ห้องสามเดอะซีรี่ย์

9.0

เขียนโดย มุมฉาก

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  26.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 08.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) วิทยาศาสตร์กำสรวล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     วิทยาศาสตร์กำสรวล

     บ่ายวันศุกร์แห่งชาติเดินทางมาถึงอีกครา อากาศกำลังอบอุ่นไม่ร้อนไม่หนาวไม่มีฝน แสดงแดดขี้อายซ่อนตัวอยู่ในเมฆก้อนโต สายลมจากทิศตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านตลอดทั้งวัน นักเรียนหญิงหลายคนพากันสวมเสื้อกันหนาว ถั่วฝักยาวเต้นระบำอยู่ท่ามกลางแปลงผัก กลิ่นขี้หมูยังคงหอมหวลเฉกเช่นวันก่อน มะม่วงอกร่องแตกใบอ่อนสีม่วงเหมือนชื่อ

     ภายในหอประชุมเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง ทั้งจากบุคคลที่เป็นนักเรียนและไม่ใช่นักเรียน เป็นประเพณีนิยมของโรงเรียนไกลปืนเที่ยง ที่จะต้องจัดงานวิทยาศาสตร์ก่อนวันคริสต์มาสเสมอ วิธีการดำเนินงานไม่เคยเปลี่ยน มุขเดิม ๆ ตัวละครเก่า ๆ พล๊อตเรื่องซ้ำซาก กระทั่งป้ายงานยังใช้ของเก่าปรับปรุง เป็นอะไรที่ไม่สนใจซักนิดเดียว หาเรื่องตบตีกันเองยังสนุกกว่า

     ทว่าปีนี้ไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะมันคือวันพิพากษานักเรียนห้องสาม ว่าปิดเทอมฤดูร้อนจะได้ไปเที่ยวกับครอบครัวหรือไม่ โดยมีสมาชิกแก๊งค์สามหื่นเป็นผู้กำหนดชะตากรรม (ไม่ก็สร้างเวรสร้างกรรม) เราจะต้องชนะเลิศโครงการวิทยาศาสตร์ระดับโรงเรียน การบ้านสุดหินที่แม้ในฝันยังไม่กล้าฝันถึง

     ภายในงานแบ่งโซนการประกวดอย่างชัดเจน ระดับมัธยมต้นอยู่ฝั่งซ้ายมือติดสนามบาส ระดับมัธยมปลายอยู่ฝั่งขวามือติดอาคารคหกรรม ขั้นกลางด้วยป้ายบอร์ดขนาดใหญ่ยักษ์ นำเสนอโครงการผลิตสารละลายกัดสนิมตะปูเกลียว มีรายละเอียดครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ผมจ้องมองบอร์ดดังกล่าวด้วยความรู้สึกหลายอย่าง

     “นาย นายหัวหน้าห้อง ช่วยดูให้หน่อยว่าดีหรือยัง”

     เสียงหวาน ๆ ดังขึ้นที่ข้างหูผมเอง หันไปมองจึงพบชิดชนกยืนยิ้มเจื่อน ๆ ให้ ข้างกายเธอปรากฎอภิมหาโครงการที่สุดของที่สุด ตั้งอยู่บนโต๊ะพับสแตนเลสขนาด 115x75 เซนติเมตร นี่คือสิ่งชี้เป็นชี้ตายพวกเราทุกคน

     “อุปกรณ์ครบถ้วน ภาพถ่ายและข้อมูลชัดเจน เป๊ะพ่อ !” ผมตอบคำถามกึ่งให้กำลังใจ

     “แต่เราว่าธรรมดามาก ห้อง 5/3 กับ 6/1 อลังการงานสร้างเว่อร์วัง” คนพูดละล้าละลัง

     “ไม่เกี่ยวมั้ง นี่งานวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เกมส์โชว์นะคุณ” ผมค้านเพราะไม่เห็นด้วย

     “มันก็ใช่แหละ แต่…นายคิดว่า พวกเราจะรอดไหม” แววตาเธอขาดแล้วซึ่งความมั่นใจ

     “นกฟังเรานะ” ผมใช้น้ำเสียงโทนนุ่มนวล เพื่อปลอบโยนสาวน้อยผู้วิตกจริต“พวกเราจะต้องชนะเลิศอันดับหนึ่ง และพวกเราทุกคนจะต้องรอดตัว เราทำงานเป็นทีมและเราต้องไว้ใจเพื่อน นกเข้าใจที่เราพูดใช่ไหม”

     “เข้าใจก็ได้ ไม่ต้องมาทำเสียงหล่อเลยด้วย แหวะ !”

     สาวน้อยดวงตากลมโตแลบลิ้นแล้วค้อนขวับ ก่อนหันไปจัดภาพถ่ายซึ่งดีอยู่แล้วให้แย่ลง ผมเม้มปากแน่นพลางถอนหายใจแผ่วเบา ซีเกมส์ปีหน้าจะส่งแม่คนนี้ลงแข่งขว้างค้อน ขณะที่พวกเราวุ่นวายอยู่กับหน้าที่ตัวเอง ผอ.ยอดรักผู้สั่งให้ทุกคนลงแข่งขันนั้น ได้ย่องเข้ามาพร้อมจ้องมองอภิมหาโครงการที่สุดของที่สุด

     “เป็นยังไงนักเรียน พร้อมแล้วใช่ไหม” ผู้มาเยี่ยมได้กล่าวทักทาย

     “พวกเราพร้อมแล้วค่ะ และมั่นใจว่าจะชนะแน่นอน” ชิดชนกตอบคำถามพร้อมรอยยิ้ม

     “ดีมาก ต้องแบบนี้สิ แต่…” คนพูดมองซ้ายมองขวา “มันดูเรียบง่ายไปหน่อยไหม”

     “นี่งานวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เกมส์โชว์นะคะอาจารย์ หนูอยากแสดงผลการทดลองอย่างแท้จริง ซึ่งในอนาคตอาจช่วยพัฒนาประเทศชาติ แต่ถ้าทุกคนตัดสินที่ความสวยงาม หนูคงเสียใจมาก แล้วเราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟังคะ”

     “เยี่ยมเลย ต้องแบบนี้สิ ว่าแต่มีแค่สองคนเองเหรอ” อีกฝ่ายเกิดสงสัย

     “อำนาจไปส่งเอกสารค่ะ คนที่เหลือเตรียมข้อมูลอยู่ในห้อง” สาวน้อยพูดจาฉะฉาน

     “เก่งมากนักเรียน อาจารย์เอาใจช่วยเต็มที่ ไม่รบกวนแล้ว”

     ผู้มีอำนาจสุงสุดในโรงเรียนกล่าวปิดประเด็น แล้วเดินจากไปพร้อมเกาหัวจนรังแคร่วง ผมเหลือบมองเพื่อนสาวผู้กำลังยิ้มหวาน ครั้นเห็นปลอดคนเธอทำคอย่นแล้วแบะปาก ชิดชนกทำหน้าที่ได้อย่างสมบรูณ์แบบ ผมไม่อยากใช้คำว่าตีบทแตกหรือเล่นละครเก่ง เพราะรู้เต็มอกว่าแม่สาวผมม้าไม่ได้อยากทำเลย

     จริงอย่างที่ชิดชนกและผอ.ยอดรักพูด โครงการพวกเราทั้งธรรมดาและเรียบง่าย เทียบไม่ได้เลยกับโครงการของรุ่นพี่ นาทีนี้ผมได้แต่มีความหวัง หวังว่าคนอื่นจะทำหน้าที่ได้เหมือนชิดชนก เพราะมันคือความเป็นความตายของพวกเรา

                       ---------------------------------------------

     ย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังกลับมาจากช่วยงานบ้านเพียงตาแล้ว ผม อำนาจ และทรงเดช ลงมือทำโครงการต้นแบบจนดึกดื่น กระทั่งสำเร็จและนำมาแสดงในที่ประชุม

     “ไอ้นี่เนี่ยนะ…สุดยอดไอเท็มลับชื่อว่าไอ้นั่น”

     นิตยาเอ่ยถามทันทีที่ประสบ สาวผมหยักโศกกลับจากกรุงเทพพร้อมอุปกรณ์ที่ผมสั่ง ตอนคุยโทรศัพท์เหมือนเธอจะไม่เข้าใจ ครั้นเห็นของจริงบอกได้คำเดียวว่ามืนตื๊บ

     “ใช่และไม่ใช่” ผมตอบคำถามกวนโอ๊ยเพื่อน ขณะชูสิ่งของในมือขวา “มันเป็นแค่สารตั้งต้นนะนิด ต้องรอให้เปลี่ยนสภาพเสียก่อน สำเร็จเมื่อไหร่จะมีหน้าตาแบบนี้”

     เพื่อนทุกคนจ้องมองสิ่งของในมือ มันคือขวดเป็บซี่ใช้แล้วขนาด 1.25 ลิตร พร้อมน้ำสีดำขุ่นที่ได้มาจากบ้านเพียงตา ถึงได้เห็นอย่างชัดเจนเต็มสองตาแล้ว แต่ว่าบางคนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

     “หน้าตาแบบนี้แล้วยังไง รินใส่แก้วเติมน้ำแข็งหรือผสมโซดา” ชิดชนกแขวะเข้าให้

     “เสียมารยาทยายหูกาง ฟังเพื่อนพูดจบก่อน” อำนาจซัดคู่อริด้วยหมัดเคาน์เตอร์

     “ใจเย็นก่อนทุกคน” ผมต้องรีบขวางก่อนทีมจะแตก “พอได้สารตั้งต้นแล้ว เราจะนำมาทำน้ำยาล้างจานสูตรสมุนไพร เน้นความเป็นธรรมชาติไม่มีสารเคมีตกค้าง ช่วยบำรุงผิวมือและเล็บให้นุ่มนวลประหนึ่งใบหน้าสาวแรกแย้ม”

     “ง่าย ๆ แค่เนี้ยนะ” นิตยาทำหน้าฉงน

     “ง่าย ๆ แค่นี้สิ จะได้ทำกันทันไง” ผมตอบกลับพลางยิ้มแฉ่ง

     “คงได้ไม่เกิน 60 คะแนนหรอก คราวนี้แหละได้ซวยกันทั้งห้อง เปลี่ยนใจมาทำงานของเราเถอะ”

     คราวนี้เป็นฝ่ายอำนาจแขวะใส่บ้าง คำพูดของเขาเป็นตัวจุดชนวนอีกครั้ง เกิดการแบ่งฝ่ายระหว่างเพื่อนผู้หญิงกับเพื่อนผู้ชาย หัวข้อก็คือดรัมเบลลอยน้ำดีหรือป๊อปคอร์นกระโดดดี ผมปล่อยให้สองฝ่ายปล่อยพลังกันอย่างเต็มที่ กระทั่งเห็นว่าทุกคนเสียงแหบเสียงแห้งแล้ว จึงสวมมาดพระเอกตลอดกาลพุ่งเข้าเสียบ

     “เราเห็นด้วยว่าได้ไม่เกิน 60 คะแนน แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องซวยยกห้อง”

     “มันจะไม่ซวยได้ยังไง โดนทำโทษไม่ได้ไปไหนเลย ไม่นะ…สวนน้ำนาวาของพี่เดช”

     สีหน้าทรงเดชฉายแววสิ้นหวังให้ปรากฎ เขาโวยเสียงเหน่อพลางทำตาเหลือกตามแบบฉบับ นักบาสร่างโตฝันถึงสไลค์เดอร์ใหญ่ยักษ์ ซึ่งมีหลายด่านให้ได้ทำลายสถิติระดับประเทศ ลาก่อนมาสเตอร์เบลสเตอร์ยอดขมองอิ่ม โชดดีนะจ๊ะซูเปอร์โบว์จอมก๋ากั่น เราคงไม่ได้เจอกันแล้วฟรีฟอลแม่ยาหยี ผมจะคิดถึงคุณทุกวันอินเนอร์ทูปสุดแอ๊บแบ๊ว

     “ใจเย็นก่อนสิเพื่อน เรามีแผน” ผมมองรอบวงอีกครั้ง เมื่อไม่มีใครค้านจึงว่าต่อ “เราต้องทำน้ำยาล้างจานให้เสร็จก่อน เพื่อการันตี 60 คะแนนหรือมากกว่า ต่อจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของทรงเดช”

     ทุกคนหันไปมองทรงเดชโดยพร้อมเพรียง เจ้าตัวดูประหลาดใจก่อนเชิดหน้าอย่างทรนง แล้วทุกคนก็หันมามองที่ผมแทน ไม่ต้องอธิบายความก็รู้ว่าต้องการอะไร

     “ลืมอะไรไปหรือเปล่า ฉายาเจ้าชายหมีน้อยไม่ใช่ได้มาเพราะถูกหวย ทรงเดชจะใช้ความสามารถทำลายคู่แข่งด้วยวิธีการของเขา แล้วน้ำยาล้างจานก็จะชนะเลิศระดับโรงเรียน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

     คนพูดเชิดหน้าอย่างทรนงบ้าง พลางชายตามองลูกสาวคนสวยของเฮียอ๋า คิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะเลวได้ถึงเพียงนี้ อย่าเพิ่งประหลาดใจไปสาวน้อย พี่ยังมีลูกเล่นกักตุนไว้อีกเพียบ

     “ทรงเดชจะเล่นงานวิธีไหน เดินดุ่ม ๆ เข้าไปแล้วทุ่มลงพื้นงี้นะ” อำนาจสงสัยเรื่องสำคัญ

     “ลืมอะไรไปหรือเปล่า เราเป็นหัวหน้าห้องเชียวนะ” ผมยิ้มมุมปากแสดงความมั่นใจ “ทุกครั้งที่มีการจัดงาน หัวหน้าห้องทุกห้องจะต้องช่วยรวบรวมข้อมูล จึงมีกฎห้ามหัวหน้าห้องเข้าร่วมทีม แต่เราเป็นกรณียกเว้น เพราะผอ.ยอดรักสั่งให้เข้าร่วมทีม ฉะนั้น…เราจึงมีรายละเอียดทุกโครงการอยู่ในมือ”

     “ผอ.สั่งให้นายไม่ต้องช่วยงานแล้วนี่” ชิดชนกรีบค้านด้วยไม่แน่ใจ

     “ใช่ ถูกตัดชื่อแล้ว แต่เรามีวิธีเอาข้อมูลก็แล้วกัน” ผมยักคิ้วข้างเดียวให้คนถาม

     “แต่แบบนี้มันขี้โกงนะ” นิตยาเปิดปากบ้าง

     “แค่ใช้เทคนิคพิเศษนิดหน่อย หรือนิดอยากทำดรัมเบลลอยน้ำ” ผมรีบจี้จุดอ่อนอีกฝ่าย

     “ถ้าทรงเดชทำแผนแตกล่ะ ไม่ซวยซ้ำซวยซ้อนกว่านี้เหรอ” อำนาจชักเริ่มปอดแหก

     “อย่างทรงเดชเนี่ยนะจะพลาด หรือนายอยากทำป๊อปคอร์นกระโดด” ผมจี้จุดอ่อนอีกคนบ้าง

     “ฟังดูเป็นคนเลวยังไงพิกล ทำน้ำยาล้างจานอย่างเดียวก็พอ” คราวนี้เป็นคิวของชิดชนก

     “นกฟังเรานะ” ผมสบตาเธอคนนี้อีกครั้ง แววตาที่เคยดื้อรั้นเต็มไปด้วยความสับสน “นกไม่อยากไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวเหรอ เห็นว่าเฮียสี่จะพาไปกรุงเทพด้วยนี่ กรุงเทพเชียวนะ คิดสิคิด”

     ผมโยนระเบิดลูกโตให้ผู้ลังเลใจ แล้วสงบปากสงบคำรอทุกคนใช้ความคิด เจ้าชายหมีน้อยไม่มีทีท่ากังวลใจ แววตาของเขาส่องประกายระยิบระยับ ทรงเดชไม่ได้แผงฤทธิ์เดชมานานมาก ถึงเวลาที่จะปลดปล่อยพลังแล้วสินะ

     “ทุกคนเอาด้วยนะ เราจะได้แบ่งหน้าที่” ผมถือวิสาสะเมื่อไม่มีใครค้าน “ในงานมีคนเฝ้าแค่ 2 คนพอ เราขอให้นกอยู่กับเราแล้วกัน เพราะนกพูดจารู้เรื่องที่สุดในกลุ่ม และมีความน่าเชื่อถือที่สุด ส่วนทรงเดชกับนิดแยกตัวไปทำงานลับ”

     “อ้าวเฮ้ย..! แล้วเราทำอะไร” อำนาจโวยลั่นเมื่อไม่ได้ยินชื่อตนเอง

     “นายมีหน้าที่สำคัญที่สุด คือเป็นสุดยอดสายลับโป๊งโป๊งชึ่ง” ผมตบไหล่ให้กำลังใจเสียงดังป๊าบ “ทรงเดชกับนิดจัดการทุกอย่างไม่ได้ รุ่นพี่บางคนชอบเก็บผลงานไว้ที่บ้าน ฉะนั้น…นายต้องแฝงตัวเข้าใกล้ระยะประชิด แล้วส่งมันกลับดาวนาเม็กด้วยสองมือของนาย จำไว้เพื่อนรัก…ต่อให้ยานแม่เอเลี่ยนยิงถล่มโรงเรียนเราอยู่ นายจะต้องสงบนิ่งและทำงานตนเองไป อย่าได้ลังเลใจแม้เสี้ยววินาที ถ้านายพลาด…ทุกคนจะลอยเท้งเต้งเข้าใจป่ะ”

     ผมรู้สึกราวกับเป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษ พูดเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนทำภารกิจระเบิดพลีชีพ ไม่รู้ซักนิดว่าเจ้าตัวเต็มใจหรือเปล่า แต่ขืนให้หมอนี่ยืนนำเสนอผลงาน กลัวจะได้ตบตีกับชิดชนกให้ได้ฮือฮา ครั้นจะให้ไปบ้าพลังกับทรงเดช ก็กลัวพากันเล่นจนเลยเถิดเสียแผนลับ เป็นตัวจิ๊ดในงานเหมาะสมที่สุดแล้ว

                             ---------------------------------------------

     “นาย…กรรมการมาแล้ว ! ผมเราเสียทรงหรือเปล่า แต่งหน้าเยอะไปมั้ย”

     เสียงหวาน ๆ ดังขึ้นที่ข้างหูผมอีกครั้ง หันไปมองจึงพบชิดชนกยืนยิ้มเจื่อน ๆ ให้ ผมกลับมายืนเคียงข้างเธอคนนี้อีกครั้ง แล้วย้ำเป็นครั้งที่สิบว่าผมและหน้าของเธอดีมาก ขณะนี้เป็นเวลาบ่าย  2 โมง 12 นาที มีการเปิดประตูให้ผู้ชมเข้ามาในงาน แต่จะต้องออกไปก่อนเมื่อมีการให้คะแนน เอาเข้าจริงไม่มีนักเรียนทำตามซักคน

     คณะกรรมการเดินเข้ามาภายในงาน ทั้งหมดเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมหวีผมเรียบแปร้ สวมสูทลวดลายเดียวกัน สีเดียวกัน และร้านเดียวกัน แว่นตาหนาเตอะบ่งบอกว่ามีความรู้แน่นปึ๊ก (ไม่ก็ชอบอ่านนิยายประโลมโลกในที่มีแสงน้อย) อาจารย์วิบูลย์ผู้ประสานงานเดินนำขบวน ส่วนผอ.ยอดรักยืนอยู่ห่าง ๆ อย่าห่วง ๆ ตามลักษณะนิสัย ข้างกายเขาปรากฎมนต์ชัยกับเพียงตา ทั้งคู่ตั้งใจมาให้กำลังใจเพื่อน (ไม่ก็กดดันเพื่อน)

     การพิจารณาเริ่มต้นจากระดับมัธยมปลาย โรงเรียนเราแต่ละระดับชั้นมีด้วยกัน 6 ห้อง แบ่งเป็นสายวิทย์ 3 ห้อง สายศิลป์อีก 3 ห้อง จึงมีแค่เพียง 9 ห้องส่งโครงการเข้าประกวด คณะกรรมการเริ่มให้คะแนนห้อง 4/1 และ 4/2 ซึ่งกิ๊กก๊อกอีต๊อกอีแต๋นและมีข้อผิดพลาด จากนั้นจึงเดินมาหยุดที่โต๊ะห้อง 4/3 พร้อมตั้งคำถามมากมายซึ่งผมรู้ดีแก่ใจ

     สลัดผักมาเยือนกระทันหัน เมื่อได้เอื้อนเอ่ยอภิมหาโครงการตามที่ซุ่มซ้อม แต่ทำไมคำพูดผมจับใจความไม่ได้เลย เป็นภาษาจากดาวเนปจูนที่คนฟังไม่มีวันเข้าใจ จำไม่ได้เลยว่าตัวเองพูดอะไรบ้าง แม้แต่สายตายังจับภาพเป็นสีขาวดำ

     มนุษย์เราทุกคนเวลาตื่นเต้น บอกได้เลยว่ายิ่งคิดก็ยิ่งสั่น ยิ่งสั่นก็ยิ่งผิด ยิ่งผิดก็ยิ่งลนลาน ความกดดันพุ่งเข้าปะทะจนครบสิบทิศ ไม่ว่าจะเป็น สายตาคณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน เสียงตะคอกจากอาจารย์วิบูลย์ รอยยิ้มจืด ๆ ของผอ.ยอดรัก รวมทั้งแววตาวิตกกังวลจากมนต์ชัยกับเพียงตา กระทั่งมีมือเล็ก ๆ นุ่ม ๆสำผัสโดนมือขวาสั่นเทาของผม

     “นำเปลือกสับปะรดมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ นะคะ แล้วใส่น้ำตาลทรายแดงคลุกเคล้าให้ทั่วเลยค่ะ จากนั้นจึงเติมน้ำสะอาดจนท่วม ใส่ถังปิดฝาให้แน่นเลย แล้วตั้งไว้ในที่ร่ม 7 วันใช้ได้ค่า” คนพูดหยิบขวดใสบรรจุน้ำยาสีเขียว แล้วยิ้มหวานหยดขณะอธิบาย “วิธีทำน้ำยาล้างจานสูตรสมุนไพรง่ายมาก ใส่สาร Texopon N70 จำนวน 1 กิโลกรัมลงในภาชนะ แล้วใส่เกลือจำนวน 2 ฝ่ามือ จากนั้นก็ออกแรงคนเข้าไปสิคะ เมื่อน้ำยาเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น ให้เทน้ำหมักจากเปลือกสับปะรด…”

     ชิดชนกอธิบายรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ทุกความสนใจพุ่งตรงมาที่เธอคนนี้ น้ำยาล้างจานเพิ่งทำเสร็จตอนพักเที่ยง ลูกสาวเฮียอ๋าไม่มีส่วนร่วมเพราะต้องจัดทำเอกสาร สิ่งที่เธอกำลังกระทำฉุดพวกเราขึ้นจากอเวจี เพราะคนที่รู้เรื่องก็ดันตื่นเต้นพูดจาไม่รู้เรื่อง ชิดชนกคงไม่รู้ตัวสินะ..ว่าเธอคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผม

     เมื่อทำการซักไซ้ไล่เลียงจนสาแก่ใจ อาจารย์วิบูลย์จึงเดินนำไปโครงการอื่น เราสองคนถอนหายใจพร้อมเพรียงกัน ก่อนสบตากันและส่งรอยยิ้มมุมปากให้กัน งานทางนี้สำเร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อย (แม้ว่าผมจะเป็นแค่ตัวถ่วงก็เถอะ) ส่วนที่เหลือต้องพึ่งพานิตยากับทรงเดช รวมทั้งอำนาจผู้แฝงตัวอยู่ในหมู่ข้าศึก

     ทันใดนั้นเองมีเสียงฮือฮาดังกระหึ่ม จากโต๊ะห้อง 5/1 ซึ่งกรรมการกำลังลงคะแนน รุ่นพี่ห้องนี้ทำโครงการน้ำหอมก่อนโกนหนวด ใช้สารเคมีบางตัวทำให้หนวดแข็งและเปราะบาง จนสามารถใช้มือเปล่าหักหนวดได้เลย ครั้งแรกที่เห็นผมถึงกับลมใส่ คนทดลองดึงหนวดติดมือหน้าตาเฉย รางวัลโนเบลปีนี้เป็นของห้องนี้แบบนอนมา

     เจ้าชายหมีน้อยเริ่มสร้างชื่อเสียงอีกครั้ง ทรงเดชแอบเอาขนหมามุ่ยบดละเอียดผสมในน้ำหอม พืชเถามีขนคันจากฝัก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mucuna pruriens นอกจากทำให้หนวดไม่สามารถหักได้แล้ว ยังทำให้ผู้ใช้งานเกิดผื่นขึ้นทันควัน อาจารย์วิบูลย์ผู้ทดทองร้องโอดโอย ขณะใช้มือขวาเกาคางด้วยความเร็ว 2 มัค แคนดิเดตรางวัลโนเบลประจำปีนี้ นอนมาพร้อมพระสวดกลับบ้านเก่าเป็นที่เรียบร้อย

     ห้อง 5/2 ทำโครงการน้ำยาล้างยางมะตอยผสมน้ำหอม (เพื่อ ??) อันที่จริงผมทราบจากเครือข่ายหัวหน้าห้อง ว่ามีการทดลอง 5 ครั้งแต่ล้างออกเพียง 2 ครั้ง หลวงพ่อย้อยบอกให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท จึงให้นิตยาแอบเปลี่ยนยางมะตอยชนิดเหลว มาเป็นยางมะตอยผสมยางพาราซึ่งทั้งเหนียวและข้น เท่านี้เองห้อง 5/2 ก็โดนฝังจมธรณี

     ห้อง 5/3 ซึ่งเป็นห้องคิงของระดับชั้น นำเสนอโครงการเพาะเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์สายพันธุ์ใหม่ หนูน้อยน่าตาน่ารักน่าเอ็นดู มีหางยาวเป็นพวงสีแดงสดราวกับกระรอก ผมทราบมาว่าพวกรุ่นพี่โกง ด้วยการนำหางกระรอกมาผูกติดกับหางหนู

     จึงได้จัดการส่งแมวเข้ามาป่วน หนูกลัวแมวร้องว้ายก่อนวิ่งหายจ้อย ทิ้งพวงหางสีแดงงามสง่าไว้ดูต่างหน้า ส่วนแมวที่ทรงเดชนำมาก็ดันจิตอ่อน พอเห็นหางหนูหลุดต่อหน้าต่อหน้าเข้า พลันตกใจร้องเจี๊ยกนึกว่าโดนผีหนูหลอก แมวจึงใส่เกียร์หมากระโดดขึ้นไปบนยอดมะม่วง เดือดร้อนต้องส่งผู้กล้าปีนขึ้นไปช่วยเหลือ เล่นเอาทุลักทุเลสูญเสียพลังงานไม่ใช่น้อย

     งานของพวกเราผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถึงเวลาเผชิญของจริงจากขาใหญ่เสียที รุ่นพี่ห้อง 6/1 ทำสารทำความสะอาดน้ำพลังไบโออะตอมมิคพาวเวอร์เรนเจอร์อินฟาสตั๊ดชั่น มีลักษณะเป็นของเหลวข้น ๆ สีเหลืองนวล ด้านบนของสารมีฟองลอยเกาะตัวเป็นชั้น วิธีการใช้งานไม่ยุ่งยากเลย แค่เทสารลงไปในน้ำกระด้าง จะเกิดฟองสบู่จำนวนมากจากการทำปฎิกริยาไบโอฟิวชั่นซิมูเลเตอร์โธมาโตรกราฟฟี่ จากนั้นสิ่งสกปรกจะลอยตัวขึ้นมา แล้วใช้กระชอนช้อนปลาตักเอาไปทิ้ง

     อำนาจแอบเอาหัวเชื้อน้ำยาล้างจานที่ได้ทำเอง เทใส่สารดังกล่าวตอนรุ่นพี่เข้าห้องน้ำ ฟองสบู่จำนวนมหาศาลเอ่อล้นออกจากถัง แล้วเริ่มไหลนองทั่วพื้นที่หอประชุมฝั่งขวามือ คณะกรรมการต่างวิ่งหนีตายจ้าล่ะหวั่น อาจารย์วิบูลย์ลื่มล้มก้นกระแทกพื้นเสียงดังโครม ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาด ผลงานชิ้นแรกของอำนาจเด็ดขาดไม่เบา

     ห้อง 6/2 เสนอโครงการสุดทันสมัย นั่นคือยาสีฟันชนิดเม็ดทำจากสมุนไพรไทย 20 ชนิด เป็นเม็ดเล็กสีดำขนาดเท่าเหรียญห้าสิบสตางค์ ใช้เคี้ยวหลังอาหารเพื่อทำความสะอาดช่องปาก โดยไม่จำเป็นต้องใช้แปรงสีฟันแต่อย่างใด ลองคิดคำนวนน่าจะได้ประมาณ 75 คะแนน เผลอ ๆ อาจชนะเลิศอันหนึ่งก็ได้นะเออ ทรงเดชจึงเสนอแผนทำลายล้างโดยใช้มือที่สาม

     “อาจารย์ครับ ผมกลืนยาสีฟันลงคอครับ ผมจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

     เด็กนักเรียนม.1 ตั้งคำถามกับอาจารย์วิบูลย์ เด็กน้อยน้ำตาคลอเบ้าใครเห็นก็ต้องสงสาร นั่นมันไอ้หนูผู้ชอบยักคิ้วข้างเดียวนี่นา เหตุไฉนจึงมาโผล่ตรงนี้ได้หนอ หรือว่าไอ้น้องคนนี้ก็คือ..มือที่สาม

     “แล้วหนูจะกลืนทำไม ใครปล่อยให้เด็กเข้ามาในงานนะ” อาจารย์วิบูลย์บ่นเสียงดังได้ยินกันทั่ว

     “ก็ไอ้ปุ่ยนุ่นเนี่ยสิ” คนพูดชี้มือไปที่เพื่อนตัวดำปี๋ “มันบอกว่าเป็นขนมเลยกินกันทั้งห้อง”

     “กินกันทั้งห้อง..! ซวยแล้ว” อาจารย์พละจอมโหดลืมพูดคำว่านะ

     “ผมไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าขนมตดหมาอัดเม็ด ผมจะตายไหมครับอาจารย์”

     เด็กชายปุยนุ่นเม้มปากเก็บอารมณ์ สุดท้ายไม่ไหวปล่อยโฮเสียงดังสนั่น เท่านั้นแหละครับเพื่อน ๆ เอ๋ย นักเรียนที่เหลือพากันร้องให้ตามติดทันควัน นี่คือโรคอุปทานหมู่หรือนักแสดงมืออาชีพ ผมเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ

     “พวกเธอ ยาสีฟันเม็ดกินแล้วอันตรายไหมนะ” อาจารย์วิบูลย์ถามเจ้าของผลงาน

     “ไม่ ไม่ ไม่…ไม่ครับ” นักวิทยาศาสตร์จากห้อง 6/2 เกิดอาการลิ้นรัว

     “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พวกเธอได้ยินแล้วนะ” อาจารย์วิบูลย์หันไปบอกคนร้องให้

     “ไม่ใช่ครับ” นักวิทยาศาสตร์หน้าซีดปากสั่น “ผม ผม ผมไม่รู้ว่า…ว่าเป็นหรือไม่เป็น”

     ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นในงานอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งกำจัดฟองสบู่ไปได้ไม่นาน ผมก้มหัวแสดงความเครพเจ้าของความคิด ทรงเดชยิ้มกรุ้มกริ่มยืนอยู่ข้างสองสาว ทันทีที่เจอหน้ากันหมอก็เริ่มคุยโม้

     “จำไอ้น้องกวนเท้าไม่ใช่น้อยได้ไหม ที่เป็นน้องชายพี่ตูนประธานโรงเรียนไง” เห็นเพื่อนพยักหน้าเขาจึงว่าต่อ “เราก็แค่โมเมไปว่า โครงการยาสีฟันเม็ดน่าจะชนะเลิศ และได้ไปแข่งระดับประเทศแทนทีมของพี่ตูน ไอ้น้องเลยจัดทีมมาช่วยงานอย่างเต็มใจ เสียค่าน้ำอัดลมเลี้ยงพวกนี้ 50 บาท ขอเบิกกองกลางด้วยนะจ๊ะนกจ๋า”

     โครงการสุดทันสมัยพังราบเป็นนาบกลอง โดยที่พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลย นี่แหละครับ…ทรงเดชตัวจริงเสียงจริงที่น่าภูมิใจ เรื่องชั่ว ๆ แบบนี้ถ้าไม่ใช่เขาคงทำไม่ได้ เหลืออุปสรรคอีกแค่เพียงด่านเดียว และเป็นด่านสุดโหดโคตรหินทวินแคม

     “ไม่ใช่ทีมพี่ตูนนี่นา เราไม่คุ้นหน้ารุ่นพี่ซักคน” ชิดชนกบ่นอุบเมื่อเห็นคู่แข่ง

     “นั่น…ไวน์สับปะรดไม่ใช่เหรอ แล้วจะยังไงล่ะเนี่ย” ทรงเดชบ่นบ้างเมื่อเห็นเต็มสองตา

     “เราไปถามมาแล้ว ทีมพี่ตูนไปกรุงเทพเพื่อลงทะเบียน ห้อง 6/3 เลยเอาทีมบีลงแข่ง”

     นิตยาคนพูดน้อยเป็นผู้เฉลย ทีมพี่ตูนคว้าชัยระดับจังหวัดเทอมที่แล้ว จึงได้เป็นตัวแทนแข่งขันระดับประเทศ วันนี้ทุกคนต้องไปจัดการเรื่องเอกสาร พวกเขาตัดสินใจไม่ลงแข่งที่โรงเรียน เพื่อนในห้องไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจ มีการประชุมอย่างยาวนานก่อนได้ข้อสรุป ว่าจะส่งทีมบีเข้าแข่งในชื่อห้อง 6/3 พร้อมรับประกันซ่อมฟรีตลอดชีพว่าจะต้องชนะเลิศ

     ผู้นำของทีมบีมีชื่อว่าพี่เต้ รูปร่างผอมสุงผมแหลมเปี๊ยบคล้ายเปลือกทุเรียน ผมบังเอิญรู้จักรุ่นพี่คนนี้มานาน เพราะเคยร่วมงานในฐานะหัวหน้าห้องมาก่อน แต่คนทั่วทั้งโรงเรียนแทบไม่รู้จักเขา เนื่องจากห้อง 6/3 มีสุดยอดอัศวินเจไดสาว เป็นที่รู้จักกันในนามพี่ตูนเมกกะแด๊นส์ เธอเป็นประธานโรงเรียนที่สวยและรวยมาก

     ฟ้าส่งเต้มาเกิด…ไฉนจึงส่งตูนมาเกิดด้วย ตลอด 6 ปีการศึกษาของพ่อหนุ่มหัวเม่น เขาต้องพ่ายแพ้คู่แข่งตลอดกาลอยู่ร่ำไร กระทั่งแข่งร้อยมาลัยหรือแกะสลักแตงโม แตงกวา และแตงล้าน ซึ่งเป็นงานที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ยังโดนอีกฝ่ายเฉือนแต้มเส้นยาแดงผ่าแปด เป็นความชอกช้ำระกำทรวงของจอมทรนง ผู้ต้องทนกินน้ำใต้ศอกมาตลอด 6 ปีเต็ม

     และในวันนี้เอง…เขาคนนี้จะได้กอบกู้ชื่อเสียงอีกครั้ง ด้วยการนำทีมบีห้อง 6/3 คว้าชัยโครงการวิทยาศาสตร์ระดับโรงเรียน มันอาจจะเป็นชัยชนะอันน้อยนิดของใครบางคน แต่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ของชายชื่อเต้ โครงการที่เขานำมาแข่งขัน คือสิ่งที่ทุกคนเห็นแล้วต้องน้ำลายสอ นั่นก็คือ“ไวน์สับปะรดที่ดื่มยังไงก็ไม่เมา” จะนั่งดื่มนอนดื่มตีลังกาดื่มก็ไม่เมา ให้คนแพ้แอลกอฮอล์ชนิดรุนแรงมาดื่มก็ไม่เมา

     “จะเป็นไปเหรอ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” คณะกรรมการหัวเถิกทำคิ้วขมวด

     “เป็นไปได้สิครับ” พี่เต้ตอบกลับด้วยความมุ่งมั่น นี่คือเวลาที่เขาเฝ้ารอมาชั่วชีวิต “แอลกอฮอล์ที่เกิดจากการหมักสับปะรด เราถือว่าเป็นแอลกอฮอล์ด้อยคุณภาพ สามารถนำมาเปลี่ยนคุณสมบัติทางอินทรีย์เคมี ด้วยการผสมน้ำอัดลมบริสุทธิ์ปราศจากคาเฟอีน จากนั้นจึงนำไปเข้าเครื่องหมุนเหวี่ยง เพื่อแยกกากและน้ำออกจาก…”

     ระหว่างยืนฟังผู้เข้าประกวดอธิบายความ คณะกรรมการทดลองชิมไวน์กันอย่างเมามัน กระทั่งคนบ้าน้ำลายโดนผอ.ยอดรักแตะเบรก จึงจำเป็นต้องวางแก้วลงอย่างเสียไม่ได้

     “รสชาติกลมกล่อมนุ่มลิ้น เหมือนดื่มเบียร์ผสมสไปรท์เลยคุณต๊อก” กรรมการหูกางพูด

     “แต่ถ้าเมากลับบ้าน จะโดนเมียเหวี่ยงเพื่อแยกกากและน้ำนะคุณต๋อย” กรรมการฟันเหยินพูดต่อ

     “เราจะพิสูจน์ได้อย่างไร ว่าไวน์ผู้แข่งขันมีคุณสมบัติตามที่อ้าง ในเมื่อทุกคนล้วนแต่คอทองแดง”

     กรรมการหัวเถิกพูดอย่างมีหลักมีการ เขาคงเป็นหัวหน้าทีมอย่างไม่ต้องสงสัย มีการเสนอให้นำเด็กนักเรียนมาทดสอบ แต่โดนค้านอย่างหนักเนื่องจากไม่เหมาะสม สุดท้ายอาจารย์วิบูลย์จึงสวมบทพระเอก

     “ผมทดสอบให้เอง ถ้าผมดื่มไวน์ 1 ลิตรแล้วไม่เมานะ แปลว่าโครงการนี้ผ่านฉลุยนะ”

     อาจารย์พละจอมเฮี๊ยบมีทีท่าตื่นเต้น ขณะคว้าเหยือกใบโตบรรจุน้ำสีเหลืองกลิ่นหอมเย้ายวน ทุกคนในหอประชุมต่างรู้ดี ว่าอาจารย์วิบูลย์คอโคตรอ่อนไม่แพ้ชนชาติไหน แค่จิบเหล้าขาวเป็กเดียว เขาเคยเมาหลับคาสนามฟุตบอลมาแล้ว

     อาจารย์หนุ่มหยิบแก้วไวน์ยกซด เกิดการพนันขันต่อขึ้นมาทันที กรรมการหัวเถิกเปิดราคา 2 ต่อ 1 ว่าเมาแน่ กรรมการหูกางตัดสินใจลงเงิน 500 บาท กรรมการฟันเหยินทุ่มสุดตัว 2,000 บาท กองเชียร์ทั้งสองฝั่งเริ่มพูดจาเสียดสีอีกฝ่าย ทุกคนในหอประชุมพร้อมใจตะโกนคำว่า “หมดเลย…หมดเลย…หมดเลย…!” นี่ผมอยู่ในงานวิทยาศาสตร์หรืองานวัดกันแน่

     พลันมีเสียงตะโกนดังกึกก้องแสบแก้วหู เมื่อผู้ทดลองคว่ำแก้วเปล่าลงบนโต๊ะพับ นักเรียนส่วนใหญ่กระโดดโลดเต้นหัวเราะคิกคัก ยกเว้นก็เพียงนักเรียนจากห้อง 4/3 ที่นั่งคอพับคออ่อนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น ผมลากทุกคนออกไปประชุมนอกอาคาร ด้วยเหตุผลทางด้านเทคนิคว่า “เตี้ยแล้วไง” เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในแผน

     “เราแอบเห็นใบลงคะแนนมาแล้ว ห้อง 6/3 ได้ตั้ง 80 คะแนน” ชิดชนกพูดน้ำเสียงเศร้าสร้อย

     “อาจารย์วิบูลย์ไม่เมาซักแอะ ตะกี้ลองแหย่โดนดุเลย” นิตยาบอกกล่าวแล้วถอนใจ

     “แย่แล้วสิ ! ไม่มีทางแก้ไขเลยเหรอ แบบนี้ไม่ดีเลย ไม่ดีเลย” อำนาจเริ่มพร่ำบ่นอย่างสิ้นหวัง

     “งั้นเอาแบบนี้ไหม ให้ไอ้น้องม.1 แกล้งเมาดิบ ไม่ก็เมาจริงมันเสียเลย”

     ทรงเดชนำเสนอวิสัยทัศน์ตนเองอีกครั้ง ก่อนโดนมือของผมเบิร์ดกระโหลกเสียงดังเพลี๊ยะ เราพึ่งใช้รุ่นน้องทำลายผลงานห้อง 6/2  ขืนใช้มุขซ้ำซากกลัวคนอ่านจะเบื่อเสียก่อน จึงต้องครุ่นคิดให้มันรอบคอบกว่าเดิม

     “แบบนี้นะ” ผมเรียกทุกคนมารวมหัว “ยังพอมีเวลาแก้ไข เราต้องการอาสาสมัครในงานนี้ เขาหรือเธอคนนั้นจะต้องไปชิมไวน์ แล้วแกล้งเมาดิบชนิดเนียนที่สุดของที่สุด ไม่อย่างนั้น…ซวยยกห้อง”

     “มันจะวุ่นวายกว่านี้น่ะสิ เราว่าพอแค่นี้เถอะ” ชิดชนกขาดความมั่นใจ

     “นกฟังเรานะ” ผมรีบสบตาอีกฝ่าย “ท่องในใจแบบนี้เลย ได้ไปเที่ยวกรุงเทพ…กรุงเทพ”

     สาวน้อยดวงตากลมโตตกอยู่ในภวังค์ ภายในหัวสมองมีแต่คำว่า วงเวียนโอเดียน ตั้งฮั่วเส็ง และพระโขนง เมื่อทุกคนเข้าใจตรงกันแล้ว จึงขอแยกตัวมาดูแลอภิมหาโครงการ อันที่จริงผมอยากลงมือด้วยตัวเอง แต่โดนผอ.ยอดรักจับตามองทั้งวัน

     ใครบางคนเข้าไปชิมไวน์ด้วยความห้าวหาญ แต่ต้องพบอุปสรรคชิ้นเบ้อเริ่มเข้า เมื่ออาจารย์วิบูลย์ยึดไวน์ทั้งหมดไว้ดื่มเอง ด้านหน้าหอประชุมมีจุดแจกไวน์เช่นกัน เพื่อนทุกคนรีบเดินออกไปนอกอาคาร การรบครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้น แผนการนี้มีข้อบกพร่องนิดหน่อย ตรงที่ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ

                             ---------------------------------------------

     เวลา 15 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว คณะกรรมการเดินทางไปถึงห้อง 3/1 แล้ว ผอ.ยอดรักเดินนำขบวนด้วยตัวเอง เป็นเพราะคางอาจารย์วิบูลย์กำลังบวมเบ่ง สาเหตุมาจากหมามุ่ยบดละเอียดนั่นแหละ เจ้าตัวจึงได้นั่งพักจิบไวน์สบายใจเฉิบ ตรงกันข้ามกับผมผู้กำลังร้อนรนที่สุด เมื่อบรรดาผองเพื่อนหายหัวกันไปนานมาก

     ทันใดนั้นเองมีเสียงเด็กนักเรียนร้องฮือ บริเวณทางเข้าฝั่งซ้ายติดกับสนามบาส ผมจึงก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างเร่งรีบ

     “นิด…ไปทำอะไรตรงนั้น แล้วคนอื่นอยู่ที่ไหน ?”

     เกิดความสงสัยในสมองอันน้อยนิด เมื่อพบสาวน้อยผมหยักโศกนั่งอยู่บนพื้นอาคาร ใจคิดว่าเธอคือผู้อาสาทำงานสำคัญ แต่ทำไมถึงนั่งเงียบไม่ทำอะไรซักอย่าง จึงรีบเข้าไปหาท่วมกลางไทยมุงมหาศาล

     “นายรู้ไหม เราเกลียดการย้ายโรงเรียนที่สุด” แล้วเธอก็เงยหน้าคุยด้วย “เราเบื่อมากกกก….เบื่อกับการเริ่มต้นใหม่เพื่อลาจาก แล้วก็เริ่มต้นใหม่เพื่อลาจากครั้งต่อไป เราอิจฉานกที่มีนายอยู่ใกล้ตัว เราอิจฉาทรงเดชที่ได้เล่นบาสตามความฝัน เราไม่ชอบอาจารย์วิบูลย์ตอนพูดนะ แต่เราชอบอาจารย์สมพิศ เธอเหมือนครูเรณูของเรามาก…”

     คนพูดน้อยต่อยหนักอย่างนิตยา โดนน้ำเปลี่ยนนิสัยเล่นงานเข้าอย่างจัง กลิ่นละมุดเหม็นฉึ่งทั่วอาณาเขต กรรมการฟันเหยินต้องใช้สองมือปิดจมูก ผมรีบก้มตัวกระซิบกระซาบเพื่อนสาว

     “นิดดื่มเข้าไปเท่าไหร่ ทำไมถึงเมาขนาดนี้”

     “ใครเมา !” สาวน้อยตะโกนลั่นทุ่ง สายตาดุดันจ้องมองใบหน้าผม “แถวนี้ไม่มีคนมาวววว….เพราะพวกเราดื่มไวน์ที่ไม่มีวันเมา เอิ๊ก…!! ตะกี้พูดถึงไหนแล้ว อ้อ แต่เราชอบครูเรณู เธอเหมือนอาจารย์วิบูลย์ของเรามาก…”

     ผลการทดลองที่แท้จริงได้ปรากฎ ไวน์สับปะรดห้อง 6/3 ดื่มยังไงก็เมา จะนั่งดื่มนอนดื่มตีลังกาดื่มก็เมา ให้คนแพ้แอลกอฮอล์ชนิดรุนแรงมาดื่มก็เมา พี่เต้ตาเหลือกขยี้หัวอย่างบ้าคลั่ง พลันตะโกนคำว่า “โอ้วโนว !” แล้ววิ่งแจ้นหายลับไป

     เราชนะแล้วครับ…ผมชูมือขวาด้วยความสะใจ ต้องขอบคุณเพื่อนสาวคนนี้ ความกล้าหาญของเธอผมจะไม่มีวันลืม

     ขณะที่ผมประคองนิตยาขึ้นจากพื้น พลันมีเสียงดนตรีดังกระหึ่มจากหอประชุมฝั่งขวา จึงได้ยืดคอชะเง้อมองเป็นตัวบีเวอร์ พบนักเรียนชายหญิงคู่หนึ่งอยู่บนเวที ทั้งคู่กำลังส่ายสะโพกโยกย้ายตามจังหวะ สลัดผักมาเยือนอีกครั้ง นั่นมันชิดชนกกับทรงเดชไม่ใช่เหรอ พวกเขาขึ้นไปทำบ้าอะไรบนนั้น ผมกวักมือหยอย ๆ เรียกทั้งคู่แต่ไม่ได้ผล

     เสียงกลองชุด กีตาร์ และอิเลคโทน ดังกระหึ่มราวกับอยู่ในเธค เป็นท่วงทำนองที่มีพลังและคุ้นเคยมาก พลันมีเสียงกรีดร้องจนขี้หูเต้นระบำ เมื่อคนเต้นนำใช้ท่ากิ้งกือน้อยเดินตกท่อเฟสสอง เพลงที่พวกเรากำลังได้ยิน คือเพลงเรือเจ๊กควรออกจากฝั่งของพี่เตงบอดี้สลิม เป็นเพลงโปรดของทุกคนรวมทั้งเพื่อนผม ทั้งคู่จึงได้ดิ้นพล่านราวกับหมูโดนน้ำร้อนลวก

     “อาจารย์วิบูลย์ห้ามเด็กที เดี๋ยวผมตามไปสมทบ”

     ผอ.ยอดรักตะโกนสั่งการจากฝั่งนี้ เป้าหมายคือชายหนุ่มผิวขาวซีดที่อยู่ฝั่งโน้น คนโดนเรียกวางแก้วไวน์แล้วลุกขึ้นยืน อาจารย์จอมโหดจ้องมองศูนย์กลางความชุลมุน เขาเดินไปข้างหน้า 3 ก้าวแล้วถอยหลัง 4 ก้าว ขยับไปทางซ้าย 5 ก้าวแล้วขยับมาทางขวาเท่าเดิม เจ้าตัวพยายามสลัดหัวเพื่อเรียกสติ ก่อนก้าวเดินด้วยความมุ่งมั่นได้เพียง 6 ก้าว ก็ออกอาการเป๋ถอยกลับมายืนที่เก่า อาจารย์พละคนเก่งทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ลมหายใจของเขาช้าลง ช้าลง แล้วก็ช้าลง

     กรรมการหูกางกับกรรมการฟันเหยินใบหน้าซีดเซียว ก่อนล้วงกระเป๋าส่งเดิมพันให้กรรมการหัวเถิก ผอ.ยอดรักถอนหายใจเสียงดังประหนึ่งพ่อวัว แล้วเดินไปหน้าเวทีเพื่อห้ามปรามด้วยตนเอง น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเสมอ สมาชิกขาแด๊นส์ได้ทำการแตกตัวอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งว่าเป็นอะมีบาหรือแลคโตบาซิลลัส จากตรงนี้นับได้ 50 กว่าหัวเข้าไปแล้ว

     เป็นที่แน่ชัดว่าทรงเดชและชิดชนกนั้นเมาปลิ้น และที่เป็นที่แน่ชัดว่าอาจารย์วิบูลย์นั้นเมาแอ๋ เสียงกรนจากคนคออ่อนดังสนั่นราวกับเสียงหวูด น้ำลายไหลย้อยเด็กน้อยเด็กใหญ่หัวเราะขบขัน ผมตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อทำอะไรซักอย่าง แต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงไปกองอยู่บนพื้น เมื่อโดนแรงฉุดดึงมหาศาลจากเพื่อนสาวข้างกาย

     “นาย…เรามีเรื่องสำคัญอยากบอก”

     สาวน้อยดวงตาซุกซนจ้องมองระยะประชิด ปอยผมหยักโศกพริ้วไหวเมื่อต้องลมหนาว ผมนี้เกิดอาการ “อกระทึก นึกประหวั่น ครั่นใจกาย ตดไม่ได้ ถ่ายไม่ออก หอกไม่คม” ขึ้นมาทันที จริงอยู่…เราเป็นเพื่อนร่วมห้องที่สนิทกัน แต่เธอก็คือผู้หญิงและที่สำคัญน่ารักมาก เล่นเกมส์จ้องตาแบบนี้ใครเล่าจะไม่สะท้าน แทบลืมหายใจหายคอขณะเฝ้ารอคำพูดสาว

     “เราอยากบอกว่า” สาวน้อยหายใจรดต้นคอคนฟัง “เรา…เรา…เราคิดถึงบุษบา”

     เพื่อนสาวผู้แสนน่ารักทรุดกายลงเคียงข้าง พลันเปิดฉากร้องให้จนไหล่ขวาผมเปียกปอน ครั้นเห็นนิตยาสะอึกสะอื้นปริ่มว่าจะขาดใจ จะให้จากไปเพราะสะอิดสะเอียนอย่างนั้นหรือ ไม่ได้หรอกครับ…ผมทำแบบนั้นกับเพื่อนไม่ได้ เธอยอมเปิดปากถึงความคับแค้นแน่นทรวง ให้ทอดทิ้งไปผมคงเกลียดตัวเองตลอดชีวิต เรื่องวุ่นวายฝั่งโน้นคงต้องหาตัวช่วย

     “ไอ้น้อง เอ็งนั่นแหละ ไปตามเพื่อนพี่ให้หน่อย คนตัวเล็กสวมแว่น ปากจัด ขี้บ่น ขี้โวยวาย”

     ผมตะโกนเรียกเด็กน้อยผู้ชอบยักคิ้วข้างเดียว เขาและเพื่อนชื่อปุยนุ่นกำลังโยกย้ายส่ายสะโพก น้องชายประธานโรงเรียนเดินเข้ามาอย่างเสียมิได้ ครั้นจะไม่มาก็กลัวโดนแกล้งจับถอดกางเกงอีก

     “ตัวเล็ก สวมแว่น ปากจัด อ๋อ ! ผมเห็นพี่ แต่ไปตามให้ไม่ได้” เด็กน้อยตอบกลับ

     “เฮ้ย ! ช่วยหน่อยสิ เดี๋ยววันหลังพี่เลี้ยงไอติม” ผมรีบติดสินบน

     “ยังไงก็ไม่ได้ พี่อำนาจนอนจมกองอ๊วกอยู่ตรงโน้น”

     คนพูดชี้นิ้วไปยังฝั่งอาคารคหกรรม ก่อนจากไปด้วยท่าเต้นกวนเท้าไม่ใช่น้อย ผมกลืนน้ำลายขณะเหลียวมองด้วยความยากลำบาก ตรงนั้นเองมีนักเรียนหญิงจำนวนหนึ่ง ใช้ไม้เขี่ยวัตถุที่นอนขวางทางเข้าออกอยู่ วัตถุชิ้นดังกล่าวมีสิวประปรายบนในหน้า เศษซากข้าวขาหมูกะจัดกะจายทั่วร่างผอมกระหร่อง

     วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 25xx เวลา 15.32 น.สุดยอดสายลับโป๊งโป๊งชึ่ง ได้จากพวกเราไประหว่างปฎิบัติหน้าที่

                         ---------------------------------------------

     ปล.ทีมเราได้ 60 คะแนนตามความคาดหมาย และชนะเลิศอันดับหนึ่งได้เป็นตัวแทนโรงเรียนในปีหน้า ถึงโดนหักคะแนนเพราะสร้างวุ่นวาย ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับบทลงโทษขั้นรุนแรง ปิดเทอมนี้ผมจึงได้ไปหาแม่ที่ชลบุรี ^^  ฮูย่า…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา