The Slaying Shadow

7.0

เขียนโดย AiPie

วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.19 น.

  7 บท
  0 วิจารณ์
  8,467 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ ๕ นักโทษที่รัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๕

นักโทษที่รัก

 

          กลับมายังหมู่บ้านเก่า ที่ซึ่งเกิดเหตุฆาตกรรมเมื่อไม่นานมานี้ บ้านหลังหนึ่งจากหลายร้อยหลังคาเรือน เป็นบ้านขนาดเล็กที่มีขนาดเท่ากับห้องหนึ่งห้องเท่านั้น ตัวบ้านทำจากไม้เนื้ออ่อนแลดูไม่แข็งแรงนัก ใต้ถุนมีพื้นที่แคบเนื่องจากตัวบ้านถูกยกไม่สูงจากพื้น ป้ายสังกะสีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเอียงกระเท่เร่อยู่หน้าประตูบานที่จะพังแหล่มิพังแหล่ อ่านได้ว่า ‘นักรบอยู่ที่จิตใจ หาใช่สายเลือดไม่’ หน้าต่างสองบานที่ปกติจะเปิดเพื่อรับลมเข้า ตอนนี้มันปิดสนิท เพราะคนในเรือนไม่ต้องการให้ใครได้ยินบทสนทาอย่างลับๆ

          “ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว” เสียงสั่นไหวเป็นของหญิงวัยเกือบสี่สิบ ซึ่งถือว่ายังสาวอยู่ สำหรับการเป็นแม่ของชายหนุ่มที่มีอายุยี่สิบห้า

          รานี หญิงที่ให้กำเนิดลูกชายและเลี้ยงดูเพียงลำพังนับตั้งแต่สามีเสียชีวิต หล่อนเป็นสาวหน้าหวาน ผู้มีดวงตาและรอยยิ้มของคนใจดี ไม่ต่างจากบุตรชาย ผมยาวปล่อยลู่ลงไปตามกาย ส่งผลให้หน้าที่ติดจะผอมดูตอบลงไปอีก ผู้เป็นแม่สัมผัสหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน

          “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”

          ราธีฝืนยิ้ม “โชคดีที่ท่านไม่ได้อยู่ด้วยในวันที่เกิดเหตุ ไม่อย่างนั้นอาจจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปอีกคน”

          “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้ทุกคนกำลังสงสัยเจ้าอยู่มิใช่หรือ” รานีมองลูกชายอย่างห่วงใย

          “เพราะข้าเป็นแค่คนนอก มิใช่คนในครอบครัว มิหนำซ้ำเหตุผลที่จะเข้าเรือนกับลูกสาวเขายังฟังดูเกินจริง จะสงสัยข้าก็ไม่แปลก” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบหวีด้ามยาวจากบนพื้นมา เขาจับร่างบางให้หันหลังให้ตน ก่อนจะหยอกล้อ “ท่านแอบดีใจที่ข้าไม่ได้เข้าเรือนใช่หรือเปล่าล่ะ ใครจะไปอยากเสียลูกชายดีๆ แบบนี้ให้กับหญิงอื่นกัน”

          รานีหัวเราะน้อยๆ ให้กับความพยายามในการคลายความตึงเครียด “ข้ารู้สึกเสียดายแทนสะไบต่างหาก ที่พลาดโอกาสอยู่กับชายแสนดีอย่างเจ้าไป”

          ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำลงเมื่อพูดถึงสาวที่เพิ่งจากไป ถึงจะไม่ได้รู้สึกพิศวาส แต่ก็มีความผูกพันอยู่ไม่น้อย และการจากไปโดยไม่ทันได้บอกลากันสักคำ ได้สร้างแผลลึกในใจเขาอย่างสาหัสสากรรจ์ ราธีสะบัดความเศร้าออกจากอก เขาใช้หวีด้ามยาว หวีไปตามเส้นผมสีดำที่เริ่มมีสีขาวของผมหงอกขึ้นแซม และในตอนนั้นเองที่ความกลัวเริ่มครอบงำจิตใจ

          ท่านแก่แล้ว จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้...

          รานีปล่อยให้ลูกชายปรนนิบัติต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าภายใต้ความเงียบนั้น แท้จริงชายหนุ่มกำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ แต่พยายามไม่ส่งเสียงร้องออกมาเพราะไม่ต้องการให้ผู้เป็นแม่ไม่สบายใจ ราธีปัดน้ำตาออกจากเบ้า พยายามถ่างตาไม่ให้มันไหลออกมาอีก แต่แล้วคำถามที่ไม่อยากได้ยินก็ถูกเอ่ยถามจากคนตรงหน้า

          “บุหลันเป็นอย่างไรบ้าง”

 

          ไม้บนกำแพงทั้งสามฝั่งผุพังแทบไม่เหลือชิ้นดี ลายไม้ลอกเป็นคราบออกมาเกือบหมดจนเหลือเพียงไส้ไม้สีซีด อีกฟากหนึ่งเป็นกรงเหล็กแข็งแรงหลายซี่ที่ยึดติดไว้กับเพดานและพื้นห้อง มีเพียงช่องแคบๆ มุมหนึ่งที่เหลือไว้สำหรับสอดสิ่งของ

          สภาพโดยรวมนับว่าแย่ถึงแย่มาก กลิ่นเหม็นเน่าของน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลทั้งหลายโชยมาให้ได้กลิ่นอยู่ตลอด ความมืดปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณเนื่องจากรูรับแสงเดียวที่มีคือรูเล็กๆ บนเพดาน และตะเกียงน้ำมันที่ตั้งไว้ด้านนอกตรงทางเดิน แสงสลัวของมันส่องให้พอเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนที่ถูกจับขังอยู่ต่างห้อง

          ทั้งชายหนวดเฟิ้มผู้มีแววตาดุดันที่อยู่ห้องขังตรงกันข้าม ถัดไปทางขวาเป็นหญิงท้องโตที่ต้องตั้งครรภ์บุตรระหว่างอยู่ในคุก เพราะดันไปมีส่วนรู้เห็นกับการค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย และทางซ้ายเป็นชายร่างอ้วนหน้าตาถมึงทึง เขามักจะเดินวนไปวนมาทั้งวันเสมือนว่าขบคิดอะไรอยู่ และไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร นี่อาจเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ลดน้ำหนัก

          แสงไฟจากตรงทางเดินสว่างขึ้นอีกดวงหนึ่ง เป็นสัญญาณถึงการมาเยี่ยมเยียนของใครบางคน เสียงเฮของหลายๆ คนทำให้รู้ว่าแขกคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพัสดีที่กำลังทยอยนำอาหารมาส่งให้กับบรรดานักโทษ

          “ถุยยย!” เสียงถุยอาหารดังขึ้น ตามมาด้วยการสบถด่าของชายคนหนึ่ง “อาหารสวะอะไร นี่ทำให้คนหรือควายกินกันแน่วะ!”

          “คิดว่านักโทษอย่างพวกเรามีทางเลือกมากนักหรือ สงบปากสงบคำแล้วกินต่อไปเสีย” คำสยบดังมาจากชายหนวดเฟิ้มผู้ดูกร้านโลก “หรือถ้าไม่อยากกินจะใส่เพิ่มมาในถาดข้าก็ได้ ไม่ว่ากัน”

          “เสียใจด้วยนะ แต่พวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์กินอาหารในปริมาณที่เท่ากัน” พัสดีพูดอย่างสุภาพ เขาหันไปต่อกรกับเจ้าตัวปัญหา “ส่วนเจ้าน่ะ ถึงข้าวในคุกมันจะไม่โอชาเหมือนที่เจ้าเคยกิน แต่เจ้าควรจะขอบคุณอาหารมื้อนี้ที่ช่วยประทังชีวิตเจ้าไว้ นี่เป็นข้าวมื้อเที่ยงของข้า พัสดีอย่างเราก็ไม่ได้กินดีไปกว่าพวกเจ้าหรอก” เขาจำใจหยิบใบตองที่ห่อข้าวไว้ออกมาจากสาเหรกอีกกระทงหนึ่งแล้วจึงสอดเข้าไปตรงช่องแคบ “ตามกฎแล้วข้าไม่ควรให้ข้าวใครถึงสองที่หรอกนะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เจ้าปากระทงเก่าทิ้งไปแล้วนี่ เอ้า กินซะ”

          คำพูดกินใจเหมือนจะสะกิดให้ชายผู้สร้างปัญหาสำนึกขึ้นบ้าง ถึงจะยังดูมีน้ำโหอยู่ แต่เจ้าตัวก็ยอมรับใบตองไปนั่งทานเงียบๆ อย่างไม่คิดจะร้องขออะไรอีก

          หลังแจกจ่ายอาหารมื้อกลางวันให้กับนักโทษจนครบทุกคนแล้ว พัสดีผู้ใจดีก็เดินย้อนกลับมายังห้องขังห้องหนึ่ง เขาวางสาเหรกที่แบกมาด้วยไว้บนพื้น ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นเฝ้ามองบุคคลที่อยู่ภายในห้องอย่างเป็นห่วงใย สลับกับมองใบตองห่อข้าวที่วางอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

          “เอากลับไปเสียเถอะ” หญิงผมยาวกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่หิว”

          “ไม่หิวก็ต้องกินบ้างนะ บุหลัน” พัสดีหนุ่มดันใบตองเข้าไปใกล้นักโทษมากขึ้น “ดูตัวเจ้าซิ นับวันยิ่งจะซูบตอบลง”

          “ยังไงข้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่” บุหลันนั่งก้มหน้านิ่ง ดูเจ็บปวดกับทุกคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมา “ยิ่งอยู่ก็ยิ่งทรมาน ตายๆ ไปเสียยังจะดีกว่า”

          คำว่า ‘ตาย’ เชือดเฉือนลึกเข้าไปในใจของคนเปราะบาง เขาปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตาแล้วครั้งหนึ่ง และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

          หรืออย่างน้อย ต้องไม่ใช่กับบุหลัน...

          “ข้าหาเจอแล้ว” ราธีตัดสินใจเปิดประเด็น “คนที่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้”

          ใบหน้าโทรมคล้ำเงยขึ้นเป็นครั้งแรก หล่อนหันไปหาบุรุษผู้มาส่งข้าว แววตาดูมีความหวัง

          “เขาเป็นใคร”

          หนุ่มรูปงามถอนหายใจ เขารู้ดีว่าไม่ควรเล่าทุกเรื่องให้นางฟัง เพราะจะสร้างความกังวลใจให้เปล่าๆ

          “ข้าจะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมพูดความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเอง ทุกคนจะได้เลิกเข้าใจเจ้าผิด และเจ้าจะได้ออกไปจากที่นี่สักที” ราธีตอบเลี่ยงๆ พร้อมกับกำกรงเหล็กไว้อย่างหลวมๆ หวังเล็กๆ ว่ามันจะหายไปพักหนึ่งก็ยังดี จะได้สัมผัสตัวคนที่อยู่ข้างในได้

          “ทำไมเจ้าไม่ขอให้นักสืบคนนั้นช่วยล่ะ” อยู่ๆ บุหลันก็ถามขึ้น หล่อนเขยิบตัวมาใกล้กรงเหล็ก “นางน่าจะมีแผนดีๆ บ้าง จ้างนางก็ได้ ไม่สิ ไปบอกนางว่านางส่งคนผิดเข้าคุก มันเป็นหน้าที่นางมิใช่หรือ ที่จะแก้ไขให้มันถูกต้อง”

          ใช่ แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เพราะคนที่ฆ่าเหยื่อ คือนักสืบคนนั้นนั่นแหละ ราธีได้แต่พึมพำในใจ รู้สึกหัวเสียอยู่ไม่น้อยที่ความจริงออกมาเป็นแบบนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาพยายามตามหาตัวแม่สาวผมเปียนั่นอยู่นานสองนาน เพื่อขอให้มาสืบคดีนี้ใหม่ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ที่เขาบังเอิญไปเจอนักสืบสาวซึ่งทำการฆ่ามนุษย์อย่างไร้ความปราณี แถมยังดูไม่มีท่าทีจะสลดต่อสิ่งที่ได้กระทำผิดไป

          แล้วเขาจะคาดหวังให้ฆาตกรในคราบนักสืบมาช่วยทำคดีได้อย่างไร ในเมื่อนางจงใจส่งแพะรับบาปเข้าคุกมาเอง

          “ไม่ต้องห่วงนะ” ราธียืนกรานอย่างหนักแน่น มองหญิงอันเป็นที่รักด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ยังไงข้าก็จะหาทางให้เจ้าออกไปจากที่นี่ให้ได้”

          มือเล็กค่อยๆ เอื้อมมาจับนิ้วที่กำกรงเหล็ก พัสดีหนุ่มตกใจไม่น้อยกับการกระทำดังกล่าว แต่ไม่ได้สะบัดหนี เขาปล่อยให้หญิงสาวได้ลูบไล้มันตามใจปรารถนา

          “ไปเถอะ” บุหลันรีบปล่อยมือออกจากคนรักเมื่อเริ่มสังเกตว่านักโทษฝั่งตรงข้ามพากันมองมาด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้

          “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเจ้าจะกินข้าวนี่หมด” พัสดีพยักเพยิดไปที่ใบตอง พร้อมกับทำตาดุ

          “ไปซะ” นักโทษไล่อย่างตัดพ้อ “ไปเริ่มต้นใหม่กับใครก็ได้ ที่ไม่ใช่คนมีความผิดติดตัวอย่างข้า”

          “บุหลัน” พัสดีเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม “เจ้าไม่มีความผิดอะไรติดตัวทั้งนั้น แล้วข้าก็จะไม่ไปไหนด้วย”

          “ถึงแม้ว่าข้าจะต้องอยู่ในนี้ไปจนตายอย่างนั้นหรือ” บุหลันถามอย่างลองเชิง

          ราธียิ้มอ่อนให้แม่ยอดดวงใจ “หากเจ้าต้องอยู่ในนี้ไปจนตาย ข้าก็ยังมาหาเจ้าได้บ่อยเท่าที่ข้าต้องการ ตราบเท่าที่ข้ายังเป็นพัสดีอยู่ที่นี่”

          และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม ชายผู้อ่อนโยนอย่างราธีถึงเลือกทำงานที่ไม่เหมาะกับตน เพราะนอกเหนือจากเบี้ยที่ต้องหา เขายังต้องดูแลบุหลันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าหล่อนจะไม่ทำอะไรโง่ๆ ในคุก อย่างเช่นฆ่าตัวตาย และเขาจะไม่มีวันลืมชื่อที่ทำให้คนรักต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ชื่อของฆาตกรที่สังหารคนไปทั่ว และโยนผู้บริสุทธิ์ให้รับโทษแทนตัวเอง

          ร้อยเปีย!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา