เงารักปมอดีต
เขียนโดย ดอกไม้หอม
วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.53 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) มูลนิธิบำบัดจิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรถตู้คันสีขาว แล่นเข้ามาจอดหน้าตึกอาคารไม้ 2 ชั้น ป้ายหน้าตึกเขียนชื่อไว้ ชื่อเดียวกับสติ๊กเกอร์ที่ติดข้างรถตู้คันที่ฉันนั่งมาจากโรงพยาบาล “มูลนิธิ เพื่อนจิต”
มูลนิธิ เพื่อนจิต เป็นมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตในประเภทต่างๆกัน โดยที่นี่จะเน้นการฟื้นฝูจิตใจเป็นหลัก ผู้ป่วยที่นี่มีประมาณ 50 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ญาติๆส่งมาหลังจากรักษาที่โรงพยาบาลแล้วอาการดีขึ้นจึงมาฟื้นฝูเพื่อจะได้ประเมินว่าจะกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้หรือไม่ ส่วนด้านสถานที่ ตัวอาคารมีทั้งหมด 4 หลัง อาคารที่ 1 และอาคารที่ 2 เป็นอาคารปูน 3 ชั้น มีชั้นดาดฟ้าไว้เก็บถังน้ำ อาคารทั้งสองหลังนี้ใช้สำหรับอยู่อาศัยแยกตึกชายและหญิง อีกอาคารเป็นตึกชั้นเดียวใช้สำหรับโรงอาหาร และสถานที่จัดกิจกรรม ส่วนอาคารด้านหน้าที่ติดป้ายชื่อเป็นอาคาร อำนวยการ เป็นอาคารไม้2ชั้น บรรยากาศโดยรอบดูร่มรื่นมีต้นไม้น้อย ใหญ่ปลูกไว้โดยรอบ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากำลังทำกิจกรรมบำบัดกันโดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“เป็นอย่างไงบ้างครับคุณ ดูๆแล้วพอจะอยู่ได้ไหมครับ” ปกป้อง คนที่ช่วยชีวิตฉันพูดหลังจากที่ตกลงจะพาฉันมาฟื้นฝูความทรงจำที่นี่
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมทำงานที่นี่ อย่างไงผมจะดูแลคุณเอง” พูดพลางส่งยิ้มหวานกับฉัน
“ขอบคุณมากนะคะ คุณปกป้อง”ฉันซึ้งในน้ำใจที่คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด
“ว่าแต่จะเรียกชื่อคุณว่าอะไรดีนะ ในเมื่อคุณยังจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร”
“ชื่ออะไร” ฉันพยายามนึกชื่อตัวเอง พลันก็เหลือบไปเห็นต้นดอกพุดซ้อนที่ปลูกอยู่ข้างทางเดิน ออกดอกสีขาวเต็มต้น
“พุต” ฉันครางชื่อนี้เบาๆ เหมือนชื่อนี่มันมีความหมายกับฉันมาก
“พุด อย่างนั้นหรือครับ ดอกพุดช้อน ก็เพราะดีนะครับ ดูเย็นๆ โบราณๆ ดี” เขาหันมาคุยหลังจากได้ยินฉันครางชื่อนี้ออกมา
“ว่าฉันแก่หรือคะ” ฉันไม่แน่ใจว่าเขาชมหรือด่าว่าคิดชื่อเชยกันแน่
“เปล่า...” เขาปฎิเสธเสียงสูง แต่ก็ทำหน้า ทำตา ทะเล้นใส่ แล้วรีบเดินนำออกไป
ที่ตึกอำนวยการ อาคารไม้หลังนี้ภายนอกจะดูเก่าๆ โทรมๆ แต่ภายในก็ดูแข็งแรง ของตกแต่งห้องส่วนใหญ่เป็นของเก่าแก่ เข้าไปข้างในมีห้องโถมกว้าง ข้างหน้าเป็นบันไดขึ้นไปชั้นสอง ข้างๆจะแบ่งเป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ ส่วนด้านบนสำหรับผู้บริหาร และห้องประชุม
คุณปกป้องพาฉันเข้ามาห้องทำงานของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลมูลนิธิ เขาชื่อ “ฉวี” คุณฉวี อายุประมาณ 40ปี การแต่งกายเนี๊ยบ เรียบร้อย ออกจะเชยไปสักนิด สวมแว่นตาอันโต มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ “น้องพลอย” อายุแปดขวบ ส่วนสามีเป็นทหารเสียชีวิตระหว่างปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่น้องพลอยยังเล็ก คุณฉวีรับหน้าที่ดูแลมูลนิธิแห่งนี้ ควบคุมการดำเนินงานเกือบทั้งหมด
“พี่ฉวีครับ นี่คุณ...พุด คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังไงครับ” เขาพูดกับคุณฉวี ในขณะที่คุณฉวีขยับแว่นตาขึ้นมองฉัน
“แล้วอย่างไง จะให้เขาอยู่ที่นี่หรือ ถึงที่นี่จะเป็นมูลนิธิก็ใช่ว่าใครจะเข้า-ออกได้ง่ายๆนะ”คุณฉวีพูดเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ฉันมาอยู่ที่นี่
“พี่ฉวีครับ พุดเขาความจำเสื่อมนะครับ เขาไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เขาอยู่เขาก็ช่วยงานที่นี่ได้นะครับ” คุณปกป้องพูดอ้อนวอนคุณฉวี
“ไม่ต้องมาอ้อนฉัน ฉันไม่ใช่เด็กสาวๆที่จะได้หลงคำอ้อนเหมือนลูกแมวของเธอ” คุณฉวีตวาดเสียงดังเมื่อเจอท่าทางขี้อ้อนของคุณปกป้อง
“คนไข้ที่อยู่ในความดูแลของที่นี่ก็มากพออยู่แล้ว ถ้าเธออยากอยู่ก็ต้องช่วยทำงานแล้วกัน” คุณฉวีพูดกับฉัน
“เย้...พี่ฉวี อนุญาตให้คุณพุดอยู่ที่นี่แล้วนะครับ” คุณปกป้องดีใจจนออกนอกหน้า
“เดี๋ยวก็ให้แก้วเป็นคนดูแลเรื่องที่พัก แล้วก็งานที่ต้องทำแล้วกัน”คุณฉวีหันมาพูดกับฉัน
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณฉวี” ฉันไหว้ขอบคุณ ถึงคุณฉวีจะดูดุแต่แกก็ท่าทางน่าจะใจดีเหมือนกันนะ
“อยู่ที่นี่ก็อย่าก่อเรื่องวุ่นวายละ ที่นี่ปัญหามันก็มากพออยู่แล้ว ป้องฝากเธอดูแลด้วย อะไรที่ควรทำ ไม่ควรทำก็บอกเขาด้วย” คุณฉวีหันไปสั่งคุณปกป้อง
“จะดูแลให้อย่างดี ไม่ให้คลาดสายตาเลยครับ”คุณปกป้องพูดพลางพร้อมส่งสายตาขี้อ้อนให้คุณฉวี
“ไปๆออกไป แล้วเรียกแก้วเข้ามาด้วย” คุณฉวีรีบไล่ คงเพราะรำคาญท่าทางของคุณปกป้อง
ที่ห้องพัก ห้องกว้างพอประมาณอยู่ได้ 2 คน ฉันอยู่กับเจ้าหน้าที่ชื่อ “แก้ว” ในส่วนห้องพักของเจ้าหน้าที่จะอยู่ชั้นล่างของอาคารที่ 1 ชั้นบนทั้งสองชั้นเป็นห้องพักของผู้ป่วย ห้องผู้ป่วยเป็นห้องกว้าง มีเตียงนอนกับชั้นวางหนังสือเท่านั้น นึกไปเหมือนห้องนอนผู้ป่วยในโรงพยายาลเลย ที่ต้องจัดห้องแบบนี้เพื่อง่ายและสะดวกในการดูแลของเจ้าหน้าที่ สิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้ป่วยก็ไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่จะดูแลเรื่องเสื้อผ้า ผู้ป่วยจะสวมใส่เสื้อผ้าของมูลนิธิเท่านั้น
“สวัสดีจ้า เธอเป็นรูมเมทคนใหม่ของฉันหรือ ฉันชื่อแก้วนะ” เสียงใสๆเหมือนชื่อดังเข้ามา
แก้ว เป็นเจ้าหน้าที่ที่นี่ เป็นผู้ช่วยของคุณฉวี ดูท่าทางอายุน่าจะรุ่นเดียวกัน รูปร่างอวบๆ ผิวขาว หน้าตาออกทางหมวยๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพุดค่ะ” เอ่ยชื่อพุดก็รู้สึกกะอักกะอ่วนใจ เพราะมันไม่ใช่ชื่อจริงๆของฉัน
“เธอความจำเสื่อมหรือ เป็นมานานยัง” แก้วถามฉัน
“ฉันรักษาตัวมาเดือนหนึ่งแล้วค่ะ แต่ยังจำอะไรไม่ได้มาก” ฉันพูดน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไม่เป็นไรหรอกอยู่ที่นี่ เดี่ยวจะมีหมอ มีเจ้าหน้าที่มารักษา เดี๋ยวก็จำได้เองแหละ” แก้วพูดให้กำลังใจฉัน มูลนิธิจะมีหมอ กับพยาบาลของโรงพยาบาลต่างๆแวะเวียนมาดูแลคนไข้ นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่นี่ด้วย
“แล้วฉันต้องทำงานอะไรบ้างค่ะ”
“เธอก็เหมือนคนไข้อื่นๆนั้นแหละ เวลามีกิจกรรมฟื้นฝูรักษาเธอก็เข้าบำบัดปกติ เวลาว่างๆเธอก็ช่วยดูแลเอกสารแล้วกัน” แก้วมอบหมายงานให้ฉันเป็นคนดูแลจัดเก็บเอกสารของมูลนิธิ
เช้าวันต่อมา เจ้าหน้าที่จิตวิทยาเข้ามาบำบัดรักษาฉัน เขาสอบถามข้อมูลสิ่งที่ฉันพอจะจดจำได้ ให้ฉันปล่อยใจให้ว่าง พยายามอย่ากดดันตัวเอง พยายามนึกถึงเรื่องในอดีตอย่างเป็นลำดับขั้น นึกถึงเรื่องที่มีความสุข ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดออกไป ให้ฉันหลับตาแล้วนึกย้อนกลับไปในเงาของอดีต
ฉันหลับตาลง เห็นภาพ เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชัง กำลังคลานเข้ามาหาฉัน เสียงกระพรวนที่สร้อยข้อเท้าดังตามการเคลื่อนไหวของเด็กน้อย ภาพผู้ชายคนหนึ่งมาอุ้มเด็กน้อยแล้วหอมแก้มเขา เด็กน้อยหัวเราะสนุกสนาน ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามายิ้มให้ฉัน แล้วภาพก็ตัดเป็นภาพผู้ชายคนเดียวกันถือท่อนไม้เงื้อมือจะฟาดฉัน ฉันกรี๊ดร้องดังลั่น เจ้าหน้าที่ต้องปลอบใจให้ฉันสงบลง แล้วการรักษาในวันนี้ก็จบลง เจ้าหน้าที่ให้ฉันทำใจให้สบายแล้วค่อยรักษาต่อในวันหลัง
ช่วงบ่าย ขณะที่ฉันกำลังยุ่งอยู่กับเอกสารกองใหญ่หลังจากทำการฟื้นความทรงจำเสร็จแล้ว คุณปกป้องก็เข้ามาทักทายฉัน
“เป็นอย่างไงบ้างครับวันนี้ ผมยุ่งทั้งวันเลยไม่ได้แวะมาทักทาย”
“ก็ดีค่ะ พอจะเห็นภาพอะไรแว๊บๆมาบ้าง”
“ภาพอะไรครับ พอจะจำอะไรได้บ้าง” เขาถามฉันท่าทางตื่นเต้นมาก
“ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไรเลยค่ะ มันเห็นแค่ลางๆ”
“ไม่เป็นไรครับ อย่างไงก็สู้ๆนะครับ” เขาพูดพร้อมยิ้มหวานให้
“แหม..ทำไมไม่สู้ๆกับฉันบ้างละคะ คุณปกป้อง” เสียงแก้วเดินเข้ามาพร้อมโยนเอกสารลงบนโต๊ะดังโครม
“ทำไมละ งบไม่ลงตัวอีกละซิ” คุณปกป้องถามแก้ว
“เรื่องเดิมๆน่าเบื่อ ถ้ารายได้มันไม่พอรายจ่ายก็ปิดๆไปเสียมูลนิธินี้”ท่าทางแก้วจะหงุดหงิดมาก
“เอานะ ขึ้นชื่อว่ามูลนิธิถ้าไม่มีเงินบริจาคก็ไม่รู้จะหารายได้มาจากไหน คนป่วยที่อยู่ที่นี่ส่วนมากก็พวกญาติๆไม่ค่อยจะสนใจทั้งนั้น” คุณปกป้องปลอบใจแก้ว
“แล้วสุดท้ายพี่ฉวีก็มาลงที่หัวฉันนี่นะ” แก้วยังไม่หายหงุดหงิด
“มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหมค่ะ” ฉันอาสาจะช่วยเผื่อจะเบาแรงแก้วได้บ้าง
“โอ้ย...เก็บเอกสารผู้ป่วยเก่ากองพะเนินของเธอไปเถอะจ้า อย่าให้พี่ฉวีมาด่าฉันอีกเรื่องเลย” แก้วพูดจบก็เดินกะฟัดกะเฟียดไป
ค่ำแล้วหลังจากที่ฉันอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน แก้วยังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ดูท่าทางยังไม่หายโมโหเรื่องที่โดนคุณฉวีด่าเมื่อตอนกลางวัน บรรยากาศที่นี่ตอนกลางคืนก็วังเวงเหมือนกัน
“พุด ตอนกลางคืนอย่าออกไปไหนละ ถ้าจะเข้าห้องน้ำให้ไปแจ้งยามประจำตึกก่อน (ยามผู้หญิง) แล้วก็อย่าขึ้นไปบนดาดฟ้าเด็ดขาด ที่นี่ตอนกลางคืนน่ากลัว” แก้วหันมาบอกฉัน
“ทำไมละ ที่นี่มีผีหรือค่ะ”ฉันถามด้วยความสงสัย
“มีทั้งผีทั้งคน อย่าลืมนะว่าที่นี่เป็นที่บำบัดจิตมีแต่คนจิตไม่ปกติทั้งนั้น อย่างไงก็ต้องระวังตัว แถมที่นี่มีคนตายหลายคนแล้วด้วย”แก้วพูดท่าทางน่ากลัว
ปัง! เสียงบางอย่างหล่นมาจากดาดฟ้าข้างบน
“นั้นไงพูดไม่ทันขาดคำ ตายอีกคนแล้ว” เสียงแก้วพูดพร้อมทั้งวิ่งออกไปดูข้างนอก
สภาพร่างผู้ป่วยหญิง นอนจมกองเลือด ศรีษะมีเลือดไหลนองพื้น คอหัก คาดว่าน่าจะตกโดยหัวกระแทกพื้น ตายคาที่
ตายอีกคนแล้ว แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนตาย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรม.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ