สามี...ท่านมียางอายบ้างหรือไม่!

7.0

เขียนโดย สาวเพ้อฝัน

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.17 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 15.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ล้อเกวียนขยับนับหนึ่ง3.3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

นางคือกุญแจสำคัญที่จะพาไปสู่สิ่งที่ทุกคนในใต้หล้าล้วนต้องการ…

คนที่อยากได้ของสิ่งนั้นคิดว่าฉันจะมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ ? มีอะไร? เขาจะรู้ไหมว่าฉันไม่มี? ฉันมาที่นี่ตัวเปล่าๆจะมีก็เพียงแค่ความคิด จิตวิญญาณ และใบหน้านี้ที่มันยังเป็นคงของฉันอยู่ แต่ในตอนนี้ฉันก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งที่ฉันคิดมันยังคงเป็นของฉันอยู่ไหม แล้วสิ่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่มันคืออะไรละ? ฉันมีอะไรเหรอ แต่แล้วอีกคำถามนึงก็ผุดเข้ามาในความคิดของเธอ ที่เขาแต่งงานกับฉันตั้งแต่แรกก็เพราะมีจุดมุ่งหมายสำคัญอยู่ที่ของสิ่งนั้นสินะ ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาในหัวนาง

ทุกคำสนทนาระหว่างสองพี่น้องสกุลหูยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ ไม่ว่าจะทำอย่างไรสมองของเธอก็ไม่สามารถสลัดเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้เลย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งกลัดกลุ้มขมวดมุ่นหัวคิ้วเป็นปมเข้าหากันมากกว่าเก่า ความคิดเหล่านั้นดึงเธอเข้าไปในโลกส่วนตัวที่ถูกปิดตาย เธอไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงรถม้าที่กำลังขับเคลื่อนไปตามทางด้วยซ้ำ

“พี่เหม่ย อาซ้อ” เหม่ยถิงยังคงนั่งเงียบอยู่

“อาซ้อ!”รอบนี้หูเม่ยเขย่าตัวเธอด้วย เธอถึงได้ออกมาจากภวังค์ได้ เธอสะบัดหน้าไปมาสองทีสลัดความคิดต่างๆนาๆก่อนจะมองสาวน้อยเบื้องหน้า สาวน้อยเหรอ? คำๆนี้สะกิดคำถามในใจเธออีกครั้ง ทั้งๆที่หูเม่ยดูเป็นกุลสตรีในห้องหอขนาดนั้นแท้ๆเธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ได้ยินในตอนนั้นจะออกมาจากปากของหูเม่ยจริงๆ ทั้งๆที่เธอดูใสซื่อคอยเอาใจคนรอบข้างขนาดนั้น ตอนนี้เหม่ยถิงกังวลเหลือเกินไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าแบบไหน เธอรู้สึกว่าตัวเองวิตกกังวลจนแม้แต่คนรอบข้างยังรู้สึกว่าเธอทำอะไรก็ไม่เป็นธรรมชาติไปหมดตั้งแต่ก่อนขึ้นรถม้ามาแล้วแถมระหว่างทางยังนั่งคิดกังวลเรื่องต่างๆอีก

“อาซ้อ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”หูเม่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความเป็นห่วง

 

ฉันยอมรับในความสามารถของน้องสาวนายจริงๆหูจิ้งเก็บสีหน้าอาการตลอดจนท่าทางได้เป็นปกติสุขดีจริงๆ

 

“ข้าไม่เป็นไร ใกล้จะถึงร้านผ้าที่เจ้าบอกข้ารึยัง"

“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ แล้วดูผ้าเสร็จอาซ้อจะไปเรือนแม่สื่อเลยไหมเจ้าคะ?”

“ยังก่อน” จะให้เธอไปที่นั่นกับหูเม่ยได้ยังไงกัน ไปกับคนที่มีแผนการอยู่ในหัวตลอดเวลา จ้องจะคอยตะล่อมเธอเนี่ยนะ เด็กสามขวบยังคิดออกเลย

“ถึงแล้วขอรับ"บ่าวขับรถม้าข้างนอกร้องขึ้น

“ไปกันเถอะ ดูผ้าสวยๆไว้หลายๆผืนหน่อยท่านพึ่งแต่งงานเข้ามาเป็นฮูหยินบ้านเรา ยังไงก็ต้องแต่งตัวให้สมฐานะหน่อย ดูท่านสิผมก็ไม่เกล้ามวยเสื้อผ้าที่ใส่ก็ไร้ลวดลายสีจืดชืดยิ่งนัก”หูเม่ยคว้าแขนเสื้อเธอขึ้นมาก่อนสะบัดลงเบาๆเป็นเชิงต่อว่า ว่าเธอช่างไร้รสนิยมเหลือเกิน

 

เหอะให้ฉันใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดเหมือนกันกับบรรดาอาจุมม่าอายุสี่สิบ แบบเธอสินะถึงจะเรียกว่ามีรสนิยม

 

เธอเดินตามหูเม่ยเข้าร้านผ้าไป ผ้าไหมมากมายละลานตา ทั้งสีอ่อนสีแก่ ตั้งแต่เนื้อหยาบที่สุดและเนื้อดีที่สุด ถูกพับเรียงรายเต็มไปหมดแขวนไว้ซ้ายมือเธอบ้างขวามือเธอบ้าง เธอยื่นมือไปสัมผัสความนุ่มลื่นของเส้นไหมที่ถูกถักทอเป็นผืนยาว เธอเลือกดูแต่ผ้าสีอ่อน ในขณะที่หูเม่ยเองก็เลือกผ้าของนางไป เถ้าแก่ร้านเดินเข้ามาแนะนำสินค้ากับเธอสักพักก่อนผละไปหาหูเม่ยต่อ หูเม่ยบอกกับเถ้าแก่ว่าต้องการผ้าเนื้อดีที่สุดนำมาตัดเสื้อผ้าของฮูหยินใหญ่ เถ้าแก่ได้ยินก็หันหน้ามามองฉัน

“รึว่า ท่านนี้คือฮูหยินของคุณชายหู”

“ใช่แล้วนี่อาซ้อข้าเอง ข้าชวนนางมาเลือกผ้าไปตัดชุดใหม่ ท่านต้องใส่ใจมากๆหน่อยล่ะ"

“เรื่องนั้นต้องแน่นอนอยู่แล้วคุณชายกำลังจะซื้อร้านผ้าของข้าไปทำกิจการของตระกูลท่านอีกแห่งต่อไปที่นี่ก็นับว่าเป็นร้านค้าผ้าของสกุลหูแล้ว ข้าย่อมต้องใส่ใจอย่างแน่นอน"หูเม่ยยิ้มน้อยๆให้เถ้าแก่ ก่อนที่เขาจะเดินไปสั่งเด็กๆในร้านให้มารับรองพวกนางอย่างดี

“ร้านผ้าสกุลหู?”

“ใช่แล้วอาซ้อ ต่อไปนี้จะเป็นหนึ่งในกิจการร้านค้าอีกแห่งของตระกูลเรา ข้าช่วยพี่ใหญ่ดูร้านค้าตั้งแต่อายุสิบสามจนตอนนี้อายุสิบหกก็สามปีแล้ว ร้านค้าสกุลหูมีมากกว่าร้อยแห่งค้าขายสิ่งของแทบจะทุกชนิด ตั้งแต่ผ้าผ่อนแพรพรรณไหมชั้นดี เครื่องเรือนทอง เครื่องเรือนเงิน ของประดับของบรรณดาฮูหยินและสนมทั้งหลายก็ล้วนนิยมซื้อจากร้านเของเราทั้งนั้น ไหนจะมีโรงเตรี๊ยม และโรงรับแลกเงินอีกหลายสิบที่ ส่วนมากก็เป็นของตระกูลหูเราทั้งนั้น” เธออ้าปากค้าง นี่มันการผูกขาดทางการตลาดชัดๆ

“ได้แล้วขอรับ จะให้ข้าสั่งให้เด็กๆจัดส่งผ้าไหมไปที่คฤหาสน์หรือจะรับไปเลยดีขอรับ"เถ้าแก่ร้านเอ่ยถาม

“อืม จัดส่งไปและกัน กลับกันเถอะเจ้าค่ะอาซ้อ"หูเม่ยเดินเข้ามาควงแขนเธอทำราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน เธอไม่ได้สะบัดออกเพียงแต่ยิ้มน้อยๆและปล่อยให้หูเม่ยพาเธอเดินกลับไปที่รถม้า

รถม้ากลับมาถึงคฤหาสน์โดยใช้เวลาไม่นาน เธอลงจากรถม้าก่อนจะแยกจากหูเม่ยกลับไปที่บ้านหลังใหม่ของตัวเอง เธอเปิดประตูเข้าไปก่อนจะตรงไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนหลับตาพักผ่อนสมองที่เมื่อยล้าจากเรื่องราวต่างๆที่โถมเข้ามาหาแบบไม่ทันตั้งตัว

อีกด้านหูเม่ยเดินไปหาหูจิ้งที่ห้องหนังสือ เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือ บัญชีร้านค้าต่างๆที่สกุลหูดูแลอยู่กองเป็นตั้งๆอยู่เบื้องหน้า

“เป็นอย่างไร ได้เรื่องหรือไม่"เขาถาม

“นางไม่พาข้าไปที่เรือนแม่สื่อ อีกอย่างนางพูดแปลกๆด้วย"เขาหยุดมือที่กำลังเปิดหน้าหนังสืออยู่

“แปลกยังไง?”

“นางพูดเหมือนกับรู้ว่าข้ากำลังถามถึงสิ่งใด”

“นางความจำเสื่อม"

“ท่านแน่ใจได้อย่างไร ท่านพี่อย่าประมาท ของสิ่งนั้นสำคัญมากอีกฝ่ายกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อชิงมันมา ท่านอย่าได้ประมาทนาง อย่าลืมว่าประมุขสกุลฉีสั่งอะไรท่านมา ข้าใช้วิชาแปลงโฉมแปลงใบหน้าเข้าไปสืบข่าวที่สกุลซือนานแล้ว ถึงแม้อีกฝ่ายจะยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับนาง แต่ก็ไม่อาจจะวางใจได้ในตอนนี้ การที่ท่านพนันโดยกับนางยั่วโมโหจนนางหลวมตัวแต่งงานกับท่านก็นับว่าทำได้ดีแล้ว

 หนึ่งเรารู้แล้วว่าคุณหนูสามไม่ใช่แต่งงานไม่ได้แต่นางไม่ใช่ผู้หญิงต่างหาก สองมีข้ออ้างในการประชิดตัวอาซ้อ ถึงจะยึดเรือนแม่สื่อเอาไว้ไม่ได้แต่การจะทำการค้นหาของสิ่งนั้นจากตัวนางก็ง่ายกว่าเดิม ถ้าอาซ้อนางไม่ได้ซ่อนของไว้กับตัวตามที่ท่านฉีบอก นางก็ต้องซ่อนเอาไว้ในเรือนนั้นแน่นอน แต่ก่อนพวกเราคิดตื้นเขินจะส่งคนไปค้นหาในเรือนแม่สื่อง่ายๆ จนเสียท่าองค์ชายสามหมดไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งคนมาคอยจับตาดูนางเช่นกัน”หูเม่ยกล่าวเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง

“ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไร แต่เจ้าไม่คิดเหรอว่านางแปลกไปก่อนหน้าแต่งเข้าบ้านเรา เราส่งคนไปจับตามอง นางยังไปมาหาสู่กับสกุลซือนำของกำนัลขององค์ชายสามไปให้บ่อยครั้ง ยังเป็นสื่อกลางในการติดต่อระหว่างคนพวกนั้น จนกระทั่งวันแต่งงานนิสัยนางก็เปลี่ยนไป”

“อาจจะเป็นแผนลวง"หูเม่ยขมวดคิ้ว

“แต่ข้าว่าไม่ใช่"

“พี่อย่าประมาท ท่านฉีให้เราจับตาดูนางนานแล้วท่านอย่าลืม”

“เขาแค่บอกให้เราจับตาดูนางไม่ได้หมายความว่านาง จะต้องเป็นแบบที่เราคิด ไม่แน่ท่านฉีเองนี่แหละที่จะลวงพวกเราว่าของสิ่งนั้นอยูากับนางแต่แท้จริงเเล้วอ่จจะอยู่กับเขาแต่หลอกให้เราเฝ้านางเอาไว้เองก็ได้"

“แต่นางติดต่อกับพวกสกุลซือไหนยังจะจับคู่พวกคุณหนูเพิ่มฐานอำนาจให้องค์ชายสามอีก”

“เจ้าอย่าลืมว่านางเป็นแม่สื่อ องค์ชายจะแต่งพระชายานอกจากเป็นเรื่องของราชสำนักแล้ว นอกนั้นก็ต้องทำเหมือนกันหมด สามหนังสือหกพิธีการ* จะขาดนางได้อย่างไร"เขาเหมือนจะพยายามแก้ต่างแทนนางโดยใช้ความสมเหตุสมผล

“…..”หูเม่ยค้านเขาไม่ออก

“เรื่องนี้ไว้แค่นี้ก่อน ข้าจะส่งหูตี้ไปสืบต่อเองเจ้าไม่ต้องไปอีกแล้ว"เขากำชับนางด้วยน้ำเสียงแกมคำสั่ง

“พี่ใหญ่! ทำไมต้องส่งเขาไปแทนข้าด้วย"นางกัดริมฝีปากกระทืบเท้าไม่พอใจที่เขาจะขัดเรื่องสนุกของนาง

“นี่ไม่ใช่การเล่นขายของ!รอบนี้อันตรายมากหูตี้ทำงานได้ดีกว่าเจ้า หูตี้"เงาดำร่างนึงทอดลงยังจากเบื้องบนสู้เบื้องล่างก่อนเข้ามาหาหูจิ้งผ่านทางหน้าต่างห้องหนังสือ

“คุณชาย"เขาเอามือทาบอกก้มหน้ารอรับคำสั่ง

“เจ้าไปจับตาดูทางสกุลซือแล้วส่งคนไปตามประมุขฉีให้ข้าด้วย"

“ขอรับ"

“นี่หยุดนะ หูตี้เจ้าฟังข้างานนี้มันการของข้าเจ้าไม่ต้องมายุ่งเจ้าไปตามประมุขฉีก็พอแล้ว"

“ไม่ได้ขอรับข้าน้อยไม่รับคำสั่งคุณหนู"

“นี่เจ้า"นางกระทืบเท้าก่อนเดินเข้าไปหาหูตี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะทำงานของหูจิ้ง

“นี่มันงานของข้านะ เจ้าจะมายุ่งทำไมว่างมากเหรอหะ งานอื่นเจ้าไม่มีไปทำรึยังไง"นางกล่าวพลางทำปากกระเง้ากระงอดใส่เขา

“พอแล้วหูเม่ย พี่ตัดสินใจแล้วยังไงก็ต้องให้หูตี้ไปทำ นายท่านฉีให้ข่าวมาแค่นี้เราจะช่วยราชสำนักได้ยังไง เรื่องนี้มันอันตรายมาก เจ้าอย่ายื่นมือมายุ่งอีกเลย"

“ข้าอันตราย ท่านไม่อันตรายงั้นสิ ข้าเป็นน้องสาวคนเดียวของท่านนะ ทำไมท่านถึงใจร้ายทำกับข้าแบบนี้ข้าตามสืบเรื่องนี้กับท่านมาตั้งสามปีพอใกล้เวลาลงสนามจริงท่านกลับผลักไสไล่ส่งน้องสาวตัวเองใช้ได้ที่ไหนกัน” นางต่อว่าใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโมโหก่อนจะเดินไปทุบที่ไหล่ของหูตี้

“เจ้าคนงี่เง่า เจ้ากล้าแย่งงานของข้าข้าจะตีเจ้าให้ตายเลยคอยดู"นางก่อนจะลงมือตีหูตี้จริงๆ

“หยุดนะหูเม่ย ไม่งั้นข้าจะสั่งกักบริเวณเจ้า"หูจิ้งออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“เชอะ เชื่อเถอะถึงท่านจะห้ามข้าก็จะทำ"นางไม่รอให้เขาตอบกลับก็เดินออกจากห้องไปไม่หันหน้ามามองชายสองคนที่ยืนมึนรับอารมณ์ของนางในห้องนั้นอีกเลย

“ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มาก อย่าเผยพิรุธให้ฝ่ายนั้นไหวตัวทัน"เขากำชับ

“ขอรับ ข้าน้อยทราบดี”

“มีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าต้องสะสางงานทางนี้ต่อ”กล่าวจบ หูตี้ก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะลาลับกายหายไปดังลมพัดผ่าน วิชายุทธของหูตี้ได้รับสืบทอดจากองครักษ์ฝีมือดีคนก่อนซึ่งเป็นพ่อของเขานั่นเอง หูตี้เป็น องครักษ์ ประจำตัวเขาและทำงานให้ราชสำนักเช่นเดียวกันกับเขาแต่เขาทั้งสองไม่ขึ้นตรงกับใครแค่ทำหน้าเป็นศูนย์ถ่วงความสมดุลของขั่วอำนาจต่างๆให้ชั่งน้ำหนักกันได้พอดีแค่เพียงเท่านั้น ในครั้งนี้องค์ชายสามคิดกบฏและยังคิดจะตามหาของวิเศษในตำนานอีกด้วยสกุลฉีคือสกุลที่ปกปักษ์รักษาของสิ่งนั้นมาเกือบพันปี

ว่ากันว่าของสิ่งนั้นใช้ข้ามมิติเวลาไปยังอนาคตที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้ องค์ชายสามถึงได้ต้องการมันยังไงละเพื่อการชิงอำนาจเขาถึงกับวางแผนตามสืบข่าวคราวของ เจ้าสิ่งนั้น แต่ข่าวคราวที่ได้มานั้นทำให้ทั้งเขาและองค์ชายสามเองต่างก็ตกใจไม่แพ้กันของสิ่งนั้นอยู่กับแม่สื่อสาวที่ลือชื่อที่สุด และนางยังคอยทำหน้าที่ควบคุมถ่วงดุลอำนาจให้กับสตรีในวังหลังด้วยการจัดส่งเด็กสาวบรรดาลูกขุนนางเข้าวังต่างๆแม้กระทั่งจวนเสนาบดีใหญ่ จวบจนขุนนางขั้นต่างๆแต่นางก็จัดการถ่วงดุลอำนาจได้ดีจนน่าทึ่ง กระทั่งองค์ชายสามต้องการเข้าใกล้นางเพื่อของสิ่งนั้น

'กงล้อแห่งเวลา' ทำไมของวิเศษในตำนานของบ้านสกุลฉีถึงมาอยู่ในมือนางได้ แม่สื่อตัวเล็กๆนี่นะ เขาคิดหาถึงที่มาของเหตุผลดีๆที่สมควรกันไม่ได้เลยจริงๆ

ทำไมถึงเป็นนาง?

ทำไมต้องเป็นนาง?

ทำไมของสำคัญขนาดนั้นมาอยู่ในมือสตรีเช่นนางได้ แล้วนางซ่อนมันไว้ที่ไหนกัน?

ทำไมประมุขฉีถึงสั่งให้เขาคุ้มครองนาง?

หลายคำถามที่ยังหาคำตอบไม่เจอวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขาอย่างไม่มีวันจบสิ้น

เขาสะสางวานในห้องหนังสือเสร็จก็เดินสาวเท้าไปตามระเบียงก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องของตัวเอง เรือนหอสีแดงที่เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นผ่านม่านลูกปัดคือหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้านในด้วยลมหายใจสม่ำเสมอ เขานั่งลงข้างนางก่อนจะใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของนางออกไป นิ้วเย็นๆสัมผัสแผ่วเบาลงบนใบหน้าน้อยๆ นั่นทำให้นางส่งเสียงงึมงำออกมา

“ฮึมเย็นจัง"นิ้วมือของเขายังคงไล้วนอยู่บนแก้มของนาง เขาโน้มตัวลงจ้องริมฝีปากอิ่มเอิบของสาวน้อยตรงหน้า

`ภรรยาของเขา`

ทำไมนางช่างเป็นผู้หญิงที่มีความลับมากมายเหลือเกิน

หญิงงามผู้ครอบครองของวิเศษที่ส่งผลกัมปนาการกับใต้หล้า หากคนไม่ดีได้ของสิ่นนั้นไปแล้วนำไปใช้ในเรื่องที่ไม่ดีหาผลประโยชน์ให้ตัวเองจนกระทั่งแผ่นดินลุกเป็นไฟแล้วละก็….เขาไม่อยากคิดถึงสิ่งที่จะตามนางมาหลังจากนั้นเลยจริงๆเขาเก็บมือคืนมาจากใบหน้าของนางก่อนหยัดกายถอดรองเท้าปีนขึ้นเตียงนอน กยิบผ้าห่มที่นางถีบลงไปใต้เท้าขึ้นมาห่มให้นางอย่างแผ่วเบา กระแสความอบอุ่นจากดวงตาคู่นั้นส่งผ่านไปยังดวงหน้าจิ้มลิ้ม เขาคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะนอนลงหลับตาและหลับไปอีกคนเช่นกัน

'อ๋า’เอาอีกแล้วเธอลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองทำเหมือนเดิมอีกแล้วเธอก่ายเขาซะเต็มที่ไม่เหลือคุณสมบัติผู้ดีใดๆทั้งสิ้นความเป็นกุลสตรีไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวันก่อนมาวันนี้แม้กระทั่งสมบัติผู้ดีก็ไม่เหลืออีกแล้วแถมขาเจ้ากรรมยังยกขึ้นไปพาดบนลำตัวช่วงล่างของเขา เจ้านั่น! สิ่งสำคัญของบรรดาคุณผู้ชายทั่วทั้งปฐพี มันแข็งขึงดุนดันผ่านเสื้อผ้าออกมาถูกบริเวณช่วงขาของเธอที่พาดลงไปอย่างไม่ตั้งใจให้เป็น ตามสัญชาตญาณของคุณผู้ชายในยามเช้า ศีรษะของเธอก็แนบสนิทอยู่กับแผงอกของเขา แขนของเธอก็พาดบนตัวเขา เธอพยายามผละออกมาอย่างเบามือที่สุด หวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เขารู้ตัวแต่ยังไม่ทันจะถอยทัพออกมา ต้นขาก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้ก่อนที่โลกทั้งใบพลิกหงายตีลังกา 

นางถูกเขาขึ้นมาคร่อมเอาไว้ด้วยแผงอกล่ำสัน แขนอีกข้างขนาบต้นแขนนางไว้ในขณะที่มืออีกข้างของเขายังเล่นซนไล้วนอยู่บนต้นขาของนาง ผิวเนื้อเรียบลื่นนุ่มซึ่งจับแล้วให้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ปลุกสัญชาตญาณดิบของเขา ในขณะที่หญิงสาวใต้ล่างกำลังตื่นตระหนก เขากลับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากให้นางหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่นาง

“น้องหญิง เจ้าช่างร้อนแรงยิ่งนักวันก่อน เจ้าบอกว่าเผลอกอดข้าเพราะนิสัยส่วนตัวข้าก็ยังพอเข้าใจได้ พาดข้าแบบธรรมดาข้าก็นับว่าเจ้าใจถึงแล้ว วันนี้ถึงกับพาดข้าแบบผาดโผนใช้เรียวขาอันงดงามมายั่วยวนข้ากันแต่เช้า จุๆสามีของเจ้าทำให้เจ้าอดอยากปากแห้งรึอย่างไร เจ้ากำลังโทษข้าที่ไม่ยอมทำหน้าที่สามีให้ครบทุกประการใช่หรือไม่ ไม่เป็นไรเช้าๆข้าชอบออกกำลังกาย ไหนๆเจ้าก็เชื้อเชิญขนาดนี้แล้ว ข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการของเจ้า ก็นับว่าใจร้ายเกินไปแล้ว" เขาหรี่ตาก่อนจะเลื่อนมือข้างขวาที่จับต้นขานางอยู่เลื่อนขึ้นมาในตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่าเก่า

 

หนอย ไอ้พวกมีดุ้นหยาบช้า วันนี้ฉันไม่ฆ่านายให้ตายคาฝ่ามือก็ไม่ขอเป็นหลีเหม่ยถิงอีกต่อไปแล้ว!

 

“หยุดนะ เจ้าเอามือของเจ้าไปจับไว้ที่ใดกัน เอามันออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

เธอโมโหหน้าแดง แต่หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นระรัวเหมือนกับเจ้าสาวแรกหอ ยิ่งสมองร่างกายกับหัวใจดันทำงานค้านกันแบบนี้ เธอก็ยิ่งโมโหตัวเองเข้าไปใหญ่ ขณะที่ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้นจากความรู้สึกวาบหวิวที่แล่นขึ้นมาจากเนินขา นิ้วมืออุ่นๆยังคนใล้วนเล่นกับนางอยู่อย่างนั้น…….

*สามหนังสือหกพิธีการ สามหนังสือหมายถึง หนังสือหมั้นหมาย หนังสือแสดงสินสอด และหนังสือรับตัวเจ้าสาว หกพิธีการคือ ขั้นตอนการปฏิบัติที่เริ่มตั้งแต่การหมั้นกระทั่งถึงพิธีแต่งงาน 1.สู่ขอ 2.ขอวันเดือนปีเกิด 3.เสี่ยงทาย 4.มอบสินสอด 5.ขอฤกษ์ 6.รับเจ้าสาว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา