Arachne VII ( บท สายเลือดปลอมที่ 7 )

7.3

เขียนโดย ชิโร่

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.52 น.

  12 ตอน
  2 วิจารณ์
  13.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 18.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่หนึ่ง ความปราถนาของอารัคเน่ VI

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      

 
 
     
 
 
 
     ทำไมเด็กที่เกิดมา จึงไร้อิสรภาพทางศาสนา.....
     ทำไมพวกเขาจึงต้องเข้าพิธีล้างบาป ทั้งที่พวกเขานั้นยังไม่รู้เรื่องอะไร ?
 
     หญิงสาวครุ่นคิด และสงสัยอย่างเป็นกังวล
 
     ท่ามกลางท้องฟ้าครึ้มที่ดูเหมือนจะฝนตก โบสถ์แห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นที่โดยรอบอย่างกว้างขวาง ประกอบด้วยทางเดินและต้นไม้สวยงาม โดยในโบสถ์นั้นกำลังเริ่มพิธีล้างบาปทางศาสนาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กทารกไปจนถึงกระทั่งผู้ใหญ่ 
     แต่พวกเขากลับไม่รู้เรื่องเลย ว่าท่ามกลางท้องฟ้าที่แสนน่าสะพรึง มันคือวันพินาศของพวกเขา.... 
     แม่มดในชุดสีดำสนิทกำลังนั่งไม้กวาดอยู่บนฟ้า สายตาของเธอจ้องมองไปยังโบสถ์ด้วยท่าทีเย็นชา 
     ใบหน้าของเธอเหมือนคนตายด้านที่มิอาจยิ้มได้เหมือนคนทั่วไป 
     เธอเป็นคนผิวขาวที่เหมือนผู้หญิงวัยสาวตอนปลาย มีหน้าอก ริมฝีปากสีม่วง เล็บมือสีดำ
     เธอทำหน้าเศร้าใจ
 
     ''คีราโน่.... เจ้าพร้อมหรือยัง ?''
     ''ค่ะ... ท่าอารัคเน่''
 
     ไม้กวาดคู่ใจของเธอซึ่งดูเหมือนจะพูดได้ และเป็นเสียงผู้หญิง
     เธอค่อยๆบินลงมาช้าๆ ในท้ายสุด เธอก็กระโดดลงพื้นเบาๆ
 
     ''วันนี้เอาแบบไหนดีคะ ท่านอารัคเน่ ?''
     ''นั่นสินะ.... วันนี้ข้าอยากลองเป็นอัสวินดูซักวัน''
 
     ไม้กวาดคู่ใจของเธอ ''คีราโน่'' แปลงร่างจากไม้กวาดที่แสนธรรมดา กลายเป็นดาบสีดำที่มีออร่ารอบดาบ
 
     ''คีราโน่ เจ้าแปรงร่างได้ถูกใจข้ามาก แต่ช่วยลดออร่าของดาบลงหน่อย''
     ''เข้าใจแล้วค่ะ''
 
     เพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง อารัคเน่เริ่มเดินไปเปิดประตูในโบสถ์ช้าๆ
     เสียงแง้มประตูแห่งความตาย มันเสมือนเชื่องช้าตามกาลเวลา
     สายตาของบาทหลวงและสมาชิกในโบสถ์ ต่างหันมามองอารัคเน่พร้อมๆกัน
     บทเพลงแห่งความตาย กำลังจะเริ่มพร้อมกับหยาดฝนเล็กๆ
     เสียงพายุเริ่มโหมกระหน่ำทีละเล็กทีละน้อย
 
     ก้าวต่อไปของอารัคเน่ ก็คือการวื่ง
     เธอวิ่งอย่างรวดเร็วและถือดาบด้วยมือขวา
     สังหารชายคนแรกที่อยู่ใกล้เธอที่สุด โดยการใช้ดาบแทงเข้าไปที่คอของชายคนนั้น พร้อมกับกระชากดาบออกมา เมื่อนั้นเลือดจึงสาดกระจายทั่วบริเวณทันที สร้างความตกตะลึงให้กับคนในโบสถ์ในวินาทีนั้น
     ถัดมาอีกไม่กี่วินาที เหล่าคนในศาสนาที่กำลังประกอบพิธีกรรม ได้ลุกฮือ หนีกันกระจัดกระจายไปทั่ว
 
     ''เหวอออออ อารัคเน่ อารัคเน่นี่นาาาาาาาาาาาาาาา !!!!!!!!!!!!''
     ''ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!''
     ''กรี๊ดดดดดดดดดดด ~ !''
     ''พระ... พระผู้เป็นเจ้าาา''
 
     พระผู้เป็นเจ้าเหรอ....
     คนแบบนั้น ไม่สิ พระเจ้าแบบนั้น
     มันเคยสนมนุษย์อย่างพวกเจ้าด้วยเหรอ ?
 
     อารัคเน่ผู้ซึ่งเป็นแม่มด และมีพลังของแมงมุมสิงสถิตย์อยู่ในร่างกาย เธอร่ายเวทย์บางอย่างที่ดาบ พร้อมชูขึ้นเหนือหัวอย่างสง่า ก่อนที่จะมีออร่ามนต์ดำแพร่กระจายเหมือนควันไปทั่วโบสถ์ เมื่อนั้นออร่าสีดำจึงเปลี่ยนจากควันเป็นใยแมงมุมสีดำ พร้อมครอบคลุมไปทั่วโบสถ์อย่างหนาแน่น ไร้ซึ่งทางหนี
 
     ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้ง เพื่อมฆ่านกในกรง เธอขยับร่างกายด้วยความพริ้วไหว พุ่งไปสับตัดหัวของหญิงสาวคนหนึ่งจนขาดออกไป ต่อด้วยการพุ่งเข้าไปตัดลำตัวของชายคนถัดมาจนขาดเป็นสองท่อน ตามด้วยการใช้ดาบแทงหัวใจของลุงแก่ๆคนหนึ่ง ต่อด้วยศพของบาดหลวงที่ถูกมือซ้ายของอารัคเน่กระชากหัวใจสดๆออกมา
 
     หัวใจที่เต้นตุบๆในกุมมือของอารัคเน่
     กับเลือดไหลนองจนเลอะมือของอารัคเน่ไปหมด
 
     ''ดูสิ... หัวใจของมนุษย์ ช่างเปราะบาง''
     ''ค่ะ ท่านอารัคเน่ พวกมนุษย์ คือความผิดพลาดของพระเจ้า''
 
     ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบดาบ แต่ดูจากสีหน้าของเธอที่มองดาบ มันคือความเบื่อหน่าย
 
     ''ข้าเบื่อดาบแล้ว อัสวินทำไมถึงนิยมพกของไร้สาระแบบนี้นะ''
     ''ท่าน อารัคเน่ ปราถนาสิ่งใดหรือคะ ?''
     ''ข้าปราถนา.... นั่นสิ ข้าไม่ได้ใช้ไม้เท้านานแค่ไหนแล้วนะ''
 
     ไม้เท้า มันก็เหมือนอาวุธประจำตัวของแม่มด 
     เธอสั่งคีราโน่ ให้กลายร่างเป็นไม้เท้า มันเป็นอาวุธพื้นฐานของเธออยู่แล้ว
 
     เธอเริ่มยืนนิ่งๆ และร่ายเวทย์ที่ไม้เท้า โดยการใช้เวทย์มนต์ครั้งนี้ คงไม่มีอะไรมาก นั่นคือบังคับใยแมงมุมของเธอตามมุมต่างๆของโบสถ์ ให้ก่อรูปร่างเป็นหอกอันแหลมคม แล้วบังคับให้หอกแต่ละอันนั้น สังหารคนเป็นว่าเล่น โดยความคมของหอกนั้น สามารถแทงทะลุร่างกายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
     มันหมายถึงว่า ศพของบางคน ก็กลวงเป็นรูได้...
     เช่นเดียวกับท่อนล่าง ที่เป็นรูโบ๋ของบางศพ
 
     หรือบางที เธอก็เล็งไปที่เหยื่อ พร้อมกับพ่นน้ำพิษทางปากอย่างรุนแรง
     ไม่ต่างอะไรจากกระสุนปืนที่เป็นน้ำ ที่ผู้โชคร้ายไปโดนเข้า จะทำให้ผิวหนังเกิดปุ่มหนองทั่วลำตัว ในที่สุดร่างกายก็เริ่มบวมเป็นสีเขียว และระเบิดเครื่องในออกมาในที่สุด ฟังดูสยองไม่ใช่น้อย
 
     ............
 
     ลูกแมงมุมของเธอ สามารถเกิดขึ้นมาได้จากใยที่เธอพ่น
     ในโบสถ์แห่งนี้ ก็เริ่มมีลูกแมงมุมเกิดขึ้นจากใยมาบ้างแล้ว
     โชคร้ายที่เธอไม่สามารถควบคุมลูกน้อยของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
     ทำให้บางครั้ง มันก็ชอบไปกระโดดกัดใครเข้า แล้วฝังพิษลงในร่างกาย
     ส่วนวิธีตาย ก็อย่างเช่น.... สมองระเบิด หรือไม่ก็หัวใจวายตาย
     ให้ร้ายหน่อยก็ร่างกายค่อยๆเน่าเปื่อย ทั้งๆที่ยังไม่ตายสนิท
 
     และดูเหมือนเธอจะเล่นสนุกจนเพลินไปเหนื่อย เธอเริ่มหยุดและเช็ดปากเบาๆ
 
     ''ข้าไม่ค่อยชอบพ่นพิษเท่าไหร่นัก เพราะมันเลอะปาก คราวหน้าข้าคงต้องพกผ้าเช็ดหน้ามาด้วยสินะ''
 
     รู้ตัวอีกทีโบถส์แห่งนี้ก็มีแต่เลือด หรือน้ำพิษของเธอเสียแล้ว
     แต่.... ยังมีใครรอดอยู่บ้างนะ
 
     ''ย๊ากกกกกก !!!!! !!!!!!''
 
     ในเมื่อออกจากโบสถ์ไม่ได้เพราะถูกใยล้อมรอบเอาไว้
     มันก็มักจะมีชายบางคนที่คิดสู้เธอ แม้จะเป็นหมัดธรรมดา
     อารัคเน่ได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่าย พร้อมกับใช้มือขวา ตบหน้าของชายคนนั้น
     จะว่าเลือดพุ่งก็คงไม่แปลก ชายคนนั้นหัวหลุดไปเสียแล้ว
 
     ''เท่านี้ ก็คงหมดแล้วสินะ''
     ''แต่ท่านอารัคเน่ ถ้าท่านจะปราถนาสร้างอนาเขตที่นี่ ควรจะฆ่าคนทั้งเมืองนะคะ''
     ''นั่นสินะ... ข้าคงเกลียดพระเจ้ามากเกินไป เลยลงมือที่นี่ก่อน''
 
     หลังจากสังหารผู้คนกว่า 60 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อารัคเน่ เริ่มเดินออกจาโบสถ์ช้าๆ ก่อนที่จะให้คีราโน่แปลงร่างเป็นไม้กวาดอีกครั้ง และนั่งโบยบินขึ้นสู่ฟ้า เพื่อเริ่มสังเกตุการณ์ผู้คนในเมืองเป็นลำดับแรก แต่น่าเสียดายที่เหล่าผู้คนทั้งเมือง กำลังเริ่มหนีอารัคเน่กันไปคนละทิศละทาง
 
     ใบหูของเธอซึ่งได้ยินเสียงไกลออกไปได้อย่างชัดเจน.... เหมือนว่าจะมีพวกทหารอัสวินไปแจ้งเตือนประชาชนให้รับรู้ถึงการตื่นจำศีลของเธอ ทำให้ประชาชนทุกคนต่างหนีกันไปหมด โดยไม่สนว่าทรัพสินในบ้านจะมีอะไรบ้าง และพวกเขาก็คงยกเมืองนี้ให้อารัคเน่เป็นเจ้าของ และไม่มีทางกลับมาอีกแน่
 
     ''อืม..... ก็ดีเหมือนกันที่พวกนั้นหนีไป วันนี้ข้าเหม็นกลิ่นเลือดมาพอสมควรแล้ว''
     ''ท่านอารัคเน่ ควรพักผ่อนก่อน แล้วค่อยเริ่มสร้างรังนะคะ''
     ''แต่ข้าหลับมานานกว่า 100 ปีแล้วนะ ข้าพักผ่อนมาเพียงพอแล้ว''
     ''ถ้าเช่นนั้นจะเริ่มร่ายเวทย์เพื่อส่งใยของพวกเรา ครอบคลุมทั้งเมืองเลยไหมคะ ?''
     ''นั้นสินะ.... ''
 
     หยาดฝนที่ตกลงมาทีละเล็กละน้อยพร้อมกับพายุขนาดกลาง กำลังเริ่มทยอยความรุนแรงขึ้นมา
     อารัคเน่ค่อนข้างไม่พอใจซักเท่าไหร่นัก ดูเหมือนว่าเธอจะเกลียดฝน
 
     ตัวอารัคเน่ที่นั่งไม้กวาดอยู่บนฟ้าสูงละลิ้ว สายตาของเธอนั้นมองเห็นแม้แต่เศษดินแม้จะอยู่ไกลเป็นกิโลเมตร ตอนนี้เธอก็ได้เหลือบไปเห็นเด็กทารกคนหนึ่งที่กำลังนอนร้องไห้อยู่ข้างถังขยะ เด็กน้อยที่มีผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆคลุมรอบตัว คงเป็นเด็กทารกที่พึ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน และถูกผู้เป็นแม่และพ่อทอดทิ้งอย่างแน่นอน เธอเริ่มทำหน้าไม่พอใจ
 
     อารัคเน่บังคับไม้กวาด เพื่อบินจากบนฟ้า ลงไปยังใจกลางเมืองเพื่อไปพบกับเด็กทารกคนนั้นใกล้ๆ
     ในขณะที่เธอบินลงมาถึง ณ จุดหมายแล้ว เธอก็เริ่มลงจากไม้กวาด และมองดูเด็นคนนั้นอย่างน่าเวทนา
 
     ''เด็กคนนี้ น่าเกลียด ข้ารำคาญเสียงร้องของมัน ทำยังไงถึงจะหยุดร้อง''
     ''แง้ ~ !! อุแว๊ๆ ~ ! แงงงง ~''
     ''ท่านอารัคเน่ จะฆ่ามันทิ้งเลยไหมคะ ?''
     ''นั่นสินะ... ข้าไม่น่าถามเรื่องง่ายๆเลย''
 
     อารัคเน่ ใช้นิ้วขวาอันแหลมคม ชี้ไปยังคอน้อยๆของเด็กคนนั้น เพื่อหวังจะแทงคอให้ตาย
     แต่เธอก็ไม่ยอมแทงเด็กคนนั้นซักที เธอยืนนิ่งๆเป็นเวลากว่าหลายนาทีเลยทีเดียว
 
     ''ร้องไห้งั้นเหรอ.... ทำไมกัน เจ้าเสียใจอย่างนั้นหรือ ?''
     ''ท่านอารัคเน่ เป็นอะไรไปคะ ?''
     ''ข้าไม่เข้าใจ... ข้าเพิ่งคิดได้เมื่อครู่ ว่าตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่เคยร้องไห้เลย ?''
     ''ท่านอารัคเน่คะ การร้องไห้ ถือว่าเป็นความทุกข์ค่ะ ท่านอารัคเน่ไม่จำเป็นต้องกังวล''
     ''งั้นเหรอ เพราะข้าไม่เคยเป็นทุกข์''
 
     อารัคเน่หลังจากสงสัยเรื่องการร้องไห้ ก็อวดครวญคิดถึงเรื่องทารกในโบสถ์ที่เธอฆ่าไปเมื่อครู่ไม่ได้ ในตอนที่เธอฆ่าเด็กไปพร้อมๆกับแม่ในโบสถ์แห่งนั้น แม่ของเด็กคนนั้นปกป้องลูกจนตัวตาย และเด็กก็ตายทั้งๆที่ไม่เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ เธอเข้าใจดีว่าเด็กก็คงไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ว่า....
 
     ''เด็กคนนี้ ข้าจะรับเลี้ยงเอาไว้เอง..... ''
     ''อะ... เอ๋ ทำไมกันคะ ท่านอารัคเน่ เด็กคนนี้มันเป็นสวะมนุษย์นะคะ !!!!!!!!!!!!!!!!!''
 
     คีราโน่ซึ่งเป็นคนอารมณ์สุขุม ต่างตกใจพร้อมตะโกนใส่อารัคเน่
     การที่แม่มดไปเลี้ยงดูมนุษย์นั้น มันคือความอัปยศอย่างแท้จริง
 
     ''อะไรกันคะ ท่านอารัคเน่ ! ทำไมกัน ทำไมกันล่ะคะ ! ! ! !''
 
''หุบปาก ข้าปราถนาสิ่งนี้ เจ้าจะย้อนแย้งข้างั้นหรือ ?''
 
     คีราโน่เงียบทันที... และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
 
     ''เข้าใจแล้วค่ะ หากท่านปราถนาเช่นนั้น''
     ''ข้าอยากรู้ ว่าการร้องไห้คืออะไร การเป็นแม่คืออะไร''
     ''ท่านอยากจะรู้เรื่องพวกนั้นหรือคะ ?''
     ''แน่นอน ตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่เคยมีลูก และไม่เคยเสียใจ ข้าอยากที่จะรู้''
     ''ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็จะให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้ ให้ถือว่าเป็นลูกของท่าน''
     ''แน่นอน ข้าจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ในฐานะ ความอยากรู้ของข้า''
 
     อารัคเน่เปลี่ยนจากการฆ่า เป็นการอุ้มเด็กคนนั้นมาแทน เธอเริ่มอุ้มเด็กคนนั้น ก่อนที่จะฉีกเสื้อของตัวเองในบริเวณหน้าอก พร้อมกับเริ่มให้นมกับเด็กคนนั้น แต่มันก็เป็นความสามารถที่แปลกประหลาดของแม่มด ที่มักจะใช้เวทย์แปลกๆได้แทบทุกสถานการณ์ ไม่เว้นแต่การให้ภูมิต้านทานพิษในนมที่ให้ดูด
 
     ''คีราโน่ ข้ารู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ''
     ''น่.... นั่นสินะคะ''
 
     ''อืม.... เด็กคนนี้ เป็นผู้ชายสินะ''
 
งั้น... ชื่อของเจ้าก็คือ
 
''แบล็ค ไซเรน''
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา