เฮ้ย!! เอาจริงดิ ? [Y]
เขียนโดย กวนมึนตึบ
วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.07 น.
แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560 23.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) โรคประหลาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
โรคประหลาด
คำว่า “ประหลาด”ผมควรชินกับมันไหม ? แล้วคำว่า “ตัวซวย” ผมควรยอมรับมันรึเปล่า ? “ไอ้เด็กปีศาจ “ แช่งพ่อตัวเองให้ตาย แกไม่สมควรเกิดมา ไอ้เด็กชั้นต่ำ !!! ” ผมแค่ไม่รู้ เด็กอายุเพียงห้าขวบที่พูดไปโดยไม่รู้ และไม่รู้ว่ามันคือเรื่องผิด ผมควรยอมรับสินะ “พ่อจะนอนอย่างนี้และเลือด ออกมาเยอะๆ ” แค่ผมชี้ไปทางคนป่วยที่นอนนิ่งอยู่กับเตียงและผมก็เห็นว่าพ่อผมก็เป็นแบบนั้น ผมเลยบอกคุณย่า และไม่นานต่อมาพ่อก็ตาย ตายด้วยอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ข้างทาง และผมก็ถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้เด็กตัวซวยตั้งแต่นั้นมา ผมถูกไล่ออกจากบ้าน พร้อมกับแม่ที่ย่าไม่เคยชอบแม่ผมอยู่แล้ว ก่อนออกมาย่าของผมก็บอกว่าอย่ากลับไปเหยียบตระกูลนั้นอีก ผมกับแม่เลยกลับไปที่บ้านของยายและแล้วผมก็เห็นมันอีกครั้ง ผมเห็นว่าแม่กำลังจะจากไป ในวันที่ผมอายุ 15ผมเห็นมันอีกครั้ง ผมเห็นแม่ไปอย่างสงบพร้อมรอยยิ้มที่ผมคงเห็นมันครั้งสุดท้าย ยิ้มเพราะแม่จะได้ไปอยู่กับคนที่แม่รัก และยิ้มให้กับผมที่แม่รักมากเช่นกันเพราะการที่แม่จากไปโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมเลยเลือกที่จะทำเป็นไม่เห็นและไม่สนใจทุกครั้งเพราะผมจะเห็นได้จากการโดนตัวใครคนนั้น ผมเลยเลี่ยงผู้คน ออกนอกสังคมที่ผมไม่อยากรู้จัก เพียงเพราะผมไม่อยากกลายเป็น ตัวประหลาด หรือปีศาจอีกแล้ว ดูๆแล้วชีวิตผมไม่มีอะไรน่าจดจำแต่ผมก็ไม่เคยลืมเช่นกัน’บางครั้งผมก็คิดว่าที่ผมเกิดมาเป็นแบบนี้เพราะอะไร ? ผมไม่เคยต้องการมัน
‘มันไปแล้วแก เราก็ออกไปได้แล้วดิ’
‘น่ากลัวชิบหาย ยังไงกูก็ไม่เคยชิน’
‘ผิว แม่ง ขาวจนซีด นี่ มันซากศพเดินได้ปะวะ ’ และอีกมากมายในแต่ละวันที่ผมต้องเจอ สารพัดคำด่า เสียงหัวเราะเยาะ เสียงที่แสดงความหวาดกลัว ผมชิน จนชาไปซะแล้วละ
ผลั่ก!!!
เลือด สิ่งที่แวบ เข้ามาในโสตประสาทของผม
“เดินยังไงวะ ไอ้ ” เค้าหยุดพูด และผมรู้สึกเหมือนเค้ากำลังจ้องมองมาที่ผมอย่างสำรวจ
“ข ขอ โทษนะ ” ผมบอกเสียงสั่น นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวและอาจารย์ที่มหา’ลัย
“อะ เออ มึงเป็นไรไหมวะ เห็นตัวมึงแล้วกูหมดอารมณ์ด่าเลย สัส ” ผมยังก้มหน้าแต่ฟังจากเสียง เค้าก็พูด เสียงอ่อนลงจากตอนแรกจริงๆ
“มึงก้มหน้าทำไมวะ เวลาเดินก็เงยหน้าดิวะ ไม่งั้น ครั้งหน้ามึงอาจเจ็บตัวได้ ” นี่ก็คงเป้นครั้งแรกเหมือนกันที่มีห่วงใยผมนอกจากคนในครอบครัว ผมเลย ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเค้า แต่ก็ได้แต่มองผ่านม่านผมที่ปกคลุมใบหน้าผมเอาไว้ ตาคมๆดูดุๆนิด จมูกโด่งเป็นสันสวย และริมฝีปากที่กำลังยิ้มน้อยๆ นี่มันคนหรือเทวดากันนะ
“ตัดผมบ้างก็ดีนะ ถึงว่าเดินไม่เห็นทาง ” เค้ายังคงบ่นต่อไป และผมก็ไม่สามารถละสายตาจากเทวดาที่ดูใจดีตรงหน้า
“เออ ว่าแต่มึงอะ เรียนคณะไรวะ ” มันสะดุ้งนิดๆที่แล้วมาจับแขนผมพร้อมเขย่าเบาๆ เลือด เลือดอีกแล้ว มีแต่กองเลือด ภาพที่ผมเห็น
“อะ ”
“ไง ไอ้เวฟ วันนี้ว่างมาเดินเล่น จนลืมเอาเวลาไปลอบกัดคนอื่นเหรอวะ ” เสียงที่ฟังดูเย็นจนหน้าขนลุก เอ่ยขัดขึ้น
“ไอ้คิม หึๆ ใส่ร้ายกูเกินไปแล้ว ” ริมฝีปากของคนที่ผมคิดว่าเป็นเทวดา แสยะยิ้ม พร้อมด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ดูน่ากลัวแบบชวนขนลุก
“ขอโทษนะ มึงช่วยถอยไปก่อนเถอะ พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับ เพื่อนนนน เก่าสักหน่อย ” เสียงเย็นของเทวดาที่ผมรู้ชื่อแล้วว่า เวฟ มันเย็นจนรู้สึกถึงอันตราย ผมเลยต้องรีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้
“เดี๋ยว ” ร่างสูงใหญ่ ที่ผมพยายามเดินเลี่ยงกับมาจับแขนผมไว้พร้อมยึดไว้แน่น ไม่ทันซะแล้วสินะ
ปัง!!!! เสียงดังสนั่น ภาพคือผู้ชายคนนี้นอนจมกองเลือด พร้อมกับเสียงร้องไห้ ของใครสักคน เฮือกกกกก
“เป็นอะไร ” เสียงเย็นๆ ทรงอำนาจ ถามผม ผมถึงกับสั่นๆ กับน้ำเสียงนั่น
“เงยหน้า มองกู ” เค้าบีบแขนผมแน่นขึ้น และภาพเลือดก็ไม่ยอมจางหายไปจากผม ปล่อยผมสักทีเถอะ ขอร้อง
“มึงหยุดนะ ไอ้คิม ” เสียงเวฟ ดังขึ้น ผมเงยหน้าชำเลืองมองไปที่เค้า เค้าก็มองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว พร้อมสายตาที่ดูจะโมโหอยู่
“ทำไม แค่ไอ้ผู้ชายผิวซีดๆ ตัวเท่าลูกหมาที่ไม่ยอมมองหน้ากู ทำไมกูต้องแคร์ คนที่ทำให้กูไม่สบอารมณ์ด้วยวะ ” เค้าพูดเสียงเหมือนเยาะเย้ย แล้วก็บีบแขนผมจนแทบแหลกคามือเค้าแล้ว
“เงยหน้ามองกู ” เพราะเสียงคราวนี้จากเย็นยะเยือกกลายเป็นตวาดกดดัน มันทำให้ผมต้องค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเค้า ใบหน้าแสนดุดัน ถ้าเวฟ เป็นเทวดา คนๆนี้คงเป็นเทพบุตร เทพบุตรซาตาน ดวงตาสีน้ำตาลอมเทา มันดูเหมือนว่ามองทะลุทุกอย่าง ทั้งสวย น่าค้นหาและ น่ากลัว
“หึหึ เอาตัวไอ้ลูกหมานี้ไป ” สิ้นคำสั่งดูเหมือนจะมีชายชุดดำสองคนเดินออกมาจากไหนสักที มาจับตัวผมและลากออกไป
“มึงทำเกินไปแล้วไอ้คิม เค้าไม่เกี่ยวข้องมึงปล่อยเค้าไป ” เสียงเวฟ ตวาด ก้อง
“หึๆ เกี่ยวสิ เพราะมึงอยากช่วยมันไงกูเลย สงเคราะห์มึง ตามไปช่วยมันสิ ” คิมหันหลังเดินออกมา
“หึๆ มึงก็ถนัดเก็บของดีนะ ของที่เหลือกิน ของเก่า และไร้ประโยชน์ เชิญจับไปเถอะ ก็แค่ของไร้ประโยชน์ที่กูไม่ได้คิดจะเก็บไว้ ” เวฟบอกและหันหลังเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ผิดกับอีกคนที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่ไม่คงที่อยู่
“ไป กลับบ้าน ” คิมเดินขึ้นมานั่งบนรถ ด้วยใบหน้าเรียบตึงพร้อมกับรถที่เคลื่อนตัวออกไป
มาต่อละนะ เน็ต กะ กากกกก มากกกก มีคนอยากอ่านไหมนะ แต่ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค่ะ แล้วพบกันตอนหน้า (ที่ไม่รู้มาตอนหน่ายยยย เค้าเป็นเด็กบ้านๆ เป็นเด็กเลี้ยงปลาอยู่)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ