HUG กอดใจไว้ด้วยรัก

-

เขียนโดย Nat2cha

วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.58 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,165 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 19.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 : น้องโจ๊ก : ห้องชมรม...ผมอยู่ไหน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     “ไอ้โจ๊ก!!!...การบ้านมึงเสร็จยัง”

     เสียงไอ้ป๊อบเพื่อนสนิทของผมเองครับที่ตะโกนข้ามห้องพร้อมกับโบกมือหย็อยๆ ทำให้เพื่อนร่วมชั้นซึ่งเป็นเด็กปีหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่นั่งกันอยู่ในห้อง ต่างพร้อมใจมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ผมจึงได้แต่กวาดยิ้มให้กับทุกคน ทำเหมือนตัวเองกำลังประกวดชายงามสลุงหลวงก็ไม่ปาน ทั้งที่ความสูงและรูปร่างไม่น่าจะผ่านรอบแรกเลยด้วยซ้ำ

     “เสร็จแล้ว...ที่ถามนี่จะลอกใช่ไหม” ผมพูดพร้อมกับตบบ่าของเพื่อนด้วยแรงมือที่ไม่อาจคาดคะเนได้ แล้วหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ว่างที่อยู่ข้างมัน ก่อนจะหันไปทักไอ้ปาล์มเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้กัน ไอ้ปาล์มเพียงแค่พยักหน้าตอบแล้วก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือของมันต่อ

     “ถ้าไม่ขอลอก กูจะถามทำเตี่ยมึงรึไง” ไอ้ป๊อบพูดพร้อมกับเอามือลูบตรงบ่าที่ถูกตบทักทายเมื่อครู่ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะเข้าสิงผมอยู่แล้ว

     “ปากหมาอีกนะมึง แล้วทำไมไม่ลอกของไอ้ปาล์ม”

     “ลายมือมันอ่านยาก สู้ลายมือมึงไม่ได้ อ่านง่ายกว่าเยอะ…เอามาเร็วๆ มึงอย่าลีลา” ไอ้ป๊อบทำท่ากวักมืออยู่ยิกๆ เร่งจะเอาการบ้านจากผม

     “จะลอกของคนอื่นยังจะปากดีอีก” ผมหยิบชีทการบ้านของตัวเองส่งให้มัน แต่พอไอ้ป๊อบยื่นมือออกมารับ ผมกลับดึงชีทปึกนั้นคืน เพราะมีข้อแม้ที่ต้องตกลงกับมันก่อน “มึงเอาไปลอกก็รักษาให้ดีด้วย ไม่ใช่ทำการบ้านกูยับหมด”

     “ได้ขอรับคุณโจ๊ก ผมจะรักษามันไว้ด้วยชีวิตของกระผมเลยขอรับ” ไอ้ป๊อบพูดแล้วทำหน้าละห้อยได้น่าสงสารมาก ผมจึงยอมส่งการบ้านไปให้มัน ไอ้เพื่อนผู้กะล่อนของผมทำเป็นส่งยิ้มกว้างมาให้ แล้วรีบดึงชีทที่อยู่ในมือของผมไปอย่างรวดเร็ว พอได้การบ้านของผมไปแล้ว มันกลับลอยหน้าลอยตาใส่ ถือว่าเป็นการยั่วประสาทของผมได้เป็นอย่างดี

     ‘แหม!!...มึงทำหน้าได้กวนฝ่าเท้ากูจริงๆ’

     ก่อนอื่นผมคงต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมมีชื่อว่า “โจ๊ก” อายุสิบเก้าปี กำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อยู่ต่างจังหวัด ผมเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด เกิดมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่อยู่ในเมืองหลวง มีพ่อทำอาชีพเป็นวิศวกร ส่วนแม่เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย มีพี่ชายและพี่สาวอย่างละคนซึ่งทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน ตัวผมเองก็เลยเป็นน้องเล็กสุดโปรดของทุกคนในบ้าน

     ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนตั้งแต่อนุบาลจนจบมัธยมปลาย ในชีวิตนี้เลยเจอแต่ผู้ชายมาโดยตลอด พอต้องเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจึงได้เจอผู้หญิงกับคนอื่นเขาบ้าง แต่ก็ดันเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาไฟฟ้าที่มีแต่ผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าผู้หญิงที่เรียนภาควิชานี้ที่สวยก็พอมี ที่หน้าตาดีก็พอได้อยู่

     แล้วทำไมผมถึงเลือกมาเรียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งห่างจากบ้านผมตั้งเจ็ดร้อยกิโลเมตรน่ะเหรอครับ คงต้องย้อนไปตอนสมัยเรียนมัธยมปลายโน่น ตอนนั้นผมได้มีโอกาสมาเข้าค่ายวิศวกรรมศาสตร์กับรุ่นพี่ที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมของผม ในปีนั้นพวกรุ่นพี่เลือกมาเข้าค่ายที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ครั้งแรกที่ผมได้มาที่นี่ก็รู้สึกประทับใจและหลงรักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ทันที ก็จะมีมหาวิทยาลัยสักกี่แห่งกันเชียวที่เราสามารถมองเห็นวิวภูเขาใหญ่ได้จากในห้องเรียน แถมเมืองนี้ยังติดอันดับเมืองที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศอีกด้วย คราวนั้นผมปฏิญาณกับตัวเองรวมทั้งขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยว่าจะต้องเข้าเรียนที่นี่ให้ได้ ถึงแม้ว่าจะถูกคัดค้านจากคนในครอบครัวกับการที่ต้องมาเรียนไกลขนาดนี้ก็ตาม แต่ผมอายุเกินสิบแปดแล้วนี่ครับ เด็กฝรั่งใครๆ เขาก็ออกมามีชีวิตของตัวเองทั้งนั้น แต่ผมยังไม่ใช่เด็กฝรั่งเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นผมจึงยังอาศัยเงินจากทางบ้านอยู่

     คราวนี้ผมขอแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนสนิทของผมบ้าง พวกเรามีกันอยู่ห้าคนรวมทั้งตัวผมด้วย

     คนแรกมันชื่อ ‘ป๊อบ’ ก็ไอ้คนที่เอารายงานของผมไปลอกนี่แหละครับ มันได้ชื่อว่าเป็นตัวแสบประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และดูเหมือนตอนนี้มันจะอัพเลเวลไปเป็นตัวแสบประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วด้วย ไอ้ป๊อบเป็นคนในจังหวัดนี้ แต่มันอยู่ต่างอำเภอจึงต้องมาอยู่หอพักเหมือนผม เรารู้จักกันตั้งแต่วันแรกที่มารายตัวแล้ว ผมจำครั้งแรกที่เจอมันได้แม่น ไอ้หัวเกรียน ตัวผอม ผิวขาว ชอบทำหน้าเอ๋อๆ ที่ชอบชวนผมไปแซวสาวที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าคณะ จนรุ่นพี่ต้องจับมันมารับน้องแบบจัดหนัก และมันเป็นเพียงคนเดียวในรุ่น ที่รุ่นพี่ต้องยอมสยบในความหน้าด้านของมัน เพราะไม่ว่าจะให้มันทำอะไร ไอ้ป๊อบเป็นต้องทำได้ตามที่รุ่นพี่บอกเสมอ แถมบางทีมันยังทำเกินหน้าที่ด้วย

     คนที่สองคือ ‘ปาล์ม’ ที่นั่งก้มหน้าก้มตากับหนังสือของมันอยู่ข้างๆ ผมนี่เอง ไอ้ปาล์มมันมีฉายาที่พวกเราตั้งให้มันด้วย คือ “ไอ้ปาล์มหน้าเดียว” เพราะไม่ว่ามันจะอยู่ในอารมณ์ไหน มันก็แสดงอารมณ์แค่หน้าเดียวเท่านั้น ไอ้ปาล์มมาจากจังหวัดเหนือสุดในประเทศไทย มันมีรูปร่างผอม สูง หุ่นแบนจนเหมือนไม้กระดาน รวมทั้งแว่นตาหนาเตอะที่มันสวมอยู่บ่งบอกว่ามันเป็นเด็กเนิร์ดเต็มขั้น ไอ้ปาล์มสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์มาได้ด้วยคะแนนที่สูงปรี๊ด แถมคะแนนสอบของมันแต่ละครั้งก็สูงเกือบจะท็อปตลอด แต่ติดอยู่ตรงที่มีคนเรียนเก่งกว่ามัน จะเป็นใครไปไม่ได้ ก็ผมนี่ไง ดังนั้นไอ้ปาล์มก็เลยได้แค่ตำแหน่งรองท็อปไป แต่ใครจะไปรู้ภายใต้ความเป็นเด็กเนิร์ดและแว่นตาหนาๆ มันจะมีความสามารถพิเศษซ่อนอยู่ นั่นก็คือ ไอ้ปาล์มมันเป็นเซียนเล่นเกมชนิดที่เรียกว่าเก่งโคตรๆ

     คนที่สามคือคุณชาย ‘ฟาร์ม’ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นหน้ามันเลย แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะมันโดดเรียนเป็นประจำอยู่แล้ว ที่ต้องเรียกว่าคุณชายฟาร์ม เพราะชีวิตมันเนี้ยบทุกอย่างตั้งแต่ เสื้อผ้า หน้า ผม ไปยันร้องเท้า คือมันต้องเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยครับ ไอ้ฟาร์มมันรวยมาก บ้านมันยังกับวังที่เคยเห็นในละครแน่ะ ผมว่าบ้านผมที่กรุงเทพฯ ก็หลังใหญ่แล้วนะ พอเห็นบ้านไอ้ฟาร์มเท่านั้นแหละ บ้านผมกลายเป็นกระท่อมไปเลย นอกจากความรวยมันก็ยังหล่ออีกด้วย ตำแหน่งเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีล่าสุดเป็นการการันตีชีวิตของมันให้ดูสูงส่งเข้าไปอีก คุณสมบัติของไอ้ฟาร์มอีกอย่างคือ มันเจ้าชู้ชนิดที่เรียกว่าขุนแผนต้องสะท้านถ้าเจอฟาร์มเข้าไป

     เพื่อนคนสุดท้าย คือสาวสวยคนเดียวของกลุ่ม ‘อุ๋งอิ๋ง’ สาวน้อยจากเมืองรถม้าที่หน้าตาน่ารักขัดกับนิสัยของเธออย่างสุดขั้ว อุ๋งอิ๋งถือว่าเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่งในภาควิชาไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ ผิวขาว หุ่นเอ็กซ์ ตัวเล็ก จัดฟัน คือนิยามที่เธอคิดไปเองแถมยังบังคับให้เพื่อนต้องเห็นตามเธอไปด้วย ถ้าผิวขาว ตัวเล็ก ผมไม่เถียง แต่ถ้าหุ่นเอ็กซ์และจัดฟัน ผมต้องขอค้านแบบหัวชนฝาเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอก็ยังมีนิสัยโก๊ะกัง ชอบทำลายข้าวของโดยไม่ตั้งใจและบางครั้งก็ดูเหมือนจะตั้งใจอีกด้วย ส่วนงานอดิเรกของเธอคือการไปเฝ้ามองคนหล่อ เช่นเดือนคณะต่างๆ แล้วเอาความหล่อของเดือนพวกนั้นมาพูดทับถมเพื่อนให้ดูต่ำต้อยลงไปอีก

     “ทำไรกันอยู่หนุ่มๆ ทั้งหลาย”

     นั่นไงพูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลย เสียงแหลมๆ ของอุ๋งอิ๋งตะโกนมาให้ได้ยินตั้งแต่เธอยังไม่ทันเข้ามาในห้องเรียนด้วยซ้ำ

     “การบ้านฟิสิกส์อาจารย์ธวัชเสร็จหรือยัง...โจ๊กขอเราดูหน่อย” อุ๋งอิ๋งพูดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างผม ก่อนจะเอียงคอแล้วเอาผมทัดหู พักหลังดูเหมือนเธอจะทำท่านี้บ่อยเหลือเกิน ตั้งแต่มีผู้ชายคณะทันตแพทยศาสตร์บอกว่าเธอทำท่าทางแบบนี้แล้วดูสวย

     “อยู่ที่ไอ้ป๊อบ เดี๋ยวค่อยลอกต่อจากมันก็แล้วกัน” ผมพูดแล้วบุ้ยปากไปทางเพื่อนชายที่กำลังลอกการบ้านจนมือเป็นระวิง

     “เร็วๆ สิ...ป๊อบ” อุ๋งอิ๋งเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย ทำเสียงเหมือนเด็กที่โดนขัดใจใส่ไอ้ป๊อบ

     “แกเอาการบ้านของไอ้ปาล์มมาลอกสิ” ไอ้ป๊อบหันมาพูดกับอุ๋งอิ๋งแล้วก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อ

     “ไม่เอา...ลายมือมันอ่านยาก ขี้เกียจนั่งแกะลายมือมัน”

     “งั้นก็รอไปก่อน”

     “เออๆ...เร็วๆ ละกัน เดี๋ยวก็เสร็จไม่ทันส่งอาจารย์พอดี” อุ๋งอิ๋งพูดจบ ก็เอาหัวของเธอมาซบกับไหล่ของผม แล้วพูดต่อด้วยสำเนียงเหมือนคนประจบประแจงจนน่าหมั่นไส้

     “โชคดีของพวกเราที่มีโจ๊กคนเก่งอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราแย่แน่ๆ”

     ผมเหลือบตามองอุ๋งอิ๋งที่กำลังทำหน้าภูมิใจให้ผม ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่หรอก เพราะเวลาพวกมันจะลอกงานผมก็พูดแบบนี้ทุกที

     “เราก็มีดีอยู่แค่นี้เอง” ผมพูดแล้วหันหน้ามองไปที่อื่น

     “โอ๊ย!...ทำเป็นน้อยใจ”

     “เปล๊า....” ผมแกล้งพูดขึ้นเสียงสูง

     “เสียงสูงปรี๊ดขนาดนี้คงต้องมีอะไรแล้วล่ะ”

     “ไม่มี้”

     “โอ๋ๆๆ...ไม่เอา ไม่น้อยใจ เราหมายถึงพวกเราโชคดีที่มีเพื่อนดีและมีน้ำใจแบบโจ๊กไง ไม่เฉพาะเรื่องการบ้านนะ เรื่องอื่นโจ๊กก็ดีมากเช่นกัน จริงหรือเปล่าป๊อบ” เพื่อนหญิงของผมพูด แล้วหันไปขอแรงสนับสนุนจากไอ้ป๊อบอีกคน

     “ใช่แล้ว มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดในมหา’ลัยเลยนะไอ้โจ๊ก” ไอ้ป๊อบพูดโดยไม่ยอมละสายตาจากการบ้านที่เร่งเขียนอยู่ยิกๆ ผมจะเชื่ออยู่แล้วเชียวถ้าไม่เห็นรอยยิ้มกะล่อนที่มุมปากของมันซะก่อน

     ‘ผัวะ’

     “กระล่อนจังนะมึง” ผมตบหัวไอ้ป๊อบฉาดใหญ่ มันเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับทำปากขมุบขมิบฟังดูเหมือนจะให้ของลับกับผม

     “ไอ้คุณชายฟาร์มยังไม่มาอีกเหรอวะ” ผมหันไปถามไอ้ปาล์ม ซึ่งนั่งไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่สนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดียว

     “สงสัยมันคงอยู่ที่คณะเภสัช”

     “มันไปทำอะไรที่คณะเภสัช?”

     “มันกำลังจีบหญิงที่เรียนเภสัชอยู่ คราวนี้เป็นรุ่นพี่ปีสี่ซะด้วย”

ก็คงจะจริงอย่างที่ไอ้ปาล์มมันบอก เพราะผมก็ได้ข่าวว่ามันไปจีบเด็กคณะเภสัช แต่คราวนี้ไม่คิดว่ามันจะไปจีบรุ่นพี่ แต่คนอย่างมันเลือกได้นี่นา มันก็แค่รูปหล่อ พ่อรวย แต่เก่งนี่คิดดูก่อน เพราะเทอมที่แล้วเกรดมันเลยเส้นยาแดงมานิดเดียว

     “อีกแล้วเหรอ กูยอมมันจริงๆ”

     “มึงจะยอมเป็นเมียไอ้ฟาร์มเหรอ” ไอ้ปาล์มเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม พร้อมกับทำหน้าเฉยๆ ที่มองแล้วกวนส้นเท้าเป็นที่สุด

     “เดี๋ยวกูตบแว่นหลุด มึงนั่งอ่านหนังสือไปเลย” ผมเอามือไปผลักหัวมันหนึ่งทีโทษฐานปากหมา

     “ผู้ชายที่ไหนเขาตบกันวะ”

     “ผู้ชายอย่างกูนี่แหละ หรือมึงจะลอง”

     “หึ...” ไอ้ปาล์มส่ายหน้า ส่งสายตาเหยียดของมันมาให้ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

     “เลิกเรียนแล้วไปกินไอติมกันนะ” อุ๋งอิ๋งเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวน ถือว่าเป็นการหยุดสงครามระหว่างผมกับไอ้ปาล์มได้อย่างทันท่วงที

     “ไปๆ ร่างกายกำลังต้องการของหวานพอดี” ผมหันไปรับคำชวนของอุ๋งอิ๋ง พร้อมกับนึกถึงไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่ไปด้วย

     “หน้ามึงหวานไม่พออีกหรือไอ้โจ๊ก” 

     ประโยคที่ได้ยิน รู้สึกอยากจะเอาเท้าทาบไปบนหน้าของไอ้ป๊อบเหลือเกิน แต่ผมไม่ใช้กำลังหรอก ในเมื่อผมมีข้อได้เปรียบกว่านั้น ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะที่ไอ้ป๊อบเผลอรีบคว้าชีทการบ้านของผมออกมาจากมันทันที

     “ไอ้โจ๊กกูยังลอกไม่เสร็จ” ไอ้ป๊อบโอดครวญ ส่วนมือของมันพยายามจะคว้าเอาชีทจากผมให้ได้

     “ปากเสีย ไม่ต้องลอก”

     “ปากเสียตรงไหนแค่บอกว่ามึงหน้าหวาน นี่กูชมนะ”

     “กูไม่ชอบนี่หว่า มันเอาไว้ชมผู้หญิงไม่ใช่เหรอ” ผมพูดแต่ยังไม่ยอมส่งชีทการบ้านให้มัน

     “อ๊ะ...กูขอโทษก็ได้ งั้นเรียกไอ้โจ๊กหน้าโหด เหี้ยม...ไม่มีมอม้าก็แล้วกัน พอใจยัง”

     ความจริงก็ยังไม่ค่อยพอใจหรอก แต่ไม่อยากแกล้งมันมาก เพราะอุ๋งอิ๋งยังรอลอกการบ้านต่ออีก ผมจึงจำใจส่งชีทการบ้านให้ไอ้ป๊อบอย่างเสียไม่ได้ มันรีบคว้าหมับแล้วก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อ แถมยังคอยระวังกลัวว่าผมจะแย่งการบ้านคืนจากมันอีกด้วย

     พูดถึงเรื่องหน้าหวาน ผมไม่ชอบให้ใครมาแซวเรื่องใบหน้าของผมนัก แต่ก็ยอมรับนะว่าใบหน้าของผมมันดูเหมือนผู้หญิงเกินไปหน่อย คงเป็นเพราะได้เค้าโครงของแม่มาทั้งหมด จะมีก็แต่ดวงตากลมโตเท่านั้นที่ได้มาจากพ่อ ตอนเป็นเด็กผมถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าที่ใส่มันจะเป็นของเด็กผู้ชายก็ตาม ยิ่งตอนเรียนมัธยมเวลามีงานแสดงละครเวทีทีไร อาจารย์ชอบจับแต่งตัวให้แสดงเป็นผู้หญิงทุกที ทั้งๆ ที่ผมเกลียดจะตาย ชุดสโนว์ไวท์ตอนมอสี่ยังคงตามมาหลอกหลอนผมจนถึงทุกวันนี้ ผมบอกกับเพื่อนๆ ว่าถ้าใครเอารูปนี้โพสขึ้นเฟซบุ๊ก ผมจะตามหามันให้เจอแล้วไปฆ่าถึงบ้านเลยทีเดียว ฟังดูแล้วโหดใช่ไหมล่ะ

     เท่านั้นยังไม่พอ ถึงวันวาเลนไทน์ทีไร ผมเป็นต้องได้ดอกไม้กับช็อกโกแลตจากผู้ชายทุกที ผมเข้าใจนะว่าการเรียนโรงเรียนชายล้วนมันต้องมีเรื่องกุ๊กกิ๊กระหว่างผู้ชายด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ควรที่จะเป็นผม ถึงแม้ผมจะบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่เป็นผล เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต คือมีรุ่นพี่มอหกถือช่อกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่มองดูสยดสยองมากกว่าสวยงามมาคุกเข่าบอกรักผมตอนกลางวันแสกๆ กลางโรงอาหารที่โรงเรียน นึกถึงเหตุการณ์นั้นทีไรขนหัวลุกทุกที          

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา