอบอุ่นของท่านที่มองมา แววตาเอื้ออาทรที่คุณท่านมอบให้ และสัมผัสถนอมที่กำลังได้รับอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้จากกำพลทำให้หัวใจดวงน้อยของช่ออัญชันอุ่นวาบขึ้นมาอย่างประหลาด
“ขอบใจ แด๊ดต้องไปแล้ว อยู่ที่นี่ดูแลตัวเองดีๆ จำไว้ว่าหนูคือลูกสาวของแด๊ดคนหนึ่ง อย่ายอมให้ใครรังแก ถ้ามีใครกล้ารังแกหนู รีบโทรศัพท์หาแด๊ดทันที แด๊ดจะมาจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะแด๊ด หนูขอบคุณแด๊ดมากจริงๆ”
เพียงได้ยินคำที่อัลเฟรดยืนยันเสียงหนักแน่นว่าเธอคือลูกสาวของท่าน เพียงเท่านั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจก็ไหลรินอย่างมิอาจห้าม ไม่ได้ดีใจเพราะได้เป็นลูกของคนรวย แต่ดีใจเพราะรู้สึกว่าเธอกำลังได้รับความรักจากพ่ออย่างที่รอคอยอยากจะได้มาตลอดชีวิตต่างหาก เธอไม่โกรธที่กำพลไม่เคยทำอะไรอย่างที่พ่อคนอื่นๆเขาทำ ไม่เคยแสดงความรัก ไม่เคยโอบกอดหรือปกป้องในวันที่เธอถูกคนอื่นรังแก เพราะสิ่งเดียวที่เธออยากได้และรอคอยมาตลอดคือสายตาของพ่อที่มองเธออย่างปรานีรักใคร่ แต่เธอก็ไม่เคยได้รับ ไม่เคยรู้สึกถึงสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างพ่อลูกว่ามันเป็นอย่างไร แต่มาวันนี้อัลเฟรดกลับทำให้เธอรู้สึก และความรู้สึกนั้นก็ยิ่งชัดเจนเมื่อท่านดึงเธอเข้าไปสวมกอดเอาไว้หลวมๆให้รู้ว่าความรักของท่านมีอยู่จริง พร้อมทั้งลูบแผ่นหลังเธอเบาๆปลอบโยน ไออุ่นที่ได้รับทำให้เธอไม่สามารถห้ามไม่ให้ท่อนแขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างหนาของท่านตอบกลับได้เลย
“ร้องไห้เป็นเด็กๆเชียว เช็ดน้ำตาซะ แล้วรีบขึ้นไปพักผ่อน ออกมาตากลมตากแดดนานๆเดี๋ยวไข้กลับ แด๊ดต้องไปจริงๆแล้ว ดูแลตัวเองด้วย เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนะ”
“เดินทางปลอดภัยนะคะแด๊ด รักษาสุขภาพด้วยค่ะ”
“อืม ขอบใจ”
อัลเฟรดดึงร่างเล็กของลูกสะใภ้ออกห่างแล้วตัดสินใจเดินจากมา ทั้งที่ในใจมีแต่ความกังวลเพราะเป็นห่วงหากปล่อยทิ้งให้ช่ออัญชันอยู่ที่บ้านไร่คนเดียวแบบนี้ ลำพังพวกคนงานในบ้านกับในไร่ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก เพราะคงไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับลูกสะใภ้ของเขา กลัวอยู่คนเดียวคืออาชาวินนี่แหละ ไม่รู้ว่ามันจะแผลงอิทธิฤทธิ์แบบไหนบ้าง
ตอนแรกว่าจะพาช่ออัญชันไปที่เกาะจันทร์ฉายพร้อมกันด้วยซ้ำ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วอาชาวินกลับมาบ้านแล้วไม่เจอเมียมันจะต้องโวยวายมีปัญหาแน่นอน แล้วคนที่ซวยหนักก็คงไม่พ้นลูกสะใภ้ของเขานั่นแหละ สุดท้ายเลยต้องยอมตัดใจคิดซะว่าถึงอย่างไรก็ต้องลองให้ทั้งคู่ได้ลองใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน จะไปรอดหรือไม่รอดเขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปกะการ แต่ก็สั่งแม่เนียมไว้แล้วว่าหากมีเรื่องอะไรให้รีบรายงานเขาทันที
……………………………………………………………………………………………………………………………………………....
“ช่ออัญชันอยู่ไหน!”
หลังจากอัลเฟรดออกเดินทางจากบ้านไร่ดวงหทัยไปได้สักครึ่งชั่วโมง จากัวร์เปิดประทุนสีดำคู่ใจของอาชาวินก็ปาดเข้ามาจอดหน้าบ้านเบรกเสียงดังเอี๊ยดจนฝุ่นตลบ แม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่ในบ้านได้ยินเสียงเบรกหัวทิ่มหัวตำนั่นจึงรีบวิ่งออกมาดูด้วยกลัวว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่เมื่อออกมาเมียงมองจึงเห็นว่าเป็นนายน้อยสุดหล่อของบ้านกำลังโอบกอดแลกจูบกับผู้หญิงสวยจัดจ้านคนหนึ่งอยู่หน้ารถ ทำเอาแม่บ้านยืนยกมือทาบอกทำหน้าตาตกอกตกใจเหมือนโดนผีหลอกตอนกลางวันแสกๆ ชายหนุ่มจึงผละออกจากสาวสวยคนนั้นแล้วลงมาจากรถพร้อมทั้งตะโกนถามหานายหญิงน้อยด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ห้วนจนแม้แต่แม่บ้านที่ไม่ใช่คนถูกเรียกหายังรู้สึกได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือนนายหญิงน้อยของเธอ
“อยู่…อยู่ข้างบนค่ะ นายหญิงนอนพักอยู่ค่ะ”
“นอน! ตะวันสายโด่งขนาดนี้แม่นั่นยังไม่ตื่น แล้วพวกเธอก็ปล่อยให้แม่นั่นนอนเป็นคุณนายตื่นสายสบายใจเฉิบเนี่ยนะ ไปตามช่ออัญชันลงมาพบฉันเดี๋ยวนี้!”
“แต่ว่านายหญิง…”
“ถ้าเธอยังไม่รีบไปตาม…ก็ไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า”
“ค่ะๆ ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เจอใบหน้าโหดๆน้ำเสียงเหี้ยมๆของนายน้อยที่ยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าเข้าไป แม่บ้านดวงกุดจึงรีบพยักหน้ารับคำสั่งแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อขึ้นไปตามนายหญิงน้อยให้ลงมาพบอาชาวิน แม้จะรู้ว่าช่ออัญชันกำลังป่วยต้องการการพักผ่อนแต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากแก้ไขความเข้าใจให้นายน้อยหน้าดุรับทราบ เพราะถ้าในตอนนี้ไม่รีบทำตามที่อาชาวินสั่ง รับรองได้ว่าเธอต้องถูกไล่ออกจากงานแน่
“ลงมาได้แล้วเหรอครับ ‘คุณนาย’”
เพียงก้าวแรกที่ปลายเท้าบางภายใต้รองเท้าแตะนุ่มๆสำหรับใส่ในบ้านสีขาวเหยียบย่ำธรณีหน้าประตูบ้าน เสียงเข้มห้วนของชายหนุ่มที่เพิ่งจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรสร่วมกับเธอเมื่อวานก็ดังกระทบแก้วหู เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นทุกระบบประสาทในร่างกายที่เคยอ่อนเปลี้ยด้วยฤทธิ์ไข้ก็ตื่นตัว ทำเหมือนรู้ว่านับจากนี้เธอจะต้องเตรียมรับมือกับพายุอารมณ์ของคนที่ยืนกอดอกพิงสะโพกกับกระโปรงรถคู่ใจพลางมองจ้องมาที่เธอด้วยสายตารังเกียจ
“ทำเป็นหยิ่ง! ทำไม! พอได้อัพเกรดเป็นสะใภ้ตระกูลแมคคานน์แล้วมันทำให้ปากเธอหนักง้างไม่ขึ้นหรือไง ฮะ! ฉันพูดด้วยทำไมไม่พูด!”
ด้วยความขรึมเครียดที่อัดแน่นในใจ อาชาวินจึงตะคอกถามเสียงหนักแล้วตรงเข้ามากระชากแขนของช่ออัญชันอย่างแรงจนร่างบางที่ยังอ่อนปวกเปียกจากพิษไข้เซถลา ศีรษะกระแทกเข้ากับหัวไหล่แข็งๆจนอาการมึนเวียนที่ยังมีอยู่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมจนเริ่มจะทรงตัวลำบาก โชคดีที่อาชาวินยังไม่ใจร้ายปล่อยเธอให้ลงไปนั่งอยู่ที่พื้น แต่ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าระหว่างทรุดตัวลงนั่งกับปล่อยให้อาชาวินโอบกอดอันไหนมันดีกว่ากัน เพราะท่อนแขนที่โอบรัดเอวเล็กบางนั้นแนบแน่นจนช่ออัญชันรู้สึกเหมือนเขาต้องการทำให้กระดูกของเธอหักคาอ้อมแขนของเขา
“ปะ…เปล่าค่ะ”
“เปล่า! แล้วทำไมฉันถามถึงไม่พูด”
“ขอโทษค่ะ” อยากบอกนักว่าเธอไม่รู้จริงๆว่านั่นคือคำถาม นึกว่าอาชาวินด่าเลยไม่ตอบโต้
“ฮึ่ย!”
อาชาวินกัดฟันเข้าหาแน่นพลางมองช่ออัญชันตาขวางๆจนคนป่วยต้องรีบก้มหน้ามองอกกว้างไม่กล้าสบตาเขา ยิ่งเห็นท่าทางลนลานหวาดกลัวที่ช่ออัญชันมีมากขึ้นเท่าไร อาชาวินก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน ตอนนี้แด๊ดเขาไม่อยู่แล้ว เขาอยากให้แม่นี่แสดงธาตุแท้ออกมา อยากจะรู้นักว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหล่อนเป็นเช่นไร เขาจะได้หาวิธีเล่นงานถูก แต่ที่เห็นที่เจอมีแต่ร้องไห้หรือไม่ก็ก้มหน้าหลบหน้าหลบตาทำตัวเป็นคนไร้ทางสู้แลดูน่าสงสาร แล้วอย่างนี้มันจะไปสนุกได้ยังไงล่ะ
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ อาชา”
ในขณะที่สถานการณ์ระหว่างสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันกำลังกดดันย่ำแย่ อยู่ๆกลับมีเสียงแหลมๆแต่ถูกเจ้าของพยายามดัดให้ฟังดูอ่อนหวานดังแทรกขึ้นมาเป็นระฆังห้ามศึก อาชาวินเอี้ยวตัวกลับไปมองแล้วหันกลับมาเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงส่งสายตาเยาะๆให้เมียสาว ฝ่ายช่ออัญชันก็ชะโงกหน้าผ่านร่างสูงของอาชาวินกะพริบตามองอย่างสงสัย และก็เห็นสตรีผู้มาใหม่ ไม่รู้ว่าเธอคือใคร รู้เพียงแค่ว่าผู้หญิงคนนี้ช่างสวยงามหมดจด สวยทั้งใบหน้าและรูปร่างอย่างกับพวกนางงามบนเวทีประกวดเลยทีเดียว
“ทำไมไม่กางร่มด้วยล่ะครับโรส ลงมาตากแดดแบบนี้เดี๋ยวผิวสวยๆของคุณก็เสียกันพอดี”
อาชาวินเอ่ยถามเสียงนุ่มผิดกับตอนที่ตะคอกถามกับช่ออัญชันลิบลับเมื่อสตรีสาวนามว่า โรส หรือ เรนุกา บริรักษ์ เข้ามาหยุดยืนข้างกาย เจ้าของดวงตาคมสวยเหลือบมองอาชาวินแววหวานหยาดเยิ้มไม่คิดปิดบังความรู้สึก ก่อนเสียเวลาหันมองช่ออัญชันด้วยสายตาว่างเปล่าเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นจึงหันกลับไปมองอาชาวินอีกครั้งเต็มตา ทำเหมือนไม่เห็นว่ามีผู้หญิงหนึ่งคนถูกแขนล่ำสีแทนโอบกอดเอาไว้
“โรสเห็นอาชาเหมือนมีเรื่องไม่พอใจกับ… โรสเป็นห่วง เลยลงมาดูน่ะค่ะ เผื่อมีอะไรให้โรสช่วยได้บ้าง”
“ขอบคุณครับโรส คุณนี่น่ารักชะมัด คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เลือกคุณมาอยู่ใกล้ๆ”
“แหม อาชาเนี่ย ปากหวานกับโรสบ่อยเกินไปแล้วนะคะ”
“ก็คุณสวยหวานน่ารักขนาดนี้ ผมปากหวานกับคนสวยๆนี่ผิดด้วยเหรอ”
มือหนาข้างซ้ายของอาชาวินผละออกจากเอวบางของช่ออัญชันเพื่อใช้มันดึงแก้มสีระเรื่อด้วยบรัชออนราคาแพงของเรนุกาเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนทาบมือกับแก้มเนียนข้างเดิมแล้วใช้หัวแม่โป้งเกลี่ยกลีบปากสีชมพูกลีบกุหลาบช้าๆอย่างมีความหมาย สายตาคมกริบของอาชาวินที่มองสตรีสาวสวยไร้แววกระด้างดุดันอย่างที่ใช้มองเธอ จนช่ออัญชันได้แต่ก้มหน้าหมองๆมองพื้น ไม่ผิดที่อาชาวินจะปฏิบัติตัวสองมาตรฐานอย่างนั้น ก็ผู้หญิงตรงหน้าช่างงดงามดุจฟ้ามาดินจนผู้หญิงซอมซ่ออย่างเธอไม่อาจเทียบเคียง
ไม่ต้องเปรียบเทียบถึงรูปร่างหน้าตา เพราะแค่ชื่อก็แบ่งแยกชนชั้นให้เห็นชัดเจน ดอกอัญชันที่มักเลื้อยอยู่ตามพื้นดิน ไม่ก็ก่อเถาเกาะอยู่ริมรั้วจะไปมีค่ามีราคาเทียบเท่าดอกกุหลาบแสนสวยราคาแพงได้อย่างไร คิดแล้วให้สะท้อนใจยิ่งนัก รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินน่ารังเกียจระหว่างหนุ่มสาวที่สวยหล่อสมกันสองคนนี้เหลือเกิน
“อาชาก็ โรสเขินนะ ไม่เอาดีกว่าไม่พูดด้วยแล้ว ว่าแต่…ไหนล่ะคะห้องพักของโรสที่อาชาบอกว่าจะเตรียมไว้ให้ โรสจะได้เอากระเป๋าไปเก็บ รู้สึกร้อนๆน่ะค่ะ อยากอาบน้ำ”
“สักครู่นะครับ”
อาชาวินยิ้มใส่ตาของเรนุกาอีกครั้ง ก่อนหันมาสั่งแม่บ้านคนเดิมด้วยสีหน้าดุๆเพื่อมอบหมายภารกิจสำคัญ
“ไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าข้าวของทุกชิ้นของอัญชันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ให้เวลาไม่เกินห้านาที”
“ค่ะ นายน้อย” ขอโทษด้วยนะคะนายหญิง ฉันขัดคำสั่งนายน้อยไม่ได้ค่ะ
“ฉันต้องการใช้ห้องที่เธออยู่ให้โรสพัก เธอจะมีปัญหาไหมถ้าฉันจะให้เธอย้ายไปอยู่ห้องอื่น”
สั่งแม่บ้านเสร็จ อาชาวินก็หมุนใบหน้ากลับมามองช่ออัญชันอีกครั้ง นึกขัดใจที่แม่คุณเอาแต่ก้มหน้า มือซ้ายจึงปล่อยมือจากผิวแก้มของเรนุกาเพื่อใช้มันดันปลายคางมนของผู้หญิงในอ้อมแขนให้แหงนเงย อยากเห็นว่าช่ออัญชันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ว่าเขาจะยึดห้องพักของเจ้าหล่อนไปให้ผู้หญิงคนอื่นแทน
****************************************************
ปล.เกมส์แจกนิยาฟรีที่เพจ 'พิจักขณา พิชามญชุ์' ยังมีให้เล่นอยู่นะคะ ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 27/01/2018 ค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ