ห้องสามเดอะซีรี่ย์
เขียนโดย มุมฉาก
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.
แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 08.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) กวนตาดาโม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกวนตาดาโม
“ต้องเป็นวันนี้แน่นอน พี่เตงจะมาที่โรงเรียนวันนี้และเย็นนี้ล้านเปอร์เซนต์”
เด็กนักเรียนผอมกระหร่องสุง 155 เซนติเมตร ส่งเสียงพูดเจื๊อยแจ๊วเสียงดังกังวาน ใบหน้ามีสิวประปรายห่างออกไปเพียงสองฝ่ามือ ทำให้ผมซึ่งกำลังปวดหัวอยู่กับการบ้านโหดมหาหิน ต้องเงยหน้ามองพลางถอนหายใจด้วยความระอา
“พี่เตงมาโรงเรียนเราอีกแล้ว นี่นายไม่เบื่อบ้างหรืออำนาจ”
“เราไม่มีวันเบื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ของเราหรอก และมันกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่ชั่วโมง”
“คราวก่อน…นายก็บอกว่าพี่เตงมาแน่มาชัวร์” ผมย้อนคำพูดพลางยิ้มมุมปาก
“คราวก่อนมีปัญหานิดหน่อยโว้ย” อำนาจขยับแว่นสายตาเพื่อแก้เกี้ยว เจ้าตัวรีบลุกขึ้นยืนซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นวิธีเรียกความสนใจ และมันก็ได้ผลจริง ๆ เพราะเพื่อนในห้องต่างหันมามองที่เขา
“ถ้าไม่โดนโรงเรียนจ่านกร้องแย่งตัวไปก่อนนะ พี่เตงต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน ในเฟสบุคพี่เตงเขียนไว้แบบนี้ เราเคยให้นายดูแล้วนี่ รายชื่อโรงเรียนที่วงบอดี้สลิมออกแคมปัสทัวร์ และมันก็มีที่นี่รวมอยู่ด้วยนะโว้ย”
“อาจจะมาโว้ย” ผมรีบแย้งพลางเหลียวมองเพื่อนคนอื่นด้วยความเกรงใจ
“ไม่ใช่อาจจะมา แต่ต้องมาแน่นอน พี่เตงจะมาที่นี่เย็นนี้” แววตาอำนาจจริงจังและจริงใจ
“นายลืมไปหรือเปล่า” ผมแย้ง “เรามันแค่โรงเรียนเล็ก ๆ และอยู่ไกลปืนเที่ยงมากนะเพื่อน”
“ต่อให้เล็กซักแค่ไหนพี่เตงก็จะมา เสี่ยตังค์ให้สัญญาแล้วไม่รู้อะไรอย่าพูดเลย นายรู้ไหมว่าพี่เตงไม่ได้เห็นแก่เงินทอง ที่ออกแคมปัสทัวร์เพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กวัยรุ่นอย่างพวกเรา พี่เตง …”
หลังค้อนให้ผมไปหนึ่งขวับ อำนาจก็เริ่มบรรยายความตามท้องเรื่องต่อ เสียงของเขาเป็นแม่เหล็กดึงดูดทุกความสนใจ เพื่อนบางคนเอามือเท้าคางสีหน้าเบื่อหน่าย บางคนวางปากกาแล้วเดินไปดื่มน้ำ บรรยากาศในห้องเรียนเริ่มตึงเครียดมากขึ้น ทั้งที่ไม่มีอาจารย์จอมเฮี๊ยบอยู่ในห้อง ผมซึ่งนั่งติดกับอำนาจได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา เพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของพี่เตงจนจำได้ทุกประโยค เพื่อนผู้หญิงบางคนหันมาทำตาเขียวใส่ ผมหัวเราะแห้ง ๆ แก้เกี้ยวพลางเกาหัว
แต่จะว่าไปแล้วเรื่องนี้โทษอำนาจฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ก่อนหน้านี้เขาเป็นเด็กเรียนเคร่งเครียดอยู่กับตำรา ตำรา แล้วก็ตำรา อำนาจไม่สนใจเพื่อนฝูงกิจกรรมอะไรก็ไม่ทำ ผมเคยชวนไปเตะฟุตบอล ตระกร้อ ปิงปอง หมากรุก ลีลาศ หรือแม้กระทั่งส่องหญิง คำตอบที่ได้รับจากเขาก็คือ ไม่ ไม่ แล้วก็ไม่ กระทั่งเมื่อ 2 เดือนก่อนนี้เอง ชาเขียวยี่ห้อหนึ่งได้ออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย จากที่เคยแจกเงินล้านบ้าง แจกทองก้อนโตบ้าง แจกรถราคาแพงบ้าง ได้หันมาจ้างพี่เตงบอดี้สลิมออกแคมปัสทัวร์โรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ ตัวผมเองไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะรู้ดีว่าเป็นการขายของมอมเมาเยาวชน ทั้งที่ในห้องนอนมีซีดีเพลงบอดี้สลัมทุกอัลบั้ม ลสามารถร้องเพลงได้ทั้งหมดก็ตามเถอะ
ทว่าอำนาจมีความคิดแตกต่างออกไป จากผู้ที่ไม่เคยฟังเพลงพี่เตงมาก่อน รวมทั้งไม่รู้จักนักร้องแม้แต่น้อย กระทั่งวงบอดี้สลิมออกทัวร์ครั้งแรก ผมได้โหลดคอนเสิร์ตดังกล่าวมาให้เพื่อนดู บังเอิญอำนาจเดินผ่านมาเห็นพอดี และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา จากเด็กเรียนผู้ไม่เคยฟังเพลงร๊อคมาก่อน ก็เริ่มคลั่งไคล้หลงใหลพี่เตงอย่างถึงที่สุด และคอยติดตามผลงานอย่างจริงจังจริงใจยิ่งกว่าผมเสียอีก อำนาจจะคอยโหลดทุกคอนเสิร์ตมาให้พวกเราดู พลางสาธยายสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาคอยพร่ำบอกว่าพี่เตงไม่ใช่แค่มาร้องเพลงแล้วก็กลับนะ แต่ยังลงมาพูดคุยกับน้อง ๆ ที่ด้านล่างอย่างเป็นกันเองด้วย ทั้งยังแนะนำการใช้ชีวิตวัยรุ่นให้ถูกต้อง และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนโดยทัดเทียมกัน จะว่าไปแล้วผมก็ปลื้มเรื่องนี้อยู่หรอกนะ ถ้าเกิดว่ามันเป็นจริงอย่างอำนาจบอก
“นี่ ! นายอำนาจสี่ตา นายช่วยหยุดพูดถึงพี่เตงซักวันได้ไหม”
ชิดชนกสาวน้อยดวงตากลมโตได้เอ่ยขัดคอ ปรกติเธอมักรับฟังด้วยความอดทน ทว่าคราวนี้เธอคงอดรนไม่ไหวแล้ว เสียงใส ๆ ของชิดชนกทำให้อำนาจชะงักไป เขาหันไปมองคนพูดผู้มีสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ทำไมเราจะพูดไม่ได้ ปากก็ปากของเราเสียงก็เสียงของเรา แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วย”
“ใช่ ปากของนายเราไม่เถียง” ชิดชนกวางกล่องดินสอดังโครม ห้องเรียนที่เคยจอแจพลันเงียบกริบราวป่าช้า “แต่ช่วยบอกเหตุผลกับเราที ว่าทำไมพี่เตงถึงต้องมาโรงเรียนเราเย็นนี้”
“นั่นก็เพราะว่า…” คนพูดมีอาการตะกุกตะกัก “เพราะว่า อาจารย์สมพิศไม่สอนพวกเราคาบนี้”
คำตอบอำนาจเรียกเสียงฮือฮาทั่วทั้งห้อง หรือจะเรียกว่าเสียงหัวเราะโห่ฮาก็ไม่คงผิด ชิดชนกเบิ่งตาโตกว่าเดิมเล็กน้อย พลางยิ้มมุมปากให้แล้วตอกกลับคู่กรณี
“เพราะว่าอาจารย์สมพิศไม่สอนพวกเราคาบนี้ นี่น่ะเหรอเหตุผลของนาย”
“ใช่ อาจารย์สมพิศไม่เคยหยุดสอนแม้แต่ครั้งเดียว แต่วันนี้ต้องไปประชุมเรื่องพี่เตงมาโรงเรียนเรา นี่เธอไม่รู้อะไรเลยเหรอยายแก้วหน้าม้า เอาแต่จ้องหนังสือทั้งวันกลัวมันจะหายเหรอจ๊ะ”
เมื่อโดนอีกฝ่ายไล่ต้อนอำนาจจึงวีนใส่ หารู้ไม่ว่าเป็นการยั่วโมโหนางเสือสาว และมันก็ได้ผล
“อาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยงส่งนายอำเภอที่โรงเรียน อาจารย์สมพิศไปประชุมเรื่องนี้”
ชิดชนกตอบกลับพร้อมแววตาอำมหิต ผมรู้ทันทีว่าบรรยากาศมาคุปกคลุมทั่วห้องแล้ว
“โดนหลอกแล้วยายหูกาง” อำนาจยังคงเถียงต่อ “อาจารย์ประชุมเรื่องพี่เตง…”
“และก่อนที่จะไป !”
วินาทีนี้เอง เสียงของชิดชนกก็ดังกระหึ่มทั่วห้อง ผมพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ก่อนที่จะไป อาจารย์สมพิศได้สั่งไว้ว่า ทุกคนต้องเขียนรายงานเรื่องอนาคตของตัวเองมาส่งวันพรุ่งนี้ นายก็ได้ยินเต็มรูหูนี่นา พรุ่งนี้ก่อนเข้าแถวเครพธงชาติ ทุกคนต้องส่งรายงานบนโต๊ะตัวนี้ !”
เมื่อสาวน้อยผู้กำลังโมโหพูดจบ ดินสอสีแท่งโปรดของเธอก็บินว่อน มันพุ่งไปกระทบโต๊ะอาจารย์แล้วหล่นลงบนพื้น ผมได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองอย่างชัดเจน คิดว่าเพื่อนคนอื่นในห้องก็เช่นกัน อำนาจที่เคยจ้อไม่หยุดถึงกับหงอสนิท เขาทรุดตัวลงนั่งข้างผมในบัดดล เจ้าของดินสอสีพยายามระงับอารมณ์ ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความบึ้งตึงและเครียดจัด มันก็จริงอย่างที่ชิดชนกพูดนั่นแหละครับ อาจารย์สมพิศประชุมเรื่องงานเลี้ยงส่งนายอำเภอ โดยจะมีการจัดงานในวันศุกร์หน้า และพวกเราทุกคนจะต้องมาช่วยงานด้วย อำเภอเล็ก ๆ อยู่ห่างไกลจากความเจริญ ข้าราชการยังคงเป็นใหญ่เหมือนสมัยก่อน
สิ่งที่ทำให้ชิดชนกหงุดหงิดไม่ใช่งานเลี้ยงส่ง ทางด้านพี่เตงบอดดี้สลิมก็ไม่เกี่ยวซักนิด รายงานเรื่องอนาคตของตัวเองคือประเด็นสำคัญ อาจารย์สมพิศสั่งงานปุบปับและให้ส่งพรุ่งนี้เช้า รายงานต้องมีความยาว 4 หน้ากระดาษขึ้นไป พร้อมเหตุผลที่สามารถฟังขึ้นประกอบด้วย พวกเราเพิ่งเข้าเรียนมัธยม 4 เทอม 2 ได้ 2 อาทิตย์ เพิ่งเติบโตเป็นวัยรุ่นเต็มตัวได้ไม่นาน เพื่อนบางคนยังเป็นเด็กกะโปโลอยู่เลย จึงไม่มีใครวาดฝันถึงอนาคตข้างหน้าได้ รายงานฉบับนี้เป็นอะไรที่ไกลเกินตัวมากไป
ความเงียบสงบกลับสู่ห้องเรียนอีกครั้ง ผมเดินไปเก็บดินสอสีมาคืนให้ชิดชนก เธอพยายามฝืนยิ้มให้ผมก็เลยยิ้มตอบ อีก 25 นาทีจะถึงเวลาพักกลางวัน ต้องพยายามเขียนรายงานให้ได้ซักหน่อย ทว่าผมทำเพิ่มได้เพียง 2 บรรทัดเท่านั้น
“พี่เตงต้องมาโรงเรียนเราแน่ วันนี้อาจจะยังไม่มา แต่อาทิตย์หน้าไม่มีทางพลาด”
อำนาจเริ่มกระซิบข้างหูอีกครั้ง ทำให้อนาคตบนแผ่นกระดาษของผมกลับสู่ความว่างเปล่า
“นายฟังเรานะ” ผมหันไปพูดอย่างจริงจัง “พี่เตงไม่มาที่นี่หรอก มันก็แค่คำโฆษณาชาเขียว”
“ต้องมาสิ” อำนาจเถียงกลับเสียงดัง “นายยังไม่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ล่าสุด เขาบอกว่าพี่เตงขอกับเสี่ยตังค์เองเลย ว่าอยากไปตามโรงเรียนที่ไม่มีชื่อเสียง พี่เตงเป็นคนดีมาก เขาจะไม่หักหลังเราอย่างแน่นอน”
“อำนาจ เราขอทำรายงานเสร็จก่อนได้ไหม จากนั้นจะพูดถึงพี่เตงทั้งวันเราก็จะไม่ว่า เรารู้ว่านายเรียนเก่งที่สุดในห้อง แค่เขียนรายงานจะทำเมื่อไหร่ก็ทำได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะเรียนเก่งเหมือนนาย”
ชิดชนกหันมามองพวกเราอีกครั้ง สายตาอ้อนวอนคนพูดทำผมใจหายไปด้วย ผมรู้ดีว่าทำไมเธอถึงได้ร้องขอ หลังเลิกเรียนชิดชนกต้องช่วยขายของจนร้านปิด เธอจึงอยากทำรายงานให้เสร็จสิ้นไป ตรงข้ามกับกระทาชายนายอำนาจเพื่อนรัก ผู้ไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากเรียนหนังสือ พี่เตงบอดี้สลิมคือสิ่งสำคัญที่สุดของเขา
“เราอยากให้ทุกคนได้ดูพี่เตงเหมือนเรา แค่นี้ทำไมต้องเสียงดังใส่”
เพื่อนตัวเล็กของผมรีบหลบตาชิดชนก พลางบ่นกระปอดกระแปดจากนั้นจึงเงียบเสียงลง ผมถอนหายใจพลางยิ้มมุมปากให้ชิดชนก เธอยิ้มตอบตามมารยาทแล้วตั้งใจทำรายงานต่อไป เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีอำนาจก็เริ่มส่งเสียงอีกครั้ง เป็นเสียงพรึมพรำเบา ๆ ทว่าคนนั่งใกล้ต่างได้ยิน ผมพยายามปรามเจ้าตัวก็มิวายทำอีก เหตุการณ์วนไปวนมาอยู่หลายนาทีเต็ม กระทั่งชิดชนกผู้น่าสงสารทนต่อไปไม่ไหว เธอจึงเชิดหน้าวางปากกาอย่างคนหัวเสีย
“กวนตาดาโม !”
สาวน้อยผมม้าเอ่ยประโยคนี้เสียงดังชัดเจน คนที่สะดุ้งเป็นคนแรกก็คือผมนั่นเอง เธอหันมาสบตาด้วยท่าทางจริงจังพร้อมเอ่ยประโยคเดิมซ้ำอีกทีและอีกที ถึงตอนนี้เพื่อนจำนวนมากพลอยตะโกนคำว่า กวนตาดาโม กวนตาดาโม ดังทั่วห้อง ฝ่ายอำนาจผู้หลงรักพี่เตงบอดี้สลิมเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้เขาเหงื่อตกใบหน้าขาวซีด และพยายามก้มตัวหลบด้านหลังผม
ขออธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อนนะครับ ห้องเรียนพวกเขาอยู่ชั้น 2 ท้ายสุดของอาคารสาม ถัดไปจะเป็นแปลงเกษตรสำหรับปลูกพืชผัก และนักเรียนที่ต้องปลูกผักก็คือห้องวิทย์-คณิต พื้นฐานเกษตร หรือพูดให้ชัดเจนก็คือห้องผมนั่นเอง ลงบันไดไปเพียงครึ่งชั้นมีห้องเก็บของบนชั้นลอย ในนั้นมีอุปกรณ์ทำการเกษตรรวมทั้งของใช้ส่วนรวม ที่ชิดชนกสบตากับผมใช่ว่าเธอจะพิศวาสอะไร สาเหตุก็เพราะผมเป็นหัวหน้าห้องสาม จึงเป็นคนถือกุญแจห้องเก็บของห้องนั้นด้วย
กวนตาดาโมคือสถานที่คุมตัวนักโทษที่มีชื่อเสียงระดับโลก อเมริกาลงทุนเช่าเกาะแห่งหนึ่งของคิวบา เพื่อใช้กักกันผู้ก่อการร้ายคนสำคัญ บทลงโทษสุงสุดของห้องเราใช้ชื่อกวนตาดาโม โดยนำตัวผู้กระทำผิดไปกักขังในห้องเก็บของ ผู้ที่เคยต้องโทษนี้มาก่อนก็คือนายอำนาจนี่แหละ ครั้งนั้นเขาเอาภาพพี่เตงถอดเสื้อมาแปะหลังห้อง ทำให้เพื่อนทุกคนโดนอาจารย์สมพิศทำโทษ จริงอยู่ว่าผมมีใจเอนเอียงให้กับชิดชนก หรือพูดให้ชัดเจนว่าแอบชอบก็คงได้ แต่อำนาจคือเพื่อนที่เรียนด้วยกันนานมาก ผมไม่มีวันทำร้ายเพื่อนเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวแน่ ยกเว้นแต่ว่าจะทำมันเพื่อผู้หญิงจำนวนมาก เสียงตะโกน กวนตาดาโม กวนตาดาโม ของสาว ๆ ดังกึกก้องสะท้อนไปมา นี่ยังไม่รวมผู้ชายบางคนที่ตะโกนเย้ว ๆ ผสมโรง ผมชำเลืองมองชิดชนกอีกครั้งหนึ่ง แล้วตัดสินใจเด็ดขาดด้วยจิดใจอันแน่วแน่ ผู้นำที่ดีจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่มีใครอยากทำ
“ไม่นะเพื่อน อย่าทำแบบนี้เลย เราสัญญาว่าจะไม่พูดถึงพี่เตงแล้ว เชื่อเรานะ นะ…”
อำนาจละล่ำละลักร้องขอเมื่อมีภัยจวนตัว เขารู้ดีว่าตนไม่มีอำนาจเหมือนชื่ออีกต่อไป ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างสายนั้นเกินแก้ มติอย่างเป็นเอกฉันท์ตัดสินให้เขาถูกทำโทษ เขาจึงต้องถูกทำโทษตามมติอย่างเป็นเอกฉันท์
ผมหันไปพยักหน้าหงึก ๆ ให้กับทรงเดช ผู้เป็นนักกีฬาบาสเก๊ตบอลทีมโรงเรียนคนสำคัญ เขาเป็นนักเรียนชายที่ทรงพลังมากที่สุด และเป็นมือสังหารหมายเลขหนึ่งของห้องโดยไม่มีใครโต้แย้ง ทรงเดชยิ้มกรุ้มกริ่มพลางขยับตัวเข้าหาเป้าหมาย หุ่นนักกีฬาสุง 185 เซนติเมตรหนัก 85 กิโลกรัมเทียบเท่าผู้ใหญ่ดี ๆ นี่เอง อำนาจมืออ่อนขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน จึงโดนลากตัวออกไปอย่างง่ายดาย ดวงตาตี่ ๆ ภายใต้กรอบแว่นสีดำทรงเชย พยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“หยุดร้องเสียทีเถอะน่า เขาให้หยุดพูดก็ดันไม่ทำตาม ถึงเวลาเข้าคุกได้แล้ว”
ทรงเดชยังมีแก่ใจชี้แจงเหตุผล ตรงข้ามกับแววตาที่เปล่งประกายระยิบระยับ ผมรู้ดีว่าทรงเดชเคืองอำนาจอยู่เหมือนกัน ที่เวลาสอบอำนาจไม่เคยส่งฝิ่นให้เพื่อน แถมยังปิดกระดาษไม่ยอมให้ใครชะโงกดู มีนักเรียนชาย 2 คนเดินตามหลังมา ชิดชนกก้มหน้าก้มตาตอนที่ผมเดินผ่าน ไม่แน่ใจว่าเธอตั้งใจทำรายงานหรือหลบหน้าผมกันแน่ ออกจากห้องเพียงครู่เดียวก็ถึงห้องเก็บของที่ว่าแล้ว ทรงเดชเปิดประตูออกแล้วบรรจงถีบผู้ต้องหาเข้าไปในนั้น
เสียงอ้อนวอนของอำนาจดังอยู่ไม่นาน ก่อนเจ้าตัวจะยอมรับสภาพในท้ายที่สุด ในห้องเก็บของมีโคมไฟอยู่ 1 ดวง แต่ตามกฎผมไม่สามารถเปิดไฟให้เขาได้ กำแพงอีกฝ่ายเจาะรูระบายอากาศไว้ จึงมีแสงอันน้อยนิดสาดส่องให้พอมองเห็น ทว่าขี้หมูจากเล้าหมูที่อยู่ไม่ไกล ส่งกลิ่นหอมหวลชวนฝันฟุ้งกระจายทั่วทั้งห้อง เมื่อล๊อคประตูลงกลอนเป็นที่เรียบร้อย ทรงเดชและเพื่อนทั้งหมดก็เดินจากไป อำนาจผู้น่าสงสารเอ๋ย… นายทนอยู่ในห้องมืด ๆ แคบ ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นขี้หมูให้ได้นะ ครบ 30 นาทีตามบทลงโทษเมื่อไหร่ เราจะมาเปิดกุญพาไปกินข้าวกลางวัน
เสียงเพื่อนรักคางหงิง ๆ เหมือนหมาน้อยน่าสงสาร ผมทนยืนฟังอยู่พักหนึ่งแล้วเดินจากไป ชิดชนกออกมายืนที่ระเบียงเพียงลำพัง ดวงตากลมโตเผยความกังวลใจให้ปรากฎ คิดว่าเธอคงไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่อำนาจก็ดันหาเรื่องไม่หยุดหย่อน ผมครุ่นคิดคำปลอบใจเจ๋ง ๆ โดยเร่งด่วน นี่เป็นโอกาสอันดีงามที่จะทำคะแนนให้กับตัวเอง
“แย่แล้ว ! แย่แล้ว แย่แล้ว …”
เสียงตะโกนปานฟ้าผ่าดังมาจากทางเดินอาคาร ทรงเดชมือเพชรฆาตวิ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วเท่าแสง เขาแตะเบรกจนรองเท้าขูดพื้นเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด และสามารถทำสำเร็จตรงหน้าเราทั้งสอง
“เราได้ยินเสียงดังจากสนามบาส เลยวิ่งไปดูตรงระเบียงฝั่งโน้น แล้วเราก็พบว่า พบว่า…” ทรงเดชพูดไปหอบไป
“พบว่าพี่นักบาสดูหนังโป๊กันอยู่” ชิดชนกรีบยิงมุขใส่
“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่ เราพบว่า….”
“พบว่าผีขนุนรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย”
“ไม่ใช่โว้ย ! มันใช่เวลาปล่อยมุขไหมยายนก”
ทรงเดชซึ่งปรกติเป็นคนพูดเร็วจี๋ ดันเกิดอาการติดอ่างขึ้นมากระทันหัน ชิดชนกจึงแกล้งแหย่ด้วยมุขตลกคาเฟ่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมทรงเดชเป็นแบบนี้ แต่เมื่อมันทำให้ชิดชนกหัวเราะได้ จึงถือเป็นเรื่องดีงามเสียเหลือเกิน
“ตกลงนายไปเจออะไรมา ใจเย็นก่อนเพื่อน รวบรวมสติแล้วสูดหายใจลึก ๆ”
ผมรีบพูดแทรกก่อนชิดชนกจะปล่อยมุขใหม่ สาวน้อยตาโตหัวเราะร่วนพลางจัดผมม้าเข้าที่ ฝ่ายทรงเดชหายใจยาว ๆ เพิ่มอ๊อกซิเจนให้กับสมอง กระทั่งคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วจึงเริ่มพูดเร็วจี๋อีกครั้ง
“เชื่อไหมว่านอกจากห้องเราแล้ว ไม่มีใครซักคนอยู่บนตึกนี้เลย พวกนั้นอยู่บนอัฒจันทร์สนามบาสกันโน่น มีแต่พวกเรานี่แหละที่ยังซื่อบื้ออยู่บนตึกนี้”
“มีแข่งบาสตอนกลางวันด้วยเหรอ แต่ทรงเดช…ทำไมนายถึงไม่ไปแข่งกับเขาล่ะ”
สาวผมม้าถามกลับพร้อมทำสีหน้างุนงง ขณะที่ผมเพ่งมองผู้คนบนอาคารนี้บ้าง ห้องเรียนของเราอยู่ท้ายสุดของอาคาร และยังถูกขั้นกลางด้วยห้องพยาบาลพร้อมทางเดินขึ้นลง จึงไม่มีนักเรียนจากห้องจากอื่นอยู่ติดกัน เมื่อโรงเรียนออกกฎห้ามใช้โทรศัพท์ระหว่างเรียน พวกเราชาว 4/3 จึงถูกปล่อยเกาะโดยสมบรูณ์แบบ
“ไม่ใช่เลยนก” ทรงเดชเรียกชื่อเล่นอีกฝ่ายเพราะสนิทกัน “เหมือนกับว่าจะมีคอนเสิร์ตมากกว่านะ เหมือนกับว่าจะมีการตั้งเวทีกลางสนามบาสด้วย เหมือนกับว่าจะเป็นวงดนตรีจากโรงเรียนจ่านกร้อง เหมือนกับว่า…”
ยังไม่ทันที่ทรงเดชจะพูดจบ เสียงดนตรีก็ดังกระหึ่มสวนขึ้นมา กลองชุด กีตาร์ และอิเลคโทน ส่งเสียงสุดเร้าใจมาจากสนามบาส เป็นท่วงทำนองที่มีพลังและคุ้นหูมาก ดึงให้ผมหันไปมองพลางขยับตัวเข้าใกล้ ทรงเดชขยับตัวตามมาทันที พวกเราก้าวเท้าเข้าไปหาเสียงเพลง ราวกับว่าต้องมนต์สะกดเข้าอย่างจัง เสียงนักเรียนชายหญิงกรีดร้องดังมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้น เมื่อผมและทรงเดชวิ่งลงมาถึงชั้นล่าง นักร้องบนเวทีก็เริ่มร้องประโยคแรก พลันมีเสียงกรีดร้องกระหึ่มมากขึ้นกว่าเดิม หัวใจของผมเต้นตูมตามพลางฉีกยิ้มกว้างให้กับใบไม้ สองเท้าเริ่มวิ่งไปตามทางเดินปูด้วยอิฐแดง ทรงเดชก็รีบก้าวขายาว ๆ วิ่งตามกันมา เสียงเพลงที่พวกเราได้ยินอยู่นั้น คือเพลงเรือเจ๊กควรออกจากฝั่งของพี่เตงบอดี้สลิม
แค่เพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ผมและทรงเดชก็วิ่งมาหยุดตรงกลางสนามบาส โรงเรียนเรามีชื่อเสียงในกีฬาประเภทนี้ และมีสนามขนาดมาตราฐาน 2 สนามติดกัน ล้อมรอบด้วยอัฒจันทร์กึ่งถาวรทำจากไม้สุง 10 เมตร แป้นบาสได้ถูกแทนที่ด้วยเวทีขนาดย่อม อัฒจันทร์ทุกฝั่งล้วนแน่นไปด้วยนักเรียน นักเรียน แล้วก็นักเรียน อาจารย์สมพิศจอมเฮี๊ยบพยายามคุมทุกคนให้อยู่ในความสงบ ทว่าเป็นความพยายามที่ไร้ผลโดยสิ้นเชิง เนื่องจากไม่มีนักเรียนฟังหล่อนแม้แต่คนเดียว
เมื่อพี่เตงร้องเพลงท่อนฮุคผมก็ถลาไปหน้าเวที นักร้องคนโปรดกำลังร้องเพลงอยู่ตรงหน้า นี่ผมฝันอยู่หรือว่าผมยังไม่ตื่นกันแน่ ความกดดันที่มีในใจพลันสลายสูญหายไปสิ้น นาทีนี้ผมรู้สึกปลอดโปร่งและอยากดิ้นเพียงอย่างเดียว กระทั่งเพลงที่สามคือเพลงแสนสุดท้ายดังขึ้น ผมก็ยังดิ้นพล่านเป็นหมูโดนน้ำร้อนลวกไม่เกรงใจใคร
จังหวะนั้นเองมีใครซักคนพุ่งเข้าชนจากด้านหลัง ผมหันไปดูจึงพบว่าเป็นชิดชนก สาวหน้าใสประจำห้องยืนอยู่ตรงนี้ด้วย เธอแลบลิ้นให้พลางเต้นต่อพร้อมส่งยิ้มหวาน หัวเหม่งของสาวน้อยเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา ไม่คิดมาก่อนว่าชิดชนกจะชอบวงบอดี้สลิม ได้เจอกันหน้าเวทีถือเป็นโชดดีมหาศาล ผมชิงออกลีลาจิ๊กโก๋เหยียบขี้หมาทันควัน ชิดชนกชายตามองด้วยจริตสาว แล้วเปลี่ยนมาเต้นท่าปลาพะยูนอันโด่งดัง แล้วผมจะอยู่เฉยให้เธอดูถูกได้อย่างไร จึงตัดสินใช้ท่าไม้ตายคิงคองพายเรือสำเภา ชิดชนกจะต้องตะลึงจนตกอยู่ในภวังค์ และเริ่มมีใจให้ผมไม่มากก็น้อย คิดได้ดังนั้นผมจึงตั้งท่าเตรียมปล่อยของ
แต่แล้วทรงเดชมือเพชรฆาตร ก็เข้ามาทำให้ทุกอย่างต้องพังสลาย ไอ้หนุ่มนักบาสเข้ามาร่วมวงด้วยคน พร้อมออกลีลากิ้งกือน้อยเดินตกท่อ แต่ทว่าทรงเดชออกลีลามากเกินไปหน่อย จึงเผลอผายลมดังป๊าดให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เกิดการจราจลขึ้นมาอย่างปุบปับ เมื่อเหล่านักเต้นใช้มือปิดจมูกหนีตายกันอลหม่าน พี่เตงที่กำลังร้องเพลงอยู่ถึงกับชะงักไปเลย คนที่อยู่ข้างบนเวทีคงจะไม่รู้ซินะ ว่ากลิ่นทุเรียนไข่เน่าเหม็นสุดยอดขนาดไหน
ผมได้รับทราบในภายหลังว่า คอนเสิร์ตบอดี้สลิมถูกจัดขึ้นแบบปุบปับ เสี่ยตังค์ได้มาพบผู้อำนวยการหลังเครพธงชาติ จากนั้นไม่นานทีมงานมืออาชีพก็เข้ามาตั้งเวที อาจารย์หลายคนถูกเรียกให้มาช่วยงาน รวมทั้งอาจารย์สมพิศจอมเฮี๊ยบของพวกเรา หล่อนจึงให้การบ้านยาก ๆ เรื่องรายงานนรกนั่น และกำชับไม่ให้ไปไหนไม่อย่างนั้นจะโดนไม้เรียว สิ่งเดียวที่อาจารย์สมพิศทำผิดพลาดก็คือ หล่อนลืมใช้ใครซักคนมาบอกพวกเรา ว่าวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น
คอนเสิร์ตบอดี้สลิมใช้เวลาแสดง 2 ชั่วโมงเต็ม นักเรียนทุกคนต่างสนุกสนานไปกับเสียงเพลง รวมทั้งได้รับคำแนะนำดี ๆ จากนักร้องคนโปรด เสี่ยตังค์ผู้ใจดีไม่ได้มามือเปล่า เขายังเอาอาหารเจ้าเด็ดมาเลี้ยงแบบเต็มคราบ พวกเราจึงมีทั้งความอิ่มกายและอิ่มใจ จึงพร้อมที่จะตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมากกว่าเดิม
คอนเสิร์ตครั้งนี้ทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง จริงอยู่ว่าเสี่ยตังค์ทำสิ่งนี้เพื่อขายชาเชียว พี่เตงมาร้องเพลงเพราะถูกจ้างด้วยเงินก้อนโต ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิด บทเรียนในวันนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าตัดสินคนอื่นถ้ายังไม่รู้ข้อเท็จจริง และไม่ควรละทิ้งความฝันแม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหน ระหว่างเดินกลับผมคิดถึงรายงานเรื่องอนาคตของตัวเอง คืนนี้ผมจะกลับไปตั้งใจเขียน และจะทำมันได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน
“เอาล่ะทุกคน กินอิ่มกันแล้วฟังเพลงกันจบแล้ว ก็มาเรียนกันต่อได้แล้ว”
เสียงแป๋น ๆ ของอาจารย์สมพิศปลุกให้พวกเราตื่นจากความฝัน เวลาแห่งความสุขมักจากไปอย่างรวดเร็วเสมอ ชิดชนกเดินเข้ามาพร้อมกับทุกคน พอได้สบตากันเธอแสดงทีท่าขวยเขิน แก้มหญิงสาวแดงเปล่งปลั่ง ดวงตากลมโตรีบหันไปมองที่อื่น ฝ่ายผมเองก็เขินเธอไม่แพ้กัน จึงไม่กล้าพูดอะไรซักประโยค โชดดีที่ไม่ได้ใช้ท่าเต้นคิงคองพายเรือ
“เดี๋ยวอาจารย์เรณูจะมาสอนวิชาจริยธรรมต่อ อย่าส่งเสียงดังกันล่ะ”
หลังอาจารย์สมพิศพูดจบ มีเสียงโห่เบา ๆ ตามมาทันควัน คนพูดทำตาขวางประหนึ่งนางเสือ พลางขยับแว่นทรงแหลมที่กำลังจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ อาจารย์จอมเฮี๊ยบเดินไปถึงหน้าประตู แต่แล้วก็หยุดพลางจ้องมองโต๊ะผม
“มีใครรู้บ้าง…ว่านายอำนาจหายหัวไปไหน ไม่ได้เกาะท้ายรถพี่เตงไปด้วยล่ะ”
แล้วอาจารย์ประจำชั้น 4/3 ก็เดินจากไปอย่างคนอารมณ์ดี เธอได้ลายเซนต์พี่เตงคนแรกสุดเลยทีเดียว ผมเหลียวมองโต๊ะข้างตัวที่ว่างเปล่า ขณะที่คิ้วผูกเป็นปมคล้ายเลขแปด เพราะนึกไม่ออกเลยว่าอำนาจหายตัวไปไหน
“กวนตาดาโม ! อำนาจอยู่ในกวนตาดาโม”
สาวน้อยผมม้าตะโกนเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าชิดชนกแสดงอาการตกตะลึงสุดขีด แววตาเธอที่ผมเห็นฉายความเสียใจปนตกใจ ทรงเดชมือเพชรฆาตร้องเฮ้ยเสียงดัง ก่อนเสียหลักหกล้มก้นจ้ำเบ้าที่พื้น เพื่อน ๆ ในห้องล้วนตกตะลึงไม่แพ้กัน ผมหันขวับไปมองพลางขยับตัวลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องหยุดนิ่งก้าวขาไม่ออก สีหน้าของผมขาวซีดเผือกราวกับผีดิบดูดเลือด คำถามของอาจารย์สมพิศเมื่อครู่นี้ รหัสลับกวนตาดาโมคือคำตอบ
ห่างออกไปไม่ถึง 10 เมตรที่ชั้นลอยของอาคาร อำนาจถูกขังอยู่ในห้องมืด ๆ แคบ ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นขี้หมู เขาไม่ได้กินข้าวกินขนมหรือน้ำดื่มตลอด 2 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาไม่ได้อยู่ในคอนเสิร์ตพี่เตงบอดี้สลิมที่เขาเทิดทูนบูชา
----------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ