Vinity: แผนลับล้างพันธุ์มนุษย์
เขียนโดย Pakkie_Davie
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 02.35 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560 02.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) Hideout
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความติดตามข่าวสารและการอัพเดทนิยาย/VisualNovelทุกเรื่องได้ที่ https://www.facebook.com/pakkieawriter/
##################
Hideout
งง... งงไปหมดแล้ว
ทุกสิ่งที่ได้ยินเมื่อสองชั่วโมงก่อนทำให้ผมสับสนราวกับโดนลูกฟุตบอลกระแทกหน้าจนสติหลุด รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่รถบรรทุกวิ่งข้ามสะพานแห่งสิงโตเข้าสู่ใจกลางเมืองเซ็นต์ ออกัสตินแล้ว
คุณลุงเฮนรี่(ซึ่งเจอกันระหว่างทาง)ส่งพวกเราที่ป้อมปราการหิน[1] ผมและเจโรมกล่าวลาก่อนจะเดินเลียบไปตามถนนจนถึงวิทยาลัยแฟล็กเลอร์[2] บรรยากาศรอบสถานที่เงียบสนิทในช่วงวันหยุด ไม่มีนักเรียนสักคนบริเวณนี้ ถนนรอบด้านไม่มีใครใช้สัญจร มันช่างวังเวงเสียจนได้ยินเสียงลมพัดหวิวๆ
ผมเงยหน้าชำเลืองมองอาคารเรียนสีครีมโอ่อ่าราวกับปราสาทสลักด้วยลวดลายสีส้มงดงามประณีต สังเกตหน้าต่างในอาคารเรียน ภายในห้องพักครูมืดสนิท กอปรกับความวังเวงรอบวิทยาลัยยิ่งทำให้ผมรู้สึกครั่นคร้ามจนขนลุกชัน “พวกเรามาทำอะไรที่นี่”
“มาร์แชลอยู่ที่นี่”
“เขาเป็นอาจารย์เหรอ”
“ไม่ใช่หรอก เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์”
“เขาสร้างนายขึ้นมาจริงเหรอ”
“ใช่”
“อืม”จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหรอก ทว่าสีหน้าของเจโรมแลดูจริงจังเสียเหลือเกิน “ถ้าหากนายเป็นแอนดรอยด์จริงๆ ทำไมนายต้องไปโรงเรียน”
“เฝ้าดูนายไง”
“ฉันเนี่ยนะ”
“ใช่ มาร์แชลส่งฉันไปที่โรงเรียนเพื่อคอยสังเกตพฤติกรรมของนาย”
“พฤติกรรมของฉันน่ะเหรอ”ยิ่งฟังยิ่งน่าสงสัย ผมจึงกล่าวต่อ“นายย้ายเข้าเรียนที่บูนไฮสคูลมาพร้อมกับฉัน แล้วฉันก็เจอมาร์แชลหลังจากนั้นไม่กี่เดือน”
“ใช่ เขารู้จักนายก่อนวันที่นายเจอกับเขาบนสะพานในแฟล็กเลอร์ บีช”
“ถ้าอย่างนั้น วันนั้น...”ผมนึกตรอง “วันที่ฉันอยู่บนสะพาน”
“ทุกอย่างในวันนั้นเกิดจากความบังเอิญ” เจโรมกล่าวแทรก “บังเอิญที่พวกคุณโจนส์ตามหามาร์แชลเจอ บังเอิญที่นายอยู่บนสะพานในจังหวะที่มาร์แชลกำลังหาทางหลบหนี บังเอิญที่นายเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพอดี บังเอิญที่นายตกลงไปในก้นแม่น้ำพร้อมๆกับมาร์แชล และบังเอิญที่พวกคุณโจนส์สืบจนรู้ว่าคนที่ตกลงไปในแม่น้ำพร้อมกับมาร์แชลคือนาย”
“แล้วยังไง”
“แล้วยังไงน่ะเหรอ”เจโรมสูดหายใจ “หลังจากวันนั้น นายก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกคุณโจนส์ด้วยยังไงล่ะ”
ผมขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม “พวกเขาต้องการอะไรจากฉัน”
“มาร์แชลคนเดียวที่รู้คำตอบ”
ผมกรอกตาฟังพลางนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันนั้น
“เราไม่ควรพูดเรื่องนี้กลางถนน รีบตามมาเถอะ”
“โอเค”ผมเดินทอดน่อง หันมองไปทางไหนก็ไม่เห็นใครนอกจากพวกเราเดินเตร็ดเตร่กันเพียงลำพัง
เจโรมเดินจูงไรเจลไปบนทางเท้า เลี้ยวไปยังประตูหน้าวิทยาลัย รูปปั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางเข้า พวกเราเดินผ่านไปโดยไม่มียามเฝ้าสักคน
บริเวณสวนภายในตกแต่งสวยงามประดับด้วยน้ำพุตรงตำแหน่งใจกลางลานกว้าง ผมกับไรเจลยืนรออยู่ตรงนั้นในขณะที่เจโรมเดินตรงไปยังทางเข้าลอบบี้ โดยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเปิดประตูออกมาต้อนรับ ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเขาพูดอะไรกันแต่ทั้งสองหันมาจดจ้องมองผมตาไม่กระพริบระหว่างสนทนา
Ponce de Leon Hall, Flagler College
(เผลอลบไฟล์ภาพที่ถ่ายเก็บไว้เองทิ้งหมด แง ... ใช้ภาพในเน็ตพลางๆ)
สักพักอาจารย์วัยชราก็เดินลับสายตาไป ส่วนเจโรมก็โบกมือเรียกผม
“มาร์แชลฝากกุญแจไว้ให้นายด้วย”
“หืม”
“เก็บรักษามันไว้เท่าชีวิตล่ะ”เจโรมยักไหล่ “อาจารย์ราฟาเอลบอกว่าตอนนี้มาร์แชลไม่อยู่ที่นี่”
“เขาออกไปไหน”
“ไม่รู้”
“เขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ฉันไม่รู้ เขาไม่ได้บอก”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะทำอย่างไรกันต่อ”
“ฉันไม่รู้”
ยิ่งฟังคำตอบยิ่งชวนหงุดหงิด ผมกอดอกสบตามองอีกฝ่ายจริงจัง หากหมอนี่ตอบว่า ‘ไม่...’ อีกครั้ง ผมจะต่อยเขา
“ฉันส่งข้อความลับให้กับเขาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก”
“นายส่งข้อความอะไรให้กับเขา”
“ฉันบอกว่าพวกเราถูกตามล่า และมาร์แชลก็บอกเองว่าเขาจะรอพวกเราที่นี่”
“แล้วจู่ๆเขาก็หายตัวไปแบบนี้น่ะเหรอ” ผมถอนหายใจ
เจโรมโน้มตัวกระซิบ “เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่มานานหลายเดือนแล้ว เราจะลงไปที่ชั้นใต้ดิน บางทีมาร์แชลอาจจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้พวกเรา”
ผมสัมผัสได้ถึงความลึกลับบางอย่างภายใต้น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้น ขณะที่เด็กเนิร์ดเดินทอดน่องผ่านโดมสูงสลักลายวิจิตรตระการตาภายในลอบบี้ เขาจูงไรเจลขึ้นบันไดไปด้วยอย่างหน้าตาเฉยทั้งๆที่ป้ายด้านข้างเขียนกำกับว่า ‘ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในอาคารเรียน’
พวกเราเดินผ่านสนามหญ้าฝั่งตะวันตกของโรงเรียน ก่อนจะหยุดลงตรงใจกลางศาลากาซีโบหลังคาสีส้มแดง เจโรมสลับสายตามองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง จากนั้นจึงใช้ขาเตะไปตามพื้น
“นายกำลังทำอะไร”
“เปิดประตู”เจโรมกล่าวจบก็ทาบฝ่ามือลงบนพื้น มีเสียงตอบรับอัตโนมัติดังสะท้อนกลับมาให้ชวนสะดุ้ง
‘รหัสถูกต้อง’
ฉ่า
แสงสีเขียววาบขึ้นมาจากกรอบบนพื้น แมรีบเลื่อนแขนบังความสว่างจ้านั้น อีกวินาทีถัดมาประตูบานสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ค่อยๆเลื่อนออก เผยให้เห็นขั้นบันไดทอดยาวลงไปยังชั้นใต้ดิน “นี่เป็นเส้นทางลับใช่ไหม”
“ใช่”เขาตอบพลางกวักมือเรียกให้ผมตามลงไป
“นายเป็นใครกันแน่เจโรม”
อีกฝ่ายหันกลับมาเหลือบหางตามองผมครั้งหนึ่ง เขายักไหล่ตอบ
“นายคือแอนดรอยด์จริงเหรอ”
แทนที่เจโรมจะบอกทันที เขากลับเดินนำผมไปจนถึงห้องกระจกแห่งหนึ่ง เมื่อเปิดสวิตช์ ผมก็เห็นอุปกรณ์ทดลองและเครื่องจักรขนาดใหญ่ด้านในเต็มไปหมด สถานที่แห่งนี้เสมือนหนึ่งห้องทดลองในหนังภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ อีกมุมหนึ่งก็มีกองเศษกระดาษซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยของสมการทางเคมีฟิสิกส์ ถัดออกไปไม่ไกลก็จะเห็นกระดานดำตั้งอยู่ริมห้อง ถ้าหากผมจำสิ่งที่เรียนในคลาสฟิสิกส์ไม่ผิด ผมคิดว่าภาพร่างบนกระดานคือกาลอวกาศ[3]
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก็เดินตรงมาหา ทำให้ผมต้องหันมองด้วยความสนใจ บนแถบหน้าจอเล็กๆบนส่วนหัวของหุ่นยนต์ปรากฏคำว่า ‘สวัสดี รีลอยด์ ไอเลนเบิร์ก’
“ว้าว เจ๋งชะมัด”
เจโรมเดินไปยังห้องทดลองอีกฝั่ง เขาเลื่อนมือเข้าไปข้างในเครื่องแสกน แล้วสิ่งที่ปรากฏบนจอนั้นก็ทำให้ผมตะลึงงัน
“นายไม่ใช่คน”
“ฉันบอกนายแล้ว มาร์แชลสร้างฉันขึ้นมา ตอนนี้คงเชื่อสักทีสินะ”
ผมอ้าปากค้าง มองรอบกายพร้อมอุทานลั่นอย่างประหลาดใจ “นายเป็นแอนดรอยด์จริงๆเหรอเนี่ย”
“มาร์แชลเป็นคนชุบชีวิตของฉันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ฉันต้องขอบคุณเขา” เจโรมบอกพลางปล่อยให้ไรเจลวิ่งข้ามไปยังห้องครัว กลิ่นอาหารลอยฟุ้ง มีเสียงซ่าๆคล้ายเสียงพูดจากวิทยุดังแว่วๆ
‘ทำการตรวจสอบสิ่งมีชีวิต ... ปิ๊บๆ ... สุนัขพันธุ์ไซบีเรี่ยนฮัสกี้ ตัวผู้ อายุสองปีสี่เดือน ... กำลังเตรียมอาหาร กำลังเตรียมอาหาร’
สิ้นเสียงนั้นเครื่องจักรในห้องครัวก็เริ่มทำงาน มีภาพเมนูอาหารหลากหลายประเทศปรากฏอยู่บนกระดาน จังหวะที่ผมหันหลังกลับ แขนเครื่องจักรก็เหวี่ยงผ่านไปยังตู้ใส่ของบนผนังเพื่อหยิบชามออกมา ส่วนไรเจลกระดิกหางรอมื้อเที่ยง ไม่สิ สำหรับมันคงต้องเรียกว่ามื้อบ่ายต่างหาก“มาร์แชลเป็นคนประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้เหรอ”
“ใช่ ฉันช่วยเขาด้วยบางส่วน”เจโรมบอกพลางเดินไปด้านหลังเคาท์เตอร์ เขาเปิดฝาประตูบนพื้นแล้วจึงไต่ลงไปยังชั้นใต้ดินชั้นที่สอง “ตามฉันมา”
ผมปล่อยให้ไรเจลกระดี๊กระด๊ากับอาหารรสโปรดของมัน ส่วนผมก็ติดตามเด็กเนิร์ดไปอย่างว่าง่าย
ประตูบนพื้นเลื่อนปิดอัตโนมัติ ด้านล่างเป็นทางเดินลักษณะเหมือนท่อในกระสวยอวกาศขนาดใหญ่ สายไฟระโยงรยางค์เชื่อมต่อกันตลอดเส้นทาง มีประตูทรงแปดเหลี่ยมกั้นขวางไว้ทุกๆห้าเมตร เจโรมใช้หลังมือทาบบนหน้าจอสแกนรหัสผ่าน แล้วประตูทุกบานก็เปิดต้อนรับพวกเรา ปลายอุโมงค์คือบานประตูขนาดใหญ่ที่มีความสูงเท่ากับตึกสองชั้น แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์แปะอยู่บนบานประตูนั้น
“อย่า”เจโรมรีบเลื่อนมือห้ามพร้อมผลักผมไปทางด้านหลังเบาๆ “มีเลเซอร์ป้องกันอยู่ มันตัดตัวนายได้เป็นสองท่อนเลยล่ะ”ว่าจบเขาก็เลื่อนมือโบกไปมาในอากาศ ทำให้เห็นลำแสงสีเขียววาบผ่านฝ่ามือนั้น เจโรมเดินไปยังมุมห้อม คลำหาปุ่มที่ซ่อนอยู่เหมือนอย่างเคย วินาทีถัดมาผมก็ได้ยินเสียงปิ๊บๆสองครั้งแล้วเจโรมก็เดินผ่านไปอย่างง่ายดาย
เมื่อเส้นทางดูเหมือนจะปลอดภัย ผมก็ไม่รอช้ารีบสาวเท้ายาวๆตรงสู่ประตูบานโตเบื้องหน้า
“นี่เป็นห้องลับ”เจโรมบอก “โดยปกติแล้วมีเพียงมาร์แชลคนเดียวเข้ามาใช้งาน กุญแจที่เขาฝากให้นายคือกุญแจสำรอง”
ผมฟังพลางหยิบออกมา อีกฝ่ายชี้ไปยังแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีรูกุญแจอยู่ตรงนั้น ผมจึงสอดมันเข้าไป
ตึง ตึง
เสียงเครื่องจักรทำงานดังขึ้นทันที แสงสีฟ้าวิ่งวาบไปตามขอบผนังก่อนที่ประตูบานโตจะค่อยๆเปิดออก
ไม่สิ ... ค่อยๆหายไปต่างหาก!
ผมเบิกตาอุทานอีกครั้ง ทั้งชีวิตไม่เคยเห็นความอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน ประตูโลหะที่มีความสูงมากกว่าห้าเมตรละลายกลายเป็นภาพโปร่งแสง เบื้องหลังประตูคือห้องทรงกระบอกสว่างจ้าสะอาดตา สิ่งที่อยู่ภายในห้องคือแท่งหลอดแก้วนับล้านฝังอยู่บนผนัง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีท่อสเตสิส[4]ตั้งอยู่ตรงใจกลางต่อกันเป็นชั้นๆจรดโดมด้านบน สเตสิสแต่ละแทงค์บรรจุอวัยวะและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการทดลอง
ทันทีที่พวกเราสองคนเดินเข้ามาข้างในห้องทดลองลับ ประตูโปร่งแสงพลันกลายเป็นโลหะหนาปิดปากทางเข้า
“มาร์แชล ครับ... ครับ ได้ยิน ผมกำลังเชื่อมต่อระบบเสมือนจริง”เจโรมพึมพำพลางเลื่อนมือสัมผัสใบหู ผมไม่มีทางรู้ได้ว่าพวกเขาสื่อสารกันอย่างไร ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ มองเด็กเนิร์ดพรมนิ้วพิมพ์บนแป้นข้างจอมอนิเตอร์ริมห้อง แล้วอีกวินาทีถัดมา ภาพโฮโลแกรมก็พุ่งออกมาจากมุมห้อง ปรากฏเป็นใบหน้าขนาดยักษ์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หนวดดกเคลิ้มหนังตาหย่อน ผมสะดุ้งถอยหลังตกใจกับภาพเคลื่อนไหวสามมิตินั้น
“พระเจ้านี่มันคืออะไร”ผมอุทานลั่น แล้วไอน์สไตน์ก็เลื่อนหน้ามองตาม
“ไอเลนเบิร์ก ...”เสียงนั้นสะท้อนดังกึกก้อง
“เขาคือรีลอยด์ ไอเลนเบิร์กครับ”เจโรมผายมือบอก
ไอน์สไตน์ขมวดคิ้วจนเป็นปม ยื่นหน้าเข้าใกล้ ปลายจมูกนั้นแทบจะแตะตัวผมแล้ว ผมจึงรีบขยับออกมาอีกก้าวหนึ่ง แขนอีกข้างก็เหวี่ยงวืดใส่ภาพโฮโลแกรมด้วยสัญชาตญาณ “ผมเคยเจอคุณใช่ไหม ไอน์สไตน์”
“หืม”อีกฝ่ายพึมพำเบาๆ “ไอน์สไตน์... อืม จะเรียกแบบนั้นก็ได้นะ”
“แต่ว่ามาร์แชล... ”เจโรมเอ่ยขัด
“อันที่จริงฉันคือไอน์สไตน์เหมือนที่เขาพูดนั่นแหละ เจโรม”
“คุณกำลังทำให้รีลอยด์สับสน”
“วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้ความจริง”
ผมฟังบทสนทนาตอบโต้ของทั้งสองแล้วก็ยิ่งงุนงง สุดท้ายก็ต้องขัดจังหวะ“คุณปลอมตัวเป็นไอน์สไตน์อยู่ใช่ไหม แท้ที่จริงแล้วคุณคือสายลับหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ ฉันไม่เสียเวลาปลอมตัวเป็นคนอื่น”
ฟังคำตอบนั้นแล้วยิ่งฉงน
คุณลุงกระแอมก่อนจะแนะนำตัวอีกครั้ง“ถ้าหากว่าเธอกำลังหมายถึงอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ทฤษฎีที่เป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพในศตวรรษที่ยี่สิบล่ะก็ นั่นล่ะฉันเอง”
[1] Castillo de San Marcos ป้อมปราการหินที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
[2] วิทยาลัยอันดับสองในภูมิภาคตอนใต้และเป็นหนึ่งในวิทยาลัยที่สวยงามที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วย ( ปี 2017 ) วิทยาลัยตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซนต์ ออกัสติน
[3] Spacetime โมเดลทางคณิตศาสตร์ซึ่งรวมมิติของอวกาศทั้งสามมิติเข้ากับมิติของเวลา
[4]Stasis - ท่อหรือแทงค์กระจกขนาดใหญ่ ซึ่งใช้บรรจุสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุเพื่อคงสภาพไว้ และอาจใช้ในการทดลอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ