พ่ายรักพรางหัวใจ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) สะเทือนใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ฮือ ฮือ คุณจะเอาพ่อหนูไปไหน อย่าเอาพ่อหนูไปนะ พ่อจ๋า พ่ออย่าทิ้งหนูกับแม่ไป พ่อจ๋า ฮือ ฮือ”
เด็กหญิงตัวน้อยถักผมเปียยาวสองข้างวัยประมาณหกขวบวิ่งตามเตียงนอนผู้ป่วยที่ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็วจนขาสั้นๆนั้นวิ่งตามแทบไม่ทัน ใบหน้ากลมแป้นมีน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย ปากน้อยๆสีแดงสดตะโกนเรียกหาบิดาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ไม่หยุด
ก่อนหน้านี้คนป่วยมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกจนทีมแพทย์ต้องรีบพาตัวเข้าไปตรวจรักษาเป็นการด่วน อาการหอบหายใจติดขัดและเหตุการณ์ที่มีคนหลายคนวิ่งวุ่นอยู่กับร่างของผู้เป็นบิดาก็ทำให้หนูน้อยตกใจขวัญเสีย ขาสั้นป้อมจึงพยายามวิ่งตามไปให้ทันเพื่อดูว่าพ่อของเธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า แต่ประตูกระจกใสที่มีผ้าสีขาวบังไว้กลับถูกพยาบาลปิดล็อกจากด้านในจนร่างกลมๆของแม่หนูน้อยไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นจึงทิ้งตัวนั่งกับพื้นหน้าห้องฉุกเฉินหายใจเหนื่อยหอบที่ต้องออกแรงวิ่งมาไกลพลางร้องไห้โฮน้ำตาท่วมหน้า มือน้อยๆทั้งสองข้างเคาะประตูซ้ำๆเรียกผู้เป็นพ่อให้กลับมา ซึ่งภาพๆนั้นบีบหัวใจจนคนที่มองเห็นต่างรู้สึกเวทนาไปตามๆกัน
ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าพ่อวงการธุรกิจอสังหาฯอย่างดาเนียลที่วันนี้ชายหนุ่มแวะมาเยี่ยมลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ตึกถล่มพร้อมมอบกระเช้าของบำรุงและเงินเยียวยาให้พนักงานเหล่านั้นด้วยตัวเอง พนักงานที่อยู่ในวันเกิดเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้รับอันตรายอะไรมากนักนอกจากฟกช้ำดำเขียวทั่วไป แต่ก็มีอยู่สามสี่รายรวมทั้งโทนี่ที่ได้รับการกระแทกจากของแข็งจำพวกเศษปูนอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง ดาเนียลจึงสั่งให้รักษาพร้อมทั้งตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดว่าผลจากการโดนกระแทกนั้นทำให้อวัยวะภายในได้รับอันตรายหรือเปล่า ซึ่งในรายของผู้ป่วยที่เพิ่งถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินก็เช่นกัน พนักงานก่อสร้างคนนั้นอาการโดยรวมภายนอกดูปกติดี แต่อยู่ๆกลับมีอาการหายใจไม่ออกกะทันหันหลังจากดาเนียลเข้าไปเยี่ยมเพียงไม่กี่นาที ชายหนุ่มจึงสั่งให้แพทย์รีบทำการรักษาเป็นการด่วน พร้อมทั้งกำชับให้รักษาให้เต็มที่ไม่ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงขนาดไหน
“แม่จ๋า เค้าเอาพ่อไปไหน พ่อเป็นอะไรไปจ๊ะ พ่อจะตายหรือเปล่า”
หนูน้อยวิ่งร้องไห้เข้ามาหามาสตรีสาวใบหน้าอมทุกข์วัยไม่เกินสามสิบปีที่ทรุดตัวลงนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าแล้วโผเข้ากอดแน่นอย่างคนขวัญเสีย เด็กหญิงตัวน้อยซุกอกมารดาไว้แน่นแต่เสียงร้องสะอึกสะอื้นนั้นยังไม่คลายลง มีแต่เพิ่มขึ้นๆเมื่อผู้เป็นมารดานั้นยังไม่ตอบรับให้คลายกังวลว่าพ่อของตัวเธอจะมีชีวิตรอด
“แม่ก็ไม่รู้จ้ะลูก ฮึก!”
คำถามไร้เดียงสาของลูกน้อยทำให้คนเป็นแม่เจ็บร้าวในอกพยายามเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ลูกเสียขวัญมากไปกว่าที่เป็นอยู่ แต่สุดท้ายคนเป็นแม่ก็อดทนกลั้นก้อนสะอื้นไว้ไม่ไหวเหมือนกันเมื่อเห็นว่ามีพยาบาลอีกสองคนกุลีกุจอเข้าไปในห้องฉุกเฉินที่สามีของตัวเองเพิ่งถูกเข็นเข้าไป นั่นแสดงว่าคนไข้ข้างในต้องมีอาการหนักมากจนน่าเป็นห่วงใช่หรือไม่
“แม่จ๋า ถ้าพ่อตายแล้วเราจะอยู่กันยังไงจ๊ะหนูไม่อยากให้พ่อตายเลย หนูคิดถึงพ่อ ถ้าพ่อตายแล้วใครจะให้หนูขี่คอ”
คำถามพาซื่อของเด็กน้อยทำเอาคนเป็นแม่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นอย่างคนหมดแรง นั่นเพราะคนเป็นแม่ก็คิดไม่ตกกับเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะตัวเธอนั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักรบกวนตั้งแต่เกิดจนทำให้ทำงานหนักๆไม่ค่อยไหว สามีจึงให้เธออยู่บ้านคอยดูแลบ้านและรับส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาล แต่หาก…สามีเธอเสียชีวิต เธอกับลูกจะทำอย่างไรต่อไป เธอจะเป็นเสาหลักให้ลูกสาวตัวน้อยคนนี้ได้หรือไม่ เมื่อคิดไม่ตกสองแม่ลูกจึงได้แต่นั่งกอดกันร้องไห้อยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
และภาพที่หนูน้อยนั่งร้องไห้น้ำตาท่วมกอดมารดาก็ทำให้ภาพวันวานเก่าๆที่ไม่น่าจดจำของดาเนียลย้อนกลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง เพราะเด็กน้อยคนนี้นั่งร้องไห้แทบเป็นสายเลือดอยู่กับพื้นไม่ต่างจากวันที่เขากับดาร์เลเน่รับรู้ข่าวร้ายว่าผู้นำตระกูลกริมเมอร์พร้อมภรรยาคนสวยนั้นประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต วันนั้นนอกจากเขาจะเสียใจที่บิดามารมาจากไปอย่างกะทันหันแล้ว เขายังสะเทือนใจกับภาพน้องสาวที่เป็นดั่งยอดดวงใจร้องไห้ฟูมฟายเสียใจเหมือนคนเสียสติโดยที่เขาไม่สามารถช่วยให้ดาร์เลเน่คลายความโศกเศร้าจากการสูญเสียได้เลย ดาร์เลเน่เอาแต่กรีดร้องจนเหนื่อยอ่อนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเขา จนเขาได้แต่โทษตัวเองจนถึงวันนี้ว่าเขาเป็นพี่ชายที่แย่มากที่สุด
“อดัม ฝากดูแลที่นี่แทนฉันด้วย ถ้ามีอะไรต้องตัดสินใจ นายจัดการแทนฉันได้เลย จำไว้ว่าต้องดูแลทุกคนให้ดีที่สุด แอสตัน เตรียมรถ ฉันอยากกลับบ้าน ส่วนนายอยู่ที่นี่ต่อได้ไม่ต้องตามฉันกลับ วันนี้ฉันคง…ทำงานต่อไม่ได้แล้ว”
เสียงทุ้มที่เคยหนักแน่นสั่นน้อยๆ ก่อนสั่งงานลูกน้องแล้วหันกลับไปมองภาพหนูน้อยหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งจนเกิดอาการยอกแสลงในอก ใจจริงเขาอยากอยู่ช่วยทำอย่างไรก็ได้ให้พ่อของเด็กคนนี้ปลอดภัย แต่เขาไม่ใช่หมอ ไม่มีมนต์คาถาวิเศษ สิ่งที่เขาพอจะทำได้คือสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลที่ต่อให้มันแพงลิบลิ่วแค่ไหนเขาก็จะยอมจ่ายถ้ามันจะช่วยรักษาชีวิตของคนไข้ที่อยู่ข้างในให้ปลอดภัย
‘ขอโทษนะหนู ฉันขอโทษที่ช่วยพ่อหนูมากกว่านี้ไม่ได้’
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“ทำอะไรอยู่”
เสียงทุ้มเนิบนาบที่เอ่ยถามอยู่บนศีรษะทำให้เอริสาที่กำลังนอนหงายราบอยู่บนเสื่อโยคะสีเหลืองที่พื้นในห้องออกกำลังกายแล้วเกร็งลำตัวบริเวณช่วงท้องยกเรียวขาทั้งสองข้างลอยค้างอยู่ในอากาศนั้นเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงอย่างไม่แน่ใจ ก่อนหันไปมองนาฬิกาข้างผนังห้อง เมื่อเห็นเข็มนาฬิกาอันสั้นชี้อยู่ที่เลขสอง คิ้วเรียวจึงขมวดแน่นอย่างแปลกใจมากไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้เป็นเวลาทำงาน และดาเนียลก็น่าจะกำลังนั่งอ่านเอกสารกองโตอยู่ในห้องทำงานของเขามากกว่าที่จะกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่คฤหาสน์กริมเมอร์แบบนี้มิใช่หรือ
“ว่าไง ทำไมเวลาฉันถามเธอถึงไม่ค่อยตอบหรือว่าเหม็นขี้หน้าเลยไม่อยากเสวนาด้วย”
ดาเนียลถามกลับอีกครั้งน้ำเสียงฉุนเฉียวพร้อมตัดพ้อคนที่เอาแต่แหงนหน้าขึ้นมองเขานิ่งไม่พูดไม่จา เพราะวันนี้เขากลับมาถึงบ้านเร็วกว่าทุกๆวัน แต่ดูท่าว่าการกลับมาเร็วของเขาจะไม่ทำให้คนที่นอนขมวดคิ้วเป็นโบว์นั่นเป็นปลื้มเลยสักนิด นี่คงกำลังบ่นอยู่ในใจสินะว่าเขาจะรีบกลับมาให้ขวางหูขวางตาทำไม น่าน้อยใจชะมัด!
“เปล่าค่ะ ดิฉันแค่แปลกใจนิดหน่อย”
เอริสาผ่อนร่างกายค่อยๆวางขาลงกับพื้น แล้วยันตัวขึ้นนั่งโดยมีสองมือใหญ่ของดาเนียลคอยช่วยจับประคองและบังคับให้เอริสาหันหน้าเข้าหาเขาที่ทำหน้าตึงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นห้อง
“แล้วเสียใจหรือเปล่า”
ส่วนดาเนียลก็ยังไม่ยอมจบเรื่องที่เขากลับมาเร็ว ชายหนุ่มยังคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ว่าอดีตบอดี้การ์ดนั้นรู้สึกอย่างไร ทั้งที่ปกติดาเนียลไม่ชอบเซ้าซี้พูดเรื่องเดิมๆซ้ำซาก
“คะ?” เสียใจ? ทำไมเธอต้องเสียใจล่ะ แล้วเสียใจเรื่องอะไร?
“เสียใจไหมที่ฉันกลับมาเร็ว”
“ไม่เลยค่ะ”
เมื่อหูได้ยินคำถาม ปากก็ตอบออกไปตามความรู้สึกไม่ชักช้าโอ้เอ้ให้คนถามนั้นเข้าใจผิดเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังอยากอธิบายให้ดาเนียลเข้าใจเหลือเกินว่านอกจากเธอจะไม่เสียใจแล้วเธอยังดีใจเอามากๆที่วันนี้จะได้มีโอกาสใกล้ชิดเขานานกว่าทุกวัน
แต่ที่เธอไม่ค่อยได้ตอบคำถามของเขาเวลาที่เขาถามนั้นเป็นเพราะเธอรู้สึกประหม่าระคนสะท้านเขินทุกครั้งยามที่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของชายที่เธอหลงรักลอยอยู่ใกล้ๆจนทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งเธอยังคุ้นเคยกับการต้องเก็บรักษาอาการยามอยู่ต่อหน้าเขาโดยห้ามแสดงออกให้ดาเนียลรู้ว่าเธอรู้สึกกับเขาเช่นไร ทำให้เธอเกิดความสับสนในตัวเองมากพอสมควร เนื่องจากตอนนี้เธออยู่ในช่วงพยายามทำใจกล้าเอาอกเอาใจเขาอย่างที่คุณป้าอาเธอร์แนะนำ แต่ความคุ้นชินที่ต้องเก็บรักษาความรู้สึกแล้วแสดงออกอย่างเฉยชามาเป็นเวลาหลายปีก็ทำให้บางครั้งเธอเผลอตัวปฏิบัติตัวเย็นชาเหมือนเมื่อก่อนจนทำให้ดาเนียลเข้าใจผิดบ่อยๆ
“ขอบใจ”
คำตอบจากปากของคนตัวบางทำให้หัวใจของคนขี้ใจน้อยนั้นกลับมาพองฟูคับอกอีกครั้งพลางถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก ไม่รู้หรอกว่ามันคือคำตอบจากใจหรือเป็นคำตอบที่แกล้งพูดออกมา แต่มันก็ทำให้เขาสบายใจมากขึ้น ใช่ว่าที่เขากล้าถามว่าเอริสาเสียใจหรือเปล่าที่เขากลับมาเร็วนั้นเขาจะมั่นใจในคำตอบ สารภาพเลยก็ได้ว่าจริงๆเขาลุ้นกับคำตอบของเจ้าหล่อนอยู่มากโขเหมือนกัน เกิดเอริสาตอบกลับมาว่าเสียใจ เขายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาจะเป็นเช่นไร แต่คำตอบของหญิงสาวนั้นนอกจากทำให้เขาสบายใจแล้ว มันยังทำให้คนที่สะเทือนใจกับภาพที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานนั้นผ่อนคลายและรู้สึกว่าคิดถูกที่พาตัวเองกลับมาที่บ้าน
“คุณชาย! ทำอะไรคะ”
เอริสาอุทานถามออกมาอย่างตระหนก ดวงตาคมหวานคู่นั้นเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงเมื่อชายหนุ่มที่ตั้งแง่กับเธอตอนแรกที่เข้ามานั้นอยู่ดีๆก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นที่ปราศจากสิ่งรองรับแล้ววางศีรษะทุยสวยไว้บนตักของเธอ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอห้ามปรามไม่ทัน จะดันศีรษะของดาเนียลออกห่างก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าศีรษะของเขาจะกระทบกับพื้นห้องจนเขาได้รับบาดเจ็บ
“เงียบๆได้ไหม เหนื่อย อยากพัก”
ดาเนียลบ่นออกมาด้วยถ้อยคำเหมือนคนรำคาญแต่เอริสากลับสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มนั้นกำลังรู้สึกเหนื่อยจริงๆ แม้ว่าดวงตาสีนิลคู่คมจะปิดสนิทแต่น้ำเสียงอ่อนล้าของชายหนุ่มกลับเป็นหลักฐานยืนยันได้ดี ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในรั้วตระกูลกริมเมอร์เมื่อสิบหกปีก่อน เธอจำได้ว่าไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้ยินดาเนียลนั้นพูดว่าเหนื่อยหรือไม่ไหว ยิ่งตอนที่ชายหนุ่มขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของกริมเมอร์ แอสเสท ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของตระกูลในวันที่บิดามารดาเสียชีวิตทั้งที่อายุเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ แต่ดาเนียลก็ไม่เคยปริปากบ่นถึงความยากและความเหนื่อยล้ากับภาระหนักอึ้งที่แบกอยู่บนบ่าให้ใครได้ยินเลยสักครั้ง แต่วันนี้เธอกลับได้ยินมัน แสดงว่าชายหนุ่มคงเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากจริงๆสินะ
“เหนื่อยมากเหรอคะ”
“ที่สุด”
ดวงตาปิดสนิทคล้ายคนนอนหลับแต่ริมฝีปากยังส่งเสียงโต้ตอบ ดาเนียลไม่ได้พูดเล่น ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน ล้าจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานต่อ ไม่ได้เหนื่อยล้าร่างกายจากการงานที่หนักหนา แต่ความเหนื่อยล้าของเขาเกิดขึ้นกับหัวใจ นอกจากความหนักอึ้งเรื่องน้องสาวที่ยังหาตัวไม่พบ วันนี้หัวใจของเขายังถูกกระทบด้วยภาพสะเทือนความรู้สึกยามเห็นหนูน้อยคนนั้นร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ หัวใจของเขาปวดแปลบสาหัสเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าภาวนา ได้แต่ภาวนาต่อพระเจ้าว่าขอให้ผู้ชายในห้องฉุกเฉินคนนั้นปลอดภัยและรอฟังข่าวจากลูกน้องที่ดูแลอยู่ที่นั่นใจจดจ่อ
อีกทั้งเขายังเหนื่อยใจยิ่งนักหากพนักงานก่อสร้างคนนั้นเป็นอะไรไป เพราะต่อให้เขามีเงินมากมายล้นฟ้าขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถหาพ่อที่แสนดีมาคืนให้หนูน้อยคนนั้นได้ ซึ่งความรู้สึกสูญเสียคนที่รักแบบไม่มีวันได้กลับคืนนั้นเขาเคยเจอมาก่อนจึงรู้ดีเชียวล่ะว่ามันเจ็บปวดมากเพียงใด ความรู้สึกตอนที่ได้รับแจ้งจากลูกน้องตอนนั้นว่าบุพการีเสียชีวิตแล้วมันยิ่งกว่าผืนฟ้าทั้งผืนมันพังทลายลงมาทับร่าง ตัวชาขาชาสมองตายไม่รับรู้เรื่องราวใดๆทั้งสิ้น ทั้งที่ตอนบิดามารดาเสียชีวิตเขามีอายุตั้งยี่สิบหกปีเขายังรับความปวดร้าวนั้นแทบไม่ไหว แล้วยายหนูตัวน้อยอายุเพียงห้าหกขวบคนนั้นล่ะจะทนแบกรับความเจ็บปวดแทบขาดใจเช่นนั้นได้หรือ
“ขอนอนแบบนี้ต่อนานๆได้ไหม”
ดาเนียลเอ่ยบอกเสียงนุ่มพลางขยับตัวและใบหน้าให้แนบชิดกับคนตัวบางยิ่งขึ้น และเป็นครั้งแรกที่ดาเนียลสนทนากับเอริสาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มออดอ้อน ทำเอาคนฟังเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ดวงตาคมหวานเป็นประกายสดใสเจิดจ้าอย่างมีความสุข แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้บอกว่าเขาไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไร แต่ขอแค่ดาเนียลอนุญาตให้เธออยู่ข้างกายในยามที่เขามีความทุกข์แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ได้สิคะ ถ้าคุณชายง่วงก็นอนหลับได้เลยค่ะ”
“เมื่อยไหม”
“ไม่เลยค่ะ” นอกจากไม่รู้สึกเมื่อยอย่างที่คนเหนื่อยล้ากลัว เธอยังรู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นเบาสบายราวกับวัตถุไร้น้ำหนักอีกต่างหาก สัมผัสสนิทสนมของดาเนียลทำให้ร่างกายของเธอมีความสุขมากกว่าจะเป็นทุกข์อย่างไม่น่าเชื่อ
“เต็มใจหรือเปล่า”
คนบอกว่าเหนื่อยยังเซ้าซี้ถามต่อไปไม่ยอมหยุด ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่อมยิ้มเอ็นดูกับการกระทำคำพูดราวเด็กชายตัวน้อยขี้อ้อนช่างน้อยใจที่กลัวมารดาจะไม่รัก และเธอก็รู้ดีว่าหากยามนี้เธอพูดหรือขัดใจอะไรเพียงน้อยนิด คนขี้อ้อนบนตักคงออกอาการหงุดหงิดเหมือนเด็กน้อยโดนขัดใจเป็นแน่ แต่เธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เพราะดาเนียลที่เป็นอยู่ในตอนนี้ช่างน่ารักในความรู้สึกของเธอเหลือเกิน
“เต็มใจสิคะ”
“ขอบใจ”
พูดแค่นั้นดาเนียลก็ขยับตะแคงตัวหันใบหน้าเข้าหาเอริสา แต่เป็นเพราะอดีตบอดี้การ์ดตั้งใจมาออกกำลังกาย หญิงสาวจึงสวมสปอร์ตบราแบบครึ่งตัวกับกางเกงเลกกิ้งสีดำขายาวแทนที่ชุดกระโปรงหลากสีที่ดาเนียลบังคับให้ใส่ทุกวันนั่น ใบหน้าหล่อคมคายจึงแนบชิดอยู่กับแผ่นท้องเรียบเนียนเปลือยเปล่าของหญิงสาว ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า แต่ริมฝีปากอุ่นของชายหนุ่มนั้นกดแช่อยู่แถวๆใต้สะดือจนเธอขนลุกไปทั่วร่าง สัมผัสแนบชิดนั้นทำให้เอริสาไม่กล้าหายใจเพราะเกรงว่าแผ่นท้องที่ขยับเข้าออกตามจังหวะการหายใจจะทำให้ดาเนียลนอนไม่หลับ
แต่สุดท้ายก็ฝืนธรรมชาติไว้ไม่ไหว หญิงสาวจึงหายใจรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายแต่ค่อยเป็นค่อยไป พยายามให้ทุกส่วนในร่างกายเคลื่อนไหวเบาที่สุด จะมีก็เพียงอย่างเดียวที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งก็คือ…หัวใจ เพราะมันกระหน่ำเต้นถี่รัวจนเจ้าของของมันยังกลัวว่าหากยังเต้นแรงอยู่อย่างนี้ อีกไม่นานผิวหนังที่ห่อหุ้มบริเวณอกด้านซ้ายคงฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี
ด้วยความห่วงใยที่มีให้ชายหนุ่มที่เธอรักนั้นมากมายเกินจะเอื้อนเอ่ยผสมผสานกับสัญชาตญาณการปกป้องที่มีอยู่เต็มเปี่ยมจึงส่งผลให้มือบางยกขึ้นแล้วค่อยๆวางลงบนศีรษะทุยสวยที่นอนหนุนตักเธออยู่ จากนั้นมือข้างเดิมจึงลูบศีรษะของดาเนียลแผ่วเบาราวกับต้องการปัดเป่าทุกสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มเป็นทุกข์นั้นหมดไป การกระทำที่เกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกส่วนลึกหญิงสาวจึงมิทันได้ห้ามปรามตัวเอง กระทั่งกำลังจะลูบมือกับศีรษะของดาเนียลเป็นครั้งที่สี่เอริสาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเธอได้กระทำการอันไม่สมควรกับผู้เป็นเจ้านาย หญิงสาวจึงรีบชักมือกลับ แต่นั่นกลับทำให้คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่สื่อออกถึงการดูแลห่วงใยนั้นไม่พอใจพร้อมทั้งไขว่คว้ามือขึ้นในอากาศเรียกร้องให้เอริสารู้ตัวว่าควรทำแบบเมื่อครู่ต่อไปเหมือนเดิม
“กำลังเพลิน อย่าหยุด”
“ค่ะคุณชาย”
แม้รู้ว่าการกระทำไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของตัวเองนั้นไม่ควรเกิดขึ้น แต่อย่างที่บอกว่าเวลานี้ดาเนียลกำลังเหนื่อยล้าต้องการคนเอาใจ เธอจึงไม่ควรดื้อดึงขัดความต้องการของเขา มือบางข้างเดิมจึงลูบศีรษะของเขาอีกครั้งอย่างทะนุถนอม ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็วางพาดอยู่บนลำตัวตึงแน่นพร้อมส่งผ่านความรักและความห่วงใยผ่านสัมผัสแผ่วเบาจากปลายมือ
“หลับตานะคะคุณชาย พอตื่นมาทุกอย่างจะดีขึ้น”
น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยกล่อมคนบนตักตามด้วยริมฝีปากบางที่กดจุมพิตลงบนหน้าผากสีทองแดงของดาเนียลแผ่วเบา ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้รับอย่างไม่คาดฝันนั้นทำให้สองแขนแข็งแรงของดาเนียลโอบกอดเอวเล็กแนบแน่นราวกับไม่ต้องการอยู่ห่างจากเจ้าของร่างบางนี้ตลอดไป
........................................................................................................................................................................
วันนี้คุณชายจอมดุฮีมาสายอ้อนอ่ะนะ อยากให้เมียรักเมียเอาใจ แม่ยกที่น่ารักทั้งหลายก็อย่าเพิ่งหมั่นไส้ฮีไปก่อนนะคะ รักคุณชายเยอะๆ รักฮีนานๆ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนเหวี่ยงใส่ไม่รู้ด้วย พระเอกคนนี้ยิ่งเอาใจยากๆ อารมณ์ขึ้นๆลงๆอยู่ด้วย
ปล.คุณชายฝากมาอ้อนแม่ยกอีกนิดว่าคึณชายมีรูปเล่มเป็นของตัวเองแล้ว ตอนนี้สนพ.ไลต์ ออฟ เลิฟ เปิดให้จองล่วงหน้าเพื่อรับส่วนลด 20 % พร้อมรับของที่ระลึกจากนักเขียนเป็นกระเป๋าใส่เหรียญน่ารักๆก่อนใคร หมดเขตวันพรุงนี้แล้วนะคะ หลังจากนี้จะเป็นราคาตามส่วนลดปกติของทางสนพ.ค่ะ อย่าลืมไปจองกันเยอะๆนะคะ พลีสสสสสสส
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ