ห้องสามเดอะซีรี่ย์

9.0

เขียนโดย มุมฉาก

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 08.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) ความรักของเปเป้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความรักของเปเป้

          "พี่เน่ห์ครับ ผมมีข่าวสำคัญมาบอก เราเจอตัวซาร่าแล้วครับ"

          "ซาร่า เจอที่ไหน ?"

          "พรุ่งนี้หล่อนจะไปบ้านป้าครับ ไปคนเดียวไม่มีก้างขวางคอ"

          เด็กหนุ่มรูปร่างท้วมสวมเสื้อหนังสีดำกางเกงยีนส์ขาเดฟสีอ่อน ยืนก้มหัวต่ำรายงานข่าวใหม่ให้กับหัวหน้า เขาออกจะตื่นเต้นที่ได้ทำหน้าที่สำคัญ หลังได้เข้าร่วมแก๊งค์มานานร่วม 3 เดือนเต็ม นี่คืองานแรกสุดที่เขาได้รับมอบหมาย

          ภายในร้านเกมส์ขนาดเล็กที่ทั้งสกปรกและเหม็นอับ เจ้าของร้านกำลังเล่นเกมส์ปลูกผัก ได้แก่ ฟักทอง ข้าวโพด ถั่วฝักยาว และแตงกวา ทันทีที่รับรู้ข่าวสารล่าสุดจากลูกน้อง เขาก็รีบหันกลับไม่สนใจหน้าจออีกเลย วัวชื่อขุนศึกจากฟาร์มติดกันพังรั้วเข้ามา แล้วเขมือบถั่วฝักยาวอย่างเมามันส์กระทั่งหมดแปลง

          "ถ้างั้น...พรุ่งนี้เราจะไปบ้านป้าซาร่า บอกคนของเราให้เตรียมพร้อม"

          "ได้ครับพี่เน่ห์ แต่ว่า…" เด็กหนุ่มร่างท้วมชะงักไปชั่วขณะ

          "แต่ว่าอะไรวะ นายมีปัญหาอะไร พูดดดด…!!" ผู้เป็นลูกพี่เสียงดังกว่าเดิม

          "แต่ว่า แก๊งค์เรามีแค่สองคนเองนะครับลูกพี่"

          จานสังกะสีเก่า ๆ หล่นกระทบพื้นเสียงดังผ่างงง… เจ้าของร้านปาหนังสือวิธีทำอาหารใส่หน้าลูกน้อง มันไม่ได้เจ็บไม่ได้แสบไม่ได้คันอะไรหรอก ถ้าบังเอิญสันปกไม่ชนดั้งจมูกพอดิบพอดี ใช้คำว่าปวดจิ๊ดน่าจะเหมาะสมกว่า

          "สองคนก็สองคนสิวะ ข้าจะไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า เน่ห์ วัดดาวเสด็จ คือสุดยอดจิ๊กโก๋เมืองเพรียว"

          เป็นครั้งแรกที่เจ้าของร้านได้ลุกขึ้นยืน สลับกับลูกน้องที่ดันนั่งลงเพราะเจ็บจมูก เขาก็เลยยืนเคว้งคว้างอ้างว้างอยู่เพียงลำพัง ร่างท่อนบนเปลือยเปล่ามีรอยสักเต็มไปหมด เจ้าของรอยสักก้มมองหน้าอกด้านซ้าย ตรงนั้นเองโดเรมี่ตัวจิ๋วกำลังยิ้มแฉ่งชูมือหรา ชายหนุ่มเผลอยิ้มตามรอยสักโดยไม่รู้ตัว ฉับพลันอารมณ์เปลี่ยนเป็นความบึ้งตึง ความโกรธ ความโมโห และความชิงชัง ทุกความที่พูดถึงเบียดเสียดกันอยู่ในใจดวงน้อย เขาจึงต้องระบายออกด้วยการกระทำอันเป็นอัตลักษณ์

          เน่ห์ วัดดาวเสด็จ เตะจานสังกะสีที่อยู่บนพื้น ลอยไปชนขอบประตูย้อนกลับใส่หน้าลูกน้อง เด็กหนุ่มร่างท้วมสะบัดหน้ากลับที่เดิม ทว่าปากเจ่อเลือดทะลักใส่พรมเป็นทางยาว เจ้าตัวพยายามชูสองนิ้วบอกให้รู้ว่ายังสู้ไหว ก่อนสลบไสลไม่ได้สติต่อหน้าต่อตา หนูตัวหนึ่งวิ่งผ่านร่างเขาเพื่อไปกินเศษอาหาร บนจานสังกะสีที่มีคราบเลือดปรากฎเล็กน้อย

          เน่ห์ วัดดาวเสด็จ กลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม เขาเริ่มปลูกผักแปลงใหม่อย่างรวดเร็วราวมืออาชีพ ทดแทนของเดิมที่โดนวัวชื่อขุนศึกสวาปามเรียบ พรุ่งนี้ไม่ว่างทั้งวันคงต้องทำฟาร์มดึกดื่นแน่เลย

                 ------------------------------------------------------------

          การแข่งขันบาสเกตบอลมัธยมปลายระดับจังหวัด เริ่มออกสตาร์ทพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ มีพิธีเปิดพร้อมถ่ายทอดสดบ่ายวันพุธ ตามด้วยการแข่งนัดแรกของแชมป์เก่าคือจ่านกร้อง วันต่อมาเป็นการประเดิมสนามในทุกพื้นที่ จังหวัดเรามีทีมบาสเข้าร่วมจำนวน 14 ทีม แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 สาย คัดเอา 4 ทีมมาแข่งไขว้กันในรอบตัดเชือก เสาร์ห้าเป็นทีมวางสายบนส่วนเราเป็นทีมวางสายล่าง ถ้าไม่เกิดเหตุพลิกล๊อคฟ้าถล่มดินทลายควายตกมัน คงได้เจอกันในนัดชิงเหมือนคราวที่แล้ว

          ผลการแข่งขันวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทีมเสาร์ห้าเอาชนะทีมผักหนองน้ำด้วยคะแนน 108 ต่อ 56 แม้จะดูห่างชั้นแต่มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น อันดับหนึ่งสายบนเสาร์ห้านอนมาพร้อมพระสวด แต่อันดับสองซึ่งต้องตัดเชือกกับทีมเรานั้น ผักหนองน้ำมีการเตรียมทีมที่ดีเหลือเกิน อาจารย์วิบูลย์นั่งชมเกมส์ผ่านยูทูปยังเอ่ยปาก ว่าทีมหนองควายโซ บลูพาวเวอร์ไม่ง่ายที่จะชนะ ศึกระหว่างสองหนองจะมีขึ้นในอีกสองสัปดาห์ ทั้งขาบาส ขาบอล หรือว่าขาหมู พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เน็ตมือถือใครใกล้หมดรีบเติมเงินด่วน ร้านเจ๊จ๋าพาณิชย์มีให้เลือกครบทุกค่ายทุกราคานะจ๊ะ

          ทว่าตอนนี้เราต้องสนใจตัวเองเสียก่อน พลาดท่าแพ้ทีมรองบ่อนได้โดนล้อยันหลานบวช บ่าย 3 โมงเย็นวันศุกร์ ณ.สนามโอราเคิล อารีนา เวลาที่ทุกคนรอคอยเดินทางมาถึงแล้ว นักบาสฝั่งเรายืนเท้าสะเอวอยู่ขอบสนาม ยกเว้นก็แต่ทรงเดชที่นั่งยอง ๆ แล้วอ้าปากหาว นักบาสทีมคู่แข่งอยู่ในสนามเช่นเดียวกัน และกำลังทำสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น

 

“Kapa O Pango kia whakawhenua au I ahau! Hi aue ii!

Ko Aotearoa e ngunguru nei! Au, au aue ha!...”

 

                              เด็กมัธยมปลายในชุดสีดำสนิทจำนวน 12 คน กำลังยืนกระทืบเท้า ตบลำแขน กอดหน้าอก แลบลิ้นปลิ้นตาเข้าจังหวะ บางครั้งก็ย่อตัวลงต่ำ บางครั้งก็เท้าสะเอวส่ายยึกยัก บางครั้งก็ตบข้อศอกเสียงดังป๊าบ ใบหน้าขึงขังเอาจริงเอาจังไร้รอยยิ้ม ทุกคนตะโกนเสียงดังเป็นภาษา เอ่ออออ…. ภาษาอะไรล่ะเนี่ย #_# คล้ายคลึงพิธีศักดิ์สิทธิ์บูชาเทพเจ้าอพอลโล่ ถือเป็นการตัดไม้ข่มนามคู่แข่งไปในตัว และผลของมันก็คือ

          “เราว่า…อย่าเสียเวลาถ่ายเลย เปลืองเม็มโมรี่เปล่า ๆ”

          อำนาจพูดลอย ๆ น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทน หมอไม่พูดเปล่าแต่ลงมือทำอย่างที่คิด ผมต้องรีบปรามด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน แม้เห็นด้วยว่าเสียเวลาและเปลืองเม็มโมรี่ก็เถอะ ขืนทำตามอาจารย์วิบูลย์เฉ่งยับแน่

          กลุ่มคนที่กำลังเต้นแร้งเต้นกาอยู่กลางสนาม เป็นนักกีฬาจากโรงเรียนนานาชาติเซนต์ พอลแฮรี่ และสิ่งที่พวกเขากำลังทำก็คือการเต้นฮะกะ หรือ Haka Dance เป็นวัฒนธรรมโบราณชนเผ่ามารีจากนิวซีแลนด์ เพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษหรือเรียกขวัญกำลังใจให้เหล่านักรบ เพื่อน ๆ คงเคยเห็นท่าเต้นฮะกะจากทางใดทางหนึ่งนะครับ

          วันนี้ตัวผมและอำนาจทำหน้าที่สนับสนุนทีม ด้วยการตั้งกล้องวีดีโอเก็บภาพการแข่งขัน เราได้เลือกจุดที่ดีที่สุดเพื่อการถ่ายทำ โฟกัสภาพได้ทั้งสนามโดยไม่มีจุดบอดจุดอับ อำนาจนำกล้องวีดีโอส่วนตัวมาด้วย หาใช่อยากช่วยทีมบาสอะไรนักหนา หมอจะเอามาถ่ายผู้นำเชียร์ของเซนต์ พอลแฮรี่ ซึ่งเขาว่าจิ๊ดจ๊าดยิ่งกว่าพริกขี้หนูสวนป้าจำเนียน

          ทำไมอำนาจถึงคิดเลิกถ่ายวีดีโอกระทันหัน ถึงขนาดเก็บของเดินหนีไปให้พ้น ๆ ใครได้เห็นภาพผ่านกล้องเหมือนเขาก็คงทำเหมือนเขา นักกีฬาที่กำลังเต้นฮะกะกันอย่างเมามันส์ ล้วนผอมแห้งแรงน้อยราวกับเด็กขาดสารอาหาร เสียงที่ตะเบงก็แหบแห้งไร้สิ้นซึ่งพลัง บางคนตัวเตี้ยเกินเหตุ บางคนใส่แว่นหนาเตอะ บางคนใส่ดัดฟันสีเหลืองสด บางคนเต้นคล่อมจังหวะผิด ๆ ถูก ๆ บางคนก็หอบซี่โครงบานเหงื่อท่วมตัว ไม่ได้มีความน่ากลัว…มีแต่ความน่าสังเวชใจ

          “นี่ทีมบาสหรือทีมบิงโกกันแน่ฟระ ทั้งโรงเรียนมีผู้ชายเท่านี้ใช่ป่ะ กลับไปแคะขนมครกดีกว่ามั้ยพี่”

          นายสี่ตายังคงพร่ำบ่นไม่หยุดปาก เขาจ้องมองกล้องวีดีโอทีท่าลังเลใจ ผมต้องห้ามเพื่อนด้วยวาจาและสายตา แล้วหันไปมองนักกีฬาฝั่งทีมเราบ้าง ทรงเดชถึงกับนอนแผ่หรากลางสนาม เดือดร้อนรุ่นพี่ต้องคอยห้ามไม่ให้เสียมารยาท การเต้นฮะกะกินเวลาถึง 10 นาทีเต็ม นานจนลิงหลับพลัดตกต้นไม้ได้เลย จะเต้นเอาเหรียญทองกันหรือไงพ่อคุ๊นนน..!!

          “นี่เราพูดจริง ๆ นะ เลิกถ่ายวีดีโอเถอะ” อำนาจเสนอข้อตกลงอีกครั้ง

          “เลิกไม่ได้สิ เรารับปากไว้แล้วว่าจะถ่ายจนจบ” ผมบอกปัดโดยไม่ต้องคิด

          “ถ่ายไปเพื่ออะไร ฝั่งโน้นยังไงก็แพ้ ชู๊ตบาสกันเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้” นายสี่ตาปากดีเช่นเคย

          “ไม่ได้ถ่ายทีมโน้น ถ่ายทีมเราต่างหาก” ผมอธิบายความตามท้องเรื่อง

          “ถ่ายทีมเราไปทำไม ไม่ต้องใช้แผนอะไรเลยก็ชนะ ทรงเดชไม่ต้องลงตัวจริงด้วยซ้ำ”

          “ถ่ายเพื่อให้เห็นว่าไม่ได้เล่นตามแผน อาจารย์วิบูลย์ไม่อยากให้เสาร์ห้าได้ข้อมูล โน่นไง…ญาตินายนั่งกันหน้าสลอน”

          ผมพยักหน้าไปยังอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้าม ซึ่งไม่มีใครนั่งนอกจากนักเรียนเสาร์ห้ากลุ่มหนึ่ง พวกนั้นตั้งกล้องวีดีโอเหมือนเราทุกประการ คงไม่คิดอยากถ่ายทีมเซนต์ พอลแฮรี่ให้เปลืองแบตเล่น อาจารย์สมมาสเป็นคนรอบคอบไม่แพ้อาจารย์วิบูลย์ สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนแค้นแต่ปางก่อน การต่อสู้ระหว่างสองอาจารย์มีเดิมพันใหญ่โตเรื่องหัวใจ

              ------------------------------------------------------------

          การแข่งขันบาสเริ่มมาได้ซักพักหนึ่ง ทีมเจ้าบ้านเริ่มออกนำตั้งแต่ 4 วินาทีแรก จากนั้นเกมส์ก็เป็นแบบวันเวย์คือพับสนามบุก เวลาผ่านพ้นจนใกล้หมดควอเตอร์เต็มที คะแนนฝ่ายเรานำอยู่ที่ 28 ต่อ 6 อาจดูไม่ห่างเพราะทุกคนกั๊กการเล่นสุดชีวิต นี่คือการแข่งที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดในสามโลก เริ่มมีเสียงพร่ำบ่นจากกองเชียร์ซึ่งนั่งติดกัน

          “คุณหัวหน้าห้องครับ พวกหนูกลับบ้านได้หรือยังครับ ตากแดดจนฝ้าขึ้นทั้งหน้าแล้ว”

          เสียงหวาน ๆ ดังขึ้นที่ข้างหูข้างขวา หันกลับไปพบเจอดวงตาใสแป๋วคู่หนึ่ง เป็นของชิดชนกลูกสาวเฮียอ๋าคนเดิม เธอมานั่งเชียร์เคียงคู่นิตยาสาวผมหยักโศก เพราะเป็นการแข่งกับทีมที่ไม่มีอะไรเลย จึงไม่มีใครเลยคิดอยากนั่งตากแดดหัวแดง แต่ถ้าปล่อยให้ข้างสนามอ้างว้างเกินเหตุ โรงเรียนจะเสียภาพลักษณ์ที่เคยเป็นแชมป์มัธยมต้น ผอ.ยอดรักจึงเสนอให้มีกองเชียร์จัดตั้ง และหวยก็มาตกที่เด็กในสังกัดอาจารย์สมพิศ (อีกแล้ว) พวกเราทุกคนจึงต้องร่วมชะตากรรมด้วยกัน

          “กลับไม่ได้สิ ต้องรอให้บาสแข่งจบก่อน” ผมปฎิเสธด้วยคำตอบสามัญประจำบ้าน

          “กินไอติมได้มั้ย เราร้อนมากเลย” นิตยาเอ่ยปากถามบ้าง

          “กินไม่ได้สิ ถ้าโดนเสาร์ห้าถ่ายภาพไปประจาน โดนแทงปลาไหลยกห้องแย่เลย” ผมปฎิเสธอีกครั้ง

          “แล้วพวกเราทำอะไรได้บ้าง นอกจากนั่งเป็นหมูแดดเดียวอยู่ตรงนี้” ชิดชนกเริ่มมีหางเสียง

          “หายใจได้ ขยับก้นได้ จะตดก็ได้นะ แต่ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามสาย ห้ามตายโดยเด็ดขาด อยู่ห้องสามต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย อยู่ห้องสามต้องเป็นควาย เหนื่อยแทบตายต้องอดทน”

          ยังไม่ทันที่นายหัวหน้าห้องจะเอ่ยอะไร อำนาจก็ชิงปากเสียตัดหน้าเหมือนทุกครั้ง คำพูดของหมอถูกใจผองเพื่อนเสียเหลือเกิน จึงมีเสียงโห่ทาร์ซานตามมาอย่างทันท่วงที แว่วเสียงมนต์ชัยและเพียงตามาจากด้านบน ไม่เว้นกระทั่งณรงค์ฤทธิ์ซึ่งพูดไม่เก่ง แต่ที่แสบแก้วหูคือเสียงจากชิดชนกและนิตยา อยู่ห่างกันแค่นี้แม่คุณจะตะโกนไปเพื่อ..!!

          “จะโวยวายทำไม ก็นั่งตากแดดเหมือนกันทุกคน” คนพูดสีหน้าเหนื่อยหน่าย หัวหน้าห้องเป็นงานที่วุ่นวายมาก “เดี๋ยวหมดควอเตอร์ที่ 1 เราจะให้เด็กเอาน้ำเย็นมาแจก”

          “อยากกินเป๊ปซี่ใส่น้ำแข็ง !!”

          ใครคนหนึ่งตะโกนเสียงดังสวนกลับ และอีก 36 คนตะโกนตามโดยพร้อมเพรียง นักบาสทุกคนหยุดเล่นเพื่อหันมามอง ว่าพวกกองเชียร์ผีเข้ากันหมดหรืออย่างไร นอกจากจะไม่สนใจการแข่งขันแม้แต่น้อย ยังทะเลาะตบตีกันเองราวกับเป็นคนเสียสติ รุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อนพ้องทั้งหลายเอ๋ย อย่าได้ตกอกตกใจกันไปเลย นี่คือเหตุการณ์ปรกติของพวกเรา

          “เป็ปซี่ก็ได้ แต่หักจากงบกลางของห้องนะ”

          ผมตัดสินใจทำตามความต้องการทุกคน แต่ก็ยังมีเสียงโห่ฮาดังสนั่นไม่สิ้นสุด อาจารย์วิบูลย์แอบถอนหายใจเฮือกโต ก่อนเดินส่ายอาด ๆ มาพบเพื่อยื่นแบงค์สีม่วง เท่านั้นแหละ…พลันมีเสียงปรบมือดังกระหึ่มทั่วอัฒจันทร์ กองเชียร์จัดตั้งเริ่มทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ต้องหยอดน้ำมันซักนิดถ้าคิดใช้บริการห้องสาม ไม่รู้ใครกล่าวแต่ผมเนี่ยแหละอ้างถึง

          การแข่งบาสได้หยุดพักหลังจบควอเตอร์แรก ผู้นำเชียร์จากเซนต์ พอลแฮรี่ออกมาแสดงกลางสนาม นั่นแหละครับคือเวลาของอำนาจ เด็กหนุ่มผู้มีสิวประปรายแบกกล้องวีดีโอส่วนตัว มุ่งไปยังจุดที่อยู่ใกล้ที่สุดและถ่ายชัดที่สุด โรงเรียนนานาชาติยอมให้นักเรียนไว้ผมยาว ปล่อยผมได้ย้อมสีผมที่ไม่จัดจ้านได้ ผู้นำเชียร์ทั้ง 8 คนแต่งหน้าทาปากพอประมาณ สวมเสื้อยืดรัดรูปสีสดโชว์สะดือจุ่น กางเกงขาสั้นฟิตเปี๊ยะเหมือนนักวอลเลย์บอล รองเท้าผ้าใบสีขาวโกนขนหน้าแข้งเรียบร้อย โดยการฝึกสอนจากอาจารย์ขาแดนส์ชาวฟิลิปปินส์ จึงมีท่าเต้นค่อนข้างโลดโผนโจนทะยาน ผมเห็นแวบเดียวเลือดกำเดาไหลนองพื้นเลย

          ระหว่างที่นักกีฬาทยอยเดินออกนอกสนาม ผมวานไอ้น้องผู้ชอบยักคิ้วข้างเดียวไปซื้อเป๊ปซี่ ไอ้หนูและเพื่อนทำหน้าที่ได้ดีเกินตัว เพราะใช้เงินทอนเหมาไอติมกะทิลอดช่องมาหมดทั้งคัน ก็ต้องขอขอบใจแม้รู้สึกขัดใจอยู่ก็ตาม กองเชียร์จัดตั้งสวาปามไอติมอย่างดุเดือด น้องชายคนเล็กของพี่ตูนยังได้กล่าวทิ้งท้าย

          “พี่...อาจารย์วิบูลย์ฝากมาบอก” เจ้าตัวกระแอมไอก่อนดัดเสียงล้อเลียน “ถ้ารู้ว่านี่คือการเตี๊ยมกัน เอ็งตายคนแรก !”

          คนนำข่าวสารยักคิ้วให้ก่อนหันหลังกลับ มีเพื่อนผิวคล้ำชื่อเด็กชายสำลีตามประกบ อาจารย์หนออาจารย์…คิดไปได้ว่าพวกเราเตี๊ยมกันเพื่อไถเงิน เป็นคนกลางนี่มันลำบากเหลือหลาย ทางโน้นก็ใส่มาแรงเต็มข้อ ทางนี้ก็ทำไมเย็นที่ต้นคอจังเลย

          เดี๋ยวก่อนนะ…. เย็นต้นคอจริง ๆ ด้วย เย็นเหมือนกับโดนน้ำแข็งก้อนเบ้อเริ่ม หรือว่า…หรือว่า ???

          “เย้ย…!! นกเล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมดเลย”

          คนพูดสะดุ้งโหยงราวกับโดนมีดบาด เมื่อหันมาเจอใครบางคนอยู่ด้านหลัง ชิดชนกไม่ได้แอบย่องมาเพียงลำพัง เจ้าหล่อนยังนำไอติมกะทิลอดช่องติดมือมา ของหวานเย็นเจี๊ยบจิ้มโดนท้ายทอยโดยตั้งใจ กระทั่งต่อมตุ๊ดทำงานโดยอัตโนมัติ

          “แก้วนี้ของนาย ไอติมเจ้านี้อร่อยเหอะเชียวนะ วันหลังกินกันอีกเราเลี้ยงเอง”

          แม่สาวผมม้ายิ้มร่าเมื่อได้ของโปรด เห็นเธอยิ้มออกผมพลอยสบายใจและโล่งอก จึงรับไอติมตักใส่ปากเหมือนกับทุกคน รสชาติอร่อยเหาะเหมือนชิดชนกพูดไม่ผิด แต่คงเป็นเพราะนั่งตากแดดมากกว่ามั้ง

          “เคี๊ยวตุ้ย ๆ เลยนะ ไม่กลัวเสียเสียภาพลักษณ์แล้วหรา” เพื่อนสาวต่อปากต่อคำไม่เลิก

          “ยังมีให้เสียอยู่อีกหรา เล่นกันซะขนาดนี้” อีกฝ่ายประชดประชันกลับ

          “ช่วยไม่ได้นี่นา ก็คนมันร้อนแดด แล้วยังมาเจอหัวหน้าห้องบ้าอำนาจเข้าอีก เราไม่พังอัฒจันทร์ก็บุญโขแล้ว”

          ชิดชนกแลบลิ้นใส่ก่อนยิ้มหวานหยด เธออารมณ์ดีและไม่หงุดหงิดเหมือนแต่ก่อน แม้สองเราจะสนิทสนมกันมากกว่าเดิม ผมก็ยังไม่เข้าใจนิสัยสาวเจ้าอย่างชัดเจน บางครั้งเธอก็มีเหตุผลยึดมั่นกับหลักการ บางครั้งเธอก็เอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาซักนิดเดียว ชิดชนกไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลและผมไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เป็นเพราะ…

          “กินอะไรแบ่งมั่ง วันนี้โคตรหิวเลย แดดก็ร้อนอย่างกับอยู่ทะเลทรายซาฮาร่า”

          ขณะที่ผมกำลังเพ้อเจ้อเข้าด้ายเข้าเข็ม ยอดนักบาสคนเก่งได้เข้ามารวมกลุ่ม ทรงเดชมาถึงก็คว้าไอติมจากมือไปเลย ทั้งของผมและชิดชนกหายวับในเสี้ยววินาที ตามติดมาด้วยเป๊ปซี่ 2 แก้วโต พร้อมเสียงเรอดังกระหึ่มทั่วสนาม

          “อี๋…น่าเกลียด ไปนั่งไกล ๆ เลย” ชิดชนกทำปากแบะขนแขนตั้งชันด้วยขยะแขยง

          “เกินไปยายนก ผู้ชายทั้งแท่งเขาทำกันแบบนี้เฟ้ย ว่าแต่หมอนั่น…มันมาทำอะไรที่นี่”

          ทรงเดชเริ่มปากดีหลังจากกินอิ่ม เขาส่งสายตาไปยังนักเรียนชายคนหนึ่ง เดินฉายเดี่ยวเข้ามาที่กองเชียร์โดยตั้งใจ

          “สวัสดีจ้าน้อง ๆ ทุกคน” ทั้งที่อาวุโสกว่าแต่ดันยกมือไหว้ดะ “เห็นว่านั่งตากแดดเพื่อโรงเรียนเราอยู่ พี่หรั่งคนนี้เลยมาให้กำลังใจถึงขอบสนาม ได้น้ำดื่มครบถ้วนทุกคนแล้วใช่ไหม แล้วอย่าลืมเบอร์สองกันนะจ๊ะ พี่หรั่งยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง คนไหนไม่สบายใจ โดนแม่ดุ คะแนนสอบไม่ดี เดี๋ยวพี่หรั่งร้องลิเกให้ฟังเองจ้า หรือจะให้ออกแขกซักท่อนก่อนเลย”

          ผู้มาใหม่พูดฉอด ๆ ราวกับนักการเมือง ทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเองมาก เขาคนนี้มีชื่อว่าพี่ไพรวัลย์ เรียนอยู่ห้อง 5/2 เป็นนักฟุตบอลทีมโรงเรียน ทว่าทุกคนรู้จักกันในฉายา “หรั่งผมแดง” เนื่องจากคุณพ่อระพินทร์ได้ภรรยาลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ลูกชายคนแรกจึงได้เป็นลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษไปด้วย เขามีความสุง 175 เซนติเมตร หุ่นสะโอดสะโอง ผิวพรรณดี หน้าตาดี จมูกโด่งกำลังเหมาะ ผมสีน้ำตาลแดงหยักโศกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มรับกับสีคิ้ว ขี่เวสป้า LXV 150 สีขาวมุกคันเดียวในอำเภอ หากผมจะพูดว่า…พี่หรั่งหน้าตาดีที่สุดในโรงเรียนก็คงไม่ผิด เพียงแต่ทรงเดชจะไม่ยอมรับและเถียงสุดใจ

          อีก 2 อาทิตย์จะมีการเลือกตั้งประธานนักเรียนคนใหม่ พี่หรั่งลงรับสมัครและได้เบอร์ 2 ตามที่เอื้อนเอ่ย เขาก็เลยมาเดินหาเสียงเท่านั้นแหละครับ อาศัยหน้าตาดีกว่าคู่แข่งจึงมีคะแนนนำ นักบอลหัวแดงเดินมาหยุดหน้าใครบางคน

          “สวัสดีจ้าน้องนิตยา เรียนที่นี่เป็นยังไงบ้าง โรงเรียนเราอาจเล็กกว่าเสาร์ห้านิดหน่อย สนใจการเลือกตั้งหรือเปล่า”

          เจ้าของเวสป้าทักทายเพื่อนสาวอย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนรวมทั้งเจ้าตัว คนโดนทักตอบกลับสั้นจู๊ดจู๋ เธอนั่งอยู่กับเพียงตาและอำนาจซึ่งกลับมาแล้ว การหาเสียงดำเนินต่อไปประมาณ 5 นาที ผู้สมัครเบอร์ 2 จึงเดินมาดหล่อจากไป พวกเราทุกคนต่างเข้ามามุงแม่สาวผมหยักโศก

          “นี่ยายนิด เธอไปรู้จักกับหมอนั่นตอนไหน” ทรงเดชเริ่มถามเป็นคนแรก

          “ไวไฟเหมือนกันนะเรา ดูหนังด้วยกันแล้วดิ” อำนาจตามซ้ำดาบสองอย่างรวดเร็ว

          “จะบ้าเหรอ !” คนโดนล้อแผดเสียงใส่ “เราไม่รู้จักด้วยซ้ำ”

          “ถ้าเธอไม่รู้จัก แล้วหมอนั่นจะเข้ามาคุยด้วยเหรอ” ทรงเดชจิกตามองคล้ายจับผิด

          “บอกพวกเรามาเถอะ รับรองไม่หลุดไปที่อื่น” อำนาจพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

          “เราว่านิดไม่รู้จักพี่หรั่งหรอก และถ้านิดไม่กลับกรุงเทพไปหาแม่ เธอก็ขลุกอยู่กับพวกเราทั้งวันนี่นา”

          ชิดชนกเข้าข้างเพื่อนสาวชนิดหมดใจ เพียงตาพยักหน้าคล้ายสนับสนุนในตัว เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายมีสองคะแนนเท่ากัน จึงหันมามองที่ผมซึ่งยังไม่เลือกข้างไหน คนโดนจ้องมองเกาหัวแกรก ๆ ก่อนขยับปาก

          “เราว่า…อย่าไปสนใจเลย เขาอาจได้ข้อมูลนิดจากที่ไหนซักแห่ง” ไม่รู้จะตอบว่ายังไงนี่นา

          “พระเจ้าจอร์ท! ของดีมาอีกแล้ว” ทรงเดชทำตาเหลือกขณะอุทาน เขาคงเห็นอะไรซักอย่างเข้า

          “ช่างพี่หรั่งเถอะน่า นายเตรียมตัวลงแข่งดีกว่า” ผมตอบกลับแบบไม่ใส่ใจ

          “ไม่ใช่หมอนั่นซักหน่อย แต่เป็นเธอคนนั้นต่างหาก”

          คำพูดยอดนักบาสเรียกความสนใจได้ดี อำนาจเหลียวมองแล้วทำหน้าเหวอน้ำลายไหล ผมก็เลยรีบหมุนตัวกลับไปบ้าง เพื่อพบอะไรบางอย่างที่ทั้งขาวโมโม่ อวบอื๋ม และน่ารักสดใส นักเรียนหญิงโรงเรียนเซนต์ พอลแฮรี่นางหนึ่ง เดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้าใกล้พวกเราทุกขณะ เธอกำลังยิ้มให้ใครอยู่กันแน่ หรือว่าจะเป็นผมคนนี้…เรานี่ก็หล่อไม่เบาเหมือนกัน

          สาวผมยาวเดินผ่านผมไปแบบไม่ใยดี มุ่งตรงไปยังอัฒจันทร์ฝั่งซ้ายมือติดต้นก้ามปู ตรงนั้นเองวิทยานั่งประจิ้มประเจ๋ออยู่คนเดียว ผู้มาใหม่นั่งแหมะเคียงข้างกันและกัน ทั้งยังดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับเพื่อนผม

          “เปเป้รอปูเปรี้ยวนานไหม พอดีงานยุ่งปลีกตัวไม่ได้เลย”

          “เปเป้ …!! ปูเปรี้ยว …!! หรือว่า …??”

          สมาชิกห้องสามตะโกนเสียงดังพร้อมกัน คนที่วิ่งช้ายิ่งกว่าเต่า ให้ทำอะไรก็ได้ที่โหล่ นายคนนี้เนี่ยนะชื่อเปเป้

          “ใช่ค่ะ เปเป้เป็นเพื่อนกับปูเปรี้ยวมานานแล้ว” สาวน้อยโรงเรียนนานาชาติหันมาคุยด้วย

          “ขอโทษนะครับ คุณรู้จักนายคนนี้ได้อย่างไร” ทรงเดชออกจะเสียมารยาทไปบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเราอยากรู้มาก

          “ทรงเดช ทรงเดชโว้ย !! กรรมการเรียกแล้ว” อาจารย์วิบูลย์ตะโกนมาจากขอบสนาม

          “ผมเล็บขบครับอาจารย์ กลัวกล้ามเนื้อฉีกขอพักอีก 5 นาที”

          นักกีฬาผู้บ้าพลังมากที่สุดในจักรวาล ถึงกับลงทุนไม่ไปแข่งขันหน้าตาเฉย สติสตังของทรงเดชน่าจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลลิบ วันนี้รัตนาและทีมเชียร์ได้ไปซ้อมลับที่ไหนซักแห่ง เขาจึงมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา

          “เรื่องนี้ยาวมากเล่า 3 วันก็ไม่จบ แต่ปูเปรี้ยวอยากเล่า…ตั้งใจฟังนะ” ปูเปรี้ยวขยับท่านั่งให้เรียบร้อย อำนาจดูจะเสียใจที่ไม่เห็นขาอ่อนสาว “สมัยก่อนปูเปรี้ยวเรียนประถมที่ป๊อกแป๊ก วันหนึ่งได้มาเจอเปเป้กำลังตีปิงปองอยู่กับป่ะป๊า ป่ะป๊าต้องมารับปูเปรี้ยวกับปีโป้ทุกเย็น บังเอิญเห็นเปเป้เล่นว่าวปักเป้าอยู่เดียวดาย ป่ะป๊าก็เลยชวนเปเป้มาตีปิงปองด้วยกัน ปูเปรี้ยวยังเคยดูหนังกับเปเป้ตั้งหลายรอบ เรื่องเขยใหม่ปึ๋งปั๊งกับทายาทป๋องแป๋ง ทุกคนเคยดูป่ะล่ะ บลา บลา บลา…”

          สาวโรงเรียนนานาชาติพูดเร็วปานปืนยิงเครื่องบิน ทั้งยังต่อเนื่องและยาวนานกินเวลาร่วม 5 นาที ผมและอำนาจใบ้รับประทานอ้าปากหวอ นิตยาถึงกับหยิบแว่นมาใส่เพื่อมองให้ชัด ชิดชนกจ้องหน้าปูเปรี้ยวด้วยความประทับใจ คนพูดเก่งอย่างเธอขอยอมแพ้แต่โดยดี จะมีก็แต่ทรงเดชที่กระดี๊กระด๊าไม่หยุด หมอตื่นตัวกว่าใครและเอาใจใส่ในทุกคำพูด

          “พอปูเปรี้ยวรู้ว่าทีมบาสจะมาแข่งที่นี่ ก็เลยเอาของที่ระลึกมาฝากเปเป้ นี่ไงคะ…ชอบมั้ย”

          แม่สาวปืนกลหกลำกล้องยื่นถุงในมือให้ วิทยารีบเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว พร้อมสายตาสอดรู้สอดเห็นจากผองเพื่อน มันคือหมวกแก๊ปสีกรมท่าติดตราเซนต์ พอลแฮรี่ เจ้าตัวรีบสวมพร้อมยิ้มหวานจ๋อยน้ำตาลท่วมฟ้า เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเขาคิดอะไรในใจ แก๊งค์สามหื่นเริ่มปากเสียจึงโดนชิดชนกดุ ผู้มาเยือนพูดคุยด้วยซักพักนึงก่อนเอ่ยลา

          “ปูเปรี้ยวต้องไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะเปเป้ สวัสดีนะคะทุกคน”

          “สวัสดีเช่นกันทุกคน ปรงเปรตก็ต้องไปแข่งบาสแล้ว เดินไปด้วยคนนะคะปูเปรี้ยว”

                              ปรงเปรต (ทรงเดช) กล่าวอำลาแล้วเดินตามสาวไป ไม่รู้หมอนี่ชวนคุยอะไรได้ตลอดทาง ถ้าไม่โดนอาจารย์วิบูลย์ดึงหูไว้ทัน เพื่อนคงตามไปส่งสาวถึงทีมคู่แข่งแน่นอน เมื่อทุกอย่างกลับสู่ปรกติวิทยาจึงโดนรุมกระหน่ำ

          “เล่ามาเลย อะไรที่ไหนอย่างไร” นิตยาชิงพูดเป็นคนแรก ทั้งที่ปรกติเธอมักนั่งฟังอย่างเดียว

          “ให้มันละเอียดหน่อยนะเปเป้ ใช้ชื่อนี้เลยเหรอครับคุณเพื่อน เคยส่องกระจกดูหนังหน้าตัวเองบ้างมั้ย”

          อำนาจรีบเข้ามาประกบวิทยาอย่างใกล้ชิด การสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน คืองานหลักงานประจำของนายสี่ตาคนนี้ เดือดร้อนผมต้องเดินไปถ่ายวีดีโอแทน แต่ก็ยังเงี่ยหูรับฟังเรื่องราวโดยตั้งใจ เด็กหนุ่มเจ้าของฉายา “เปเป้” เขินอายจนหน้าแดงก่ำ หูแดงก่ำ ลำคอแดงก่ำ กระทั่งต่อมทอนซิลก็ยังแดงก่ำ วิทยาสวมหมวกใบนั้นติดหัวตลอดเวลา

          “เรา เรา…เราไม่มีอะไรจะเล่า” พระเอกของเรื่องดันเล่นตัวซะงั้น

          “ไม่ต้องเขินพวกเราหรอกน่า ถ้าเป้ไม่เล่าให้หมดตอนนี้ เดี๋ยวทรงเดชกลับมาจะโดนไม่ใช่น้อย”

          ชิดชนกเริ่มใช้ของหนักเข้าข่มขู่ ทำเอาเจ้าตัวขนแขนแสตนอัพ และแล้ววิทยาก็เริ่มเปิดปากทีล่ะอย่าง กว่าจะตะล่อมถามจนหมดกินเวลาร่วม 10 นาที การแข่งขันในควอเตอร์ที่ 2 สิ้นสุดลง เจ้าชายหมีน้อยวิ่งห้อกลับมาเต็มฝีเท้า

          ผมขอสรุปความทั้งหมดให้เอง ตอนเด็กพ่อของวิทยาเดินทางไปทำงานที่ซาอุ เพื่อนำเงินมาไถ่ที่นาจากเจ้าหนี้นอกระบบ วิทยากับแม่จึงต้องระเห็ดไปอยู่โรงเรียนป๊อกแป๊ก เขาต้องช่วยแม่ขายอาหารและน้ำดื่มในโรงเรียน ส่วนปูเปรี้ยวเป็นรุ่นพี่ของพวกเรา 1 ปี เธอมาสนิทด้วยเพราะต้องรอพ่อมารับทุกเย็น และนั่นก็คือรักแรกและรักเดียวของเด็กชายวิทยา กระทั่งปูเปรี้ยวเรียนจบประถมศึกษา ส่วนเพื่อนเราได้กลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง พวกเขาทั้งคู่จึงได้ไม่เจอกันอีกเลย

          “อุ๊ยยยย…!!โรแมนติกอ่ะ เราอยากมีโมเมนต์แบบนี้บ้าง” ชิดชนกหลับตากุมมือขณะใช้จินตนาการ

          “โทษนะนก เราว่าน้ำเน่า” แต่นิตยาดันเห็นตรงกันข้าม

          “นิดน่ะ เข้าข้างเราหน่อยก็ไม่ได้” คนพูดหันมามองนายหัวหน้าห้องตาเขียวปั๊ด “แล้วนายคิดว่าไง”

          “เราก็ว่า…มันโรแมนติกดีออก” ผมจะตอบอย่างอื่นได้อีกเหรอ

          “เห็นมั้ย บอกแล้วโรแมนติกโรแมนติก นิดก็ไม่เชื่อ เป้…พรุ่งนี้นัดไปที่ไหนกันเหรอ”

          ชิดชนกยิ้มแป้นเมื่อมีคนสนับสนุน เธอเดินไปตะล่อมถามนายวิทยาเรื่องนัดเดท นิตยาหัวเราะร่วนส่ายหัวก่อนจากไป ทิ้งให้ผมนั่งหยองกอดถ่ายวีดีโออยู่คนเดียว โชดดีที่ทรงเดชกับอำนาจไม่ทันได้ยิน ไอ้เสือสิ้นลายบ่นลอย ๆ กับฟ้ากับลม

          เซนต์ พอลแฮรี่เป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวของจังหวัด สอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย มีอาจารย์ต่างชาติอยู่ประมาณ 70 เปอร์เซนต์ โดยเป็นอาจารย์ฟิลิปปินส์มากถึง 30 เปอร์เซนต์ นักเรียนประมาณครึ่งหนึ่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน บรูไน พม่า กัมพูชา ลาว เวียตนาม รวมทั้งบังคลาเทศ การแข่งบาสกำหนดให้เป็นนักเรียนไทยเท่านั้น โรงเรียนนี้จึงมีทีมบาสที่ค่อนข้างเล็ก พวกเขาได้มักอันดับโหล่ทุกครั้ง แต่ก็ยังใจเด็ดส่งทีมเข้าแข่งขันทุกครั้ง

          แม่สาวปูเปรี้ยวหวานใจเพื่อนเรานั้น เธอสุงประมาณ 160 เซนติเมตร ไว้ผมยาวกลางหลังย้อมสีแดงเลือดนก แต่งหน้าทาปากครบครันแต่ไม่จัดจ้าน สวมเสื้อเชิร์ตสีขาวขนาดพอดีตัว ผูกเนคไทลายสก๊อตน้ำเงินสลับฟ้า กระโปรงสั้นสุงเหนือเข่าลายเดียวกับเนคไท ปูเปรี้ยวเป็นหมวยตาโตแก้มป่องยิ้มเก่ง มีหน้าอก มีสะโพก มีสะเอว เป็นสาวเต็มตัวทั้งที่แก่กว่าพวกเราปีเดียว ไม่น่าแปลกใจที่ทรงเดชจะรู้สึกปลาบปลื้ม แต่เธอเป็นหญิงของเพื่อนนะเฟ้ย ขืนเอ็งทำรุ่มร่ามเดี๋ยวได้โดนลูกถีบขาคู่

          ส่วนวิทยา หรือเป้ หรือเปเป้ หรืออะไรก็ตาม มีทุกอย่างตรงข้ามฝ่ายหญิงพอดิบพอดี เขาสุง 171 เซนติเมตร ผอมบางไส้แห้ง เรียนไม่เก่ง ไม่เคยเป็นนักกีฬาซักประเภท (เชื่องช้าชนิดเต่ากัดยาง จะแข่งอะไรกับใครเขาทัน) แต่เพื่อนผมใบหน้าคมเข้มพอประมาณ ดวงตาคมกริบคล้ายพระเอกหนังแขก วิทยาไม่ได้เรียนรักษาดินแดนหรือรด. จึงไว้ผมยาวดูหล่อเหลากว่าเพื่อนชายทุกคน ผู้มีเสน่ห์คล้ายไอ้คล้าวจากท้องทุ่งบางกะปิ จะไล่ตามนักเรียนหัวกะทิยุคการศึกษา 4.0 ได้ทันหรือ

          การแข่งขันในควอเตอร์ที่ 3 กำลังจะเริ่มต้น โรงเรียนเรามีคะแนนนำอยู่ที่ 68 ต่อ 28 นักกีฬาทุกคนทยอยเดินเข้าสู่สนาม รวมทั้งทรงเดชซึ่งจากมาอย่างเสียไม่ได้ เจ้าของมวลสารหนัก 85 กิโลกรัมเกิดอาการชะงักงัน

          “เฮ้ยเป้ มีอะไรจะบอก” ทรงเดชย้อนกลับมาอีกครั้ง ตาก็เหล่มองนักกีฬาหน้าจืดฝ่ายตรงข้าม “นายเห็นเบอร์ 5 คนนั้นหรือเปล่า เราว่าปูเปรี้ยวใส่ใจหมอนี่มากเกินเพื่อน เดี๋ยวเราจัดการให้เอง พรุ่งนี้นายจะได้ไปเดทสบายใจเฉิบ”

          หลังพูดจบเจ้าตัวก็วิ่งปู๊ดจากไป กรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งทันที ผมเห็นวิทยาหน้าซีดลงฉับพลัน เขามีอาการลังเลอยากเอ่ยอะไรซักอย่าง ทว่าหมอนี่นอกจากพูดช้าและพูดยานแล้ว เวลาที่ตื่นเต้นจะพูดติดอ่างฟังไม่รู้เรื่อง และตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด จึงพูดติดอ่างอย่างถึงที่สุดตามกันไปด้วย ชิดชนกเป็นคนที่ชอบเห็นอกเห็นใจเพื่อน เธอจึงอาสาช่วยแปลความหมายให้ชัดเจน เรามาชมผลงานของเธอกันนะครับ

          วิทยา : ซะ ซะ ซะ ทรง เด่ เด่ เด่ เดช ขะ ขะ ขะ เข้า จะ จะ

          ชิดชนก : ทรงเดชเข้าใจผิด

          วิทยา : นะ นะ นะ นะ นาย คะ คะ คะ คน

          ชิดชนก : นายคนนั้น

          วิทยา : มะ มะ มะ ไม่ ชะ ชะ ชะ ใช่ ฟะ ฟะ ฟะ ฟะ

          ชิดชนก : ไม่ใช่แฟนแต่เป็นคนรัก ตามรับตามส่งทุกวันมาเกือบปีแล้ว เรียนจบเมื่อไหร่จะแต่งงานกันเลย

          เพื่อนทุกคน : เจี๊ยกกก…!!!

          ชิดชนกพูดต่อให้เองหน้าตาเฉย ทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยงเป็นตลกคาเฟ่ สงสารก็แต่วิทยาหน้าตาตื่นยิ่งกว่าเดิม

          “มันใช่เวลาปล่อยมุขมั้ยแม่คุณ กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่นะ มัวแต่เล่นไม่รู้เรื่องกันพอดี”

          ในฐานะหัวหน้าห้องจึงต้องดุพอเป็นพิธี สาวน้อยแลบลิ้นแล้วขอโทษพอเป็นพิธีบ้าง ผมจึงหันไปเจรจาความกับเจ้าตัว

          “นายสุดลมหายใจลึก ๆ ยาว ๆ กลั้นไว้ก่อน แล้วค่อย ๆ ปล่อยมันออกมา…ดีมาก ใจเย็นไว้นะ รวบรวมสติสมาธิให้ดี ทีนี้ค่อยบอกกับพวกเราว่า มันเกิดอะไรขึ้น”

          วิทยาทำตามโดยไม่อิดออด เพราะต้องการสื่อสารเรื่องที่สำคัญที่สุด แม้จะโดนอำนาจพูดกวนโมโหตลอดเวลา ก็ยังรวบรวมสมาธิได้โดยไม่วอกแวก กระทั่งเขาควบคุมการหายใจได้แล้ว จึงเอ่ยประโยคสำคัญน้ำเสียงสุดเครียด

          “ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนปูเปรี้ยว เขาเป็นพี่ชายชื่อปีโป้”

          “ปีโป้ …!! พี่ชายปูเปรี้ยว …!!  ซวยแล้ว…!!”

          สมาชิกห้องสามตะโกนเสียงดังพร้อมกัน (อีกแล้ว) ก่อนหันไปมองในสนามโดยพร้อมเพรียง ลูกบาสถูกส่งเข้าในเขตโทษฝ่ายตรงข้าม ตรงนั้นเองมีนักกีฬาหน้าจืดยืนคุมพื้นที่ ทรงเดชแอบย่องเข้ามาจากทางด้านหลัง เขาใช้บั้นท้ายหนา ๆ กระแทกท้องน้อยคนยืนขวาง แล้วทิ้งตัวร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นด้วยกัน ทว่าทรงเดชนอนคล่อมตัวอีกฝ่ายนะครับ

          กรรรมการเป่านกหวีดยาวจนหูแทบดับ ก่อนตัดสินให้ทีมเราได้ลูกโทษ 2 ลูก ทรงเดชลุกขึ้นยืนได้เองตามปรกติ เขายังยิ้มแฉ่งโชว์เหงือกบาน ๆ ให้รอบวง นักกีฬาฝ่ายตรงข้ามนอนตัวงออยู่กลางสนาม ปีโป้กลายเป็นเป๋ห่าวแถมยังจุกจนพูดไม่ออก ปูเปรี้ยวซึ่งเป็นผู้จัดการทีมเซนต์ พอลแฮรี่ กระโดดเข้าใส่พร้อมกระเป๋ายาสีขาว-แดงคู่กาย ใบหน้าน้องสาวเต็มไปด้วยความกังวลใจ เธอรีบช่วยเหลือด้วยความคล่องแคล่วราวกับพยาบาล

          ส่งเดชนะส่งเดช …!! ดันส่งเฝือกให้เพื่อนอีกแล้ว ผมเหลียวมองวิทยาแล้วแอบถอนหายใจ

                 ---------------------------------------------

          ปล. ทีมเราเอาชนะทีมเซนต์ พอลแฮรี่ด้วยคะแนน 96 ต่อ 41 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงสายล่างตามความคาดหมาย วันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ที่สองของปีและเป็นวันเด็ก ทุกคนนัดเจอกันที่ร้านผัดไทยเจ๊แอนเวลา 11 โมงตรง เพื่อคอยช่วยเหลือวิทยาในการออกเดทกับปูเปรี้ยว นี่คือภารกิจแก้ตัวของสมาชิกแก๊งค์สามหื่น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา