บุปผาต้องมนตร์ (บุปผาร่ายรัก 2)

-

เขียนโดย ผิงดาว

วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 08.29 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,841 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 20.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บุปผาต้องมนตร์ ตอน 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

มู่หยางซัวแม้จะได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดาไร้เงา แต่การเป็นอยู่ก็เรียบง่ายตามประสาสองคนพ่อลูก ไม่มีบ่าวไพร่หรือคนรับใช้  มิใช่อะไรเพราะทั้งสองก็รักษาคนเจ็บป่วยไม่ได้คิดเงินทอง แล้วแต่ผู้มารักษาจะจ่ายให้ บางครั้งก็ได้เป็นเงิน บางคราวก็เป็นอาหาร และบางหนก็เป็นเสื้อผ้า หรือแม้แต่รับใช้ด้วยแรงงานก็มี  อย่างลูกชายบ้านใกล้ๆ ป้าของเขาหกล้มจนป่วยไข้ได้ท่านหมอมู่ดูแลรักษา เขาจึงขึ้นเขาหาฟืนมาแบ่งปัน หรือท่านลุงที่อยู่ท้ายหมู่บ้านไอเรื้อรังจนเจ็บทรวงอกก็ได้มู่ฟางเหนียงช่วยต้มยาให้  เมื่อหายดีก็มาช่วยซ่อมแซมหลังคาที่เป็นรูให้  ส่วนมู่ฟางเหนียงได้เสื้อผ้าสวยๆจากเหล่านางคณิกาก็เพราะหญิงเหล่านั้นส่งคนมารับนางไปช่วยตรวจดูอาการอ่อนเพลีย

                หมอมู่หยางซัวไม่ได้รับลูกศิษย์ลูกหาแม้จะมีคนมาคุกเข่าอ้อนวอน ไม่ใช่ว่าหวงความรู้ ทว่าท่านหมอคิดเสมอว่าตนเองยังอ่อนด้อยเรื่องการรักษา มิเชี่ยวชาญให้ผู้ใดมายกย่องเป็นอาจารย์  และไม่รั้งอยู่ที่ใดนานนัก การอยู่ที่นี่นานถึงสองปีก็นับว่ายาวนาวกว่าที่คิดไว้ หมอมู่มองดูลูกสาวที่เติบโตเป็นหญิงสาวงดงามขึ้นทุกวี่วัน นางขึ้นบันได้เอาถาดสมุนไพรตากลมอยู่นั้น  พลางคิดในใจว่าจนปานนี้แล้ว เขายังมิมีทรัพย์สมบัติใดให้ลูกสาวเลยสักชิ้น หากถึงวันที่ต้องแต่งงานงานออกเรือนไปก็เกรงว่าจะไม่มีแม้กระทั้งสินเดิมของเจ้าสาว คงได้รับความดูแคลนจากผู้อื่นเป็นแน่

                “ท่านพ่อ”

                “ฮือ?”

                มู่ฟางเหนียงค่อยๆ ลงจากบันไดแล้วยืนเท้าเอวจ้องหน้าบิดาก่อนจะเปิดรอยยิ้มสดใสออกมา 

                “เห็นท่านพ่อจ้องลูกตั้งนานแล้ว ท่านจะพูดอะไรก็พูดมาเถิด” หญิงสาวหัวเราะออกมา นางมักยิ้มและหัวเราะง่ายเช่นนี้ ผิดกับบิดาที่มักมีสีหน้าเรียบนิ่งและดูสงบเยือกเย็นอ

                “เจ้านี่นะ พ่อยังไม่ทันพูดก็มารู้ความคิดพ่อเสียแล้ว”  บิดาถอนหายใจเบาๆและคลี่ยิ้มที่มุมปาก

                “ลูกไม่รู้ว่าท่านพ่อคิดอะไร” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “รู้แค่ว่าท่านมีเรื่องอยู่ในใจแต่ปากหนักมิกล้าเอ่ย”

                “หน้าตาพ่อดูออกขนาดนั้นเลยรึ” ผู้เป็นพ่อหัวเราะขึ้นมา

                “ถ้าเป็นคนป่วยก็เห็นอาการชัดเลยล่ะเจ้าค่ะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส การที่ในโรงหมอไม่มีผู้อื่นทำให้นางไม่ต้องคอยระวังรักษากิริยาตัวเองให้เรียบร้อยนัก

                “ว่าแต่ท่านพ่อมีเรื่องอันใดเจ้าคะ อย่าให้ลูกเดาอยู่เลย”

                มู่หยางซัวถอนหายใจแล้วยกมือดึงเอาเศษใบไม้บนศีรษะของลูกสาวออกอย่างเบามือ “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วเหนียงเอ๋อร์”

                “ท่านพ่อแก่ขนาดหลงลืมอายุลูกสาวคนเดียวได้อย่างไรกัน” นางเบ้ปากน้อยๆ

                “ใช่ๆ พ่อย่อมแก่ลงทุกวันถึงได้เป็นห่วงว่าจนเวลานี้พ่อคนนี้ยังไม่มีทรัพย์สินอันใดให้ลูกสาวคนเดียวอย่างเจ้าเลย หากวันหน้าเจ้าแต่งงานออกเรือนไปจะได้มีสินส่วนตัวบ้าง”

                “สมบัติที่ท่านพ่อให้ลูกมานั้นล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดแล้วเจ้าคะ” นางยิ้มแววตาเป็นประกายดุจมีดวงดาวพราวระยับในแววตาของนาง  “ความรู้ที่ท่านพ่อให้นั้น สามารถทำให้ลูกเลี้ยงตัวเองได้ทั้งชีวิต”

                ผู้เป็นพ่อได้ยินก็ยิ้มปลื้ม แต่กระนั้นก็ยังไม่วางใจนัก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อ พ่อที่ไหนที่ไม่มีแม้กระทั้งบ้านสักหลังให้ลูกอยู่ ไม่มีแม้กระทั้งเครื่องประดับให้ลูกสักชิ้น

                “ท่านพ่ออย่าคิดมากซิ  ทุกวันที่ลูกคัดลอกตำรายาให้ท่านก็ได้ทบทวนความรู้ ทุกครั้งที่ได้ติดตามท่านออกตรวจรักษาก็เสมือนได้ฝึกฝนตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครให้ลูกได้เท่าท่านพ่ออีกแล้ว แล้วเช่นนี้จะเรียกว่าท่านพ่อมิได้ให้อะไรแก่ลูกได้อย่างไรกัน”

                “แต่เจ้าเป็นหญิงอย่างไรในวันข้างหน้าเจ้าก็ต้องแต่งงาน”

                “เหตุใดท่านพ่อคิดจะผลักไสลูกเล่า ท่านพ่อไม่อยากให้ลูกอยู่ด้วยแล้วใช่หรือไม่” หญิงสาวทำกระเง้ากระงอด “ลูกไม่คิดว่าท่านพ่อจะมีความคิดเช่นนี้” นางถลึงตาใส่ “ลูกของท่านคนนี้เป็นหญิงที่ตั้งปณิธานแล้วว่าจะเป็นหมอหญิงที่ผู้อื่นดูแคลน และลูกก็ไม่มีความคิดจะแต่งงานออกเรือนลูกจะอยู่ดูแลปรนนิบัติท่านพ่อไปชั่วชีวิต”

                “ตอนนี้เจ้าก็พูดได้ สักวันเจ้ามีคนรักแล้วก็จะลืมพ่อคนนี้”

                “งั้นท่านก็แต่งงานใหม่ก่อนซิ แล้วลูกจึงจะวางใจยอมแต่งงานบ้าง” นางหัวเราะออกมา

                “พ่ออายุมากแล้วซ้ำยังเป็นหมอจนๆ ใครจะมาสนใจ”

                “โธ่ๆ ท่านพ่อ ท่านพ่อของลูกทั้งหนุ่มและหล่อเหลา มีหญิงสาวนับไม่ถ้วนหมายปองท่านไม่รังเกียจที่ท่านมีลูกติดและยากจน”

                “เอาล่ะๆ เลิกพูดเรื่องของพ่อเถิด” บิดาส่ายหน้าไปมาจนใจเพราะไม่เคยเถียงลูกสาวชนะได้สักครั้งครา

                “ถ้าเช่นนั้นลูกถามอาการพี่หลิ่งหลินได้หรือไม่เจ้าคะ”   นางถามจริงจัง หลังจากวันนั้นแล้วบิดาก็ถูกเชิญไปดูอาการอีกสองครั้ง ยังไม่เห็นวี่แววว่าเคอหลิ่งหลินจะตื่นฟื้น “พี่สาวหลับไปครึ่งเดือนแล้วนะท่านพ่อ”

                “ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากเป็นผู้อื่นคงได้ไปนั่งเจรากับยมฑูตในโปรโลกแล้ว”

                “ลูกเป็นห่วงนาง”

น้ำเสียงอ่อนลงและพูดด้วยความจริงใจ นางรอนแรมติดตามบิดาตั้งแต่จำความได้ เคอหลิ่งหลินเป็นผู้หญิงนิสัยประหลาดแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ หลังจากที่นางหลงป่าเกือบตายในคราวนั้น เคอหลิ่งหลินก็แวะเวียนมาหานางเสมอๆ พานางออกไปนอกบ้าน เป็นเพื่อนขึ้นเขาหาสมุนไพรพอคิดถึงตอนนี้นางก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ นางไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นใคร นางก็เข้าใจไปเอง ต่อไปนี้นางคงต้องจ้างใครสักคนนำทางขึ้นเขาหาสมุนไพรแล้ว

                “นางเป็นคนดีไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”  

                “ท่านพ่อก็ยอมรับว่านางเป็นคนดีแล้วซินะ” มู่ฟางเหนียงแสร้งทำเป็นหรี่ตามองบิดา ก่อนหน้านี้ท่านพ่อไม่ค่อยชอบใจกับนิสัยของเคอหลิ่งหลินนัก เพราะชอบพานางออกไปนอกบ้านโดยไม่บอกกล่าวอยู่เรื่อย แถมยังเรื่องกิริยามารยาทอีก แต่ก็เป็นคนเดียวที่บิดาไว้ใจ

                “เอาอย่างนี้ ครั้งหน้าถ้าคนที่จวนส่งรถม้ามารับ เจ้าก็ไปกับพ่อด้วยก็แล้วกัน”

                “เจ้าค่ะ” นางยิ้มออกมาได้ แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด “แต่ลูกก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมพี่หลิ่งหลินถึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้ แล้วทำไมผู้หญิงที่มาจากเมืองหลวงคนนั้นมีไข่มุกหมื่นราตรีมารักษาคุณชายเฉินได้”

                “เจ้ายุ่งเรื่องผู้อื่นเกินไปแล้ว” บิดาปราม

                “คนอื่นที่ไหนล่ะ”  นางย่นจมูก

                “เอาล่ะๆ พ่อแตะต้องนางไม่ได้เลยใช่ไหม นี่นะเรอะที่บอกจะอยู่กับพ่อไปชั่วชีวิต”

                “มันเหมือนกันที่ไหนล่ะท่านพ่อ” นางหัวเราะออกมา  “ลูกตากสมุนไพรเสร็จแล้วจะไปคัดตำรายาให้ท่านพ่อ ท่านอยากตรวจที่ลูกทำไว้ก่อนแล้วหรือไม่”

                “ตำรายาคัดลอกเมื่อใดก็ได้ แต่เจ้ามาเดินหมากกับพ่อสักตาจะเป็นไร”

                “ลูกเดินหมากกับท่านก็แพ้ท่านพ่อทุกที ท่านพ่อต่อเพลงขลุ่ยให้ข้าดีกว่า หรือไม่ก็เป็นหุ่นให้ลูกฝึกฝั่งเข็มดีกว่า อ้อ! เมื่อเช้าลูกลองทำขนมจินเด (ขนมงาทอด) ท่านพ่อลองชิมดูหรือยังเจ้าคะ”

                “งั้นพ่อขอเลือกขลุ่ยดีกว่า” ท่านหมอยิ้มเอ็นดูลูกสาว

                “ลูกไปเอาขลุยก่อนนะเจ้าคะ” หญิงสาวหมุนตัวจะไปหยิบขลุยของตนเอง แต่ก็มีคนเข้ามาในโรงหมอ นางแย้มยิ้มต้อนรับ

                “แม่นางน้อยไม่ทราบว่าท่านหมอมู่อยู่หรือไม่”

                “ท่านพ่ออยู่เจ้าคะ ไม่ทราบว่าธุระอันใด ข้าจะไปเรียนท่านพ่อให้ทราบ”

                “ลูกชายข้าตกจากหลังม้า ข้าจะพาเขามาหาท่านแต่พอขยับหรือจับตัวเขาก็ร้องโอดครวญเจ็บปวดสาหัส ข้าจึงต้องบากหน้ามาเชิญท่านด้วยตัวเอง”

                “โปรดรอสักครู่” นางผงกศีรษะอย่างเข้าใจ หมุนตัวจะเดินไปตามบิดาแต่ท่านพ่อก็เดินมาก่อนแล้ว

                “ทำถูกแล้ว คนตกจากม้าไม่ควรขยับตัวมากนัก มิเช่นนั้นกระดูกอาจเคลื่อนได้” 

                “ท่านหมอจะไปดูอาการลูกชายข้าใช่ไหม?”

                “ฮืม”   หมอมู่พยักหน้ารับแล้วหันไปทางลูกสาว นางเดินผลุบหายไปหยิบล่วมยาส่งให้บิดา “เจ้าอยู่บ้านดีๆล่ะ”

                “เจ้าคะ” 

นางรับคำแล้วมองบิดาออกไปกับคนกลุ่มนั้น ใบหน้าหวานระบายยิ้ม ท่านพ่อนี่ก็พูดเหมือนนางจะออกไปที่ไหนได้  หญิงสาวเดินวนกลับเข้ามาในครัว หลังจากไปรักษาเคอหลิ่งหลินที่จวนแม่ทัพจ้าว นอกจากจะได้ค่ารักษามาแล้ว ฮูหยินอี้ซิ่วยังจิตใจดีแบ่งปันแป้งข้าวโพดและแป้งสาลีมาให้นางไว้ทำอาหาร  คงเพราะได้ยินมาว่าสองพ่อลูกรักษาผู้คนไม่รับเงินแต่ก็ไม่มีรายได้ จึงแบ่งปันของกินของใช้มาให้ นางไม่แปลกใจเลยที่เคอหลิ่งหลินเป็นคนจิตใจงามเพราะดูจากฮูหยินและท่านแม่ทัพแล้วก็ล้วนเป็นผู้มีเมตตา

มีแต่บุรุษผู้นั้น นางได้เจอเขาเพียงครั้งเดียววันแรกที่ได้เข้าจวนแม่ทัพจ้าวแล้วก็ไม่ได้พบเขาอีก ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแบบที่สังหารสตรีได้เพียงยิ้มเดียว ทว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่นางอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่รบกวนนางก็คือสายตาของเขาจ้องมองเคอหลิ่งหลินที่บาดเจ็บสาหัส แววตามีความห่วงหาอาทรปนปวดร้าวแจ่มชัด นางไม่กล้าเอ่ยปากถามว่าเขาเป็นใคร ดูจากที่เขารำเพลงกระบี่ระบายโทสะนั้นแล้วคงเป็นทหารคนหนึ่งแต่นางก็ไม่กล้าเดายศตำแหน่งของเขา ขนาดเคอหลิ่งหลินที่นางรู้จักมาสองปี มาวันนี้เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นถึงบุตรสาวบุญธรรมของแม่ทัพจ้าวซื่อก่วงผู้เกรียงไกร.

..........................................
 
เปิดจองแล้วสำหรับท่านที่ต้องการอ่าน บุปผาร่ายรัก
ในรูปแบบหนังสือเล่ม เชิญสั่งจองสั่งซื้อได้ที่ noparut_h@hotmail.com
หรือที่กล่องข้อความ
ในราคาพิเศษ 389 บาท หนังสือหนา 505 หน้า
 
 
 
 
ชื่อหนังสือ บุปผาต้องมนตร์ (ภาคต่อของเรื่อง บุปผาร่ายรัก)
 
ผู้เขียน เพลงมีนา


ราคาปก : 499.00 บาท

 

 

 

 

จากบุปผาร่ายรัก สู่เรื่องราวของรองแม่ทัพหนุ่มกับหมอหญิง : บุปผาต้องมนตร์
นิยายจีนย้อยยุคขายดีในเวลาเพียงแค่ 5 วันถูกโหลดอ่านไปแล้วกว่า 150 โหลด
พิเศษโหลดอ่านวันนี้จากราคาปก 499 บาทเหลือเพียง 199 บาท
(หนังสือหนา 700 กว่าหน้า)

 

เชิญติดตามนิยายของ "เพลงมีนา" ในราคาพิเศษได้ตามรายชื่อด้านล่างนี้

บุปผาร่ายรัก (นิยายจีนย้อนยุค 18+)
บุปผาต้องมนตร์ (ภาคต่อบุปผาร่ายรัก)
เรือนกระดังงา 20+
SET ซีรีย์ชุดมาเฟียที่รัก 18+
SET ซีรีย์ชุดบัลลังก์ไอยคุปต์ 18+
บ่วงรักเทพบุตรมาเฟีย (ซีรีย์ชุดมาเฟียที่รัก 18+)
เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (ซีรีย์ชุดมาเฟียที่รัก 18+)
กับดักรักสุภาพบุรุษมาเฟีย (ซีรีย์ชุดมาเฟียที่รัก 18+)
ปรารถนาแห่งฟาโรห์ (ซีรีย์บัลลังก์ไอยคุปต์ 18+)
ไฟรักบัลลังก์ฟาโรห์ (ซีรีย์บัลลังก์ไอยคุปต์ 18+)
ทาสรักลำน้ำไนล์ (ซีรีย์บัลลังก์ไอยคุปต์ 18+)
ลิขิตรักในเพลิงทราย (ซีรีย์เล่ห์รักในรอยทราย 18+)
เล่ห์รักจรัสทราย (ซีรีย์เล่ห์รักในรอยทราย 18+)
เม็ดทรายใต้เรียวรุ้ง (ซีรีย์เล่ห์รักในรอยทราย 18+)
มนต์ทรายเสน่หา (ซีรีย์เล่ห์รักในรอยทราย 18+)
เล่าเรื่องลับฉบับรักร้อน 18+
แผนลวงบ่วงเสน่หา 18+
ทรายพราวแสง 18+
หนี้รัก จอมพยศ 18+
เพลิงแค้นบัญชารัก 18+
สาปรักรัตติกาล 18+
กลลวงรักเจ้าชายเถื่อน 18+

หรือจะเลือกอ่านแบบเป็นตอนๆ ได้ที่นี่

 

ให้กำลังใจนักเขียนโปรดโหลดอ่านผลงานเล่มอื่นๆ ในรูปแบบ E-Books ได้นะครับ และขอเชิญติดตามผลงานของ เราได้ที่แฟนเพจสำนักพิมพ์ "ธารจันทร์สำนักพิมพ์" หรือ "ผิงดาวสำนักพิมพ์" หรือแฟนเพจของ "เพลงมีนา" ขอบคุณครับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา