รักหวานๆ ของนายขี้หวง Mild Mocca

-

เขียนโดย Annakan

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.55 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,698 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 18.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ดอกฟ้า - ตอน 6 ความลับไม่มีในโลก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ตอนที่ 2 ดอกฟ้า

        “mild coffee” คือร้านกาแฟประจำมหาวิทยาลัยตัวร้านมีสองชั้น ชั้นล่างเป็นกระจกบานใหญ่เหมาะกับการนั่งส่องสาวเป็นที่สุดชั้นบนจะเป็นโต๊ะและโซฟากระจายกันอยู่ห่างๆ ด้านบนนักศึกษาจะขึ้นไปอ่านหนังสือกันมากกว่าเพราะเงียบไม่มีเสียงรบกวน

        ต่อ มินสก์ สิบรถ ครูส ปั้นจั่นและกังหันได้รับการทาบทามให้เป็นพรีเซนเตอร์ของร้านพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือหนุ่มๆ ทั้งหกคนจะแวะเวียนมานั่งที่ร้านทุกวันสลับกันไปบางวันก็ครบแก๊งบางวันก็ไม่ครบ แล้วร้านจ้างพวกเขาทำไมนะหรือก็จ้างมาล่อนักศึกษาสาวๆ ให้เข้ามาใช้บริการนะสิ อะไรจะดีไปกว่าบรรยากาศเจริญหูเจริญตาแถมมีอาหารตาให้มองเพลินๆ ทั้งหกคนหล่อขั้นเทพและมีเอกลักษณ์ไปคนละแบบ

        คนแรกก็คือต่อ พ่อหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์ที่ความสุภาพเป็นมิสเตอร์ไนซ์กายที่แท้จริง สองแฝดปั้นจั่นกังหันมีดีที่ความล่ำแค่นั้นก็ละลายใจผู้หญิงได้ทั้งร้านแต่เท่านั้นยังไม่พอสองหนุ่มยังมีลุคแบดบอยเพิ่มความรุนแรงต่อหัวใจสาวๆ ได้อีกหลายเท่าตัว

        ครูส พ่อหนุ่มตาน้ำข้าวเขาคือเพลย์บอยตัวจริงเสียงจริงผู้หญิงค่อนมหาวิทยาลัยพร้อมจะพลีกายให้นายครูสเชยชม สิบรถคือพ่อหนุ่มเฟรนด์ลี่มีรอยยิ้มสดใสและว่างเสมอสำหรับการนัดยิ้ม สุดท้ายคือมินสก์ เทพบุตรไอทีผู้มาในลุคหนุ่มเกาหลีขาวใสพร้อมกระชากใจผู้หญิงทุกรายที่เดินผ่าน

        มีหกตัวพ่อคอยมานั่งล่อลูกค้าขนาดนี้คิดว่าคุ้มกับการลงทุนไหมล่ะ ? ตอบให้เลยว่าเกินคุ้ม วันไหนทั้งหกคนเข้าร้านพร้อมกันกระจกของร้านแทบจะแตกเพราะเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ และเพดานของร้านแทบจะถล่มถ้าวันนั้นนายครูสสุดหล่อบรรเลงเพลงขับกล่อมลูกค้าในร้าน

        “เมื่อคืนบอกจะไปส่งก็ไม่รอนะไอ้ต่อ” สิบรถทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์ด้วยความอ่อนเพลียก็เมื่อคืนกว่าจะกลับจากงานวันเกิดก็ปาไปเกือบสว่าง

        “ให้กูรอถึงเช้างี้เหรอไม่ไหวมั้ง มึงก็รู้กูนอนดึกไม่ได้” ถึงสิบรถจะยังมึนๆ ไม่หายแฮงค์แต่เขาสังเกตสีหน้าเพื่อนได้ว่ามีบางอย่างปิดบังเอาไว้

        ไอ้ต่อมันนอนดึกแน่ๆ เขามั่นใจ หลายๆ ครั้งมันแทบจะหลับคาห้องเรียนแต่เขาไม่รู้ว่ามันไปทำอะไรที่ไหนกับใครเพราะนอกจากทำงานที่ร้านกาแฟช่วงหัวค่ำมันก็บอกว่าไม่เคยไปไหนเลย ข้อนี้เขาเชื่อหมดใจเพราะไอ้ต่อขี้เหนียวสุดๆ จะว่าขี้เหนียวก็ไม่เชิง ต่อมันเป็นคนประหยัดจนบางครั้งเกินพอดีในสายตาเพื่อนซึ่งจะว่ามันก็ไม่ค่อยถูกนักเพราะเพื่อนในกลุ่มกับมันมีไม่เท่ากัน

        “ลาเต้เหมือนเดิมป่ะ” ต่อถามเพื่อนที่นั่งหน้ายุ่งแต่มันก็ยังหล่อเหมือนเดิม การันตีได้จากสายตาของสาวๆ ทั้งร้านที่จ้องไอ้สิบรถตาเป็นมัน

        “อือ ขอบใจ” สิบรถตอบแต่ยังครุ่นคิดถึงเพื่อนสนิทผู้ลึกลับ สำหรับเขาทุกคนคือเพื่อนตายและออกจะเอ็นดูพวกมันเหมือนน้องด้วยซ้ำเพราะเขาแก่กว่าหลายปี ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเก็บอารมณ์ไม่ค่อยแสดงด้านอ่อนไหวให้ใครเห็นและเขาเชื่อว่าเรื่องที่ไอ้ต่อเลือกจะปิดบังไว้มันคงคิดดีแล้วหรืออึดอัดใจที่จะพูดออกมา

        “แล้วจะเข้าเรียนป่ะ” ต่อยื่นกาแฟหอมกรุ่นให้เพื่อน วันนี้คนที่ร้านลากิจเขาจึงอาสาทำแทนเพราะจะได้มีเงินพิเศษเพิ่มขึ้นมา

        “เข้าดิ ไม่งั้นกูจะแหกขี้ตาตื่นมาทำไมล่ะ” สิบรถตอบแล้วขยี้ตา แค่นั้นสาวๆ ในร้านก็ครางกันระงมด้วยความฟิน ต่อได้แต่ส่ายหัวให้กับความฮอทของเพื่อนแต่ก็อย่างว่าแหละถ้าเขาเป็นผู้หญิงจะมองข้ามไอ้สิบรถไปได้ยังไงมันมีพร้อมทุกอย่าง

        “ไม่ต้องมาส่ายหัวให้กูหรอก สาวๆ กลุ่มนั้นเขาก็จ้องมึงตาไม่กะพริบเหมือนกัน เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่าตัวเองเป็นไอ้ขี้แพ้ไม่เข้าท่าสักทีวะ” สิบรถบอกด้วยความขัดใจ 

        “เขามองมึงมากกว่า” ต่อพูดพร้อมกับเช็ดแก้วไปด้วย

        “มึงก็มีดีในแบบของมึงเชื่อดิไม่งั้นลูกพีชเขาจะชอบมึงหรอ”

        “ตลกแล้ว” ต่อส่ายหัวหนักกว่าเดิม

        “โน่น เขาโบกมือให้มึงอยู่นั่น” สิบรถบอก ต่อจึงหันไปที่ประตูร้าน ลูกพีชกำลังโบกมือให้จริงๆ ด้วย

        “เห็นม่ะ มึงต้องมีดีไม่งั้นดาวคณะจะมาเสียเวลากับมึงทำไม” สิบรถกระดกกาแฟจนหมดแก้วแล้วจ่ายเงิน

        “ลูกพีชเข้ามานั่งก่อนสิครับ วันนี้ไอ้พวกนั้นไม่มาหรอกครับมันยังไม่ฟื้น” สิบรถเปิดประตูให้ลูกพีช หญิงสาวจึงเดินเข้าไปแบบอายๆ

        ที่สิบรถยอมตื่นมาเรียนทั้งที่อยากจะเกเรแทบตายก็เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นทำให้เขาอยากเป็นคนที่ดีขึ้นแค่คิดถึงก็ทำให้มีกำลังใจและเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที ชายหนุ่มก้าวเท้าอย่างกระฉับกระเฉงไปเข้าเรียนด้วยความเบิกบาน

        “สวัสดีครับคุณลูกพีช” ต่อทักทายด้วยความอายยิ่งกว่า

        “หวัดดี” ลูกพีชรอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอีกไหมแต่ก็ไม่เหมือนทุกที เธออยากให้ความคิดเข้าข้างตัวเองเป็นจริงเหลือเกินเธอบอกตัวเองเสมอว่าที่อีกฝ่ายไม่ค่อยคุยด้วยเพราะว่าเขาขี้อายไม่ใช่เพราะเขารำคาญหรือไม่ชอบขี้หน้าเธอ

        “มอคค่าร้อนเหมือนเดิมไหมครับ”

        “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวแบบน้อยใจนิดๆ ตกลงเธอกับเขาจะไม่มีเรื่องอื่นคุยกันเลยใช่ไหมนอกจากการสั่งกาแฟและทักทายด้วยคำว่าสวัสดี

        “คุณลูกพีชขึ้นไปรอได้เลยครับเดี๋ยวผมเอาไปส่งให้”

        ต่อชงกาแฟให้นางในฝันด้วยหัวใจเต้นแรงเพราะกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อพูดคุยกับเธอตามที่ไอ้มินสก์บอก เขาวางกาแฟหอมกรุ่นไว้บนถาดแล้วเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความกังวลและประหม่า

        “กาแฟได้แล้วครับ”

        “ขอบคุณค่ะ” ลูกพีชบอกแล้วจ้องตาอีกฝ่ายแต่ก็เหมือนเดิมเขาหลบสายตาเธอแล้วหันหลังเดินจากไป จะมีสักครั้งไหมที่เขาไม่พยายามหนีหรือทำท่าว่ารำคาญเธอ

        “คุณลูกพีชครับ ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ” ต่อก้าวเดินช้าๆ มือกำถาดไว้แน่นเมื่อเท้าเตะบันไดขั้นแรกเขาจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วเดินกลับไปหาเธอ

        “ได้ค่ะ”

        “ผมขอนั่งได้ไหมครับ”

        “ได้สิ” ลูกพีชตอบแล้วยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม

        “ผมเห็นแอพนึงน่ารักดีไม่รู้ว่าคุณลูกพีชมีรึยัง” ต่อบอกแล้วยื่นมือถือให้เธอดู ลูกพีชแอบมองด้วยความรวดเร็วเธอเห็นว่าหน้าจอของเขาเป็นรูปต้นไม้ไม่ใช่นางแบบนมโตทีมฟุตบอลหรือเกมบ้าเลือด

        “ยังไม่มีนะ มันคือแอพอะไรเหรอต่อ” ลูกพีชแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอกับเขาก็ได้คุยกันนอกจากคำว่าสวัสดีแล้ว

        “เป็นเกมใบ้คำครับ ผมลองเล่นดูแล้วสนุกดีภาพก็สีสวยด้วยคุณลูกพีชน่าจะชอบเพราะผมเห็นคุณลูกพีชชอบใช้ของสีหวานๆ เหมือนในเกมเป๊ะเลย”

        “สังเกตด้วยเหรอ” ลูกพีชถามแล้วแก้มก็ขึ้นสีระเรื่อ นี่แปลว่าเขาสนใจเธอใช่ไหม

        “คะ ครับ ผม ผมก็สังเกตคุณลูกพีชตลอด” ความจริงต่ออยากจะใช้คำว่าชอบแทนคำว่าสังเกตแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะพูดมันออกไปเขากับเธอต่างกันโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรที่คู่ควรหรือเหมาะสมกัน ถึงแม้เธอจะมีใจให้แบบที่เพื่อนมันว่าเขาก็ไม่รู้จะหาญกล้าดึงเธอลงมาสู่ดินรึเปล่าเธอคือดอกฟ้าไม่ควรร่วงลงมาให้มัวหมอง

        “ขอบใจนะ” หญิงสาวบอกแล้วยื่นมือถือคืนให้เจ้าของ

        “ไม่เป็นไรครับ หวังว่าคุณลูกพีชจะชอบนะครับ”

        “เปล่า เราไม่ได้ขอบใจเรื่องเกม”

        “แล้วคุณลูกพีชหมายถึงเรื่องอะไรครับ”

        “ขอบใจที่สังเกตเรา มันมีความหมายกับเรามาก” ต่อเดินกลับลงไปพร้อมรอยยิ้มกว้างส่วนลูกพีชก็ไม่สามารถหยุดยิ้มได้เช่นกัน

 

ตอนที่ 3 ปิดตัวเอง

        เมื่อกาแฟหมดแก้วพรรัมภาหรือลูกพีชก็เดินลงไปชั้นล่างและไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง ใครจะว่าเธอโง่ ขี้อ่อย ไร้สติ ตาต่ำหรืออะไรก็ตามเธอไม่สนใจหรอกตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยมั่นใจเรื่องไหนเท่าเรื่องนี้มาก่อนเรื่องอะไรนะหรือก็เรื่องที่ต่อเป็นคนดีนะสิ

        ผู้หญิงคนอื่นจะมองแค่ข้อด้อยข้อเดียวของเขาแล้วก็มองผ่านไปซึ่งก็คือความจนแต่สำหรับเธอต่อไม่ได้จนเขาคือมนุษย์ปกติธรรมดาที่มีกินมีใช้ตามอัตภาพ อาจเป็นเพราะเขามีเพื่อนสนิทรวยล้นฟ้าทุกคนมีรถขับ มีบิ๊กไบค์ มีบ้านหลังใหญ่ เคยไปเมืองนอกแต่ทั้งหมดนั่นต่อไม่มีและไม่เคยสัมผัส…แล้วยังไงล่ะ มันก็ไม่ได้ลดทอนความเป็นมนุษย์ความเป็นคนดีของเขาไม่ใช่หรือ

        หลายๆ ครั้ง เธอได้ยินพวกผู้หญิงเม้าท์เรื่องแก๊งกาแฟหรือหนุ่มๆ ร้าน mild coffee ด้วยความชื่นชมบูชาแต่ไม่ใช่เมื่อแม่นางพวกนั้นพูดถึงต่อของเธอ

        “อ้อ ต่อนะเหรอ ที่จนที่สุดใช่ป่ะ รถก็ไม่มีขับไม่เห็นเท่เลย , เสียดายนะหล่อแต่ไม่มีเงิน , ถ้ารวยได้ครึ่งนึงของพี่สิบรถนะจะยอมถวายกายให้เลย” นี่คือคำพูดที่เธอได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนและทุกครั้งที่ประโยคแบบนี้ลอยเข้าหู เธออยากระชากหัวนังพวกนั้นมาโขกกำแพงให้เลือดอาบนัก ทำไมคนเราต้องดูถูกใช้ถ้อยคำดูหมิ่นคนอื่นด้วยความสนุกสนานสำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด

        ย้อนกลับไปเมื่อตอนยังเป็นเฟรชชี่เธอกำลังเดินหาห้องเรียนด้วยความรีบเร่งเพราะอีกสิบนาทีก็จะได้เวลาเริ่มชั้นแต่ความที่ยังเป็นน้องใหม่จึงทำให้เสียเวลาอยู่นานและเธอก็ไม่ระมัดระวังวิ่งทะเล่อทะล่าไปชนผู้ชายคนนึงเข้าเต็มๆ

        “ขอโทษค่ะ” วันนั้นเธอบอกขอโทษเขาด้วยความรู้สึกผิดจากหัวใจ ตำราเรียนและสัมภาระของเธอหล่นกระจายเต็มพื้นแถมยังได้รอยถลอกตรงแขนมานิดหน่อยเพราะไปเกี่ยวตะขอที่กระเป๋าของอีกฝ่ายพอดี

        “ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยเก็บนะ” ต่อในวัยเฟรชชี่เช่นกันบอกหญิงสาวแปลกหน้าแล้วเก็บของที่ร่วงอยู่บนพื้น

        “เจ็บมากไหมครับ” ต่อถามเธอด้วยความห่วงใยเพราะแขนขาวๆ ของเธอเป็นรอยแดง

        “มะ ไม่ค่ะ” ลูกพีชตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ตั้งแต่เกิดมาจนเป็นสาวเต็มตัวไม่เคยมีผู้ชายคนไหนสะกดให้เธอนิ่งงันได้แบบนี้เลยสักครั้ง น้ำเสียงของเขาช่างอบอุ่น สีหน้า แววตาที่เขาเอ่ยถามมันบ่งบอกชัดเจนว่าเขารู้สึกเป็นห่วงจริงๆ ไม่ใช่แค่แกล้งแสดงออกมา

        “ผมมีพลาสเตอร์ปิดแผลคุณเอาปิดไว้ก่อนดีไหมเชื้อโรคจะได้ไม่เข้า ผิวหนังเปิดแบบนี้อันตรายนะครับ”

        “ดะ ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอจำนาทีนั้นได้ขึ้นใจว่าตัวเองยืนตัวแข็งทื่อขนาดไหน หัวใจเต้นแรงเพียงใด ตอนที่เขาค่อยๆ เอาพลาสเตอร์แผ่นเล็กปิดลงมาที่แขน หลังจากนั้นเธอก็ไม่สามารถลืมเขาได้อีกเลย

        เธอได้เห็นโดยบังเอิญหลายครั้งหลายครากับความมีน้ำใจของเขา ต่อพาหมาจรในมหาลัยเข้าไปหลบฝน ต่อผู้ที่อาจารย์จะไหว้วานให้ทำงานเสมอ ต่อผู้รักการออกค่ายอาสา ต่อผู้สละที่นั่งให้ผู้หญิงในโรงอาหารและอีกมากมายหลายสิ่งที่เธอเห็นว่าเขาจิตใจดีเพียงใดแต่ผู้หญิงคนอื่นกลับมองข้ามข้อดีเป็นร้อยๆ ข้อของเขาเพียงเพราะข้อด้อยข้อเดียว

        ตอนนี้เธอกับเขาอยู่ปีสี่แล้วแต่ความสัมพันธ์กลับไม่พัฒนาไปไหนเลย นอกจากต่อจะใจดี สุภาพ เขาก็ยังหล่อมากอีกด้วยนี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอกลุ้มใจเพราะผู้หญิงบางส่วนก็ชอบเขาเหมือนกันนะสิ ถึงจะไม่ฮอทเท่าเพื่อนๆ ในแก๊งทั้งห้าคนแต่มันก็ทำให้เธอประสาทกินทุกครั้งเวลาเห็นคนอื่นไปใกล้เขาทั้งที่ความจริงเธอไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาแม้แต่นิดเดียว

        เธอพยายามอย่างมากในการแสดงออกว่ามีใจให้มากขนาดที่ว่าโดนเพื่อนด่าทุกวันจนถึงปีสองแล้วพวกนั้นก็ถอดใจเลิกด่าไปเอง เธอเชื่อมาเสมอว่าความพยายามจะทำให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งแต่ตอนนี้ชักไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่

        “ไปไหนมาย่ะ” ต้นอ้อเพื่อนของลูกพีชถาม

        “ต้องถามด้วยหรอ” เมย์เพื่อนอีกคนของลูกพีชชิงตอบให้

        “วันนี้ต่อชวนคุยด้วยแหละแก” ลูกพีชบอกด้วยความตื่นเต้น

        “อือ แล้วไง คุยว่าวันนี้รับมอคค่าเหมือนเดิมใช่ไหมครับ งี้หรอ” ต้นอ้อถามแกมประชดประชัน

        “ไม่ใช่ เขาชวนฉันเล่นเกมแหละแก กรี๊ดดดดด”

        “โอ้โฮ ตื่นเต้นสุดๆ เรียนด้วยกันมาสี่ปีแล้วชวนเล่นเกมมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้อีกไหม” เมย์ตอบด้วยความเหนื่อยหน่ายเธอไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนของเธอไปรักผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง ก็เข้าใจแหละว่าต่อเป็นมิสเตอร์ไนซ์กาย แสนดี สุภาพแต่มันไม่เร้าใจสักนิด สำหรับเธอต่อดูซื่อบื้อเกินไป

        “อืม ฉันก็ดีใจในแบบของฉันแหละแกไม่เข้าใจหรอกถ้าจะเข้าใจก็คงเข้าใจนานแล้ว” ลูกพีชบอกแล้วยัดหูฟังเข้าหูทั้งสองข้างเพื่อตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก

        บางครั้งเช่นครั้งนี้เป็นต้นที่เธอหวังว่าเพื่อนจะเข้าใจหรืออย่างน้อยๆ ไม่ต้องเข้าใจก็ได้แค่ร่วมดีใจด้วยก็พอแต่ก็เหมือนเดิมที่ความรักของเธอโดนตีราคาว่าต่ำต้อยโดนหยามเหยียดว่าตาต่ำทำตัวไม่สมกับชาติตระกูลอันสูงส่ง

        ต่อทำงานเสร็จตอนเที่ยงแล้วก็ไปเข้าเรียนช่วงบ่าย ชายหนุ่มมุ่งมั่นกับมันเต็มร้อยเพราะอยากมีอนาคตที่ดีและถ้าวันนึงเขามีทุกอย่างพร้อมเขาคงกล้าบอกความในใจกับลูกพีชผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจตั้งแต่ได้สบตากันเมื่อตอนปีหนึ่ง จากวันนั้นจนวันนี้ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่อยู่ในหัวใจเขา

        เมื่อเรียนจบคาบบ่ายต่อก็เข้าห้องสมุดเพื่อไปอ่านตำรา วันนี้เพื่อนๆ ในแก๊งไม่มีใครมาเรียนสักคนมีก็แค่สิบรถแต่มันเรียนเสร็จก็ไปทำธุระ เมื่อนาฬิกาข้อมือบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะหกโมงตรงเขาจึงเอาหนังสือไปเก็บเข้าที่แล้วเดินกลับไปที่ร้านกาแฟเพราะต้องไปเริ่มงานกะเย็นคือหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม

        วันนี้ที่ร้านไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการต่อจึงหยิบหนังสือมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา เขามองไปรอบๆ แล้วนึกถึงวันที่ไอ้ครูสมาเล่นดนตรีคนในร้านแน่นแทบจะขี่คอกัน ในขณะที่คิดอะไรเพลินๆ เสียงกระดิ่งตรงประตูก็ดังขึ้นบอกให้รู้ว่ามีลูกค้ารายใหม่

        “สวัสดีครับคุณลูกพีช” ต่อทักทายนางในฝันอีกครั้งและไม่มีครั้งไหนเลยที่หัวใจของเขามันจะเต้นถูกจังหวะยามที่เธอมาอยู่ใกล้ๆ

        “ลูกค้าไม่ค่อยเยอะคุยได้ใช่ไหม”

        “ได้ครับ”

        “เราเล่นถึงเลเวลสิบแล้ว” ลูกพีชโชว์ด้วยความภาคภูมิใจ

        “โห ! คุณลูกพีชเก่งจังเลยครับผมเล่นก่อนเพิ่งเลเวลหกเอง”

        “เราช่างพูดมั้งเลยรู้จักคำเยอะกว่า”

        “คุณลูกพีชฉลาดต่างหาก”

        “ไม่หรอก เราอาจจะฉลาดในบางเรื่องแต่ก็มีเรื่องที่ไม่ฉลาดแน่ๆ” ลูกพีชตอบแล้วคิดถึงท่าทางและคำพูดของเพื่อนทั้งสอง

        มีหลายคนที่หาว่าเธอโง่เง่าที่มาตามตอแยผู้ชายคนนี้แบบไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย จริงอยู่ที่เธอคอยมาหามาคุยเพราะชอบเขาแต่พอวันเวลาผ่านไปเธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่เธอทำทุกวันกลายเป็นความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ วันไหนที่เธอเหนื่อยล้ากับการเรียนหรือหงุดหงิดเธอมักจะมานั่งที่นี่ตอนค่ำแค่ได้เห็นหน้าเขาได้รับรอยยิ้มแสนสดใสจากเขาก็ทำให้ปัญหาทุกอย่างมันเบาบางลง

        ฉันคิดว่าทุกคนบนโลกนี้ก็อยากจะอยู่กับคนที่ทำให้รู้สึกดีซึ่งคนคนนั้นสำหรับเธอก็คือเขา เธอมั่นใจว่าต่อก็ชอบเธอเหมือนกันแต่มีบางอย่างทำให้เขาปิดกั้นตัวเองเอาไว้และเธอต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร

 

ตอนที่ 4 ปมลับๆ

        “อ่ะ เงินทอนสิบสองบาท” ต่อยื่นเหรียญสิบกับเหรียญบาทให้เพื่อนครบถ้วนแบบไม่ขาดไม่เกินแม้แต่สตางค์เดียว

        “ไม่ต้องหรอกแค่เศษเอง” มินสก์ยักไหล่แล้วกินข้าวต่อโดยไม่สนใจ

        “เศษเงินของมึงแต่เป็นค่ารถกลับบ้านกูได้นะ” ต่อพูดด้วยเสียงนิ่งๆ มินสก์จึงยอมแพ้คว้าเหรียญในมือเพื่อนไปใส่กระเป๋ากางเกง เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาดูหมิ่นหรือทำให้มันไม่สบายใจแต่สำหรับเขามันคือเศษเงินที่แทบไม่มีค่าอะไรเลยจริงๆ

        “ไอ้ปั้นไอ้กัง มึงจะมาป่าวบ่ายนี้อ่ะ” ครูสหาหัวข้อมาเบี่ยงเบนความอึมครึม

        “ไปดิ พี่ครูสร้องเพลงทั้งทีพวกหนูจะพลาดได้ยังไง” ปั้นจั่นกับกังหันทำท่าแต๊วแตกล้อเลียนเพื่อนได้น่ากระโดดถีบเป็นที่สุด

        “ขอเอาตีนลูบหน้าทีได้ม่ะ” ครูสพูดพร้อมขยับเท้าที่ใหญ่ราวใบพายด้วยความหมั่นไส้ เขาไม่แน่ใจนักว่าในกลุ่มใครกวนตีนกว่ากัน ไอ้สิบรถก็ใช้ได้แต่ไอ้สองแฝดก็ใช่ย่อยส่วนไอ้มินสก์ก็ไม่น้อยหน้า ไอ้ต่อมันก็กวนแบบหน้านิ่งๆ ของมันไปบางทีหน้าแบบนั้นกวนบาทายิ่งกว่าพวกหน้าทะเล้นแบบพวกเขาเสียอีก

        “แล้วคุณชายสิบรถท่านหายหน้าไปไหน” มินสก์ถาม

        “เดี๋ยวมันก็มา ยังไม่ชินอีกหรอที่มันมาสายอ่ะ” ต่อบอกแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวด้วยความหิวโหย เมื่อคืนเขามัวแต่ทำงานพิเศษจนดึกดื่นไม่ใช่งานที่ร้านกาแฟหรอกนะแต่เป็นงานอีกที่นึงไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกัน

        “โอ้โห พูดถึงก็มาเลยตายยากจริงๆ” ปั้นจั่นลุกขึ้นยืนต้อนรับพี่ใหญ่ประจำกลุ่ม

        “นั่งๆ ไม่ต้องพิธีรีตอง” สิบรถทำท่าโบกไม้โบกมือแบบผู้มีอำนาจ เพื่อนๆ ในกลุ่มฮากร๊ากจนหน้าแดง

        “ไงล่ะ ไปหาน้องมาร์วาอ่ะดิ” กังหันมานั่งกระแซะอยู่ข้างๆ

        “เออ” สิบรถตอบสั้นๆ

        “เออ คำเดียวไม่หนุกเลยพี่สิบรถ ขอยาวๆ กว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” กังหันจีบปากจีบคอดัดเสียงให้ดัดจริตที่สุดเพื่อกวนอารมณ์เพื่อน

        “เออออออออออ” สิบรถตอบคำเดิมแต่ลากเสียงให้ยาวกว่าตอนแรก

        “โห แค่เล่าให้ฟังก็ไม่ได้” กังหันยอมแพ้แล้วกลับไปนั่งข้างพี่ชาย

        “ก็ไม่มีอะไรป่ะวะ เขาชอบขี้หน้ากูที่ไหนล่ะพวกมึงก็รู้” สิบรถตอบแบบเซ็งๆ

        “ประวัติเสียก็งี้แหละ” ต่อบอกหน้าตาย

        “ขอบใจนะครับตรีวิทย์” สิบรถพูดแล้วตบไหล่ไอ้ต่อไปหลายทีก็มันพูดแทงใจดำเหลือเกิน

        “ไปก่อนนะแล้วเจอกันที่ร้าน” ปั้นจั่นกับกังหันแยกไปซ้อมว่ายน้ำเพราะใกล้จะแข่งแล้ว ครูส มินสก์ สิบรถและต่อกินข้าวเสร็จก็ไปเข้าเรียน

 

ที่ร้าน mild coffee

        บ่ายนี้ครูสจะร้องเพลงพร้อมเกากีต้าร์ขับกล่อมสาวๆ ในร้าน ความจริงเขาไม่ใช่คนต้นคิดหรอก ไอ้ต่อต่างหากที่เสนอขึ้นมาว่าอยากหาเงินไปให้บ้านเด็กพิการเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมไอ้ต่อถึงดูผูกพันกับความพิการนัก ไม่ว่าจะสัตว์พิการ คนพิการ ไอ้ต่อจะทุ่มกายถวายชีวิตให้แบบสุดตัว มันเคยพาหมาขาหักที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนไปหาหมอหมดเงินไปตั้งหลายพันโดยที่ไม่บ่นสักคำทั้งที่ทุกคนรู้ดีว่ามันขี้เหนียวขนาดไหน

        นั่นแหละไอ้ต่ออยากหาเงินไปช่วยบ้านเด็กพิการแต่ไม่รู้จะทำอะไรมันก็เลยมาตกที่ผม นายครูสผู้รักเสียงดนตรีและนารีไร้อาภรณ์ เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วได้มานั่งเท่ๆ ให้สาวกรี๊ดก็ดีไปอีกแบบ แถมยังได้คะแนนความพิศวาสเพิ่มในเรื่องจิตใจแสนผุดผ่อง โชคสองชั้นชัดๆ

        “สวัสดีครับสาวๆ วันนี้ผมและเพื่อนๆ จะชวนทุกคนทำบุญร่วมกันด้วยการบริจาคเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นให้บ้านเด็กพิการ ผมมีแค่หัวใจ รอยยิ้มและเสียงเพลงมาแลกหวังว่ามันคงมีค่าพอ”

        เมื่อครูสพูดจบ สาวๆ ก็กรี๊ดกันสุดเสียงจนกระจกร้านแทบแตก เก้าอี้ทุกตัวโดนจับจองด้วยนักศึกษาสาวหน้าแฉล้ม บ้างก็นั่งกันสองคนบนเก้าอี้ตัวเดียวและอีกหลายสิบคนที่ยืนออกันอยู่ตามบริเวณต่างๆ ของร้านแม้แต่ชั้นสองก็ไม่มีที่ว่างเลย ความแน่นเอี๊ยดคงเป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วใช่ไหมว่าหนุ่มๆ ทั้งหกคนฮอทขนาดไหน

        สิบรถ มินสก์ ต่อและสองแฝดมีหน้าที่ถือกระป๋องเพื่อไปรับเงินบริจาคเมื่อครูสจบการแสดงและทุกครั้งก็ได้เงินหลักหมื่นตลอด จะว่าไปสาวๆ พวกนี้ใจป้ำพร้อมเปย์น่าดูแค่ได้อยู่ใกล้ๆ พูดคุยกับแก๊งหนุ่มๆ สองสามคำก็ยอมควักเงินให้แบบหน้าตาเฉย

        “เท่าไหร่” ครูสถามด้วยความอยากรู้เพราะไอ้ต่อนับแล้วนับอีกไม่ยอมเอ่ยตัวเลขสักที จากการกะๆ ด้วยสายตาน่าจะได้สักสองหมื่นเพราะมีใบเทาๆ อยู่เป็นสิบ

        “สามหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยสี่สิบบาท” ต่อบอกยอดบริจาคในที่สุด

        “เชี่ย” ทั้งหกคนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน การร้องเพลงแค่ห้าเพลงภายในเวลาครึ่งชั่วโมงทำเงินได้เกือบสี่หมื่นได้ยังไงกันแต่มันก็เป็นไปแล้วเพราะหลักฐานอยู่ในมือตรีวิทย์

        “ขอบใจมึงมากนะครูส พวกมึงด้วยที่ยอมเสียเวลามาถือกระป๋องให้” ต่อบอกและทำท่าจะร้องไห้ เงินก้อนนี้จะช่วยต่อชีวิตคนอีกหลายสิบชีวิตไปได้เกือบเดือน

        “เออ แค่นี้เอง” เพื่อนๆ ในกลุ่มบอกแล้วตบหลังตบไหล่ต่อเบาๆ ก็บอกแล้วว่าไอ้ต่อมันอ่อนไหวเป็นพิเศษกับเรื่องคนพิการ

        “ขอโทษนะ จบ จบแล้วหรอ แฮ่กๆๆ” ลูกพีชวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในร้าน

        “เพิ่งจบเมื่อกี้เอง” ครูสบอก

        “ขอโทษจริงๆ พอดีว่าเพิ่งคุยงานกับเพื่อนเสร็จเลยไม่ทันมาดูแต่ยังบริจาคได้ใช่ไหม”

        “ได้ครับ ไอ้ต่อไปเอากระป๋องมาดิ” ครูสผลักเพื่อนแรงๆ เพื่อให้มันขยับตัวเพราะเวลาลูกพีชมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนมันจะเป็นอัมพาตตลอด

        “นี่ค่ะ สัญญาว่าคราวหน้าจะไม่พลาด”

        “พรุ่งนี้เราจะเอาเงินกับของไปให้บ้านเด็กพิการ ลูกพีชไปด้วยกันไหมครับ” กังหันเอ่ยชวน

        “ไปได้หรอ” ลูกพีชถามด้วยความดีใจ

        “ได้สิครับ มีผู้หญิงมาเบรกความห่ามของพวกเราบ้างก็น่าจะดี เด็กๆ จะได้ไม่กลัวหัวหด” สิบรถตอบแล้วหัวเราะลั่น ซึ่งมันจริงทุกประการ พวกเขาหกคนถึงจะดูฮอทในสายตาสาวๆ แต่เป็นที่หวาดกลัวของลูกเล็กเด็กแดงแทบจะทุกคน อาจเป็นเพราะขนาดตัวที่สูงใหญ่บวกกับใบหน้านิ่งๆ เลยทำให้ดูเหมือนยักษ์ล่ะมั้งเด็กๆ ถึงกลัวกันเหลือเกิน

        “ไอ้ต่อ มึงอยากให้ลูกพีชมาด้วยไม่ใช่หรอเมื่อเช้ายังพูดอยู่เลย” มินสก์พยายามช่วยเพื่อนสุดฤทธิ์

        “ถ้าคุณลูกพีชว่างก็อยากให้ไปด้วยกันครับ” ในที่สุดต่อก็พูดได้

        “อยากไปสิแล้วต้องแต่งชุดนักศึกษาไหม”

        “ไม่ต้องครับแต่งชุดปกติ ไปเจอกันที่นั่นเลยนะครับคุณลูกพีชไปถูกใช่ไหมครับ”

        “ไปถูกแล้วเจอกันนะ” เธอตอบแล้วยิ้มหวานให้ผู้ชายตรงหน้าเพียงคนเดียว ลูกพีชยอมรับว่าเพื่อนๆ ของต่อหล่อและน่าขย้ำทุกคนแต่ไม่มีใครรบกวนหัวใจเท่าต่อเลยสักคน

 

ตอนที่ 5 คน(ไม่)สำคัญ

      หนุ่มๆ แยกย้ายกลับบ้านตามปกติแต่คนที่ไม่ปกติมีเพียงคนเดียวก็คือต่อ เขาตื่นเต้นมากที่พรุ่งนี้จะได้อยู่ใกล้ชิดคุณลูกพีชกว่าวันอื่นๆ แค่คิดก็พาให้สมองปั่นป่วนเวียนหัวเหมือนจะไม่สบายและถ้าเขาป๊อดเกิดอาการปอดแหกไม่โผล่ไปไอ้ห้าคนนั้นต้องเล่นงานแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ๆ

        ชายหนุ่มนั่งรถโดยสารประจำทางสายเดิมกลับบ้านวันนี้คนไม่แน่นเขาจึงได้นั่ง ปกติถ้าคนเต็มเขาจะยืนเพื่อเสียสละที่นั่งให้คนอื่น ต่อมองวิวเดิมๆ ที่เห็นมันมาเกือบสี่ปีด้วยความรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เห็นมันแปลกแต่สิ่งที่อยู่ในใจตอนนี้ต่างหาก…เขาไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง

        เมื่อมาคิดทบทวนดีๆ เขากับคุณลูกพีชไม่เคยเจอกันนอกมหาวิทยาลัยเลยสักครั้งส่วนเรื่องนัดกันไปไหนสองต่อสองก็ลืมไปได้เลย แน่นอนว่าเขาดีใจที่จะได้ใกล้ชิดเธอแต่มันก็ขมขื่นในคราวเดียวกันไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาต่ำต้อยกว่าเธอหรอกนะมันมีอีกเรื่องที่เขาไม่สามารถบอกเธอหรือใครๆ ได้มันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตที่เขาไม่เคยบอกใครและไม่คิดว่าเธอหรือใครจะรับมือกับเรื่องแบบนั้นได้ด้วย…อย่างน้อยๆ ก็ในตอนแรก

        รถคันโตแบบไร้เครื่องปรับอากาศขับเรื่อยๆ ไปตามทางสลับกับหยุดติดไฟแดงบ้างประปราย สายลมเย็นพัดมากระทบใบหน้าจนบางครั้งมันแสบตาเกินไปต่อจึงหลับตาลงและก็เหมือนทุกครั้งคุณลูกพีชจะปรากฏเข้ามาในห้วงคำนึงเสมอ

 

เช้าวันใหม่

        ตรีวิทย์ตื่นแต่เช้าแล้วรีบไปคุ้ยตู้เสื้อผ้าด้วยความร้อนใจเมื่อคืนเขามัวแต่ทำงานพิเศษเลยหลับไปทั้งเครื่องแบบนักศึกษาแถมน้ำก็ไม่ได้อาบ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเตรียมชุดรีดเอาไว้ให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องมาตาลีตาเหลือกตอนเช้าแต่ก็เหมือนทุกที…สิ่งที่คิดกับสิ่งที่อยากให้เป็นมักจะสวนทางกัน

        ใช้เวลาหลายสิบนาทีกว่าชายหนุ่มจะหาเสื้อผ้าที่ถูกใจได้ ใช่ว่ามันจะมีให้เลือกเยอะแต่เขาไม่มั่นใจพอจึงนั่งมองเสื้อเชิ้ตอยู่นานสองนาน คุณลูกพีชจะคิดยังไงกับรสนิยมของเขามันไม่ใช่ของแบรนด์เนมแต่ก็สะอาดสะอ้านและหอมฟุ้งด้วยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม ต่อจำใจต้องลุกไปอาบน้ำเพราะนั่งอยู่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเสื้อผ้าในมือมันไม่กลายเป็นของหรูหราด้วยการนั่งจ้องมันหรอก

        ต่อตรวจนับเงินอีกครั้งก่อนออกจากบ้าน เมื่อวานไอ้ครูสเอาเงินไปสามพันเพื่อซื้อขนมและน้ำหวานไปฝากเด็กๆ เมื่อตรวจสิ่งของทุกอย่างจนแน่ใจต่อก็ออกเดินทางด้วยความหวาดหวั่น เขาไม่อยากคิดเลยว่าเพื่อนทั้งห้าคนจะดูดีเพียงใดในขณะที่เขาก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเหมือนเคย

        “ไอ้ครูสมันเกินสามพันแน่ๆ” ต่อมองข้าวของกองพะเนินที่เพื่อนเอาไปตั้งไว้บนโต๊ะด้วยความขัดใจเขาบอกมันแล้วว่าอย่าควักเนื้อออกเงินตัวเองเพราะไม่อยากรบกวนแค่ที่มันสละเวลามาร้องเพลงให้ก็มากเกินพอ

        “กูอยากเป็นคนจิตใจดีบ้างไม่ได้เหรอวะไอ้ต่อ”

        “ไอ้สิบจะถึงแล้วติดอยู่แยกสุดท้าย” มินสก์มาสมทบพร้อมด้วยข้าวของพะรุงพะรังไม่ต่างกัน

        “แฝดมากะไอ้สิบใช่ไหม” ต่อถามเพื่อความแน่ใจเพราะไอ้แฝดสยองชอบมาเปลี่ยนใจเอานาทีสุดท้ายตลอด

        “อือ นั่นลูกพีชมาแล้ว” ครูสตอบแล้วหันไปเจอลูกพีชพอดี

        “ไปช่วยเขาถือของสิไอ้เวร” ครูสคำรามใส่เพื่อน บทมันจะบื้อก็บื้อแบบไม่น่าให้อภัยจริงๆ

        “สวัสดีครับคุณลูกพีช ผมช่วยถือครับ” ต่อบอกและพยายามไม่สบตาอีกฝ่ายเพราะเธอน่ารักเหลือเกิน คุณลูกพีชสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนมีโบว์ผูกอยู่ตรงช่วงเอว ผมยาวดำขลับที่เธอมักจะปล่อยสยายตอนอยู่มหาวิทยาลัยวันนี้โดนถักเป็นเปียเส้นใหญ่ห้อยอยู่ด้านหลัง

        “สะอาดจังเลยนะ เด็กๆ ก็น่ารัก” ลูกพีชไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน เธอค่อนข้างประหลาดใจที่เด็กพิการไม่ได้ดูเศร้าสร้อยแบบที่คิดเอาไว้และบริเวณรอบๆ ก็สะอาดสะอ้านน่ามอง

        “คุณลูกพีชนั่งก่อนนะครับเดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้ มีน้ำเปล่ากับน้ำแดงคุณลูกพีชอยากดื่มอะไรครับ”

        “ขอน้ำแดงแล้วกัน ขอบใจนะต่อ” ลูกพีชมองเด็กๆ ที่มีอวัยวะครบถ้วนวิ่งเล่นกันด้วยความเอ็นดู ส่วนเด็กที่นั่งบนรถเข็นก็หลบอยู่ในร่มมองเพื่อนๆ ในสนาม เธอจินตนาการไม่ออกว่าการต้องอยู่บนรถเข็นมันจะเป็นยังไงและถ้าวันนึงต้องประสบชะตากรรมแบบนั้นเธอจะเข้มแข็งพอที่จะยิ้มแย้มแจ่มใสแบบเด็กพวกนั้นรึเปล่า

        “น้ำครับคุณลูกพีช” หญิงสาวรับแก้วน้ำมาจิบแล้วชายหนุ่มตรงหน้าก็โดนวงแขนเล็กๆ มารัดไว้รอบลำตัว

        “พี่ต่อมาแล้ว” เด็กผู้หญิงคนนึงกำลังจ้องมองพี่ชายใจดีที่เธอคิดถึง เขาจะมาหาเธอและเพื่อนๆ เดือนละหนึ่งครั้งพร้อมขนมมากมายบางทีก็มาเล่นดนตรีให้ฟังด้วยแต่พี่ต่อไม่ได้เล่นหรอกนะพี่ฝรั่งเพื่อนของเขาเป็นคนเล่น

        “ต่อ รู้จักเด็กคนนี้ด้วยเหรอ”

        “รู้จักสิ เด็กทุกคนจำไอ้ต่อได้หมดแหละมันมาที่นี่เดือนละครั้งได้เกือบปีแล้วมั้ง ใช่ป่ะไอ้ต่อ” มินสก์ตอบเพราะไอ้ต่อทำท่าอึกๆ อักๆ จะพูดอะไรก็ไม่พูดสักที เขาอยากเขกหัวมันนักที่ไม่เคยหายปอดแหกเวลาลูกพีชอยู่ใกล้ๆ ทีตอนอยู่กับเพื่อนพูดน้ำไหลไฟดับ

        “ครับ พวกมันก็มาด้วย”

        “ลูกพีชไม่รู้ถ้ารู้จะขอตามมาทุกครั้งเลย คิดว่าแค่เอาเงินมาให้เฉยๆ แล้วก็กลับ”

        “ครั้งหน้าคุณลูกพีชมาก็ได้ครับถ้าคุณลูกพีชสะดวก”

        “ดีมากไอ้ต่อ” มินสก์กับครูสมองหน้ากันแล้วอ้าปากพะงาบๆ แบบไม่มีเสียง ในที่สุดไอ้ต่อก็หาเรื่องมาสนทนากับนางในฝันของมันได้สักทีโดยที่เพื่อนๆ ไม่ต้องนั่งลุ้น

        สิบรถและสองแฝดมาถึงก่อนเวลานัดสิบนาทีและมีของมาฝากเด็กๆ เช่นกัน ทั้งเจ็ดคนยืนอยู่หลังโต๊ะที่อัดแน่นไปด้วยขนมและของเล่นมากมายผู้ดูแลพาเด็กน้อยมาเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบแล้วจึงให้เดินมารับของแจก ในลานกว้างมีแต่เสียงจ้อกแจ้กด้วยความตื่นเต้นดีใจของเด็กๆ ลูกพีชไม่เคยอิ่มเอมใจแบบนี้มาก่อนมันคือการให้ที่สมบูรณ์โดยแท้จริง

        “ขอบใจมากนะที่ให้เรามาด้วย”  ลูกพีชบอกขอบคุณหนุ่มๆ ทั้งหกคน พวกนี้เวลาไม่อยู่ในชุดนักศึกษาดูดีเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นแต่พูดจริงๆ จะอยู่ชุดไหนก็หล่อกระชากใจหมดแหละ เธอไม่ได้สนิทกับพวกเขาหรอกก็เพิ่งปีนี้ที่ผู้ชายทั้งห้าคนขยันมาพูดมาคุยด้วยเวลาที่อยู่ในร้านกาแฟไม่ได้มาจีบหรอกนะแต่มาเป็นลูกคู่คอยส่งบทสนทนาให้ต่อมีเรื่องคุยกับเธอ

        ต่อโชคดีมากที่มีเพื่อนแท้อยู่ข้างกายและไม่หักหลังกันสิ่งหนึ่งที่เธอเห็นชัดเจนก็คือแก๊งของต่อจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงของเพื่อนเป็นอันขาดและให้เกียรติพวกเธอมากๆ ขนาดเธอที่ไม่ได้เป็นแฟนต่อเขาก็สุภาพและพูดจาอ่อนหวานด้วยเสมอ

        “แล้วจะไปไหนกันต่อเหรอคะ” ลูกพีชถามรวมๆ

        “ผมมีธุระครับ” สิบรถตอบคนแรกแล้วเพื่อนๆ ในกลุ่มก็อมยิ้ม ธุระของมันต้องขึ้นต้นด้วย ม. ม้าและลงท้ายด้วยสระอาแน่ๆ

        “ผมกับน้องไปซ้อมว่ายน้ำ” ปั้นจั่นตอบ

        “ผมกับไอ้ครูสว่าจะไปดูกีต้าร์ด้วยกันแต่ไอ้ต่อมันว่างนะ” มินสก์บอกหน้าระรื่น

        “มินสก์ กูบอกมึงตอนไหนว่ากูว่าง” ต่อบอกเพื่อนด้วยความขัดใจ

        “มึงบอกเมื่อวานมึงอย่าทำเป็นความจำเสื่อม” ครูสสนับสนุนอีกเสียงทั้งที่จริงๆ ต่อไม่ได้พูดสักคำว่าไม่มีธุระแต่เพื่อนๆ ก็แค่หวังดีอยากให้ต่อได้ไปไหนมาไหนกับคนที่มันรักบ้าง      

        “ถ้าต่อว่างไปกินไอติมกันไหม แป๊บเดียวเองไม่นานหรอก” ลูกพีชชวน

        “ขอโทษนะครับคุณลูกพีชผมไม่ว่างจริงๆ” ต่อกลั้นใจพูดมันออกไป เขาเห็นแววตาแห่งความเสียใจของเธอแต่ก็ไม่อาจพูดอะไรที่ดีกว่านั้นได้ เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องไปทำมันคือเรื่องนั้นเรื่องที่บอกใครไม่ได้แม้แต่เธอที่เขารักหมดหัวใจเขาก็ไม่อาจเลือกได้…ต่อให้เธออ้อนวอนจนขาดใจวันนี้เขาก็เลือกเธอไม่ได้

        “อะไรของมึงวะไอ้ต่อธุระเหี้ยอะไร ไว้ก่อนไม่ได้เหรอ” สิบรถบอกและท่าทางเหมือนพร้อมจะสอยเพื่อนให้ร่วงคาตีน

        “ไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะ” ต่อบอกลูกพีชแล้วเดินทิ้งทุกคนไป

        ลูกพีชยืนตัวชาด้วยความอับอายที่โดนปฏิเสธต่อหน้าเพื่อนของเขาทั้งกลุ่ม ทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอเหลือเกินเขามีใครที่สำคัญกว่าเธอหรือ

 

  ตอนที่ 6 ความลับไม่มีในโลก

 

        “งั้น เรากลับเลยแล้วกันนะ” ลูกพีชเช็ดน้ำตาแล้วกล้ำกลืนพูดมันออกไป

        “ผมไปส่งไหม” ครูสเสนอ

        “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวเอ่ยแล้วเดินจ้ำออกไป สิ่งที่เขาทำวันนี้ชัดเจนพอแล้วว่าไม่ได้มีใจให้แม้แต่นิดเดียว เธอเป็นฝ่ายเข้าหา เป็นฝ่ายพยายาม ยอมแม้กระทั่งออกปากชวนเขาไปเที่ยวแต่ก็ได้คำตอบที่แสนเย็นชา เธอเข้าใจถ้าเขามีธุระสำคัญจริงๆ และบอกว่ามันคืออะไรแต่ในเมื่อเขาไม่บอกสิ่งเดียวที่คิดได้ก็คือเขามีคนที่รักอยู่แล้ว ที่ผ่านมาทั้งหมดเธอแค่คิดไปเองเข้าข้างตัวเองได้น่าเวทนาที่สุด

        “กูชักจะหมดความอดทนกะไอ้ต่อแล้วนะ” กังหันเป็นคนเลือดร้อนและเขาหงุดหงิดจนเข้าขั้นปรี๊ดแตกกับการเล่นตัวของไอ้เพื่อนหน้าจืด

        “เออ เหี้ยไรวะเนี่ย ลูกพีชถึงขนาดออกปากชวนเองแม่งก็เดินหนีไปหน้าตาเฉย” สิบรถพูดแล้วคว้ามือถือกดโทรหาไอ้ตัวต้นเรื่อง

        “สัส ปิดเครื่อง ชีวิตแม่งมีความลับอะไรนักวะ” สิบรถสบถและเกือบจะปามือถือทิ้งดีที่คิดได้ว่าต้องใช้โทรหาคนสำคัญจึงยั้งมือไว้

        “ใจเย็นๆ มึง ไอ้ต่อมันคงมีเหตุผลแหละ” ครูสพยายามพูดให้กังหันกับสิบรถเย็นลงเพราะไอ้สองคนนี้มันโมโหร้าย

        “เหตุผลไรวะ แม่งก็พร่ำเพ้อถึงเขามาตั้งกะปีหนึ่งแต่เสือกไม่ทำเหี้ยไรสักอย่างพอเขาชวนก็ทำท่าไม่สนใจถ้ากูเป็นลูกพีชจะตบแม่งให้หน้าหัน มึงคิดดูคนเรียบร้อยแบบลูกพีชต้องใช้ความกล้าแค่ไหนที่ต้องออกปากชวนผู้ชายไปเที่ยว” มินสก์เองก็โมโหเพื่อนไม่ต่างกัน

        “เออๆ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกะมัน วันนี้มันคงมีเรื่องสำคัญจริงๆ แหละ” ปั้นจั่นสรุปแล้วทุกคนก็แยกย้ายไป

        ถ้าจะมีใครเสียใจและโมโหตัวเองที่สุดก็คงเป็นตรีวิทย์ ทำไมเขาจะไม่อยากไปเที่ยวกับคุณลูกพีชมันคือความปรารถนามานานแสนนานแต่วันนี้เขาไม่อาจเลือกเธอได้และก็ไม่มั่นใจว่าทั้งชีวิตที่เหลือจะเลือกเธอได้ไหม เขาไม่ใช่คนปกติธรรมดาเขามีภาระบางอย่างที่ต้องรับผิดชอบ

        ต่อเดินโซซัดโซเซไปที่ป้ายรถด้วยความช้ำใจถ้าคุณลูกพีชจะเกลียดเขาก็ไม่โทษเธอเลยเธอมีสิทธิ์ทุกประการ ยังไม่ทันตกลงคบกันเขาก็ทำให้เธอเสียน้ำตาแล้ว จะมีผู้ชายคนไหนน่าประณามเท่าเขาอีกหรือรู้ว่าสิ่งที่ทำคนรักจะเสียใจก็ยังทำแต่ถ้าวันหนึ่งคุณลูกพีชรู้ถึงเหตุผลเขาหวังว่าเธอจะอภัยให้รวมถึงเพื่อนๆ ด้วย ห้าคนนั้นคงกำลังโกรธแค้นและสาปแช่งเขาอยู่แน่นอนซึ่งต่อก็ไม่โทษเพื่อนเช่นกันเพราะเขาสมควรโดนพวกมันด่า

 

ที่มหาวิทยาลัย

        “แม่งหายหัวไปไหนวะ โทสับก็ไม่เปิดหรือตายห่าไปแล้ว” แก๊งกาแฟมานั่งรอไอ้ตัวต้นเรื่องตั้งแต่เก้าโมง มันเป็นวาระสำคัญขนาดที่ว่าคุณชายสายเสมอแบบสิบรถยังมาถึงเป็นคนแรก ทั้งห้าคนเห็นตรงกันว่าควรจะพูดกับไอ้ต่อให้รู้เรื่องว่าไอ้สิ่งสำคัญเรื่องนั้นมันคืออะไร

        “มาได้ซะที มานี่เลย” สิบรถไปลากตรีวิทย์มานั่ง ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายห้าคนยืนค้ำไว้ ต่อมองหน้าเพื่อนทีละคนแต่ก็ไม่พูดอะไร

        “เมื่อวานมึงไปทำอะไร” กังหันถาม

        “ธุระ” ตรีวิทย์ตอบ

        “ธุระของมึงคืออะไร ช่วยบอกกูได้ไหม” สิบรถถามและพยายามเก็บไม้เก็บมือตัวเองไว้เพราะอยากตะบันหน้ามันเหลือเกิน

        “ธุระสำคัญ”

        “มึงเห็นพวกกูเป็นเพื่อนรึเปล่าวะต่อ ทำไมมึงต้องมีความลับด้วย” ครูสถามและน้ำเสียงเจือด้วยความน้อยใจ

        “กูก็มีแค่พวกมึงก็เห็นอยู่แต่บางเรื่องเราไม่สามารถบอกใครได้จริงๆ แม้แต่เพื่อนรักถ้าพวกมึงจะเลิกคบกูก็เข้าใจแต่ยังไงกูก็จะไม่บอกเรื่องนั้น” ตรีวิทย์บอกแล้วลุกหนีไป

        “แล้วเป็นเหี้ยไร มือถือก็ไม่เปิด” มินสก์ตะโกนไล่หลังไป

        “แบตมันเสื่อมไว้มีเงินกูจะซื้อใหม่” ต่อตะโกนกลับมาแล้วเดินไปเข้าชั้นเรียน

        “ได้ ! ไอ้ต่อมึงบังคับให้กูทำแบบนี้เองนะ” สิบรถชกกำปั้นใส่อุ้งมือตัวเอง

        “มึงจะทำอะไร” ครูสถามด้วยความกังวล

        “กูจะตามมันกลับบ้าน กูอยากรู้ว่ามันซ่อนอะไรไว้” สิบรถตอบ

        “เฮ้ย จะดีหรอ” มินสก์ท้วง

        “หรือมึงไม่อยากรู้” สิบรถถามกลับ

        “อยากดิ” ทุกคนตอบ

        “รอมันเลิกเรียน วันนี้มันไม่ต้องเข้าร้านกาแฟกูจะดูว่ามันจะวิ่งแจ้นกลับบ้านแต่หัววันอีกรึเปล่า” สิบรถบอกด้วยความอาฆาต ทั้งห้าคนนั่งรูดมือถือและมองไปที่ตึกเรียนเป็นระยะยิ่งใกล้เวลาเลิกเท่าไหร่ก็ยิ่งมองถี่ขึ้น

        “มาแล้วๆ ไอ้คมลงมาแล้ว” คมสันคือเพื่อนในชั้นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ เริ่มทยอยเดินลงมาทั้งห้าคนก็ไปหาที่หลบ

        “นั่งไง เดินจ้ำเหมือนตามควายไปที่ป้ายรถแล้ว ป่ะ ไปรถกูคันเดียวจะได้ตามสะดวก” สิบรถแบบแล้วหนุ่มๆ แก๊งกาแฟก็รีบเร่งไปที่รถยนต์คันงาม

        ต่อขึ้นรถเมล์สายเดิมโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังโดนสะกดรอย รถคันนั้นบอกว่าไปสุดสายที่อีกฟากนึงของมหาวิทยาลัยมันเกือบจะเข้าเขตจังหวัดอื่นอยู่แล้วด้วยซ้ำ

        “เหี้ย บ้านแม่งไกลขนาดนี้เลยหรอวะ” ปั้นจั่นอุทานจะเรียกเป็นคำถามก็คงไม่ถูกนักเพราะไม่มีใครตอบได้แน่ๆ

        “แม่งแหกขี้ตาตื่นกี่โมงวะตอนมีเรียนแปดโมงเนี่ย” สิบรถถามและขับตามรถประจำทางไปเรื่อยๆ

        “มึง แม่งจะสุดสายแล้วป่ะวะ” หลังจากนั่งเงียบๆ กันมาพักใหญ่ครูสก็พูดขึ้นมา

        “มันยังไม่ลงใช่ป่ะ” สิบรถเองก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะต้องใช้สมาธิกับการขับขี่

        “ยังไม่ลง นั่นไงแม่งกลับมายืนหัวโด่อีกแล้ว” ต่อยืนๆ นั่งๆ สลับกันอยู่หลายทีเพราะเสียสละที่นั่งให้ผู้หญิง

        “ลงแล้วๆ” กังหันตะโกนดังลั่น

        “สัส ต่อสองแถวอีก ถ้าบ้านแม่งจะไกลขนาดนี้ทำไมไม่มาเช่าหอพักในเมืองวะไม่ก็มาอยู่กับไอ้ครูสก็ได้มึงก็เคยชวนมันไม่ใช่เหรอ” สิบรถถาม

        “เคย แม่งไม่มาไง”

        “ช้าๆ มึงอย่าจี้มาก” ปั้นจั่นบอก รถสองแถวสีแดงขับลัดเลาะไปตามซอย ผ่านไปประมาณสิบนาทีต่อก็ลง

        “จอดๆ มึง จอดตรงนี้เดี๋ยวกูเดินไปดูเอง” ครูสบอก สิบรถจึงตบไฟเลี้ยวแล้วจอดข้างทาง ครูสยืนหลบหลังเสาไฟแล้วมองเพื่อนเดินเข้าไปในซอย ประมาณกลางๆ ซอยไอ้ต่อก็หยุดเดิน

        “มันอยู่บ้านกลางซอย เดี๋ยวกูเดินไปดูให้” ครูสกลับมาบอกเพื่อนที่รอในรถ เขาเดินชิดติดเสาไฟไปตลอดทางเพราะกลัวเพื่อนจะกลับออกมาที่ถนนอีกรอบ

        โชคดีมากที่มีเสาไฟก่อนถึงหน้าบ้านของไอ้ต่อ ครูสยืนหลบอยู่ตรงนั้นและพยายามยืดคอให้ยาวที่สุดเพื่อมองให้เห็นภายในบ้านแต่ก็ไม่เห็นอะไร

        “เห็นอะไรบ้าง” สิบรถโทรมาหาครูส

        “ยังไม่เห็น” ครูสตอบ

        “มึงเดินเข้าไปหามันเลยไอ้ครูส” กังหันพูดแทรกเข้ามา

        “เหี้ย ไหนว่ามาแอบดู” ครูสบอก

        “เราก็เห็นแล้วว่าบ้านมันอยู่ไหนก็พอแล้วป่ะวะ” ครูสพูดอีกครั้ง

        “กูไม่ได้อยากรู้ว่าบ้านมันอยู่ไหน กูอยากรู้ว่ามันซ่อนอะไรไว้ที่บ้าน” สิบรถบอก

        “เออๆ เดี๋ยวรอสักพัก”

        “ไม่ต้องวาง พวกกูรอฟังอยู่” มินสก์บอก ผ่านไปประมาณสิบนาทีก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ครูสพยายามคิดหาหนทางให้เพื่อนๆ หยุดความอยากรู้ไว้เท่านี้แต่ไม่มีใครเข้าข้างสักคน

        “มันออกมาแล้ว” ครูสบอก เพื่อนๆ ในรถตื่นเต้นกันใหญ่

        “อย่าลืมดินสอนะ” เสียงหวานๆ กำชับ

        “จ้า ไม่ลืมหรอกอยู่ในกระเป๋าหมดแล้ว” ต่อบอกให้เธอมั่นใจ

        “ครูส มันออกมาแล้วหรอ แล้วไงมันไปไหน ครูส เฮ้ย ยังอยู่ไหม” สิบรถถามปลายสายแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

        “ครูส ไอ้เหี้ย ยังอยู่ไหม” สิบรถเกือบจะเดินลงจากรถอยู่แล้วถ้าครูสไม่ตอบกลับมาว่า……………………………………

       

 

รักหวานๆ ของนายขี้หวง Mild Mocca
อัณณากานต์
www.mebmarket.com
เขา...หนุ่มขี้อายแสนจริงใจเธอ...สาวมั่นไม่แคร์โลก❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀ เนื้อหาบางส่วน ❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀“ถ้าต่อว่างไปกินไอติมกันไหม แป๊บเดียวเองไม่นานหรอก” ลูกพีชชวน“ขอโทษนะครับคุณลูกพีชผมไม่ว่างจริงๆ” ต่อกลั้นใจพูดมันออกไป เขาเห็นแววตาแห่งความเสียใจของเธอแต่ก็ไม่อาจพูดอะไรที่ดีกว่านั้นได้ เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องไปทำมันคือเรื่องนั้นเรื่องที่บอกใครไม่ได้แม้แต่เธอที่เขารักหมดหัวใจเขาก็ไม่อาจเลือกได้…ต่อให้เธออ้อนวอนจนขาดใจวันนี้เขาก็เลือกเธอไม่ได้“ขอโทษนะ” ต่อบอกลูกพีชแล้วเดินทิ้งทุกคนไปลูกพีชยืนตัวชาด้วยความอับอายที่โดนปฏิเสธต่อหน้าเพื่อนของเขาทั้งกลุ่ม ทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอเหลือเกินเขามีใครที่สำคัญกว่าเธอหรือ❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ย์ Mild Coffee กาแฟแบบต่างๆ จะแทนบุคลิกของพระเอกแต่ละคนรับรองว่าหอม ละมุน นุ่มลิ้น น่าเล้าโลมทุกรสชาติฝากติดตามหนุ่มๆ เพื่อนของต่อด้วยนะคะ            Mild Latte รักนุ่มลึก (Biteholic Girl)             สิบรถ…อัธยาศัยดี ยิ้มเก่ง หล่อไปวันๆ            Mild Cappuccino รักนี้รสละมุน (อติญา)            ปั้นจั่น…แฝดพี่ผู้เคร่งขรึม            Mild Espresso รักนี้เข้มเต็มหัวใจ (อติญา)            กังหัน…แฝดน้องผู้เลี้ยงหมาไว้ในปาก            Mild Caramel Macchiato เกี่ยวรักมาร้อยใจ (ลูกตุ้มเงิน)            มินสก์…เจ้าชายไอที อ่อนโยน หวงตัวนิดๆ            Mild Americano รักร้ายนายแบดบอย (ศรีมนตรา)            ครูส…เพลย์บอยตัวพ่อ รูปหล่อ เอวดี สามีแห่งชาติ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา