ห้องสามเดอะซีรี่ย์

9.0

เขียนโดย มุมฉาก

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  26.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 08.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ตูน เมกะแดนซ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตูน เมกะแดนซ์

          พระอาทิตย์ดวงโตอันเป็นต้นกำเนิดทุกสรรพสิ่ง เคลื่อนกายคล้อยต่ำตามกาลเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เปลวแดดแผดร้อนประหนึ่งหัวใจของคนอกหัก แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นของรุ่งอรุณแห่งทิวากร ลมหนาวเดือนมกราพัดผ่านด้วยความอ้อยอิ่ง ใบไม้ไม่ไหวติงหมู่ภมรซ่อนตัวแฝงกาย ธรรมชาติที่อยู่รายรอบพากันหยุดเคลื่อนไหว ลมหายใจแห่งขุนเขาแผ่วเบาราวปุยนุ่น

          บ่าย 4 โมงวันพฤหัสบดีแรกสุดของปี และเป็นวันแรกสุดของการเรียนในปีนี้ โรงเรียนไกลปืนเที่ยงเต็มไปด้วยความคึกคัก ทั้งที่เลยเวลาเรียนและปล่อยกลับบ้านแล้ว สนามบาสขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยอัฒจันทร์กึ่งถาวร มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่าโอราเคิล อารีนา หลังจากทีมบาส ม.ต้นได้รองแชมป์ระดับเขต ทั้งในและนอกสนามเต็มไปด้วยนักเรียนชาย-หญิง

          “ไม่ต้องรีบออกบอลนะ ดูเพื่อนดูตำแหน่งตัวเองนะ ตอนเข้าทำระวังด้วยนะ ทรงเดชระวังลื่นล้มนะ”

          “…หมูแผ่น หมู่แผ่น หมูหยอง หมูกระป๋องจะลงสนาม พวกเรามาช่วยกันหาม หมูสนาม จะลงกะป๋อง…”

          “รีบเข้ามากันพื้นที่สินะ อย่าจับบอลนานให้รีบส่งเพื่อนนะ เย็นนี้กินข้าวต้มหมูหยองกันด้วยนะ เฮ้ย !”

          “…ทางโค้ง ทางโค้ง ทางโค้ง เปิดกระโปรงเห็นเต่าทอง เต่าทองของน้องมีหนวด จะเอาจรวดไปยิงเต่าทอง…”

          “กระโดดกางแขนให้มากกว่านี้นะ ปลาหมึกเต่าทองอร่อยจริง ๆ นะ เฮ้ย ! นี่พวกเธอ…เงียบเสียงหน่อยได้ไหม”

          อาจารย์วิบูลย์เป่านกหวีดยาวหยุดการซ้อม แล้วเดินทำหน้าปวดท้องเมนส์ไปยังข้างสนาม เป้าหมายก็คือกลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ชี้นำทุกคนในการให้กำลังใจแก่ทีม (หรือที่เรารู้จักกันในนามเชียร์ลีดเดอร์) เย็นนี้มีการฝึกซ้อมทีมบาส ม.ปลายของโรงเรียน ทรงเดชยอดนักกีฬาวิ่งกระหยองกระแหยงอยู่กลางสนาม เขาแต่งตัวเนี๊ยบทาหน้าขาววอกหัวมันแผลบ เพราะข้างสนามอันเต็มไปด้วยสาวน้อยหน้าตาดี มีคนสำคัญของหัวใจร่วมซ้อมอยู่ด้วย

          “ทำไมหนูซ้อมเชียร์ไม่ได้ล่ะคะ หนูไม่มีคุณสมบัติข้อไหน หนูผิดอะไร ทำไมต้องกลั่นแกล้ง ทำไม…!!”

          สาวน้อยจากห้อง 4/6 เจ้าของความสุง 150 เซนติเมตร ยืนโต้เถียงจนกรามสั่นด้วยความโมโหปนเอาแต่ใจ เธอผู้นี้ก็คือรัตนาแฟนสาวทรงเดช เพื่อน ๆ คงรู้จักวีรเวรวีรกรรมของรัตนากันมาแล้ว วันนี้เธอปรากฎตัวแค่ฉากเดียวเท่านั้นแหละ J

          อาจารย์พละจอมโหดส่ายหัวพลางถอยห่าง เขารู้ดีว่าไม่ควรปะทะกับเอเลี่ยนตัวแม่ จึงเข้าไปคุยกับอาจารย์โฉมวิไลที่เพิ่งมาถึง อาจารย์สาวเป็นคนสอนท่าเต้นให้ทีมเชียร์ลีดเดอร์ ทั้งที่ปรกติหล่อนสอนวิชาคหกรรมเย็บปักถักร้อย หลังทำการปรับความเข้าใจร่วม 10 นาที ทีมบาสโรงเรียนจึงกลับมาซ้อมอีกครั้ง ทีมเชียร์ลีดเดอร์แหกปากลั่นสนามเหมือนเดิม โดยมีรัตนาผู้นำจิตวิญญานเป็นตัวชูโรง แล้วสองอาจารย์จะเจรจาความกันไปเพื่อ ??

          ผมนั่งอยู่บนอัฒจันทร์กึ่งถาวรเพียงลำพัง จ้องมองรอบตัวพร้อมความสุขก้นบึ้งของหัวใจ ตารางชีวิตในปีนี้เป็นไปตามแบบแผน ไม่มีเรื่องวุ่นวายจิตใจร้อนรุ่มเฉกเช่นอดีต การแข่งขันบาสเกตบอลมัธยมปลายระดับจังหวัด เริ่มตั้งแต่อาทิตย์หน้าไปจนถึงวันวาเลนไทน์ จากนั้นสองวันเป็นการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์เทศบาล โดยที่นัดชิงจะจัดขึ้นในวันนี้ 5 มีนาคม 255x ต่อด้วยการสอบไล่ประจำปีแล้วปิดเทอมใหญ่ นั่นแหละครับคือเวลาที่เฝ้ารอคอย

          ผมเองไม่ได้ลงแข่งบาสกับใครเขา แต่มีหน้าที่ช่วยทีมและไปกับทีมทุกนัดเสมอ ส่วนฟุตซอลชิงแชมป์เทศบาลโผล่มาจากไหน ยังจำกันได้ใช่ไหม…ที่ห้องสามตั้งเป้าหมายคว้าแชมป์ฟุตบอลโรงเรียน ทว่าการแข่งขันจะจัดขึ้นในเทอมหน้า เท่ากับต้องรอคอยยาวนานถึง 5 เดือนเต็ม พวกเราตัดสินใจลงแข่งฟุตซอลเพื่ออุ่นเครื่อง โดยได้รับความสนับสนุนจากแม่ของชิดชนก ผู้ถูกหวย 3 ตัวงวดปีใหม่จำนวนเงิน 50 บาท กินเงินเจ้ามือโหดเลือดสาดถึงสองหมื่นกว่าบาท โคตรทีมฟุตซอล “เจ๊จ๋า ยูในเต็ด” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ตัวผู้เล่นประกอบไปด้วย ผม อำนาจ ทรงเดช มนต์ชัย และณรงค์ฤทธิ์ ลงแข่งขันในระดับอายุไม่เกิน 18 ปี

          คงต้องหาสมาชิกในทีมเพิ่ม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีผู้เล่นสับเปลี่ยนเวลาเหนื่อย ปัญหาข้อนี้ยังมีเวลาแก้ไข อย่างน้อยมีทีม มีชุดแข่งขัน มีงบประมาณ ผมก็สบายใจแล้ว (ใส่เสื้อพละโรงเรียนได้อายเขาตาย) ที่แอบมานั่งประจิ้มประเจ๋าอยู่บนอัฒจันทร์ หาใช่ซุ่มมองเชียร์ลีดเดอร์แม้พวกเธอจะน่ารัก(เกือบ)ทุกคนไม่ เป็นเพราะอาจารย์วิบูลย์ให้คนไปตามเมื่อครู่นี้

          “อ้าว..มาแล้วเหรอ ซ้อมส่งบอลกันไปก่อนนะ อีก 10 นาทีจะแบ่งทีมแข่งกันเองนะ”

          ผู้ที่นัดหมายหันมาเห็นเข้าพอดี เขาตะโกนสั่งการแล้วเดินแยกตัวออกมา แม่เจ้าโว้ย..!! อาจารย์วิบูลย์ส่งยิ้มหวานให้ สงสัยวันนี้จะเจองานใหญ่เข้าแล้วสิเรา ปรกติแกมักทำหน้าบึ้งราวกับโกรธกันมาเป็นสิบชาติ

          “อาจารย์มีเรื่องอยากไหว้วานนิดหน่อย” คนพูดทำหน้ากรุ้มกริ่ม “วันเสาร์ช่วงบ่ายว่างหรือเปล่า ? ”

          นั่นไง…ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกซักครั้ง แม้อาจารย์วิบูลย์จะชอบลงท้ายด้วยคำว่านะ แต่เวลาเป็นการเป็นงานแกก็พูดเหมือนคนปรกติ ผมรีบครุ่นคิดประมวลผลอย่างรวดเร็ว เพื่อหาทางปฎิเสธแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น

          “ไม่ว่างครับ ต้องพาอาม่าไปกินเกาเหลา” นี่คือคำแก้ตัวที่ดีที่สุดแล้วสินะ

          “ไฮ้…ไม่เอาน่า อย่าพูดจาห่างเหินแบบนี้สิ” อาจารย์จอมโหดพูดตัดพ้อพอเป็นพิธี “มีเรื่องอยากให้ช่วยจริง ๆ เสาร์นี้ทีมบาสเสาร์ห้าจะซ้อมใหญ่ อาจารย์อยากให้เธอเข้าไปเก็บข้อมูลให้หน่อย ทำรายการมาให้แล้วตามนั้น”

          เจ้าตัวโยนซองเอกสารสีน้ำตาลใส่หน้าแล้วหาที่นั่งพัก ประหนึ่งบังคับขู่เข็นให้ทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ มีรายชื่อนักกีฬาทีมเสาร์ห้าพร้อมรายละเอียดที่ต้องการ ลองอ่านดูคร่าว ๆ ไม่ว่าใครก็คงทำได้ แต่ว่า….

          “แต่…ผมไม่ว่างนี่ครับ แล้วถ้าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในเสาร์ห้าช่วงวันหยุด คงโดนรุมโทรมยับเยินทั้งกายและใจแน่”

          “เออใช่…นายไม่ใช่เด็กเสาร์ห้านี่นา ทำแบบนั้นมันโจ๋งครึ่มเกินไป ถ้าอย่างนั้น…ต้องใช้แผนสอง”

          เจ้าตัวทำท่าครุ่นคิดขณะใช้มือลูบหนวดจุ๋มจิ๋ม ผมเองก็ครุ่นคิดว่าทำไมไม่ใช่แผนสองตั้งแต่แรก ว่าแต่อาจารย์แอบไว้หนวดตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างกายผอมกระหร่องผิวขาวซีดราวกับคนป่วย ดูยังไงก็ขัดลูกกะตาเป็นที่สุดเลย

          “วันศุกร์ช่วงบ่ายว่างหรือเปล่า ? ทีมเสาร์ห้าจะซ้อมแข่งกับทีมป๊อกแป๊ก ช่วยงานโรงเรียนหน่อยนะ”

          แววตาคนพูดส่องประกายระยิบระยับ ผมรู้สึกได้ถึงความวุ่นวายโกลาหลในชีวิต จึงรีบปฎิเสธพลางเกาหัวทั้งที่ไม่คัน

          “ไม่ว่างครับ ต้องช่วยอาจารย์สมพิศรวบรวมรายงาน เพื่อนในห้องยังทำกันไม่เสร็จเลย”

          “แต่นายทำเสร็จแล้ว และอาจารย์ก็ขออาจารย์สมพิศแล้ว ฉะนั้น…นายไปได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

          อาจารย์พละหัวเราะเสียงแหลมเป็นตัวอิจฉา ผมพลอยหมดเรี่ยวหมดแรงเมื่อไร้สิ้นซึ่งความหวัง แต่ก่อนชะง่อนไร…ทีมบาสโรงเรียนเสาร์ห้าเอาชนะทีมเราทุกครั้ง จึงโดนฝ่ายนั้นถากถางให้เจ็บใจเล่นว่า “ท่านใต้เท้า” เพื่อลบคำสบประมาทบาดลึกทิ่มแทงจิตใจ ทุกคนยินดีช่วยเหลือรวมทั้งอาจารย์สมพิศ ผมไม่น่าพลาดเรื่องนี้ไปได้เลย

          “แต่…ผมจะเข้าโรงเรียนเสาร์ห้าได้อย่างไร ไม่มีเหตุผลซักนิดเดียว”

          “เออใช่…นายไม่ใช่เด็กเสาร์ห้านี่นา ทำแบบนั้นมันโจ๋งครึ่มเกินไป ถ้าอย่างนั้น…ต้องใช้แผนสาม”

          เจ้าตัวทำท่าครุ่นคิดขณะใช้มือลูบหนวดจุ๋มจิ๋ม ผมเองก็ครุ่นคิดว่าตกลงมีกี่แผนกันแน่ แววตาผู้เป็นอาจารย์ส่องประกายระยิบระยับ แววตาผู้เป็นนักเรียนดูริบหรี่ยังไงพิกล ขณะที่ผมเฝ้ารอคำตอบด้วยใจระทวย พลันมีมือเรียวขาวปริศนาวางลงบนไหล่ขวา กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยปะทะรูจมูก เป็นกลิ่นคุ้นเคยเหมือนครั้งประชุมหัวหน้าห้อง

          “คนนี้เหรอคะ…ฮีโร่ไมซินเด้อของอาจารย์ หน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว ไหวไหมเนี่ย”

          ผู้มาใหม่ปรากฎกายราวกับเล่นกล พร้อมรอยยิ้มหวานหยดอันเป็นเครื่องหมายการค้า ผมหันไปมองอัฒจันทร์ด้านบนคอแทบหัก พลางยกสองมือไหว้นักเรียนหญิงคนหนึ่ง เจ้าตัวรับไหว้ขณะกระโดดลงมาชั้นเดียวกัน

          “สวัสดีครับพี่ตูน พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นี่คือคำถามหรือคำทักทายก็ไม่รู้

          “มาพร้อมอาจารย์วิบูลย์นั่นแหละ” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงสดใส “มัวแต่ใจลอยคิดถึงหญิงอยู่ล่ะสิ๊”

          กลิ่นน้ำหอมโชยเข้าใส่แบบไม่เกรงใจ มือเรียวขาวข้างนั้นยังคงวางแหมะที่เก่า ผมออกอาการเก้ ๆ กัง ๆ หนักกว่าเดิม เพราะพี่ตูนดันมานั่งจุมปุ๊กเคียงข้างกัน เธอเป็นคนสวยระดับดาวจังหวัด เรียนเก่งที่สุดในโรงเรียน หัวดีที่สุดและฉลาดที่สุด พี่ตูนเป็นถึงประธานนักเรียน และเป็นไอดอลที่รุ่นน้องอยากเดินตาม แต่แว่…เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้

          “พรุ่งนี้ตูนจะไปประชุมกับเสาร์ห้า เตรียมความพร้อมก่อนการแข่งนั่นแหละ” อาจารย์วิบูลย์อธิบายความ

          “ผอ.ยอดรักไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ถ้าทีมเราชนะทีมเสาร์ห้าถึงในถิ่น”

          ประธานนักเรียนคนสวยเฉลยปริศนา ผมอุทานคำว่าอ้อแล้วคิดถึงใครหลายคน ผอ.ยอดรักโรงเรียนเราเป็นเพื่อนกับเฮียใช้ (ผอ.โรงเรียนเสาร์ห้า) เฮียใช้เป็นเพื่อนรักเพื่อนแค้นกับเฮียอ๋า การแข่งขันครั้งนี้มีเดิมพันใหญ่หลวงยิ่งนัก เฮียอ๋าต้องตามไปเชียร์ทีมบาสโรงเรียนเราแน่ ทั้งสองเฮียคงได้ประจันหน้ากันอีกครั้ง จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างผมเองไม่กล้าคิด

          “อาจารย์จะให้นายร่วมทีมไปกับตูนด้วย สบโอกาสค่อยแยกตัวไปทำงาน ตกลงตามนี้นะ ไปแล้วนะ”

          ครั้นเห็นทุกคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร อาจารย์วิบูลย์จึงรีบตัดบทแล้วเดินส่ายก้นจากไป

          “เดี๋ยวสิครับอาจารย์” ผมร้องเสียงหลงพลางกระโดดลงสู่พื้น “จะไม่ถามความสมัครใจซักนิดเหรอ”

          “ต้องถามด้วยเหรอ บ้าหรือเปล่า” คนพูดส่ายหัวแล้วเดินงุด ๆ เข้าสู่สนามบาส

          “มันจะดีนะ ผมคนเดียวจะทำอะไรได้ แล้ว…”

          “…ไซเดอะมัดเดอะแมน กีวัต กีฮอน เดอะลาฟ เดอะลอง ไซเดอะมัดเดอะแมน กีวัต กีฮอน เดอะลาฟ เดอะลอง 

          วัสกีวัต วัสกีวัต วันสกีวัน กี๋ลอง ซิม ซิม ซิมโฮ้ ซิม ซิม ซิม ฮา ฮา ฮา ฮา ฮ้า ไฮ้ …”

          ขณะที่ผมพยายามก้าวเท้าตามหลังไปนั้น กลุ่มผู้นำเชียร์ได้เริ่มซ้อมเต็มรูปแบบอีกครั้ง บรรดาสาวน้อยน่ารักน่าตาดีที่เคยรู้จัก พากันยืนถ่างขาอ้าปากแบมือส่ายสะโพก พร้อมกับดิ้นชักกะแด่วชักกะแด่วอย่างเมามันส์ นี่คือท่าเต้นที่อุบาทที่สุดในสามโลก ผมเหลียวมองรัตนาซึ่งกำลังนำทีมเต้น ไม่บอกก็รู้ว่าใครเป็นคนคิดท่านี้ มนุษยชาติบนโลกนี้เป็นอะไรกันไปหมด อาจารย์โฉมวิไลดันยอมทำตามยายรัตนา อาจารย์วิบูลย์นี่ก็เครียดจนสติแทบแตก รวมทั้งประธานนักเรียนคนสวยของผม

          “เดี๋ยวพี่ช่วยเอง ชื่อ “ตูน เมกะแดนซ์” ไม่ใช่ได้มาเพราะจับฉลากนะเออ”

          เสียงหวาน ๆ ของพี่ตูนดังข้างหูอีกครั้ง ผมตกใจสะดุ้งเฮือกกระทั่งต่อมตุ๊ดทำงาน เธอย่องมายืนด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือพี่ตูนมีอาชีพเสริมเป็นตีนแมวย่องเบา จึงเกาหัวแกรก ๆ พลางฉีกยิ้มจืดสนิท ขวบปีที่เคยคิดว่าวุ่นวายน้อยกว่าเดิม คงไม่เป็นจริงเหมือนที่วาดฝันแล้วกระมัง เค้าลางแห่งความอลหม่านมาพร้อมไอดอลคนดังของโรงเรียน

                                 ---------------------------------------------

          และแล้วบ่ายวันศุกร์ก็เดินทางมาถึง ท่ามกลางความไม่อยากและไม่พร้อมทั้งหลายทั้งปวง ผมโดนประธานนักเรียนลากตัวขึ้นรถ มิวายที่จะอ้างโน่นอ้างนั่นอ้างนี่แล้วก็ตาม สุดท้ายโดนทรงเดชใช้ลูกถีบสองขาคู่ กระเด็นติดซอกรถหมดสภาพนักศึกษา รถกระบะสีบอร์นเงินติดตราโรงเรียนเริ่มเคลื่อนตัว มุ่งไปยังอำเภอเสาร์ห้าที่อยู่ห่างออกไป 30 กิโลเมตร

          “ทำไมอาจารย์ต้องมากับพวกเธอด้วยนะ เกิดทางนั้นจับได้อายยันลูกบวชเลยนะ”

          อาจารย์หนุ่มไว้หนวดจุ๋มจิ๋มซึ่งทำหน้าที่พลขับ เริ่มพร่ำบ่นตลอดทางตั้งแต่พ้นประตูรั้ว ผมส่ายหัวไปมาพร้อมบ่นในใจ ต้นเหตุเรื่องนี้มาจากอาจารย์ไม่ใช่เหรอ ทว่าพี่ตูนซึ่งนั่งติดคนขับไม่ยอมบ่นในใจ

          “ความคิดของอาจารย์นี่คะ คนอื่นไม่มีใครว่างมาด้วยซักคน หรือจะให้พวกหนูขับรถมาเอง”

          “ก็ใช่ เอ๊ย ไม่ใช่นะ อาจารย์ไม่ได้หมายถึง แต่ก็หมายถึง วุ้ยยย..!!! ช่างมันเถอะ”

          อาจารย์พละจอมโหดที่พวกเรารู้จัก มีอาการประหม่าและตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ไม่เข้าใจซักนิดว่าทำไมเขาไม่อยากมา ทั้งที่การแข่งบาสเป็นงานหลักและงานสำคัญ นี่ถ้าอาจารย์อมรเทพไม่ติดงานก็คงไม่ต้องมาแทน

          “อาจารย์อย่าบ่นเลยครับ ยังไงเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับอาจารย์ ผมเนี่ยสิเกี่ยวอะไรด้วย เสียเวลาอ่านหนังสือชะมัดยาด”

          เสียงตัดพ้อดังมาจากด้านข้างตัวผม เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มจากห้อง 6/3 รูปร่างผอมสุงผมแหลมเปี๊ยบคล้ายเปลือกทุเรียน มีนามมังกรเป็นที่รู้จักว่าพี่เต้หัวเม่น เขาเรียนหนังสือเก่งเป็นอันดับสองของโรงเรียน แพ้แค่เพียงพี่ตูนอัศวินเจไดสาวคนเดียว แต่ไอ้ที่แพ้คนเดียวนั่นแหละประเด็น ทำให้พี่เต้แปลงกายเป็นไก่รองบ่อนร่ำไป

          “อย่าบ่นสิคะเต้ เราต้องแยกตัวไปทำงานกับน้องคนนี้ เต้กับอาจารย์ต้องคุยเรื่องงานกับพวกเสาร์ห้า และอย่างที่รู้…ทางนั้นเตรียมตัวอัดเราเละแน่นอน ถ้าไม่ใช่เต้รับมือไม่ไหวกระมังเพคะ เราพูดถูกมั้ยล่ะ” พี่ตูนหันมาชี้แจงเป็นฉาก ๆ

          “แล้วตูนจะแยกตัวตอนไหน ทางนั้นคงสงสัยแน่” พี่เต้ยังคงไม่วางใจ

          “เราก็บอกว่า…ปวดท้องเมนส์ขอไปห้องพยาตูมก่อย”

          ประธานสาวยักคิ้วหลิ่วตาทีเล่นทีจริง ผมคิดว่าระเบิดลูกใหญ่กำลังจะทำงาน แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย พี่เต้แอบยิ้มมุมปากก่อนกลับสู่โหมดใบหน้าปรกติ หมายความอย่างไร ? พวกเขาเป็นคู่แข่งตลอดกาลกันนี่นา แล้วทำไมถึงได้

          “บอกไว้ก่อนนะ เราไม่ได้อยากทำงานร่วมกับตูน” ไอ้หนุ่มหัวเม่นเชิดคอสุงแล้วจิกตาใส่ จอมทรนงเอ่ยคำที่ยากที่สุดออกมา “แต่ระหว่างโดนตูนข่มหรือโดนเสาร์ห้าข่ม เราขอเลือกอย่างแรกดีกว่า”

          “บ้าเหรอ เราไม่ข่มเต้หรอกน่า ถ้าขย่มเต้ก็ว่าไปอย่าง”

          รถกระบะสีบอร์นเงินส่ายไปส่ายมาราวกับงู เนื่องจากคนขับเส้นกระตุกขึ้นมากระทันหัน พี่ตูนหัวเราะจนตาหยีไม่ห่วงความสวย พี่เต้ที่เคยหน้าบึ้งพลันหัวเราะตามเธอด้วย ผมตกใจร้องเจี๊ยกแล้วนั่งอ้าปากค้าง ทุกครั้งที่ได้ทำหน้าที่อะไรก็ตามแต่ พี่ตูนทั้งเก่งทั้งฉลาดและใช้คำพูดที่มีเหตุผล ทว่าวันนี้เธอเป็นกันเองอย่างถึงที่สุด ทั้งยังทะลึ่งตึงตังคล้ายเด็กผู้ชายไม่มีผิด นี่คงเป็นที่มาของฉายาประจำตัว ประธานนักเรียนคนสวยผู้มีหลายบุคลิกภาพ

          อาจารย์วิบูลย์เริ่มพร่ำบ่นเรื่องกริยามารยาท ต่อด้วยอบรมการเป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือนที่ดี นักเรียนทั้งสามรับฟังไปหัวเราะเฮฮาไป ครั้นเห็นว่าเงียบพี่ตูนจึงเริ่มปล่อยมุขอีกครั้ง กระทั่งรถกระบะเลี้ยวเข้ามาภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง จึงได้จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น อีกไม่กี่วันสถานที่แห่งนี้จะร้อนเป็นไฟ ไม่ว่าใครชนะก็ตามต้องมีเรื่องวุ่นวายแน่

          ป้ายโรงเรียนขนาดใหญ่ทำจากหินอ่อนสีดำตัวหนังสือสีทอง พื้นที่โอ่อ่ากว้างขวางเห็นแล้วรู้สึกใจแป้ว ด้านหน้าเป็นสนามฟุตบอลขนาดมาตราฐาน ก่อสร้างอัฒจันทร์ถาวรทำจากปูนสองฝั่ง รองรับแฟนบอลขาประจำได้มากกว่าสองพันคน ทีมฟุตบอลเสาร์ห้ายูในเต็ดเช่าพื้นที่ใช้เป็นสนามเหย้า สำหรับการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 4 หรือยูโร่เค้ก ลีก ตอนนี้ทีมมีคะแนนอยู่ในอันดับสี่ภาคตะวันออก สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้คนในพื้นที่

          ยังมีอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่คนเสาร์ห้ายิ้มแก้มบาน นั่นก็คือทีมบาสเกตบอลชายระดับ ม.ปลาย สองปีที่แล้วทีมเสาร์ห้าคว้าแชมป์ระดับเขต (มีแข่งขันทุกสองปี) ได้ไปแข่งระดับประเทศที่กรุงเทพอย่างภาคภูมิ ทว่าตกรอบแรกชนิดฉิวเฉียดคาใจที่สุด ปีนี้พวกเขาหมายมั่นที่จะแก้มือ เข้ารองสองระดับประเทศเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ แต่ต้องข้ามศพทีมโรงเรียนเราเสียก่อนนะครับ

          เสาร์ห้าเป็นโรงเรียนรัฐบาลประจำอำเภอขนาดใหญ่ จำนวนอาจารย์ 127 คน จำนวนนักเรียน 2,608 คน จำนวนห้องเรียน 65 ห้องเรียน อาคารเรียนมาตราฐานติดแอร์ทั้งหลัง 6 อาคาร อาจารย์วิบูลย์ขับรถมาจอดหน้าหอประชุม คนฝั่งเสาร์ห้ายืนตั้งขบวนด้านหน้าอาคาร นับดูคร่าว ๆ น่าจะประมาณ 10 คน และต้องการอัดเราเละเทะกลางที่ประชุม

          อาจารย์วิบูลย์เดินหน้าซีดเข้าไปพบ ผู้มาต้อนรับคือโค้ชทีมบาสโรงเรียนเสาร์ห้า อาจารย์สมมาสสุง 185 เซนติเมตร ร่างกายใหญ่โตกล้ามเนื้อเป็นมัดสมชายชาตรี ไว้หนวดเคราหนาเตอะและหงอกนิดหน่อย ทว่าหัวเถิกไปแล้วครึ่งหนึ่งของกระบาล เขาเป็นโค้ชที่เก่งที่สุดในเขตภาคกลาง และเป็นเสี้ยนหนามสำคัญทิ่มแทงใจอาจารย์วิบูลย์

          “สวัสดีค่ะอาจารย์วิบูลย์ ไหนบอกกับดาว่าจะไม่มาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนี้ไว้หนวดด้วยนะเนี่ย”

          เสียงหวานสดใสประหนึ่งน้ำผึ้งเดือนห้ากล่าวทักทาย เธอคนนี้มีชื่อว่าอาจารย์ปิยะดาหรือ “ดา วิสดอม” เป็นอาจารย์สอนวิชาสังคมและดูและทีมลีดเดอร์เสาร์ห้า อาจารย์ปิยะดาเคยเป็นลีดเดอร์ตัวแม่สมัยเรียนหนังสือ เข้าร่วมทีมอาร์ยูเอส วิสดอม จากมหาวิทยาลัยรังสิต เคยคว้ารองแชมป์โลกในการแข่งขันที่อเมริกามาแล้ว

          “สวัสดีครับอาจารย์ดา ผมเอ่อ…ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องมา” อาจารย์วิบูลย์ตอบตะกุกตะกัก

          “มาก็มาสิคะ ดาล้อเล่นเท่านั้นเอง เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

          อาจารย์ปิยะดายิ้มตาหยีแล้วเดินนำขบวน สองโค้ชหนุ่มเดินเคียงคู่ประหนึ่งดูเชิงกันในตัว ผมเดินรั้งท้ายขบวนพร้อมอุทานโอ้ว โอ้ว โอ้ว ไม่หยุดปาก หอประชุมเสาร์ห้ามีขนาดใกล้เคียงหอประชุมโรงเรียนเรา (ซึ่งใช้เป็นลานเอนกประสงค์ด้วย) ทว่าติดแอร์ทั้งหลังก่อสร้างเป็นอาคารถาวร ภายในอาคารมีเก้าอี้สีฟ้ามากกว่า 500 ตัว เรียงรายเป็นแถวเว้นที่ตรงกลางสำหรับทางเดิน พื้นอาคารลาดเอียงต่ำราวกับโรงหนังชั้นหนึ่ง สว่างจ้าด้วยหลอดแอลอีดีประหยัดไฟนับร้อยหลอด ติดตั้งจอภาพขนาดกี่ร้อยนิ้วกันล่ะเนี่ย นี่ผมอยู่ที่เสาร์ห้าหรือรัชดาลัยเธียเตอร์กันแน่ อลังการงานสร้างเว่อร์วังยิ่งกว่าที่เคยคาดคิด

          “อาจารย์คะ ที่นี่มีห้องพยาบาลหรือเปล่าคะ หนูปวดท้องจังเลย ขอไปทานยาแล้วกลับมาประชุมได้ไหมคะ”

          ประธานนักเรียนคนสวยซึ่งเคยยิ้มเก่ง ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีฟ้าตัวหนึ่ง ใบหน้าอมทุกข์หนักแต่กล้ำกลืนผืนใจสู้ต่อ เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทำได้แต่ผู้ชายไม่มีวันสามารถ อาจารย์ปิยะดาเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง อาจารย์สมมาสทำหน้าเลิ่กลั่กด้วยตกใจ อาจารย์วิบูลย์หน้าซีดหนักเพราะกลัวแผนแตก ผมเองยอมรับว่าทั้งตกใจและประหลาดใจ พี่ตูนแสดงสีหน้าท่าทางเหมือนเป็นนักแสดงมืออาชีพ และออกจะมืออาชีพเกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูง

          “ลูกศิษย์อาจารย์วิบูลย์มีแอคซิเดนนิดหน่อย เดี๋ยวดาพาไปห้องพยาบาลดีกว่า”

          สองสาวคุยกันตามลำพังอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่อาจารย์ปิยะดาจะหันมาบอกกับทุกคน

          “ไม่ได้ครับอาจารย์ การประชุมจะเริ่มแล้ว” พี่เต้พูดสอดเข้ามาตามแผน

          “ไม่ได้ไม่ได้หรอก เธอก็เห็นนี่นาว่าเพื่อนไม่สบาย” อาจารย์ปิยะดาหันมากล่าวในเชิงตำหนิ

          “แต่นี่มันบ่ายสองแล้วนะครับ ให้นั่งรอใครคนเดียวงานการไม่เสียเหรอ ถ้ารู้ว่าไม่สบายจะมาทำไม !”

          สายตาคนพูดจับจ้องไปยังคนป่วย ผมเห็นเข้าถึงกับสะดุ้งเฮือกขนแขนแสตนอัพ แววตาพี่เต้แฝงไว้ซึ่งความโกรธแค้นชิงชัง เป็นความแค้นที่ฝังรากลึกรอคอยโอกาสเอาคืน ถ้าพี่ตูนได้รับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายหญิง พี่เต้ก็ต้องได้รางวัลตัวประกอบฝ่ายชายไปด้วย อาจารย์เสาร์ห้าทุกคนเชื่อตามที่เห็น ว่านักเรียนโรงเรียนเราเขม่นกันเองแบบไม่เกรงใจสื่อ

          “ผมพาพี่ตูนไปห้องพยาบาลเอง เสร็จแล้วจะรีบกลับมาประชุมต่อ”

          ขณะที่ทุกคนยืนทำหน้าแม่ไม่เข้าใจตุ้ม ผมรีบปล่อยหมัดอัพเปอร์คัทขวาเข้าสู่ปลายคาง พี่ตูนลุกขึ้นยืนพร้อมกาะแขนจิตอาสา ส่วนพี่เต้ชี้นำทุกคนให้รีบประชุมกันดีกว่า ขณะที่เดินจากมาหูก็ดันได้เสียงพูดคุย

          “เด็กคนนั้นใช่ไหมพี่อุ๊ นักเรียนดีเด่น 3 ปีซ้อนของผอ.ยอดรัก”

          “คิดว่าไม่ผิดตัวนะน้องเอ๊ะ ผอ.ใช้เคยเอารูปให้พี่ดูตอนประชุม เห็นว่าปีนี้ก็คงได้อีกนะ”

          “เจ๋งอ่ะ ทำไมโรงเรียนเราไม่มีนักเรียนแบบนี้บ้างนะพี่อุ๊”

          “เพื่อนพี่ที่อยู่แถวนั้นบอกว่า เด็กคนนี้อยู่กับยายซึ่งป่วยหนักตามลำพัง ต้องเดินเท้ามาเรียนไปกลับวันล่ะหลายสิบกิโลเมตร กลางวันก็ต้องกลับไปป้อนข้าวยายด้วยนะน้องอุ๊”

          “ต๊ายยย...!! โรแมนติก ผู้ชายแสนดีแบบนี้ยังมีอยู่บนโลกนะคะพี่เอ๊ะ”

          พวกเธอพูดถึงผมหรือเด็กหญิงวัลลีกันแน่ ฟังแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนใจยังไงพิกล ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แสนดีหรือโรแมนติก เขาเป็นคนที่เข้ามาล้วงความลับสำคัญต่างหาก ความปั่นป่วนเข้ามาเยือนในช่องท้องทันควัน

          “ลำบากใจนักไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกอาจารย์วิบูลย์ให้เอง”

          คนแกล้งป่วยเป็นผู้เอ่ยปากทำลายความเงียบ พวกเราเดินห่างจากหอประชุมพอสมควร พี่ตูนจึงเดินได้เองไม่ต้องมีคนช่วยพยุง เธออ่านใจผมได้ขาดว่าคิดอะไรอยู่ ตรงข้ามกับผมที่ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงเลย

          “ไม่เป็นไรพี่ ผมรับปากกับทุกคนไว้แล้ว”

          “เอาจริงดิ” พี่ตูนกล่าวย้ำอีกครั้ง “เรายังต้องเจอโรงเรียนเสาร์ห้าอีกตั้ง 2 ปี มั่นใจว่ารับมือไหว”

          นายหัวหน้าห้องพยักหน้าแทนคำตอบ แม้ว่าตนจะไม่มั่นใจอะไรเลยก็ตาม ประธานนักเรียนจึงตัดใจเลยตามเลย เธอเดินนำอยู่บนทางเท้าที่สะอาดและราบเรียบ พวกเรากำลังผ่านลานอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ อยู่ภายใต้หลังคาสุงลิบจนจิ้งจกไม่กล้ากระโดด ใช้แข่งกีฬาในร่มได้ทุกชนิดที่มีบนโลก ภายในลานบรรจุนักเรียนได้ทั้งโรงเรียน ตอนเข้าแถวเครพธงชาติจึงไม่ต้องตากแดดตากฝน เด็กเสาร์ห้าเรียกลานปูนมีหลังคาว่า “เดอะเกรทโดม” บ้าเห่อเหมือนเราตั้งชื่อสนามบาสนั่นแหละ

          ภายในโดมมีนักเรียนหญิงมากกว่าสิบคน ยืนชูมือรูปตัววีและร้องเพลงเชียร์กันอย่างพร้อมเพรียง พวกเธอนั้นเป็นเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียนเสาร์ห้า ภายใต้การดูแลฝึกสอนจาก “ดา วิสดอม” ผู้เคยมีชื่อเสียงระดับโลกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมแอบมองลีดเดอร์ทุกคนแล้วถอนใจ ไม่มีใครบางคนที่รู้จักอยู่ร่วมทีม ความน่ากลัวจึงน้อยลงเศษหนึ่งส่วนสิบ

          “สังเกตไหม อาจารย์วิบูลย์ดูลอกแลกไม่เหมือนเดิม เรื่องนี้มีที่มาที่ไปนะ”

          พี่ตูนหันกระซิบกระซาบพร้อมทำท่าน่าหมั่นใส้ ทำเอาผมหูผึ่งเลิกสนใจคนน่ารักที่อยู่ในโดม

          “อาจารย์เป็นอะไรพี่ตูน หรือว่า…กลัวอาจารย์สมมาสจนสติแตก”

          “ไม่ใช่หรอก เพราะอาจารย์ปิยะดาต่างหาก” คราวนี้พี่ตูนเสียงเบายิ่งกว่าเดิม เธอจึงกระซิบใกล้หูยิ่งกว่าเดิม “มีคนเคยบอกพี่ว่า อาจารย์วิบูลย์เรียนที่เดียวกับอาจารย์สมมาส ทั้งคู่ไปเที่ยวงานกาชาดร่วมกับเพื่อนหลายคน และได้มาเจออาจารย์ปิยะดาขายคูปองอยู่ในร้านสอยดาว ทั้งคู่ก็เลยตกหลุมรักจนหนักหน่วง ไม่เคยปันใจให้กับหญิงอื่นตราบเท่าปัจจุบัน”

          แววตาคนพูดส่องประกายปลื้มปิติ ผู้หญิงทุกคนชอบความโรแมนติกแบบนี้สินะ ทว่าผมยืนทำหน้าเซ็งด้วยความล่ะเหี่ยใจ นี่มันพล๊อตเรื่องละครน้ำเน่าที่ทรงเดชชอบนักหนา ไม่นึกว่าจะมีจริงบนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้

          “แล้วยังไงต่อครับ” ถึงผมจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี

          “ก็ไม่ยังไงหรอก ฝ่ายหญิงเขาคิดแค่เพื่อน ฝ่ายชายก็กินแห้วไปสิคะ”

          คนเล่าเรื่องพูดตัดบทแบบดื้อ ๆ ทำเอาผมเส้นกระตุกจนแทบหกล้ม จากนั้นเธอจึงเริ่มเดินนำอีกครั้ง พี่ตูนเป็นคนผิวขาว ตาโต ปากนิดจมูกหน่อย ผมสีน้ำตาลเข้ม สุงประมาณ 168 เซนติเมตร หุ่นนักกีฬาและโตเป็นสาวเต็มตัว ถ้าเธอเป็นวัวคงเปรียบได้กับแม่พันธ์ชั้นดี อย่างที่เขาเรียกกันว่า เนื้อ-นม-ไข่ อะไรนี่แหละ พี่ตูนคือความภาคภูมิใจของโรงเรียน ทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา ความฉลาด ความสามารถรอบด้าน รวมทั้งมอสปฎิภานไหวพริบ สิ่งที่ผมได้รู้จักเธอมากขึ้น คือนิสัยกล้าได้กล้าเสียและออกจะรั่วมากไปนิดส์ มีใครกล้าเดินร้องเพลงอยู่ในโรงเรียนคู่แข่ง ขณะที่ตนเข้ามาทำภารกิจลับได้แบบพี่ตูนบ้าง

          พวกเราเดินผ่านลานเอนกประสงค์ใหญ่โตมาแล้ว ถัดไปหน่อยเดียวเป็นอาคารสำหรับนักกีฬา ในอาคารมีห้องประชุมเล็กด้านขวาสุด ปรกติทีมบาสเสาร์ห้าจะครอบครองเป็นของส่วนตัว แต่ทว่าสถานที่นี้ก็ยังไม่ใช้เป้าหมาย

          จากนั้นจึงเดินมาถึงอาคารเรียนกลางเก่ากลางใหม่ ตึกด้านขวามือทาสีขาวสลับสีฟ้าสดใส ตึกด้านซ้ายมือทาสีขาวสลับสีส้มแป๊ด ปลายสุดของทางเดินเป็นอาคารหลังใหม่ 2 หลังตั้งขนานกัน ระหว่างอาคารเรียนหลังเก่ากับอาคารใหม่หลังใหม่ มีพื้นที่ว่างประมาณ 20 เมตรขั้นกลาง ผมและพี่ตูนได้เดินมาหยุดโดยตั้งใจ

          อาคารชั้นเดียวทำจากปูนขนาด 4 คูหา ทาสีเหลืองดอกทานตะวันสลับสีขาวขมุกขมัว ตั้งแทรกกลางระหว่างอาคารใหญ่ทั้งสองฝั่ง พวกเราจ้องมองไปอาคารชั้นเดียวฝั่งขวามือ ห้องแรกสุดคือห้องพยาบาลขนาด 4 เตียง ถัดไปสองคูหาเป็นห้องพักอาจารย์พละศึกษา โต๊ะอาจารย์สมมาสอยู่ด้านในสุดฝั่งขวามือ นั่นแหละครับคือเป้าหมายในวันนี้

          “มีแผนอย่างไรว่ามา” พี่ตูนกระซิบข้างหูอีกครั้ง

          “อาจารย์สมมาสมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ปกสีฟ้ามีรูปโดเรม่อนแลบลิ้น ในนั้นมีข้อมูลทีมบาสทั้งหมด”

          นี่คือข้อมูลที่นิตยาแจ้งข่าวสาร สาวน้อยผมหยักโศกเคยเรียนที่นี่เมื่อเทอมก่อน เธอได้คลุกคลีกับทีมบาสเสาร์ห้าระยะหนึ่ง เนื่องจากว่ามีนักกีฬารุ่นพี่เข้ามาจีบ ทว่ารุ่นพี่คนนั้นเลิกเล่นบาสไปแล้ว ตอนนี้เรียนเขียนคิ้วสามมิติอยู่ที่กรุงเทพ

          หลังพูดจบจึงตัดสินใจก้าวเดิน ผมจะเข้าไปในนั้นแต่เพียงผู้เดียว เกิดอะไรขึ้นก็จะรับผิดชอบคนเดียว แบบนี้สิครับถึงจะเรียกสุภาพบุรุษ ครั้นถึงหน้าห้องจึงหันกลับไปที่เก่า ทว่าพี่ตูนไม่ได้ยืนอยู่บนทางเท้าอีกแล้ว เธอหายไปไหนล่ะเนี่ย…

          ทันใดนั้นเองเหมือนมีคนสะกิดจากด้านหลัง เป็นมือเล็ก ๆ ขาว ๆ เรียว ๆ ของผู้หญิงแน่นอน นี่พี่ตูนแอบย่องมาข้างหลังอีกแล้วสินะ แต่ว่าทำไม…กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ถึงไม่เหมือนเดิม ผมแปลกใจระคนสงสัยจึงรีบหันกลับ

          “เย้ย..!! ธะ ธะ ธะ เธอ มะ มะ มะ มาได้ไงเนี่ย”

          คนโดนจับอุทานเสียงหลงพร้อมทำตาเหลือก เจ้าของมือเล็ก ๆ ขาว ๆ เรียว ๆ ที่มาสะกิดนั้น เป็นสาวน้อยหน้าใสหุ่นดีผิวเนียนชื่อวนิดา เธอเป็นถึงอดีตดาวโรงเรียนตอนมัธยมต้น และเป็นลูกสาวคนเดียวของผอ.โรงเรียนเสาร์ห้า

          “เราต่างหากที่ต้องถาม นายมาที่นี่ได้ยังไง หรือว่า…คิดถึงเราจนทนไม่ไหวล่ะสิ๊”

          หลังพูดจบวนิดาหัวเราะร่วน ผมหัวเราะจืด ๆ ตามเพราะไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ตั้ง 2,608 คน ดันเจอเพื่อนเก่าแบบไม่คาดฝันหน้าตาเฉย รู้สึกคนเขียนจะดราม่ามากเกินไปหน่อยนะ

          ว่าแต่ว่า…พี่ตูนของผมหายไปไหนแล้ว ? เพื่อนคนไหนหาเจอเดี๋ยวเลี้ยงทุเรียนชะนีสองพลู  >_<

                    ---------------------------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา