ห้องสามเดอะซีรี่ย์

9.0

เขียนโดย มุมฉาก

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  26.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 08.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) ปาร์ตี้ปีใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          ปาร์ตี้ปีใหม่

          ดวงดาวน้อยใหญ่แข่งกันเปล่งแสงสุกสกาว ส่องประกายวับแวมวาวประหนึ่งลูกแก้วนับแสนนับล้าน พระจันทร์เต็มดวงลอยต่ำเหนืออ่างเก็บน้ำเขาแก้ว ราวกับว่าไม่อยากจากพรากเพื่อนรักเพื่อนยากไปไหน แสงเหลืองนวลวาบวาววามอยู่เพียงปลายนิ้ว ทว่าเวิ้งว้างห่างไกลจนไม่อาจเอื้อมถึง

          ขณะนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่ม ของวันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม 25xx ผมเดินดุ่ม ๆ ลัดเลาะอยู่บนทางเท้า กระทั่งมาหยุดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้ขนาดย่อม ๆ สภาพกลางเก่ากลางใหม่ ยกสุงจากพื้นด้วยเสาคอนกรีตจำนวน 12 ต้น ด้านล่างเปิดโล่งรับลมรับแดดครบทุกองศา ติดตั้งผ้าใบกันสาดม้วนเก็บได้จำนวน 2 จุด ต่อเติมห้องเก็บของฝั่งขวามือของตัวบ้าน ซ่อนบันไดทางขึ้นไว้ในห้องปูนที่ไม่ทาสี ด้านบนถูกดัดแปลงเป็นห้องน้ำขนาดย่อม ส่วนห้องน้ำและห้องอาบน้ำชั้นล่างนั้น แยกต่างหากอยู่ด้านหลังตัวบ้านอีกที โรงซ่อมรถเพิงหมาแหงนช่วยบดบังสายตา คลายความกังวลว่าจะมีใครเห็นพุงกะทิ

          ใต้ถุนตัวบ้านเป็นลานปูนซีเมนต์โล่ง ๆ ปรกติมีแคร่ไม้ไผ่และโทรทัศน์ตั้งอยู่กลางลาน พร้อมชุดเฟอร์นิเจอร์ทำจากหวายเมืองจันทร์ ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกยกมาวางด้านข้างห้องน้ำ เพื่อปรับปรุงให้เป็นพื้นที่จัดงานเลี้ยงปีใหม่ นักเรียนห้องสามมารวมตัวกันโดยครบถ้วน บ้างจับกลุ่มพูดคุยเม้าท์มอยนินทาเพื่อนฝูง บ้างก้มหน้าก้มตาอัพเดทโลกโซเชี่ยลมีเดีย บ้างก็นั่งทานอาหารแกล้มน้ำอัดลมจำนวนไม่อั้น ทว่าพวกเราส่วนใหญ่นั้น กำลังสนุกสนานอยู่กลางลานปูนใต้ถุนบ้าน

          แสงไฟสว่างโร่สาดส่องกระทบใบหน้า เสียงเชียร์ดังกระหึ่มประหนึ่งว่าอยู่ภายในคอนเสิร์ต  ก่อนหน้านี้ประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมสารสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าเดิม นั่นก็คือเกมส์เหยียบลูกโป่งที่เราคุ้นเคย ผู้ชนะเลิศจะได้รับของขวัญอาจารย์สมพิศ กระเป๋าสะพายโดเรม่อนซึ่งไม่มีใครอยากได้ แต่ที่ได้ยินเสียงเชียร์เสียงดังสนั่นลั่นทุ่งอยู่นั้น เพราะคนที่ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่กลางลาน คือนายอำนาจเพื่อนรักสี่ตามของผม และนายมนต์ชัยเอวหนาตาตี่โจทย์เก่าแต่ปางก่อน

          “ฆ่ามันเลยเพื่อน เรารู้ว่านายทำได้ ฆ่ามัน ฆ่ามัน…!!” ทรงเดชส่งกำลังใจให้เพื่อนอย่างบ้าคลั่ง

          “จัดการเลยมนต์ชัย เธอคงไม่อยากแพ้สินะ” นิตยาตะโกนเสียงดังใส่หูนักบาสอีกที

          “อะไรเนี่ยยายนิด” คนพูดเอามือป้องหู “ทำไมเธอเชียร์ฝ่ายโน้น เมายากันยุงหรือเปล่า”

          “อ้าว…พวกเราอยู่ทีมมนต์ชัยนี่นา นายต่างหากเชียร์คู่อริ” สาวผมหยักโศกตอกกลับเข้าให้

          “บ๊ะ ! นั่นมันจบไปแล้ววุ้ย ไม่รู้ล่ะเราทีมอำนาจ เอาเลยเพื่อน…ฆ่ามัน”

          กองเชียร์แบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งส่งเสียงเชียร์ตามความสนิทสนม อีกส่วนส่งเสียงเชียร์ตามความสนุกสนาน ผมรีบก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามารวมกลุ่ม หลังเดินออกไปรับสายโทรศัพท์จากแม่ การแข่งขันเหยียบลูกโป่งตะมุตะมิ ถูกเปลี่ยนมาเป็นการแข่งขันคาราเต้ บวกมวยปล้ำ บวกเทควันโด้อันแสนดุเดือด มนต์ชัยตัวใหญ่กว่าหูใหญ่กว่าขี้หูก็เยอะกว่า เดินไล่ต้อนคู่แข่งด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล ทว่าลูกโป่งมัดติดอยู่กับข้อเท้าด้านหลัง คนตัวเล็กและว่องไวอย่างอำนาจจึงมีข้อได้เปรียบ

          ใบหน้าแดงก่ำของเพื่อนชายทั้งสอง แสดงความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้เพื่ออะไรก็ไม่รู้ มนต์ชัยกระโดดเข้าใส่ด้วยท่าบอดี้แอท ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นแต่ลูกโป่งก็ยังไม่แตก คนตัวใหญ่ฉวยจังหวะนั่งคล่อมแล้วจับกด พร้อมใช้ท่าเลเบลล๊อคบีบคอจากด้านหลัง คนโดนบีบดิ้นพร่านราวกับปลาโดนทุบหัว ใบหน้าเขียวซีดแววตาลุกโชนด้วยไฟโทสะ ครั้นสบโอกาสจึงตีศอกสั้นใส่ขมับคู่แข่ง  อำนาจพลิกตัวกลับใช้ขาหนีบศรีษะด้วยท่าโรลลิ่งครอส ทำให้มนต์ชัยต้องเป็นฝ่ายดิ้นพล่านเสียเอง

          เสียงจากกองเชียร์ดังกระหื่มยิ่งกว่าเดิม เมื่อเพื่อนทั้งสองลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ผมจ้องมองด้วยความรู้สึกนานับประการ  เหลียวมองรอบกายพลางถอนหายใจแผ่วเบา ดูเหมือนทุกคนกำลังสนุกที่เห็นเพื่อนตีกัน ยกเว้นก็เพียงสาวน้อยนางหนึ่งเท่านั้น ชิดชนกลูกสาวเฮียอ๋าได้พยายามห้ามปราม น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟไม่มีใครยอมฟังเลย ท้ายสุดจึงงอนตุ๊บป่องเดินออกไปนอกชาน เธอนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่สีหน้าไม่สู้ดี ผมรีบย่องตามมาพลางนั่งเคียงคู่กัน ไม่มีใครสนใจทางนี้เลย…เสร็จโจร !

          “นกกินไรยัง” เมื่อสบตากันจึงได้เอ่ยปาก

          “ยังไม่หิวอ่ะ นายล่ะ” คู่สนทนาตอบสั้น ๆ

          “อิ่มแล้ว แต่กินได้อีกเรื่อย ๆ” เห็นอีกฝ่ายยังคงเงียบอยู่ผมจึงพูดต่อ “คืนนี้จะได้นอนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ หาอะไรรองท้องเสียหน่อยเถอะ ดึกกว่านี้จะไม่เหลือของกินแล้วนะ เราตักให้เอาไหม”

          “อื้อ…ขอบใจนะ ไว้อีกซักพักแล้วกัน”

          ชิดชนกตอบกลับสั้น ๆ เช่นเคย ทว่าคราวนี้เธอมีรอยยิ้มปรากฎ เราสองนั่งมองพระจันทร์ทรงกลดดวงโต จั๊กจั่นส่งเสียงระงมมาจากต้นคูนอายุร่วม 10 ปี ช่วงฤดูหนาวต้นราชพฤกษ์หรือต้นคูนจะเริ่มสลัดใบ ก่อนแตกยอดใหม่ในช่วงต้นเดือนมีนาคม กระทั่งฝนแรกของปีได้มาเยี่ยมเยือน จึงผลิดอกสีเหลืองพวงหนาบานสะพรั่งห้อยเต็มต้น

          “ถามหน่อยสิ อำนาจกับมนต์ชัยไม่ถูกกันเหรอ เห็นทะเลาะกันเป็นประจำ”

          ชิดชนกหันมาชวนคุยอีกครั้ง แววตาคนพูดแสดงความกังขาเป็นอย่างยิ่ง ผมสบตาด้วยพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ผู้หญิงมักกังวลใจเรื่องเล็กเรื่องน้อยเสมอ ส่วนผู้ชายมักกังวลใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

          “ปรกติก็แค่ฮึ่ม ๆ ใส่กัน วันนี้กองเชียร์เยอะล่ะมั้ง เลยเอาเป็นเอาตายเสียขนาดนี้”

          “แปลกจัง เราเคยนึกว่าทั้งคู่สนิทกันเสียอีก” สาวน้อยหันไปมองที่ลานปูน

          “ตอนม.ต้นก็สนิทกันดีนะนก ไม่รู้ไปเคืองกันตอนไหน วันหลังจะตะล่อมถามอำนาจให้” ผมตกปากรับคำ

          “อย่าเลย ช่างเขาเถอะ” คู่สนทนารีบปฎิเสธ “เราแค่กลัวทั้งคู่จะเกลียดกัน”

          “ไม่หรอก อำนาจกับมนต์ชัยเป็นคู่แข่งกันเฉย ๆ ปีหน้าอาจญาติดีกันแล้วก็ได้”

          คนพูดเกาหัวแกรก ๆ ด้วยกังวลใจ ไม่ได้กลัวการแข่งขันจะเลยเถิดอะไรหรอก แต่กลัวชิดชนกเป็นห่วงเป็นใยใครบางคนมากกว่า นอกจากมนต์ชัยจะเป็นคู่แข่งการเรียนของอำนาจแล้ว หมอยังเป็นคู่แข่งเรื่องหัวใจของผมด้วย แม้เจ้าตัวจะไม่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่วิชาหมาหยอกไก่ที่ได้กระทำนั้น ฟ้องอยู่ทนโท่ว่าคิดอะไรในใจกันแน่

           พูดถึงเรื่องนี้แล้วเกิดอาการของขึ้น พลันนึกย้อนกลับยังช่วงเวลาก่อนหน้า อันเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องทั้งหลายทั้งปวง ทำให้อำนาจกับมนต์ชัยระเบิดพลังใส่กัน ทำให้ชิดชนกนั่งจิตตกเพียงลำพัง และทำให้ผมเวิ่นเว้อน้ำเน่าไปตามท้องเรื่อง

                     ---------------------------------------------

           เย็นวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม 25xx อันเป็นวันสุดท้ายของการเรียนในปีนี้ มีการจัดงานปีใหม่ของนักเรียนห้องสาม บริเวณสนามหญ้าหน้าอาคารทรงไทยติดแปลงผัก สถานที่ใหญ่โตโอ่อ่ากว้างขวาง ทั้งยังมีความร่มรื่นจากแมกไม้น้อยใหญ่รอบเรือน ห่างกันไม่ไกลเป็นสระน้ำด้านหลังโรงเรียน สร้างศาลาทรงไทยกลางน้ำรูปทรงเดียวกันอยู่กลางสระ อาคารทั้งสองทำมุมแทยงกันตามทิศตะวันออก ออกแบบและก่อสร้างโดยนายช่างโก๋...ผู้เรียนจบแค่เพียงประถมสี่

          ด้วยความดีความชอบนานับประการ ศาลาทรงไทยจึงเป็นจุดที่นักเรียนทุกห้องต้องการ ได้มีการจับฉลากแบ่งสรรปันส่วนตลอดอาทิตย์ พวกเราโชดดีมากมายที่จับได้เย็นวันศุกร์ ท่ามกลางความอิจฉาจากเพื่อน ๆ ทั่วทั้งโรงเรียน

          “อีกนิดเดียว วิ่ง วิ่ง ชนะแล้ว ชนะแล้ว…!!”

          เสียงเชียร์ดังกระหึ่มเลยไปถึงโรงอาหารใหญ่ เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันกินวิบากฝ่ายหญิง ผู้ชนะเลิศได้แก่ชิดชนกกับนิตยา จากทีมสีฟ้าเช่นเดียวกับมนต์ชัยและทรงเดช ในงานปีใหม่มีการแข่งกีฬากระชับมิตร แบ่งออกเป็น 4 ทีมและทีมละ 10 คน ผมกับอำนาจได้มาอยู่ทีมสีชมพู คะแนนทีมเรานำเป็นอันดับหนึ่ง กระทั่งสีฟ้าทำแต้มทันกันจากผลการแข่งขันล่าสุด

          “ขอโทษนะ เพราะเราทีมเลยแพ้”

          เพียงตาเดินหน้าเศร้าเข้ามารวมกลุ่ม ผมสีดำขลับเลอะแป้งเด็กและขนมโก๋ เธอกับพรอุมานำคู่แข่งในช่วง 3 ด่านแรก แต่มาโดนแซงเพราะลื่นล้มในด่านสุดท้าย แม่สาวคมขำผิวสีน้ำผึ้งเสียใจมาก เพื่อนร่วมทีมจึงต้องช่วยกันปลอบใจ

          “ไม่เป็นไรเพียงตา เธอจะเศร้าทำไมเนี่ย” ผมยื่นผ้าขนหนูให้สาวน้อยผู้เลอะทั้งตัว

          “ทีมเราไม่นำแล้ว” เพียงตาตอบกลับไม่เต็มเสียง เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นด้วยละอาย

          “โอ๊ย ! เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวเราจัดการให้” อำนาจทุบหน้าอกโชว์ความเป็นแมน

          “ใช่ ถ้าเรื่องอุบาท ๆ หมอนี่ไม่เป็นรองใคร” ใครบางคนรีบตามขยี้ซ้ำ

          “ใช่ เฮ่ย…!” เจ้าตัวสะดุ้งโหยง “มันใช่คำชมไหมเนี่ย แปลก ๆ อยู่นาวุ้ย”

          “เอาน่า.. ยังไงทีมเราไม่แพ้สีฟ้าหรอก ชนะอีกครั้งก็ได้แชมป์แล้ว”

          นายหัวหน้าห้องรีบพูดตัดบท พวกเราปลอบใจเพียงตากันอีกพักหนึ่ง ก่อนแยกตัวออกมาเพื่อเตรียมความพร้อม การแข่งขันรายการสุดท้ายกำลังจะเริ่ม ผู้ชนะเลิศจะได้รับ 10 คะแนนเพียงทีมเดียว สีชมพูและสีฟ้ามีคะแนนเท่ากัน ต้องมาตัดสินในการแข่งกินวิบากชาย ผมกับอำนาจเป็นตัวแทนทีมสีชมพู ส่วนทรงเดชกับมนต์ชัยเป็นตัวแทนสีฟ้า

          “ตัวเท่าลูกหมา..แล้วมันจะไหวเหรอ” ทรงเดชทักทายด้วยการดูหมิ่น

          “ระวังตัวเองดีกว่า อย่าให้เป็นช้างล้มก็แล้วกัน” อำนาจตอกกลับอย่างไม่สะท้าน

          “ปากดีเสียด้วย นายคิดว่ายังไงมนต์ชัย” ทรงเดชโยนให้เพื่อนร่วมทีม

          “เก่งแต่ปากเท่านั้นแหละ ขนมโก๋ติดคอตายไม่รู้ด้วยนะ” มนต์ชัยเหล่ตามองพลางแสยะยิ้ม

          “หน้าบานกว่าขันตั้งเยอะ เป่าแป้งหาเหรียญยังไงเนี่ย” อำนาจเอาคืนเรื่องใบหน้าโจทย์เก่า

          ผมและทรงเดชหัวเราะเสียงดังทันควัน พลางจ้องมองใบหน้าแดงก่ำและบานของมนต์ชัย คู่อริทั้งสองคงอยากปรี่เข้าหากัน เหมือนเช่นทุกครั้งที่มีการกระทบกระทั่ง ทว่าอำนาจโดนมัดขาติดกับผม ส่วนมนต์ชัยโดนมัดขาติดกับทรงเดช ก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากหัวฟัดหัวเหวี่ยง 

          การชิงชัยทวีความเข้มข้นทันตาเห็น เพื่อนร่วมห้องเข้ามามุงพลางส่งเสียงกระหึ่ม ชิดชนกให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม หันมาเจอกันสาวเจ้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ขอโทษด้วยนะจ๊ะน้องสาว พี่ต้องขอเก็บชัยชนะไปฝากเพียงตา แม้เป็นเรื่องที่ไม่อยากทำซักเท่าไหร่ แต่ทีมสีฟ้าของน้องสาวกินน้ำใต้ศอกไปเถ๊อะ !

          การแข่งกินวิบากเริ่มต้นขึ้นแล้ว ประกอบไปด้วย 6 ด่านสำคัญเรียงกันไป เริ่มจากการช่วยกันร้อยด้ายใส่เข็มเย็บผ้า ซึ่งเป็นงานสุดหมูตู้ของนายหัวหน้าห้อง สีชมพูออกนำไปยังด่านต่อไป คือการเป่าแป้งเพื่อหาเหรียญในขันใบเล็ก เป็นการแข่งที่ต้องใช้กำลังกายกำลังใจรวมทั้งดวงเข้ามาช่วย อำนาจคาบเหรียญสำเร็จในการเป่าครั้งแรกสุด ทว่าผมเป่าแป้งเท่าไหร่ก็หาเหรียญไม่เจอเสียที ต้องใช้ความพยายามถึง 8 ครั้งจึงสัมฤทธิ์ผล ทำให้สีฟ้าและสีเหลืองตามติดชนิดหายใจรดต้นคอ

          สีเหลืองซึ่งมีวิทยากับณรงค์ฤทธิ์ หาได้สร้างความหนักใจให้ผมแม้แต่น้อย ที่น่ากลัวที่สุดคือสีฟ้าสุขสำราญ ทรงเดชเขมือบขนมโก๋ชิ้นใหญ่ได้เพียงเสี้ยววินาที โชดยังดีว่ามนต์ชัยทำแบบนั้นไม่ได้ สีชมพูยังคงออกนำในด่านถัดไป น้ำอัดลมขนาด 1 ลิตรคือปัญหาใหญ่โตเหลือเกิน ผมเองไม่ถนัดซักเท่าไหร่ อำนาจก็เช่นกันเพราะโดนแม่สั่งห้าม จึงเป็นการแข่งที่ทุลักทุเลพอสมควร แม้พวกเราจะช่วยกันดื่มแล้วก็ตาม แต่ทีมสีฟ้าดื่มหมดก่อนและออกนำไปก่อนหน้าตาเฉย

          ด่านถัดไปเป็นปัญหาใหญ่โตเท่าภูเขา เพราะต้องกินกล้วยหอมซึ่งแขวนอยู่บนเชือกสุง อำนาจผู้มีความสุง 155 เซนติเมตรพยายามอย่างถึงที่สุด เขาไม่คิดที่จะยอมแพ้แต่สภาพร่างกายมันไม่ได้ ความพยายามของนายสี่ตาเรียกหัวเราะดังสนั่น ไม่เว้นกระทั่งมนต์ชัยคู่ปรับตลอดกาล คงมั่นใจเต็มที่ว่าตัวเองชนะแน่ หมอจึงหยุดกินเพื่อพูดจาถากถางเยาะเย้ย

          “ไม่ต้องเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ไม่ไหวพักก่อนไหม อ่อนเอ๊ย”

          คนพูดยิ้มกว้างโชว์เหงือกบาน ๆ และฟันจอบ จึงโดนทรงเดชตบกระบาลเข้าไปหนึ่งผลัวะ เจ้าตัวบ่นอุบพลางกินกล้วยที่เหลือต่อ ผมกินเสร็จแล้วจึงส่งเสียงเชียร์เพื่อนบ้าง กล้วยของอำนาจเหลืออยู่ประมาณครึ่งใบ เขาพยายามกระโดดกระทั่งเกิดอาการจุก น้ำอัดลมสีน้ำตาลพุ่งสวนออกมาทางปาก โดยมีขนมโก๋เป็นส่วนผสมคล้ายดินเหนียว เสียงร้องว้ายดังมาจากกองเชียร์สีชมพู กองเชียร์ทีมอื่นอ้าปากหวอด้วยความตกใจ

          ผู้แข่งขันร่างเล็กหยุดนิ่งไปแล้ว...นักกีฬาจากสีชมพูน้ำหูน้ำตาไหล อำนาจทรุดตัวลงนั่งท่าทางผะอืดผะอมเต็มที่ ผมรีบนั่งตามพลางสอบถามอาการโดยรวม เจ้าตัวไม่ตอบอะไรกลับมาเลย แต่ลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดกินกล้วยต่อไป

          “ไม่ต้องแข่งแล้ว พอเถอะอำนาจ”

          เสียงห้ามปรามดังมาจากกองเชียร์สีชมพู เจ้าของเสียงคือเพียงตาสาวน้อยคมขำ สีหน้าของเธอใกล้เคียงกับคำว่าร้องให้ ผมเห็นเข้าถึงกับน้ำตาเล็ดด้วยความดราม่า เพียงตาเป็นแม่สาวดวงตาแสนเศร้าโศก ทว่างานนี้ต้องใช้ว่าโคตรเศร้าโศกยกกำลังสอง เสียงห้ามปรามไม่ส่งผลแม้ซักนิดเดียว ผู้เข้าแข่งขันยังคงกระโดดกินกล้วยเหมือนเคย

          ความมุ่งมั่นก่อให้เกิดความสำเร็จ แล้วอำนาจก็กินกล้วยหอมหมดทั้งใบ ทีมสีชมพูจึงยังคงอยู่ในแข่งขัน และด่านสุดท้ายที่ต้องเผชิญนั่นก็คือ ม้วนหน้า 5 ครั้ง ม้วนหลัง 5 ครั้ง ปั่นจิ้งหรีด 50 รอบ ปิดท้ายวิ่งสามขาระยะทาง 40 เมตร นี่คือด่านที่หินที่สุดของที่สุดของแจ้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนต้นคิด ทีมสีฟ้าเป็นฝ่ายนำโด่งอยู่ในด่านนี้ กว่าพวกเราจะม้วนหน้าม้วนหลังตามมาทัน ทรงเดชและมนต์ชัยก็ปั่นจิ้งหรีดไปแล้วครึ่งทาง

          ผู้มาก่อนใช่จะเป็นผู้ชนะเสมอไป อำนาจทำนายอนาคตเพื่อนได้อย่างแม่นยำ ทรงเดชกินขนมโก๋และกล้วยโดยไม่เคี้ยว เมื่อได้เจอกับโลกใบใหม่ที่หมุนไปหมุนมาตลอดกาล เจ้าชายหมีน้อยจึงหมดสภาพความเป็นมนุษย์ นักบาสโรงเรียนหัวทิ่มพื้นประหนึ่งช้างล้ม มนต์ชัยซึ่งตัวติดกันจึงล้มตามไปด้วย ทั้งยังโดนมวลสารหนัก 85 กิโลกรัมทับร่างจุกจนพูดไม่ออก

          โอกาสทองลอยเข้ามาแล้ว ผมกับอำนาจรีบปั่นจิ้งหรีดด้วยความระมัดระวัง พวกเราไม่อยากเป็นช้างล้มเชือกถัดไป จึงทำอย่างช้า ๆ และมีการพักทุก 10 รอบ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนอย่างแน่นอน ขณะเดินทางมาถึงรอบที่ 37 หรือ 38 ไม่แน่ใจ โลกเบี้ยว ๆ ใบเดิมหมุนติ้วราวกับลูกข่าง ภาพกองเชียร์กลับหัวกลับหางเพราะพวกเราล้มคว่ำไปแล้ว

          ใครที่ไม่เคยปั่นจิ้งหรีดจงรู้ไว้ ความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจไม่ช่วยอะไรเลย เป็นบทลงโทษที่โหดร้ายที่สุดของที่สุดของแจ้ คุณไม่อาจทรงตัวได้แม้พยายามแล้วพยายามอีก และถ้าล้มลงก็ใช่ว่าลุกขึ้นได้เลย ต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการปรับสภาพร่างกาย สีฟ้าและสีชมพูผ่านด่านนี้ใกล้เคียงกัน จึงออกวิ่งสามขาระยะทาง 40 เมตรเคียงคู่กัน

          นี่คือการชิงชัยครั้งสุดท้ายอย่างแท้จริง ผู้ชนะได้ทุกอย่าง...ผู้แพ้ไม่ได้อะไรเลย เสียงเชียร์สองฟากสนามดังกระหึ่มยิ่งกว่าฟุตบอลโลก ทรงเดชกับมนต์ชัยนำหน้าอยู่เพียงเล็กน้อย ผมกับอำนาจวิ่งแซงเมื่อมาถึงครึ่งทาง ความคล่องตัวทีมเราได้เปรียบอีกฝ่ายมาก ทั้งยังนัดหมายให้ออกเสียงเข้าจังหวะว่าซ้าย-ขวา-ซ้าย จึงวิ่งได้พร้อมเพรียงราวกับว่าเป็นคนเดียวกัน มนต์ชัยพยายามตะโกนยั่วยุให้ผิดจังหวะ สิ่งที่ทำไม่บังเกิดผลกับผู้มีความแน่วแน่ เหลือระยะทางแค่เพียง 10 เมตรจะสิ้นสุด สีชมพูยังคงนำอยู่ประมาณ 2 ก้าว กำลังใจจากกองเชียร์ใส่กันเต็มเหนี่ยว เราจะชนะศึกใหญ่ที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์

          ขณะที่ผมและอำนาจเร่งเครื่องสุดกำลัง เพื่อชัยชนะของทีมและเพื่อนสาวเพียงตา พลันได้ยินเสียงวัตถุขนาดใหญ่หล่นกระทบพื้นเสียงดังโครม ทันใดนั้นเองเราสองก็เกิดอาการเสียหลัก ขาที่มัดติดกันเหมือนโดนบางอย่างฉุดดึงไว้ นักกีฬาสีชมพูล้มคว่ำจูบพื้นพระแม่ธรณี ห่างจากเส้นชัยแค่เพียง 5 เมตรเท่านั้น

          (ปล. ผมและอำนาจได้รับรู้สาเหตุในท้ายที่สุด หลังจากใช้เครื่องทรมานสายลับครบทั้ง 12 ชิ้น ทรงเดชจึงยอมเปิดปากออกมาว่า มนต์ชัยแกล้งพุ่งล้มเพื่อรวบขาพวกเรานั่นเอง)

          ผู้หกล้มทั้งงัวเงียงุนงงและเงิบงาบ ด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเกิดขึ้นได้อย่างไร นักกีฬาสีฟ้าล้มคว่ำอยู่บนพื้นเช่นกัน มีเสียงตะโกนจากใครบางคนว่าโคตรโกง และเสียงตะโกนว่าไม่โกงแค่เสียหลักสลับไปมา ไม่มีเวลาสนใจเรื่องขี้ประติ๋วอีกแล้ว การแข่งยังไม่จบและเส้นชัยก็อยู่ตรงหน้า ผมกับอำนาจตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ทรงเดชและมนต์ชัยก็ทำแบบเดียวกัน นักกีฬาทั้งสองทีมเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้า ด้วยสองขาที่แสนอ่อนล้าและสองใจหลอมเป็นหนึ่งเดียว

          ทันใดนั้นเองเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด นักกีฬาจากสีเหลืองได้แก่วิทยากับณรงค์ฤทธิ์ ได้พุ่งแซงพวกเราอย่างรวดเร็วปานพายุ ทั้งคู่วิ่งสปีดด้วยความเร็วใกล้เคียงกับแสง ก่อนเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อน ๆ ทุกคนครับ ผมอยากมุดสะดือทะเลหลบหน้าชาวโลกมันเสียเดี๋ยวนี้ คนที่ทั้งพูดช้าและพูดยานเป็นถุงกาแฟ ทำอะไรก็ยืดยาดอืดอาดได้ที่โหล่อย่างนายวิทยา ดั๊นนนน…ชนะการแข่งขันกินวิบากชายหน้าตาเฉย

          ทรงเดชกับมนต์ชัยล้มตัวนอนหงายพลางหอบแฮก ๆ กองเชียร์สีฟ้าทรุดตัวลงนั่งรวมทั้งชิดชนกและนิตยา ผมยืนเท้าสะเอวส่ายหน้าส่วนอำนาจขยี้หัวไปมาด้วยเสียสติ เพียงตาหน้าหมองเศร้าเม้มปากแน่นจ้องมองแต่ต้นหญ้า สมาชิกสีเหลืองทุกคนต่างพากันกระโดดโลดเต้น พวกเขาไม่เพียงชนะการแข่งรอบสุดท้ายเท่านั้น แต่มีคะแนนรวมเหนือสีฟ้าและสีชมพูตั้งหนึ่งแต้ม คว้าแชมป์ประจำปีไปครองชนิดหักปากกาเซียน ทิ้งให้สองตัวเต็ง…กินบ๊วยเค็มแล้วแปลงร่างเป็นซูเปอร์แมน

                        ---------------------------------------------

          นั่นแหละครับท่านผู้ชม…ที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งปวง เพราะการคว้าแชมป์อย่างพลิกความคาดหมาย วิทยาดีใจน้ำหูน้ำตาไหลท่วมสนาม หมอจึงชวนให้มาจัดงานเลี้ยงปีใหม่ที่บ้าน ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากสมาชิกทั้งหลาย เพราะบ้านวิทยาอยู่ห่างตลาดเพียงนิดเดียว เดินทางสะดวกน้ำไฟและอินเตอร์เน็ตเข้าถึง เพื่อนบ้านรอบด้านต่างเป็นเครือญาติเดียวกัน ด้านหลังเป็นป่าละเมาะด้านข้างเป็นทุ่งนากว้าง ไม่มีปัญหาถ้าจะจัดงานเสียงดังโต้รุ่ง พ่อของวิทยาก็เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ปกครองพลอยอุ่นใจยอมให้ลูกมางาน นั่นแหละครับท่านผู้ชม…ความวุ่นวายจึงได้บังเกิดที่บ้านหลังนี้

          ผมกลับคืนสู่โลกปัจจุบันอีกครั้ง ดวงตาใสแป๋วราวกับลูกแก้วอยู่ห่างแค่คืบ ชิดชนกหันหน้ามาสบตาด้วยอีกครั้ง คืนนี้เธอสวมเสื้อวอร์มลายคิตตี้สีชมพู คิดว่าเป็นตัวใหม่เพราะไม่เคยเห็นใส่มาก่อน แม่สาวสายแบ๊วชวนคุยอย่างเป็นกันเอง

          “บ้านวิทยาสงบเงียบดีนะ ต้นไม้ก็เยอะร่มรื่นจังเลย ไม่เหมือนร้านเมียจ๋าแห้งแล้งสุดใจ”

          “แต่กวาดใบไม้เหนื่อยหน่อย ต้นคูนใบร่วงเยอะมาก” ผมพูดตามข้อเท็จจริง

          “มันก็จริงแหละ แต่เราชอบต้นไม้นี่นา” แววตาคนพูดส่องประกายแข่งกับดวงดาว “โตขึ้นถ้าเรามีบ้านเป็นของตัวเองนะ จะปลูกต้นไม้ใหญ่ ๆ ให้มันคลุมหลังคาเลยด้วย อากาศเย็นสบายไม่ต้องพึ่งพาแอร์ นายว่าดีป่ะ”

          “ระวังงูหน่อยก็ดี ถ้าหญ้ารกเดี๋ยวเราช่วยถอนให้”

          คำตอบของผมสร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้ปรากฎ เป็นคำตอบที่ถูกอกถูกใจเป็นอย่างยิ่ง คนอยากมีบ้านเหลียวมองจั๊กจั่นบนต้นไม้ ผมเงยหน้าตามแต่อันที่จริงแล้วแอบมองเธอ ชิดชนกสนิทกับผมมากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงสบายใจที่จะพูดคุยเรื่องจุกจิก เพราะคู่สนทนารับฟังอย่างไม่เบื่อหน่าย ทั้งยังไม่มีปากเสียงยามที่เธองอแงหรือเอาแต่ใจ อภิโถอภิถังแม่คุณเอ๋ย ผู้ชายคนนี้ไม่มีวันเบื่อผู้หญิงคนนี้แน่ จะอีกกี่สิบปีก็ไม่เบื่อรู้เอาไว้ด้วย

          “ไปร้านมินิมาร์ทเป็นเพื่อนหน่อย เราอยากกินนมเปรี้ยว” ชิดชนกเอ่ยปากชวน

          “เอาสิ” ผมตอบกลับพลางยิ้มแฉ่ง “อยากเติมเงินโทรศัพท์อยู่พอดี”

          เราสองคนลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กัน ลมหนาวพัดผ่านสั่นสะท้านไปถึงกระดูก สาวน้อยดวงตากลมโตขยับเสื้อวอร์มปกปิดมิดชิด พลางใช้สองมือกอดอกสร้างความอบอุ่น ฝ่ายผมสวมเสื้อแจ็กเก็ตสยามคูโบต้า (ได้รับสมนาคุณมาจากพี่ท้อแท้) จึงแทบไม่หนาวแม้เจอลมแรงยิ่งกว่าไต้ฝุ่น ของฟรีมักมีพลังในตัวมากกว่าเดิมสองเท่า มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กไม่ได้กล่าวไว้

          ขวบปีที่แสนวุ่นวายกำลังจะพ้นผ่านไป หวังว่าปีหน้าทุกสิ่งทุกอย่างจะดียิ่งขึ้น ผมและเธอเคียงคู่กันไปตามทางเดิน กระทั่งมาหยุดหน้าร้านส้มตำไก่ย่างเจ๊เค็ม ต้นลีลาวดีหน้าร้านออกดอกบานสะพรั่ง ชิดชนกยิ้มหราปรี่เข้าไปดอมดม

          ลีลาวดีหรือลั่นทมมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกา พืชใบเดี่ยวมีน้ำยางสีขาวข้นอยู่ในลำต้น เติบโตได้แม้สภาพดินค่อนข้างกันดาร ต้นที่อยู่ตรงหน้าเรียกว่าพันธ์มายวาเลนไทน์ กลีบดอกขนาดใหญ่สีขาวสลับชมพู มีกลิ่นหอมหวานคล้ายคลึงดอกกุหลาบ เพราะชื่อลั่นทมจึงไม่นิยมปลูกตามบ้านเรือน มักพบอยู่ในเขตวัดวาอารามเท่านั้น ทว่าผมไม่ถือสาอะไรพวกนี้หรอก ชิดชนกชอบลั่มทมแล้วผมจะไม่ชอบได้หรือ วาเลนไทน์ที่ใกล้จะถึงในอีกไม่นาน อาจได้รับช๊อกโกแลตจากเธอคนนี้ก็เป็นได้ ฉะนั้น…ที่เขาว่าปลูกลั่นทมแล้วจะระทม มันก็แค่ความเชื่อโบราณคร่ำครึ

          “อย่าเพิ่งไป มีเรื่องแล้ววววว…..”

          เสียงค่อนข้างทุ้มต่ำและยานราวกับถุงกาแฟ ดังตามหลังมาจากบริเวณหน้าบ้านงาน ผมและชิดชนกหันควับกลับไปมอง พบวิทยากำลังวิ่งเข้าหาด้วยความเร็วเต่ากัดยาง นี่ผมแพ้คนที่ช้าที่สุดในโลกใช่หรือไม่ รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวยังไงก็ไม่รู้

          “แหม่…วิ่งซะเร็วเชียว มีอะไรกับเราเหรอ” ชิดชนกพูดแซวเสียหนึ่งดอก

          “ไม่มีกับนก แต่มีกับนายยยย….หัวหน้าห้อง” ผู้มาใหม่หอบจนตัวโยน

          “กับเรา ?” คนพูดชี้ใบหน้าตัวเอง “คงใม่ใช่เรื่องอำนาจกับมนต์ชัยนะ”

          “นั่นแหละ ช่ายยยยย….เลย” วิทยายังคงหอบเป็นจังหวะแร๊บโย่ว

          “ปล่อยพวกนั้นไปเถ๊อะ เดี๋ยวเหนื่อยก็เลิกกันเองแหละ” ผมตอบกลับแบบเซ็ง ๆ

          “เราเห็นด้วย บอกเพื่อน ๆ ให้เลิกเชียร์ได้แล้ว” ชิดชนกกล่าวเสริมแบบเคือง ๆ

          “ตอนนี้เลิกแข่งเหยียบลูกโป่งแล้ว แต่ว่า….??”

          เจ้าของบ้านสุดหายใจเข้าเต็มปอด ความจริงก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน พวกเราเดินห่างออกมาตั้งเกือบ 200 เมตร วิ่งสปีดเต็มเหยียดคงต้องเหนื่อยกันทุกคน กระทั่งวิทยาควบคุมการหายใจได้ จึงเอ่ยประโยคสำคัญน้ำเสียงสุดเครียด

          “คู่นั้นไม่ยอมหยุดเสียที ทรงเดชเลยเข้าไปดึงอำนาจออกมา เขาดันเหยียบลูกโป่งมนต์ชัยเข้า เลยเสียหลักลื่นล้มกระแทกพื้น ตอนนี้ร้องโอดโอยลุกขึ้นไม่ไหว แขนขวาหักหรือเปล่าก็ไม่รู้”

          สีหน้าคนพูดซีดเผือกราวกับผีดิบ วิทยาเงียบไปแล้วเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมตกใจสะดุ้งเฮือกพลางร้องเฮ้ย ใบหน้าสุดโหดของอาจารย์วิบูลย์และอาจารย์สมพิศ พุ่งเข้าปะทะแสกหน้าพอดิบพอดี อีกไม่กี่วันจะมีการแข่งบาสเกตบอลระดับโรงเรียน ถ้าทรงเดชแขนหักขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ โดนปั่นจิ้งหรีดอ๊วกแตกอ๊วกแตนทั้งห้องแน่

          นายหัวหน้าห้องหันหลังกลับพลางออกวิ่ง ชิดชนกก็วิ่งตามทิ้งวิทยาไว้เบื้องหลัง แวบหนึ่งของความคิดปรากฎเป็นดอกลั่นทม หรือว่านี่จะเป็นอาถรรพ์น้ำมันมวย จากต้นไม้ชื่ออัปมงคลตามที่เขาร่ำลือ

                       ---------------------------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา