กลลวงกระตุกหัวใจ ให้หลงรัก

7.0

เขียนโดย Dinสอสี

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.22 น.

  4 บท
  1 วิจารณ์
  6,083 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 23.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ลูกโซ่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          *หมายเหตุ: ก่อนเข้าสู่เนื้อหา บอกกันสักนิดว่าบทนี้อาจจะยังไม่มีอะไรมากมันคือการเล่าความเป็นมาของนางเอกค่ะแต่ถามว่าบทนี้สำคัญมั้ย ตอบได้เลยว่ามันสำคัญค่ะ อยากให้ลองอ่านให้จบค่อยๆเป็นค่อยไปเนอะ ซึมซับไปเรื่อยๆยาวเหมือนกันค่ะบทนี้ขอบคุญทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ

 

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                   "คุณหนูคะ คุณท่านเรียกให้ไปพบค่ะ เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วย ให้คุณหนูไปพบคุณท่านที่ห้องทำงานด้วยค่ะ" เสียงเรียกจากด้านนอกของห้องทำให้ฉันที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอมือถือละสายตาพลางถอนหายใจนิดๆ

                    "ค่าป้าชื่น เดี๋ยวหนูไปค่า" ฉันตอบกลับไปแล้ววางโทรศัพท์ลงจากนั้นก็เดินไปส่องกระจกเพื่อเช็คดูความเรียบร้อย ฉันหวีผมที่ยาวประมาณบ่าให้เรียบเพราะตอนนี้มันดูยุ่งๆ ฉันมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มเจือนๆหวังว่าครั้งนี้พ่อคงไม่ได้มาขอให้ฉันไปออกสื่อเปิดตัวในฐานะลูกสาวคนเล็กของท่านนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงต้องปฏิเสธอีกตามเคย

                    ฉันไม่ชอบออกสื่อ แล้วทำไมผู้หญิงอย่างฉันจึงต้องออกสื่อบ้างอะไรบ้างนั่นก็เพราะฉัน นางสาวรุจิรา วิวัฒนาไพบูลย์ หรือเรียกสั้นๆว่าลูกโซ่ อายุ 19ปี เป็นลูกสาวคนเล็กของนายภาคภูมิ อนันต์สกุลเดชา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและรวยติดอันดับต้นๆของประเทศ พ่อของฉันมีลูก4คนรวมตัวฉันด้วย ฉันมีพี่ชายสองคน และพี่สาวอีกหนึ่งคน สามคนนี้มีแม่คนเดียวกันส่วนตัวฉันมีแม่อีกคน

                    พ่อของฉันมีภรรยาสองคน หลังจากที่ภรรยาคนแรกของพ่อเสียได้ 2ปี หลังจากนั้นพ่อก็พบรักกับแม่ของฉัน ท่านทั้งสองอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการและไม่ได้ออกสื่อน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้เพราะแม่ของฉันนั้นไม่อยากออกสื่อหรือเปิดตัว แม่ของฉันขอแค่ได้อยู่กับพ่ออยู่กับผู้ชายที่แม่รักโดยไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น ท่านทั้งสองอยู่กินด้วยกันเป็นเวลา3ปีก่อนที่จะมีฉัน และตอนแม่คลอดฉัน แม่ก็ไม่ได้ให้ฉันใช้นามสกุลพ่อ แม่ให้ฉันใช้นามสกุลของตาแทนเนื่องจากช่วงนั้นพ่อแอบนอกใจแม่ไปมีกิ๊กเลยทำให้แม่เสียใจมากถึงขั้นตัดขาดจากพ่อ เพราะพ่อเคยสัญญากับแม่ไว้ว่าจะไม่นอกใจและรักแค่แม่คนเดียว

                    พ่อเคยมาขอแม่คืนดีหลายครั้งแต่แม่ไม่ยอมถึงอย่างนั้นพ่อก็ยังคงแวะเวียนมาดูและมาเล่นกับฉันเป็นประจำซึ่งเรื่องนี้แม่ไม่ห้ามท่านบอกว่ายังไงฉันก็มีสายเลือดของพ่อ แต่แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตตอนฉันอายุได้เพียง1ขวบเท่านั้น หลังจากวันที่แม่เสียพ่อก็ช่วยเหลือทุกอย่างคุณตาของฉันเองก็ไม่ได้เกลียดชังพ่อจึงไม่ได้ขัด ถึงพ่อจะเคยนอกใจแม่แต่หลังจากที่แม่ตัดขาดจากพ่อวันนั้น พ่อก็ไม่เคยมีข่าวคาวเรื่องผู้หญิงอีกเลย และหลังจากผ่านงานศพของแม่ฉันไปได้ประมาณ1เดือนพ่อก็ขอรับเลี้ยงฉันแทนตาโดยให้เหตุผลว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของผม ขอให้ผมได้ดูแลเธอ ผมจะดูแลและเลี้ยงเธอเป็นอย่างดี ให้เธอได้เติบโตเป็นคนดี ผมสัญญา คุณตาของฉันเองก็ไม่ได้คัดค้านเพราะคุณตาเองก็อายุเยอะแล้ว นับตั้งแต่นั้นพ่อก็รับเลี้ยงฉันในฐานะลูกสาวคนเล็ก

                    ปัจจุบันคุณตาของฉันท่านเสียแล้ว ถามว่าทำไมฉันถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้นั่นก็เพราะพ่อเป็นคนเล่าให้ฉันฟัง ท่านบอกและเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังตั้งแต่ฉันอายุ 10 ขวบหลายคนคงคิดว่าเด็กไปแต่สำหรับพ่อนั่นคือการฝึกฝนให้ฉันได้เรียนรู้การยอมรับความจริงเพื่อที่จะได้เติบโตขึ้นจนตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีปมด้อยหรือขาดความอบอุ่น ฉันไม่ใช่เด็กมีปัญหาเพราะฉันเข้าใจทั้งพ่อและแม่ขงฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ชอบการออกสื่อมาตั้งแต่เด็กๆต่างจากสามคนที่เป็นพี่ของฉัน สามคนนั้นเป็นที่รู้จักในแวดวงนักธุรกิจและสังคมไฮโซเพราะพี่ๆของฉันมักออกสื่อเป็นประจำ และด้วยความที่ไม่ชอบแม้นักธุรกิจจะไม่ได้มีคนตามติดหรือเป็นข่าวบ่อยเหมือนดาราแต่มันก็ต้องมีบ้างยิ่งพ่อฉันมีชื่อเสียงอยู่พอตัวสื่อก็ให้ความสนใจพอสมควร และฉันก็เลี่ยงมันทุกทางที่เลี่ยงได้

                    ทำให้ปัจจุบันน้อยคนนักที่จะรู้จักฉันในฐานะลูกสาวคนเล็กของพ่อ ส่วนใหญ่คิดว่าพ่อฉันมีลูกแค่3คน และถ้าถามว่าทำไมพ่อของฉันไม่เปลี่ยนนามสกุลให้ฉันนั่นก็เป็นเพราะก่อนที่คุณตาของฉันจะเสียท่านได้ขอร้องเอาไว้ว่าเรื่องนี้ขอให้ฉันเป็นคนเลือกเองว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ซึ่งพ่อก็รับปากจนมาถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแม้พ่อจะพูดขอเรื่องนี้หลายรอบแล้วก็ตาม ฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจฉันไม่อยากให้คนรู้จักฉันในฐานะลูกสาวคนเล็กของนักธุรกิจชื่อดังผู้ร่ำรวย ฉันอยากใช้ชีวิตธรรมดาๆ

                     ตั้งแต่เด็กๆฉันก็ไม่ชอบถ่ายรูป เวลาที่บ้านมีงานเลี้ยงฉันก็จะซ่อนตัวตลอด รูปก็แทบจะไม่เคยถ่ายลงข่าวเลยสักครั้ง และมันทำให้ปัจจุบันฉันมีชีวิตราบรื่นดี พ่อของฉันส่งเสียฉันเล่าเรียนจนจบม.6 และฉันดร็อปเรียนหนึ่งปีเพราะอยากพักและค้นหาสิ่งที่อยากจะทำจริงๆเสียก่อนอ่ะนะ

                      ฉันก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องของพ่อที่ตอนนี้มีพวกพี่ๆนั่งกันอยู่แบบพร้อมหน้าพร้อมตา คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เมื่อมองหน้าพวกพี่ๆสลับกับหน้าของพ่อ พี่ของฉันนั่งหน้าเครียดกันทุกคนแต่พ่อของฉันกลับยิ้มแย้มแจ่มใสสะนี่ นั่นจึงทำให้ฉันสงสัยว่าทำไมบรรยากาศมันช่างแตกต่างกันเช่นนี้

                      "เอ่อ... พ่อเรียกลูกโซ่มามีอะไรงั้นหรอคะ?" 

                      "นั่งก่อนสิ" ฉันเดินไปนั่งข้างๆพี่ฟ้าพี่สาวของฉันตามคำสั่งของพ่อ

                      "เอาล่ะในเมื่อลูกโซ่ก็มาแล้ว พ่อจะขอเข้าเรื่องเลยละกัน"

                      "พ่อครับ ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้" พี่เพทาย พี่ชายคนโตของบ้านพูดแทรกขึ้นมา ฉันรู้สึกได้เลยว่าเรื่องที่พ่อจะพูดต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆพวกพี่ๆของฉันถึงได้ดูเคร่งเครียดผิดปกติ

                      "นั่งเงียบๆไปสะเพทาย คนอื่นๆก็ด้วย"พ่อกดเสียงต่ำว่าถ้าไม่อยากเจอดีก็นั่งเงียบๆกันไป 

                      "เอาล่ะในเมื่อเข้าใจแล้วก็ดี ลูกโซ่วันนี้พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกลูก"พ่อมองหน้าฉันแล้วยิ้มออกมานิดๆ

                      "เรื่องอะไรหรอคะ?" ฉันยิ้มแหยๆทำไมฉันถึงสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่น่าจะใช่เรื่องดี 

                      "พ่อจะให้ลูกแต่งงาน"

                      "ห๊ะ!! แต่งงาน" ฉันตะโกนลั่นห้องด้วยความช็อค นี่มันบ้าไปแล้ว ใครก็ได้บอกฉันทีว่าเมื่อกี้หูของฉันแค่ฝาด มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก

                      "ใช่ พ่อจะให้ลูกแต่งงาน" ฉันอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆเมื่อพ่อพูดซ้ำให้ฉันฟังอีกรอบเพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่ฉันได้ยินมันคือเรื่องจริง

                      "แปปนะคะ" ฉันยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงบอกพ่อว่า ขอเวลานอกก่อน หนูขอตั้งสติแปป ฉันสูดหายใจเข้ายาวๆแล้วค่อยๆผ่อนออกมาช้าๆทำแบบนั้นประมาณ 3ครั้งเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองและเรียกสติกลับคืนมา

                      "หนูไม่แต่งได้มั้ยคะพ่อ" ฉันมองพ่อด้วยสายตาอ้อนวอน

                      "ลูกต้องแต่ง ถ้าลูกแต่งงานธุรกิจของเราก็จะขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งคนที่พ่อเลือกให้ลูกเขาก็เป็นคนดี พ่อเชื่อว่าเขาดูเลลูกได้"

                      "แต่หนูไม่ได้รักเขานะคะพ่อ" ไม่ว่าจะเรื่องความรักหรือเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนสำหรับฉันมาก เพราะการแต่งงานเนี่ยมันคือการที่ฉันจะต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตไปฝากไว้กับเขาคนนั้นเลยนะ

                      "เอาน่า อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง" คำพูดยอดฮิตที่นิยมใช้สำหรับกรณีการคลุมถุงชน ซึ่งบอกเลยว่าฉันเกลียดความเชื่อและคำพูดแบบนี้มาก ถึงบางคู่มันจะใช้ได้ผลก็เถอะ แต่ลองคิดดูสิวันแต่งงานเนี่ยมันเป็นวันสำคัญสำหรับผู้หญิงมากเลยนะ เพราะมันเป็นวันที่รอคอยจะได้ใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนเป็นครั้งแรก แล้วคนๆนั้นก็ต้องเป็นคนที่เรารักด้วยสิมันถึงจะมีความสุข

                      "แม้แต่เงาหนูก็ยังไม่เคยเห็น แล้วจะให้หนูไปแต่งงานกับเขาได้ยังไงคะพ่อ" หน้าก็ไม่เคยเห็น นิสัยเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ แถมยังไม่ได้รักกันอีก แล้วจะให้แต่งงานกัน ฉันล่ะเครียด

                      "พ่อคะฟ้าว่าที่น้องพูดก็มีเหตุผลนะคะ การที่พ่อจะให้น้องแต่งงานฟ้าว่ามันเร็วเกินไปน้องเพิ่งจะ19 เองนะคะ" พี่ฟ้าช่วยพูดเพื่อที่จะเปลี่ยนใจพ่อ

                      "พ่อรู้ ก็ถ้าแกไม่แต่งงานก่อนพ่อก็คงส่งแกไปเหมือนกัน แกเองก็อายุ24แล้วนี่"

                      "พ่อคะ! เป็นฟ้าก็ไม่ไปหรอกค่ะ ฟ้าจะแต่งงานกับคนที่ฟ้าเลือกเองเท่านั้นค่ะ!"พี่ฟ้ากอดอกแล้วสบัดหน้าพรืดอย่างหงุดหงิด

                      "พ่อครับ..."

                      "แกไม่ต้องพูดบาส เพทายแกก็ด้วย ไม่ว่าแกจะพูดยังไงพ่อก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ นี่ถ้าพวกแกสองคนไม่เกิดเป็นผู้ชายพ่อก็คงจะส่งพวกแกไปแทน" พ่อพูดแทรกพี่บาสพี่ชายคนรองของฉันก่อนที่พี่บาสจะพูดจบและเล่นเอาพี่เพทายส่ายหัวอย่างเอือมๆ

                      "ธุรกิจพ่อก็ออกจะใหญ่โตยังจะคิดขยายอีกหรอครับ"

                      "ธุรกิจมันก็ต้องขยายสิ ถึงจะมีกำไรเพิ่มขึ้น"พ่อตอบพี่เพทายด้วยรอยยิ้ม

                      "นี่พ่ออยากจะรวยมากกว่าเดิมจนถึงขั้นส่งลูกสาวตัวเองไปแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเลยงั้นหรอครับ"

                      "แกมันก็พูดเกินไปเพทาย คนที่พ่อเลือกให้เนี่ยเขาเป็นคนดี มีพร้อมทุกอย่าง เขาดูแลน้องสาวของพวกแกได้เชื่อพ่อ"

                      "แต่พ่อควรให้ลูกโซ่เป็นคนตัดสินใจ"

                      "ลูกคงไม่คิดจะขัดพ่อใช่มั้ยลูกโซ่ เพราะนอกจากเรื่องนั้นลูกก็ทำตามคำสั่งของพ่อมาตลอดใช่มั้ย?" คราวนี้พ่อหันมาพูดคุยกับฉันด้วยใบหน้าจริงจัง พ่อของฉันเวลาท่านคิดจะทำอะไรท่านก็จะไม่ยอมล้มเลิกง่ายๆ

                      "ใช่ค่ะ" นอกจากเรื่องเปิดตัวออกสื่อแล้วไม่ว่าจะเรื่องอะไรฉันก็ไม่เคยขัดคำสั่งพ่อฉันทำตามตลอดตั้งแต่เด็กๆเพราะฉันรักและเคารพพ่อมาก ฉันไม่อยากทำให้พ่อเป็นกังวล อะไรที่พ่อต้องการอะไรที่พ่อสั่งฉันทำมันให้พ่อเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโรงเรียนหญิงล้วนตั้งแต่ม.1 การเรียนดนตรีหลากหลายชนิด การเรียนทำอาหาร การเรียนศิลปะการต่อสู้ และอื่นๆแม้จะมีหลายสิ่งที่ฉันไม่ถนัดแต่ฉันก็ยังคงฝืนเรียนและทำมันต่อไปเพื่อพ่อ นั่นคือหน้าที่ของลูก

                      "ลูกจะแต่งงานตามที่พ่อขอใช่มั้ย?" ราวกับมีกรงขนาดใหญ่หล่นลงมาครอบตัวของฉันไว้ ตัวฉันในตอนนี้ไม่ต่างจากนกในกรงทอง ไม่สิจริงๆมันก็เป็นมาตั้งนานแล้วล่ะ ฉันไม่เคยคิดจะขัดคำสั้งของพ่อ เพราะพ่อคือผู้มีพระคุณทุกๆครั้งเวลาพ่อสั่งให้ทำอะไรฉันก็จะตอบรับเสมอ และครั้งนี้....

                     "ค่ะพ่อ" ฉันก็ยังคงตอบรับคำสั่งของพ่อเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

                     "ในเมื่อตกลงได้แล้วลูกก็เตรียมตัวไว้เลยนะ อีก4เดือนงานแต่งจะถูกจัดขึ้น งั้นพ่อไปล่ะ พอดีมีงานต้องเคลียร์ต่อที่บริษัท"พูดจบพ่อก็ลุกแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีทำให้ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับพวกพี่ๆ

                    "แน่ใจนะที่เลือกแบบนี้" พี่ฟ้ามองฉันด้วยสายตาเป็นกังวลและห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง

                    "ค่ะ ยังไงลูกโซ่ก็ทำตามคำสั่งของพ่อมาตลอด"

                    "วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่มันมีหลายวิธีนะลูกโซ่ อะไรที่มันฝืนมากก็อย่าทำ"พี่บาสเสริมมาอีกคนฉันเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา

                    "ชินแล้วล่ะค่ะ พวกพี่ก็รู้ว่าลูกโซ่เคยขัดคำสั่งของพ่อที่ไหน"พวกพี่ๆของฉันพอได้ยินแบบนั้นก็พากันถอนหายใจด้วยความเอือมระอา

                    "ถ้างั้นก็แล้วแต่แก พวกพี่ไปล่ะ"พี่ฟ้าพูดขึ้นก่อนที่พวกพี่ๆจะทยอยกันออกจากห้อง พี่บาสกับพี่ฟ้าเดินออกไปแล้วก็จริงแต่ตอนนี้ยังเหลือพี่เพทายยืนมองฉันด้วยสายตานิ่งๆอยู่ที่หน้าประตู

                    "เธอเนี่ยนะ บื้อตั้งแต่เด็กยันโตเลย โอเคแน่หรอที่เลือกแบบนี้" ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ ยังไงฉันก็ไม่มีทางเลิกนี่นอกจากทำตามคำสั่งพ่อ

                   "ฟังพี่นะลูกโซ่ ชีวิตคนเราน่ะ บางครั้งมันก็ต้องทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการบ้างมันถึงจะมีความสุข" พี่เพทายพูดทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป

                    ฉันกลับเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยและอัดอั้นใจ นี่ฉันจะต้องแต่งงานจริงๆงั้นหรอ แต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าเนี่ยนะ เฮ้อ! ฉันควรจะทำยังไงดี ฉันไม่อยากแต่งงานแต่มันเป็นคำสั่งของพ่อ โอ๊ยยยยย!ให้ตายสิปวดหัวชะมัดทำไมชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้กันนะ

 

 

 

( สวัสดีคนที่เข้ามาอ่านนะคะ555+ เพิ่งหัดแต่งนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่3ที่แต่งค่ะ อีกสองเรื่องแต่งลงเพจ บทนี้อาจจะยังไม่มีไรมากเพราะมันเพิ่งจะเริ่มนี่เนอะ ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านฝากคอมเม้นติชมเป็นกำลังใจให้ไรท์คนนี้ได้นะคะ ถ้ามีคำผิดเดี๋ยวจะหาเวลามาแก้อีกทีค่ะหรือแต่งไม่สนุกบรรยายแข็งไปหรืออะไรก็ตามทางไรท์ต้องขออภัยด้วยค่ะแต่งได้แค่นี้จริงๆ555+ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

.........Dinสอสี.............)

                        

          

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา