ผู้การเร่รัก

-

เขียนโดย palai

วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 14.15 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,069 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560 14.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ว่าที่คู่หมั้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ถนนลาดยางเลียบเหยียดยาวขนานกับทะเล เรือนไม้และตึกโบราณริมทะเลเดินทางผ่านเดือนปีอย่างอดทน รักษารูปทรงของกาลก่อนผสานกับสีสันของวันใหม่อย่างกลมกลืน แรงงานประมงนั่งผ่อนคลายหลังผ่านพ้นคลื่นลมในทะเลมาหลายวันบนสะพานที่เหยียดยื่นความเก่าคร่ำลงบนผืนน้ำ

ตลาดเช้าสัตหีบพลุกพล่านด้วยผู้คนที่จับจ่ายใช้สอยอย่างคับคั่ง เสียงพูดคุยต่อรองราคาซื้อขายเคล้ากลิ่นทะเลในตลาด ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน  

ที่นี่ผมแทบไม่เคยเหยียบย่างมาเลย เพราะหน้าที่การจับจ่ายเสบียงนั้นเป็นของ จุมโพ่ หรือพ่อครัวประจำเรือ แต่ทว่าเช้านี้ผมกลับได้มาสัมผัส เนื่องจากติดตามพิ้งมาขายเสื้อผ้าตั้งแต่เช้ามืด

ผมยื่นชามเกาเหลาเลือดหมูและข้าวเปล่าให้สาวสวยแล้วบอกว่า “ทานต้มเลือดหมูเจ๊แดงเจ้าอร่อยก่อนนะครับ จะได้มีแรง พิ้งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง”

เธอยื่นมือมารับแล้วบอกว่า “หนูชินแล้วล่ะ แต่พี่สิ หนูบอกว่าไม่ต้องมาก็ไม่เชื่อ”

“อย่างน้อยมาเป็นกำลังใจหรือช่วยหยิบของก็ยังดี พี่อยากช่วยพิ้งจริงๆ นะครับ”

พิ้งยิ้มหวาน ตักหมูกรอบในชามแล้วป้อนผม บอกว่า  “น่ารักจัง หนูป้อนหมูกรอบชิ้นโตเลย อ้ำ...”

ผมอ้าปากรับหมูกรอบชิ้นนั้น พิ้งหัวเราะสดใสอย่างอารมณ์ดีช่วงเวลาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ผมลืมเลือนทุกสิ่ง ช่างต่างกับหญิงที่เคยผ่านมา หรือว่าผมชอบเธอ?

ทานได้แค่ครึ่งชาม ลูกค้าก็เข้ามาซื้อเสื้อผ้าจนแน่นร้าน ผมช่วยเธอหยิบเสื้อผ้าใส่ถุง ทอนเงินให้ลูกค้าจนเหนื่อย แต่ปกติทุกวันเธอทำคนเดียว ช่างเป็นเด็กสาวที่แกร่งเหลือเกิน

ลูกค้าสาวใหญ่รายหนึ่งร้องทักทายว่า “ว้ายน้องพิ้ง วันนี้แฟนมาช่วยด้วยเหรอ แม่ค้าสวย พ่อค้าก็หล่อ”

พิ้งยิ้มสดใสตามประสาแม่ค้าอารมณ์ดี อ้อนลูกค้าว่า “ชมเสร็จแล้วก็ช่วยซื้อด้วยนะคะเจ๊หลิน วันนี้มีเสื้อแบบที่เจ๊ชอบด้วย นี่ไงคะ แขนกุดลายลูกไม้”

“มาทักก็ต้องซื้อน่ะสิจ๊ะ” แล้วพูดกับผมว่า “น้องชายโชคดีนะที่เป็นแฟนกับพิ้ง มันขยันขันแข็ง ทุกคนในตลาดรักมันทั้งนั้นแหล่ะ”

ผมมองพิ้งแวบหนึ่งแล้วพูดกับเจ๊หลินว่า “ผมก็ชอบที่เธอขยันและเป็นเด็กดี”

เจ๊หลินแนะนำว่า “ช่วยกันทำมาหากิน สักวันเก็บเงินเก็บทองได้ก็ลองหาเช่าตึกแถวในตลาด จะได้ขายทั้งวัน ไม่ใช่ขายแค่ช่วงเช้าอย่างนี้ ลูกค้าประจำของพิ้งก็เยอะอยู่ ถ้าสนใจก็บอกนะ เจ๊มีว่างอยู่ห้องหนึ่ง คิดไม่แพงหรอก อยากสนับสนุนคนทำมาหากิน”

“ผมคิดว่าก็ดีนะ เป็นห่วงเธอเหมือนกัน กลับจากเล่นดนตรีดึกแล้วต้องตื่นแต่เช้ามืดอีก ผมกลัวแฟนผมโทรมน่ะ”

เมื่อเจ๊หลินซื้อเสื้อผ้าและออกจากร้านไป พิ้งเข้ามาหยิกแล้วดุว่า “ใครเป็นแฟนพี่คะ ขออนุญาตหนูรึยัง”

ผมยื่นหน้าไปจนชิดแก้มเปล่งปลั่ง บอกว่า “ยังจะต้องขออนุญาตเป็นแฟนอีกรึ ตัวเองบอกชอบพี่ตั้งแต่เมื่อคืน ใครกันแน่ที่ไม่ขออนุญาต”

พิ้งหน้าแดงก่ำ ทุบตีผมเป็นการใหญ่ “ว้าย..พี่คลื่นบ้า ถ้าใครได้ยินจะทำยังไง”

“ก็ดีสิ เค้าจะได้รู้ว่าพิ้งไม่ใช่สาวใสซื่ออย่างที่เห็น ฮ่าฮ่า”

ขายของไปด้วย หยอกล้อไปด้วย จนสักพักโทรศัพท์ผมมีสายเข้า

<สวัสดีครับแม่ คิดถึงจังเลย>

<แม่ก็คิดถึง กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วมิใช่รึ ทำไมยังไม่มาหาแม่อีก>

<ขอเที่ยวอีกสักสองวันครับ จากนั้นผมจะกลับไปกอดแม่ให้หายคิดถึงเลย>

<จ้า..แต่นอกจากแม่กับพ่อที่คิดถึงแล้ว หนูมุกก็คิดถึงลูกมากนะ เพียรแวะมาถามอยู่เรื่อย เมื่อวานก็มาทานข้าวเย็นกับแม่ รีบๆ ลงมาหาน้องบ้างนะลูก>

ผมสะดุ้งโหยง มุขลิน!! ลูกสาวของคุณนายเกวลิน สมุทธานุภาพ เลขานุการสมาคมแม่บ้านทหารเรือที่แม่ผมเป็นนายกสมาคม และเป็นลูกสาวของ พลเรือตรีวิชา ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว เจ้านายของผม

พ่อแม่ของมุขลินพยายามให้ลูกสาวเข้ามาดองกับผมปีกว่าแล้ว หลังจากทราบว่าผมเลิกรากับแฟนเก่า แน่นอนว่าแม่ผมเชียร์สุดฤทธิ์ ถึงแม้ว่าเธอจะสวย หน้าที่การงานเลิศ แต่สำหรับนาวาตรีภาดาคนนี้ ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ประจำตัว

<อ้าว..คลื่น ทำไมเงียบไปล่ะลูก รีบๆ กลับบ้านนะ เออ..อย่าขี่มอเตอร์ไซต์ให้มันเร็วนัก ท่านวิชาบอกว่าเราน่ะขี่รถเร็ว ท่านเห็นเวลาเลี้ยวรถเข้ากองเรือทียังกับพายุ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ แม่จะให้หนูมุกขับรถไปรับ จะได้ไม่ต้องซิ่งมอเตอร์ไซต์กลับกรุงเทพฯ>

<มะ..ไม่ต้องครับ ตอนนี้ผมอยู่โคราช แม่ยังไม่ต้องให้มุกมานะ เดี๋ยวจะเสียเที่ยว แค่นี้นะครับแม่>

วางสายแล้วผมถึงกับเครียด ถ้ากลับบ้านไม่พ้นแม่ต้องให้คอยเอาอกเอาใจและไปรับไปส่งมุขลินแน่นอน

พิ้งถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมพี่หน้าบึ้งจัง คุยกับใครหรือคะ”

“คุยกับแม่จ้า แม่บอกคิดถึง แต่พี่ขอเที่ยวอีกสองสามวัน”

พิ้งหน้าเศร้าแล้วรำพันว่า “อิจฉาจังที่มีแม่ให้คิดถึง ผิดกับหนู ที่ไม่...”

ผมรีบนำมือไปปิดปากเธอ “พูดเรื่องเศร้าอีกแล้ว” ผมนึกขึ้นได้ว่าถ้าท่านวิชาเห็นผมยังสถิตอยู่สัตหีบ ไม่พ้นต้องรายงานแม่ จากนั้นต้องรีบบอกให้มุขลินมารับแน่ๆ จึงถามพิ้งว่า “สองวันนี้ไม่ไปร้องเพลงได้มั้ย พี่จ้างให้หยุดเลย”

“ฮิฮิ ได้ค่ะ แต่ไม่ต้องจ้างหรอก แล้วจะให้หนูทำอะไร”

“ไปเที่ยวโคราชกับพี่!!!”...

 

ละอองน้ำใสเย็นฟุ้งกระจายไปทั่ว บางครั้งเมื่อกระทบแดดที่ส่องลงมาทำให้เกิดสายรุ้งสวยงามยิ่ง ตามหน้าผาและคบไม้มีกล้วยไม้นานาชนิดบานสะพรั่ง สมกับชื่อน้ำตกผากล้วยไม้

ผมกับพิ้งกำลังนั่งหลังพิงหลังโขดหินใหญ่ มองดูสายน้ำของห้วยลำตะคองที่โจนผ่านหน้าผาสูงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง

พิ้งวักน้ำใส่ผมแล้วพูดแกมขบขันว่า “ฮิฮิ ถึงกับต้องหนีแม่มาถึงเขาใหญ่เลยหรือคะ ทำไมไม่ไปใกล้ๆ แถวระยองหรือจันทบุรีก็ได้”

“หูว..ถิ่นทหารเรือทั้งนั้น หูตาสับปะรดของพ่อมีเพียบ ยิ่งเราขี่มอเตอร์ไซต์กันอย่างนี้ยิ่งเห็นได้ชัด มานี่ดีแล้วล่ะ อีกอย่างพี่เบื่อทะเล อยากมาสัมผัสธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรบ้าง”

เธอสีหน้าเศร้าวูบหนึ่ง บอกว่า “กลับไปสัตหีบเราคงไม่ได้ใกล้กันอย่างนี้อีกแล้ว คนที่ดีพร้อมคงจะเข้ามาหาคนมีเสน่ห์อย่างพี่ โดยเฉพาะคู่หมั้นที่พี่เล่าให้ฟัง”

“เฮ้ย..มุกไม่ใช่คู่หมั้น แค่คนที่แม่อยากให้หมั้น”

“คุณมุกคงจะสวยเลอค่าเหมาะสมกับพี่คลื่นใช่ไหมคะ”

“สวยมากเลยล่ะ หน้าที่การงานก็ดี เป็นเลขานุการอธิบดีกรมพิธีการทูต”

“ว้าว..ทำไมพี่ไม่ชอบล่ะ”

“ไม่รู้สิ เคมีไม่ตรงกันมั้ง ความรักไม่ใช่เรื่องของงาน เงินหรือหน้าตา ทั้งสองคนจะต้องเข้ากันได้ดีด้วย”

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกล ใช้เวลาการเดินทางไม่นานก็สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด จึงไม่แปลกที่ช่วงวันหยุด ใครต่อใครต่างมาสัมผัสธรรมชาติและความเขียวขจีของขุนเขา

กลับจากน้ำตก ผมกับพิ้งมาที่ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ เพื่ออาบน้ำอาบท่าและประกอบอาหารเย็น ท่องเที่ยวครั้งนี้เรามีเพียงเป้คนละใบ แต่ไม่ลำบากเพราะลานแห่งนี้มีเครื่องนอนและอุปกรณ์พักแรมให้เช่า แถมใกล้ๆ ยังมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยานให้บริการอีกด้วย

ผมกระดกเบียร์และช่วยพิ้งย่างอาหารไปด้วย ผมเป็นทหารกินอยู่ง่าย ส่วนพิ้งก็เป็นคนง่ายๆ เหมือนกัน ผมทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นของอาหารบนเตา “หอมจังเลย อยากกินซะแล้วสิ”

“ยังไม่สุกเลย รอแป๊บค่ะ”

ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเปล่งปลั่งดังจ๊วบ “ไม่ได้บอกว่าเนื้อหอมแล้วอยากกินจ้า พี่หมายถึงแก้มของพิ้งต่างหากที่หอม”

พิ้งหยิกแขนจนผมสะดุ้ง “อีตาบ้า ใช่เวลามาชมกันไหมเนี่ย เอ้า..หยิบจานมาค่ะ เสร็จแล้ว”

เราสองคนนั่งทานอาหารบนพื้นหญ้านุ่ม มองดูดวงดาวที่ส่องแสงแพรวพราวบนนภาราตรี การได้เคียงข้างสาวสวยในบรรยากาศเยี่ยงนี้ ช่างเป็นความสุขของมนุษย์เพศผู้เหลือเกิน

“อืม..หมักหมูใช้ได้นี่นา ขนาดอุปกรณ์ไม่ครบนะเนี่ย ถ้ากลับจากเรือครั้งหน้า พิ้งไปทำอาหารให้กินได้ไหมครับ”

พิ้งทำท่าวันทยหัตถ์เลียนแบบทหารแล้วบอกว่า “ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ”

ผมคีบเนื้อหมูหอมหวนไปจ่อที่ปากเธอ “หมูอร่อยๆ ชิ้นโต อ้าปากกว้างๆ อ้ำ..กว้างอีกๆ ฮ่าฮ่า”...

 

..เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน..

นครราชสีมา หรือที่เรียกว่า โคราช เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน เป็นเมืองใหญ่บนดินแดนที่ราบสูง ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้มาเยือนจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายทั้งเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณและเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน ทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารอีสานต้นตำรับ ก่อนกลับยังได้ซื้อหาสินค้าเกษตรหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีให้เลือกอีกมากมาย

วันต่อมา เราสองคนตระเวนท่องเที่ยวล่าคำขวัญโคราช เริ่มที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมายที่ตั้งอยู่ในอำเภอพิมาย ประกอบด้วยปราสาทหินสมัยอาณาจักรขอมที่ใหญ่โตและงดงาม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่หนึ่ง ราวพุทธศตวรรษที่สิบหก เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์

จากนั้นไปต่อที่ ด่านเกวียน ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย ซึ่งมีร้านค้าเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เรียงรายอยู่สองฟากฝั่งและมีลำน้ำมูลทอดขนานอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกหมู่บ้าน ด้วยคุณภาพพิเศษของภาชนะทั้งสีสันและความคงทนต่อการใช้งาน จึงทำให้ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนจนกลายเป็นสินค้าหนึ่งในการค้าขายกันในยุคอดีตจวบจนปัจจุบัน

ผมจัดการซื้อแจกันสวยคู่หนึ่งเพื่อนำไปฝากท่านผู้บัญชาการทหารเรือ พ่อบังเกิดเกล้าของผม รวมถึงต้องเอาใจซื้อไปฝากผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว บุคคลที่แม่ผมอยากให้เป็นว่าที่พ่อตาด้วย

จุดหมายตามคำขวัญต่อไปคือหมู่บ้านทอผ้าไหมปักธงชัย ตั้งอยู่ในอำเภอปักธงชัย เป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงในด้านการทอผ้าไหมคุณภาพดีมาช้านาน เป็นสถานที่สำหรับท่านที่ต้องการจะซื้อผ้าไหมคุณภาพดีเป็นของฝากหรือของกำนัล ผ้าไหมของโคราชที่นี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสะท้อนภูมิปัญญาของท้องถิ่น เนื้อผ้าแน่น ละเอียด มีความมันจากความพิถีพิถันในการทอ ซักแล้วสีไม่ตก ไม่ซีด เมื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้าตะเข็บไม่แตกง่าย

แน่นอนว่าของฝากที่ห้ามลืมนั่นคือผ้าไหมชั้นดีสำหรับแม่และคนที่แม่อยากให้เป็นแม่ยายเพื่อนำไปตัดเสื้อผ้าสำหรับออกงานสมาคมต่างๆ

ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเมื่อมาโคราชนั่นคือการมาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม ซึ่งบริเวณฐานอนุสาวรีย์บรรจุอัฐิของท่าน เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดนครราชสีมาและประชาชนทั่วไป

เราทั้งสองคุกเข่าแล้วสักการะขอพรจากย่าโม อนุสาวรีย์แห่งนี้ไม่เคยขาดพวงมาลัยที่ผู้คนนำมาบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล บางคนก็บนบานศาลกล่าวขอสิ่งต่างๆ เช่น ขอให้มีงานทำ ขอให้มีลูก ฯลฯ เมื่อสมประสงค์แล้วจะมาแก้บนด้วยสิ่งของที่กล่าวไว้ เชื่อว่าสิ่งที่ย่าโมโปรดปรานคือเพลงโคราช ดังนั้นรอบบริเวณอนุสาวรีย์ย่าโมจึงเป็นแหล่งเพลงโคราชของพ่อเพลงแม่เพลงหลายคณะ อีกทั้งอนุสาวรีย์นี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง จึงกลายเป็นย่านธุรกิจที่คึกคัก มีทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ตลาดขายของที่ระลึก

ผมถามพิ้งว่า “สาวสวยขอพรอะไรจ๊ะ บอกได้ไหมเอ่ย”

“หนูขอพรให้มีงาน มีเงินเพื่อเลี้ยงชีพ และ เอ่อ..อ่า”

“ติดอ่างทำไม เอ่ออะไร”

เธอหลบสายตา เอียงหน้าไปอีกด้านแล้วตอบด้วยความอายว่า “ขอให้คนที่หนูรักมีความสุข แล้วพี่คลื่นล่ะ ขอพรว่ายังไง”

“ขอให้ประเทศสงบสุขและพี่สามารถปกป้องประเทศได้แบบย่าโมกับสามารถปกป้องคนที่พี่รักได้”

พิ้งปรบมือแล้วชมว่า “ว้าว..เป็นคำขอพรที่ดีมากเลย”

หลังการขอพร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจึงมานั่งหน้าสลอนที่ร้านอร่อยหน้าโรงพยาบาลค่ายสุรนารีซึ่งผมค้นหาจากเวบไซต์ ร้านนี้บรรยากาศสบายๆ อาหารเน้นเมนูพื้นถิ่นอีสานและเมนูดัดแปลง ด้วยเจ้าของร้านชอบดัดแปลงอาหารจานใหม่เพื่อนำเสนอความอร่อยต่อให้กับลูกค้าอยู่เสมอเพื่อความไม่จำเจ เราทานกันสองคนแต่อาหารเต็มโต๊ะเลย ทั้งต้มยำกระโทก สเต๊กลาว แกงเลียงกุ้งสด ปลาช่อนฟูผัดพริกขิง

ผมตักปลาช่อนให้พิ้งแล้วบอกว่า “กินเยอะๆ สิ ขอบคุณอีกครั้งที่อุตส่าห์เป็นเพื่อนเที่ยวให้หนุ่มโสด”

“โสดหรือคะ พี่มีคู่หมั้นคือคุณมุกแล้วนะ”

“ปั๊ดโธ่..คู่หมั้นที่แม่เออออห่อหมกโดยไม่สอบถามความสมัครใจจากพี่ ไม่ได้หมั้นหมายเป็นทางการสักหน่อย”

“หนูคิดว่าพี่ควรตามใจแม่ เธอเหมาะสมกับพี่ทุกอย่าง” แล้วก็หัวเราะร่วน “ว่าแต่พี่ซื้อของฝากให้หนูทำไมเยอะแยะ หมูยอ หมูหยอง แหนม ไส้กรอก กุนเชียง หมี่โคราช จะขุนให้อ้วนรึไงคะ”

ผมตอบหน้าตาย “อ้วนก็ดี จะได้ไม่มีใครมาจีบ สวยมากก็ยิ่งอันตรายมาก”

“ตาบ้า นักร้องก็ต้องสวยๆ สิ ไม่อยากนั้นหนูจะหาทิปจากไหน ลำพังเงินเดือนไม่พอกินหรอก แต่ก็ขอบคุณนะคะ อิ่มอร่อยได้นานเลยแบบนี้ ว่าแต่พี่คลื่นไม่ซื้อของฝากคุณมุกหรือคะ ถ้าเธอไม่ได้จะน้อยใจนะ”

“เอ่อ..”

“เดี๋ยวหนูจะพาไปเลือกซื้อเอง”

ทานเสร็จผมพาเธอไปโรงแรมหรูที่จองไว้ พิ้งดึงมือผมเข้าร้านของโรงแรม คะยั้นคะยอให้ผมซื้อของฝากให้มุก

เมื่อออกจากร้านผมบ่นว่า “เฮ้ย..ของฝากคือชุดนอนไม่ได้นอนกับชุดชั้นในลายลูกไม้โคตรเซ็กส์ ของฝากเหมือนพวกโรคจิต”

พิ้งยิ้มสดใส บอกด้วยความมั่นใจว่า “เชื่อหนูเถอะ รับรองว่าคุณมุกถูกใจแล้วจัดการตอบแทนให้พี่คลื่นอย่างสุขสมแน่ๆ”

“แล้วพิ้งไม่รู้สึกอะไรรึ”

“หนูบอกแล้วไงล่ะ พี่คลื่นเกินเอื้อมสำหรับผู้หญิงธรรมดาอย่างหนูจริงๆ แค่ได้ใกล้ชิดอย่างนี้ก็ถือเป็นกำไรชีวิตแล้ว หนูไม่คิดอะไรหรอก ขอแค่เห็นพี่มีความสุขก็พอ”...

 

วันต่อมาถึงเวลาแห่งการกลับสู่ดินแดนราชนาวี ผมเลือกใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลขสามสามหนึ่งหรือถนนสายยุทธศาสตร์ที่ก่อสร้างในสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อสนับสนุนภารกิจทางการทหารในสงครามอินโดจีน

พิ้งกอดเอวผมแน่นราวกับว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่เธอจะมีโอกาสใกล้ชิดชายในฝัน ผมเองก็ใจหายเหมือนกัน กล่าวตามสัตย์ สองวันที่อยู่ด้วยกันผมสุขใจมาก

กลับมาถึงบ้านพักผมทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาทันที หลับตาลงคิดถึงเรื่องราวประทับใจกับสาวน้อยใสซื่อในช่วงสองวันที่ผ่านมา ยิ้มเล็กน้อยแล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

หลับไปนานเท่าใดไม่ทราบ รู้สึกคันยุบยิบที่จมูกจึงลืมตาด้วยความงัวเงีย

“ฮิฮิ เวลาที่พี่ทำจมูกยุกยิกแล้วน่ารักจัง”

ผมอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจ้าของเสียง “มะ..มุก”

หญิงสามสะพรั่งใบหน้างดงามหมดจด รูปร่างสมบูรณ์แบบ ดวงตาดำขลับแววตาหยาดเยิ้มปานเคลือบด้วยน้ำผึ้ง ทรุดกายอยู่เคียงข้าง ส่งเสียงสำเนียงไพเราะพูดว่า “คุณป้าให้มารับพี่คลื่นค่ะ ดีเหมือนกันเพราะมุกคิดถึงพี่สุดๆ แต่คืนนี้ค้างที่สัตหีบก่อนนะคะ มุกไม่อยากขับรถตอนกลางคืน”

ผมยันตัวเองขึ้นนั่ง มุขลินออเซาะทันที “บางครั้งมุกก็น้อยใจ พี่คลื่นไปราชการสามเดือน แต่กลับโทรหามุกไม่ถึงสิบครั้ง นี่หรือคะว่าที่คู่หมั้น”

“พี่นำเรือออกทะเลนะครับ จะมีสัญญาณโทรศัพท์ได้ยังไง นี่พี่ก็กลับมาแล้ว คุยกันซะให้พอเลยแล้วกัน”

ผมยื่นของฝากให้ เมื่อเธอเปิดออกดูถึงกับหัวเราะคิกคักอย่างสดใส เอนกายมาซบผมแล้วฉอเลาะว่า “ว้ายๆ พี่คลื่นแทบไม่เคยมีของฝากให้มุกเลย แต่คราวนี้กลับซื้อมาให้ แถมเป็นสิ่งที่ชอบซะด้วย เดี๋ยวลองใส่ให้พี่ดูเลยดีกว่า”

มุขลินถือของฝากไปบนห้องนอน จากนั้นไม่นานก็เดินลงบันไดมาราวกับนางแบบวิคตอเรียซีเครท ถึงแม้ผมไม่ได้มีใจกับเธอ แต่ยามที่เห็นภาพยั่วยวนแบบนี้ ถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก มังกรประจำตัวผงาดอัดแน่นอยู่ในกางเกงเลยทีเดียว

เรือนร่างอวบอิ่มของสาววัยเจริญพันธุ์ บราสีดำยั่วยวนห่อหุ้มเต้าอวบโอฬารแทบไม่มิด ถัดมาเป็นหน้าท้องแบนราบที่ปราศจากไขมันส่วนเกินกับสะโพกผายสมส่วน เลื่อนสายตาลงไปจะพบกับกางเกงในลายลูกไม้สีดำตัวจิ๋วที่ผ้าด้านหน้าปิดเนินเนื้อสงวนแทบไม่มิด นี่คือเรือนร่างที่ชายทุกคนบนโลกใบนี้หลงใหล

เธอหมุนตัวไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ชุดสวยจังเลย เมื่อกี้มุกดูในกระจกยังหลงใหลตัวเองเลยนะเนี่ย พี่คลื่นน่ารักที่สุด จดจำขนาดบราได้ด้วย”

เธอก้าวเท้าเข้ามาหาด้วยท่าทางยั่วยวนกวนประสาทที่สุด จากนั้นคุกเข่าต่อหน้า จัดการปลดกางเกงยีนส์ของผมแล้วเหวี่ยงไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

แท่งสวาทที่ลุกโชนดันกางเกงบ๊อกเซอร์จนเป็นรูปร่างชัดเจน มุขลินตาเป็นประกาย พูดเสียงกระเส่าว่า “คิดถึงสิ่งนี้ของพี่ที่สุด ไม่ได้เจอและสัมผัสมาหลายเดือนแล้ว อูววว”

“มะ..มุก พี่ สะ..เสียว”

มุกบรรจงถอดบ๊อกเซอร์ออกไปแล้วเหวี่ยงไปกองรวมกับกางเกงยีนส์ มังกรที่โตเต็มวัยผงาดจนตั้งตรงต่อหน้า มุกแลบลิ้นน้อย ดีดส่วนหัวเบาๆ แล้วถามว่า “ออกทะเลไปนาน แอบไปซุกซนที่ไหนบ้างรึเปล่าคะ หน้าตาผู้การเรือหล่อเหลาแบบนี้ ต้องมีนางเงือกและชะนีมาอ่อยบ้างแน่นอน”

ผมไม่ทันจะเถียงอะไร สาวสวยว่าที่คู่หมั้นก้มหน้าลงไปหาแก่นกลางลำตัว ผมครางเสียงสั่น “อูวว..”

แล้วไฟสวาทจากสาวสวยรายนี้ก็เผาผลาญทุกสิ่ง เสียงเนื้อกระทบ เสียงครวญครางดังระงมไปทั่วห้องรับแขก...

 

อากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศชั้นดีภายในรถยุโรปหรูหรา มุขลินขอร้องแกมบังคับให้ผมพาเธอออกมาดินเนอร์และฟังเพลงเพราะๆ

ตอนแรกไม่คิดอะไรเพราะปกติหากเธอมาหา ผมมักจะพาไปที่พัทยา เพราะมีร้านหรูๆ และผับดีๆ มากมาย แต่ทันทีที่เธอเลี้ยวรถเข้าร้านที่เธอหมายตาไว้ ผมถึงกับสะดุ้งโหยง ร้านชบา!!!

เธอเจื้อยแจ้วว่า “ตอนบ่ายมุกขับผ่านร้านนี้แล้วชอบจังเลย บรรยากาศดี๊ดีน่านั่งเป็นที่สุด เอ่อ..คืนนี้มุกขอดื่มไวน์รสชาติดีหน่อยนะคะ กลับบ้านไปจะได้ซู่ซ่ากับพี่คลื่นตลอดคืน”

เธอคล้องแขนผมกระหนุงกระหนิงแล้วพาไปนั่งที่โซนเอ้าท์ดอร์ จากนั้นสั่งเด็กเสิร์ฟทันที “WILLIAM FEVRE Chablis หนึ่งขวด แล้วก็สลัดผักกับสเต๊กเนื้อสัน เอ่อ..พี่คลื่นทานอะไรคะ”

“หมูมะนาวแล้วกัน จี๊ดๆ หน่อยนะ”

เธอดุว่า “ดื่มไวน์กับหมูมะนาว พี่คลื่นสั่งกับแกล้มยังกับดื่มเหล้าถูกๆ”

“แหมมุกครับ พี่ชอบนี่นา ต่อให้ดื่มไวน์ขวดละแสน เหล้าฉลากแดงดำเขียวทอง พี่ก็สั่งหมูมะนาวแกล้มตลอด”

สักพักเครื่องดื่มและกับแกล้มก็ยกมา มุขลินยกแก้วไวน์วนแล้วดม บอกว่า “นี่คือไวน์ชั้นเยี่ยมจากไร่องุ่นที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นชาบลี ประเทศฝรั่งเศส ของตระกูล William Fevre ที่สืบทอดธุรกิจกันมาแล้วสองร้อยกว่าปี เป็นไร่องุ่นที่ปลูกโดยธรรมชาติปลอดสารเคมีทุกชนิด การันตีเรื่องของรสชาติและคุณภาพ ด้วยเก้าสิบคะแนน จาก Wine Enthusiast”

ไม่ว่ามุขลินทำอะไรหรือทานอะไรจะศึกษาสิ่งนั้นอย่างดีทุกอย่าง เพราะจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ จากนั้นไปต่อสาขาเดียวกันที่ประเทศอังกฤษจนจบปริญญาเอก เธอใช้ชีวิตแบบ Perfectionist การเลือกใช้สิ่งต่างๆ ต้องดีที่สุด รวมถึงคู่รักที่ต้องสมบูรณ์แบบที่สุด และผมเองคือคนนั้นที่เธอคิดว่าจะสนองชีวิตสมบูรณ์แบบ

ดื่มกันไม่นาน พิ้งก็ขึ้นไปบนเวที เธอไม่หันมาทางที่ผมนั่งอยู่เลย สักพักก็กรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์ จากนั้นเพลงที่บีบอารมณ์ก็ถูกขับร้อง

“ไม่อยากเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว ที่ไปรักใครง่ายดายเหลือเกิน ที่ไปรักเธอไม่ทันจะรู้ตัว

ส่วนหนึ่งในใจของฉันก็กลัว บอกกับหัวใจตัวเองทุกที บอกมันทุกวันให้มันหยุดรักเธอ

รักแล้วก็ช้ำเปล่าๆ ฉันรู้และพอเข้าใจ เตือนตัวเองเอาไว้ห้ามตัวเองเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมา

อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย สั่งหัวใจให้เมินเฉย ไม่รู้ต้องทำยังไง

ใกล้เธอทำไมทุกครั้งในมันสั่นๆ จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย ตัวของฉันควบคุมไม่ได้ เมื่อสุดท้ายหัวใจมันรักเธอ”

ปกติพิ้งเป็นนักร้องที่เสียงดีและถ่ายทอดอารมณ์ของทุกเพลงได้อย่างไม่มีที่ติ เช่น ยามที่เธอร้องเพลงเกี่ยวกับความรักหรือความคิดถึง ใจของคนฟังจะเบิกบานและสดใส แต่ตอนนี้เธอร้องเพลงเศร้า ใบหน้าก็หม่นหมอง แน่นอนว่าเพลงนี้หมายถึงเราสองคน ผมหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

มุขลินชื่นชมว่า “ปกติมุกไม่ค่อยฟังเพลงไทยนะ แต่น้องคนนี้ร้องเพลงเพราะใช้ได้เลย หน้าตาสวยซะด้วยสิ โชคดีนะคะที่พี่คลื่นไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ ไม่อย่างนั้นคงจะเข้าไปจีบแน่ๆ ดูคนนั้นสิ ทิปตั้งห้าร้อย คงจะหวังอะไรแน่ๆ”

ได้ยินเด็กเสิร์ฟคุยกันว่า “สองวันก่อนมันยังร้องเพลงรักอยู่เลยนี่หว่า กูฟังวันนั้นยังรู้สึกโลกของมันเป็นสีชมพูสมชื่อ แต่วันนี้ทำไมกลายเป็นโลกสีดำแล้ววะ แปลกแท้ๆ”

ใกล้เธอทำไมทุกครั้งในมันสั่นๆ จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย ตัวของฉันควบคุมไม่ได้ เมื่อสุดท้ายหัวใจมันรักเธอ..

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา