ลมหวาน ป่าหนาว
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ตีตราจอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมขึ้นรถมากับป่าสักหลังจากที่มันไปรับถึงภาควิชาศิลปศึกษา แต่มันดันหน้าบึ้งตึงมาตลอดทาง ผมก็ยังงงอยู่ว่ามันเป็นอะไรถึงได้อารมณ์เสีย
"เอ่อมึง เป็นไงบ้างรุ่นพี่เรียกประชุม"
ผมตัดสินใจถามป่าสักออกไป เพราะสถานการณ์ในรถตอนนี้เงียบเกินไป
"ก็ดี"(เสียงสูงจังแต่ไร้อารมณ์)
"กินไรดีเย็นนี้"
"ไม่หิว"(เสียงตอบกลับมาเบามาก)
"อืม งั้นก็รอกินหลังจากซ้อมเสร็จก็ได้"
เงียบอีกครับ เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมาอีกเลย ไอ้ป่าสักปากปีจอหน้าหล่อ มันได้ตายจากโลกนี้แล้วเหรอ? จนมาถึงห้องพัก
"ทุ่ง ไอ้หน้าวอกนั้นเป็นใคร?"
"ไอ้หน้าวอก???หน้าวอกไหน หมายถึงใครอะ?"
"ก็ไอ้คนที่มันจะมาส่งมึงไง"
"อ่อ พี่ชนแดน พี่รหัสกูเอง เพิ่งรู้จักพี่เขาก็วันนี้อะ"
"วันหลังห้ามให้ใครหน้าไหนมาส่งนะ เดี๋ยวกูไปรับเอง"
"อ้าว??พี่เขาแค่อาสาตามมารยาทเปล่าวะ?"
"มึงจะรู้อะไร กูมองตามัน ก็รู้แล้ว ว่ามันคิดอะไรกับมึง"
"บ้าแล้วววว ใครเขาจะหน้าม่อเหมือนมึงวะป่าสัก"
"ใช่สิกูมันหน้าม่อ ใครจะแสนดีสุภาพเหมือนไอ้หน้าวอกนั้นละ"
"ไปกันใหญ่แล้วป่าสัก นี้มึงเป็นไรวะ ตั้งแต่ที่ภาควิช.........อุ๊บ!!!!!!"
ปากประกบปาก ดูดดื่มรสหวาน ลิ้นของป่าสักอยู่ไม่เป็นสุข ครวญหาความหอมหวานจากปากบางๆ รสชาติมันช่างแสนเร้าใจ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้เล้าโลมไปทั่วแผ่นหลังของคนเอวบาง ทำให้ร่างบางนั้นสั่นสะเทือนไปด้วยความไม่เคย ร่างกายของทุ่งธร แข็งขืนต่อต้านการกระทำของป่าสักอย่างหนักหน่วง แต่ด้วยลีลาที่เร้าร้อน มีหรือคนที่ไม่เคยผ่านมือใครมาอย่างทุ่งธรจะต้านไหว ไม่นานนักหลังจากได้ชิมรสชาติความหอมหวานจากป่าสักร่างกายของทุ่งธร ก็ตอบสนองตามธรรมชาติโดยทันที ปากรูปกระจับอมชมพู ค่อยๆถอนออกจากปากบางๆสีเลือดฝาด อย่างเสียดาย ตาสบตา ไม่ไหวติง เงียบ แต่มือทั้งสองข้างของป่าสักก็ยังคงโอบกอดร่างบางนั้นไว้อย่างทะนุถนอม
"ขอร้องละทุ่ง อย่าจุดไฟในใจเราได้ไหม"
(เสียงสองมาเลยพระเอก)
"เอ่อ เอ่อ"
ได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของป่าสักผมนี้ไปไม่เป็นครับ
"สัญญาสิ ว่าจะไม่ทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้"
"เอ่อ คือ"
"ความหอมหวานจากปากของทุ่ง เราจองแล้วน่ะ"
"บ้า"
ผมผลักอกของป่าสักออกไป แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำทันที
"รีบๆอาบนะ ถ้าช้าเดี๋ยวเราไปช่วยอาบ"
สุดท้ายผมก็อ่อนแอ แพ้ให้ป่าสักอีกจนได้ ทำไม?? ทำไมถึงได้ไม่เข้มแข็งแบบนี้นะ หัวใจเจ้ากรรมทำไมไม่ต่อต้านเลย ทำไมยอมปล่อยให้ป่าสักทำอะไรได้ตามใจชอบแบบนี้ หรือว่าผมจะเผลอมีใจให้ป่าสักเข้าแล้ววววว
ไม่ได้ ผมจะใจอ่อนไม่ได้ ความรักที่แท้จริงมันไม่มีในโลก ดูอย่างแม่สิ แม่เป็นผู้หญิงที่แสนดี พ่อยังทิ้งแม่ไปได้ ทิ้งไปแบบไม่ใยดีเอาเสียเลย ผมจะต้องไม่อ่อนแอ ไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยแน่ๆ
"อาบน้ำนานจังทุ่ง..หรือว่ายังเขินอยู่"
"เสร็จแล้วๆๆเร่งจังเลย"
"อ้าวก็เราเป็นห่วง แล้วอีกอย่างกลัวว่าเราสองคนจะไปซ้อมกีฬาช้าด้วย"
ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เจอป่าสักยืนรออยู่หน้าห้องน้ำแล้ว ดูสายตามันมองมาที่ผมสิ ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะสายตาแบบนี้มันชวนขึ้นเตียงชัดๆเอ๊ะหรือว่า..สายตาของเสือกำลังจะกินเหยื่อ???"
"มึงไม่ต้องพูดเพราะกับกูก็ได้ ฟังแล้วจะอ้วก"
ผมพูดออกไปแก้เขิน
"ห้าาา????แค่จูบปากเฉยๆจะท้องแล้วเหรอ"
"โอ้ยยยยไอ้บ้า"
ผมนี้เชื่อเขาเลยจริงๆในสมองของป่าสักคงจะมีแต่เรื่องนี้ใช่ไหม???จะย้ำอะไรนักหนา รู้ไหมว่าคนมันเขินโว้ยยยย
จากนั้นป่าสักก็เข้าไปอาบน้ำ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดหื่นกามสักที ร้องตะโกนออกมาจากห้องน้ำ
"ทุ่ง เราถูหลังไม่ถึง มาช่วยหน่อยสิ"
"ปกติก็ถูได้ อย่ามาสำออย กูไม่ชอบ"
"อ้อนหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมถึงได้ใจดำกับเราแบบนี้"
"ไอ้ป่าสักขืนมึงพูดเลี่ยนๆแบบนี้อีก กูจะไม่รอนะโว้ยยย"
"โอเคๆเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว หยอกแค่นี้ก็ไม่ได้"
ป่าสักขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของโรงยิมในตอนเวลาทุ่มตรง
"ป่าสัก มึงไม่ต้องเดินไปส่งกูหรอก มึงไปสนามบาสเลย"
"เขินเหรอ..ที่มีคนหล่อๆอย่างกูเดินไปด้วย"
"กูไม่อยากให้ไอ้ตรีมันแซว กูรำคาญวะ"
"ไม่ได้หรอก พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ตรีด้วย"
"มึงนี้มันแถไปได้จริงๆนะ"
"555ไปเถอะ นี้เรามาเลทมากแล้ว"
"วู้ๆๆคู่รักแห่งปีมาแล้วเว้ยพวกเรา"
เสียงไอ้ตรีภพดังมาเป็นคนแรกเลยหลังจากที่มันเห็นผมกับป่าสักเดินเข้าไปในโรงยิม ไอ้เชี่ยนี้มันคงไม่เลิกแซวผมแน่ๆ
"พวกมึงมัวทำไรอยู่วะถึงมาช้าจัง หรือว่า......ปั้มลูกอยู่วะ55555555555"
เสียงเพื่อนอีกคนแซวต่อไอ้ตรีภพทันที
"เอ้ยป่าสักมึงเล่นทำการบ้านหนักขนาดนี้ แล้วไอ้ทุ่งมันจะกระโดดตีบอลได้เหรอวะ"
เสียงแซวของเพื่อนๆปากหมาในทีมวอลเลย์บอลยกมาเป็นห่าฝนชุดใหญ่เลย
"พวกมึงก็พูดไป ไอ้ป่าสักมันดูจะทะนุถนอมไอ้ทุ่งเพื่อนเราจะตาย ดูสิขนาดมาซ้อมกีฬาแค่นี้มันยังเดินมาส่งถึงสนามเลย"
เสียงไอ้ตรีภพ พูดแซวกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน มันคงจะเล่นแซวผมให้อายจนมุดพื้นปาเก้แน่ๆเลย
"ตรี พรุ่งนี้สักสิบโมงมึงมีธุระที่ไหนเปล่า"
ป่าสักถามตรีภพออกไปหลังจากที่เดินมาหาตรีภพที่ข้างสนามวอลเลย์บอล
"ไม่มีอะ กูก็มีเรียนปกติ มึงมีไรวะ"
"พอดีพรุ่งนี้กูมีเรียน Bio lab1 ตอนเก้าโมงเช้า แต่ทุ่งมันมีเรียนDrawing ตอนสิบโมงนะ เลยอยากถามมึงว่าพอจะว่างไปส่งทุ่งได้มั้ย?"
"อ่อ ได้สิ คณะกูกับไอ้ทุ่งมันก็อยู่ติดกันอยู่แล้ว กูไปรับมันได้"
"เดี๋ยวๆป่าสัก นี้มึงรู้ได้ไงว่ากูเรียนสิบโมง"
ผมถามป่าสักออกไปอย่างงงๆ
"โอ้ยไอ้เบือก มันก็เอารหัสนักศึกษาของมึงเข้าไปกดดูสิ แค่นี้มันก็รู้แล้วว่าในแต่ละวันมึงเรียนไรบ้าง"
ตรีภพตอบแทนป่าสัก มังคงเห็นว่าผมนี้โง่มากใช่ไหม???
จากนั้นตรีภพก็หันไปคุยกับป่าสักต่อทันที
"ถึงมึงไม่บอก กูก็จะไปรับมันอยู่แล้ว มึงอย่าลืมสิว่ากูกับไอ้ทุ่งนะเป็นเพื่อนกัน แค่นี้สบายมาก หายห่วงวะมึง"
"อืม ขอบใจมึงมากนะตรี"
"นี้ๆพวกมึงจะไม่ถามกูสักคำหน่อยมั้ย"
ผมถามออกไปหลังจากที่ฟังตรีภพและป่าสักเข้ามาจัดการกับชีวิตผมมากเกินไป
"ไม่"
เสียงป่าสักกับตรีภพ ตอบผมมาพร้อมกันทันที
หลังจากซ้อมวอลเลย์บอลเสร็จก็เวลาประมาณสามทุ่มตรง ผมเดินออกมาจากโรงยิมพร้อมกับไอ้ตรีภพ
"ทุ่ง กูถามตรงๆนะเว้ย ในฐานะเพื่อนมึง"
"อืม ว่ามาสิ ถ้ากูตอบได้ กูก็จะตอบมึง"
"มึง...กับเอ่อ ไอ้ป่าสัก เป็นแฟนกันเหรอ?"
ผมหันไปมองหน้าไอ้ตรีภพ พยายามมองหน้าเพื่อน ว่ามันต้องการคำตอบแบบไหนจากผมกันแน่
"เอาตรงๆนะตรี กูก็เพิ่งรู้จักป่าสัก กูไม่รู้ว่าสถานะระหว่างกูกับป่าสักมันคืออะไรกันแน่ มันไม่เคยขอกูเป็นแฟน แล้วอีกอย่างกูว่าคนอย่างป่าสักมันเป็นคนเฟรนลี่ มันก็เข้าไปคุยกับทุกคนวะ แต่เผอิญกูกับมันเป็นรูมเมทกัน มันเลยสนิทกับกูมากกว่าคนอื่นๆก็เท่านั้น"
"อืม ที่กูถาม ไม่ใช่อะไรหรอก กูเป็นห่วงมึงวะ มึงก็คงพอจะรู้นะว่าป่าสักมันรวยขนาดไหน แถมหล่อขนาดดาราเลยก็ว่าได้ สาวๆนี้ไม่ต้องพูดถึงรอต่อคิวเข้ามาหามันมากมาย กูกลัวมึงเจ็บวะเพื่อน ...แต่จะว่าไปแล้ว กูก็ไม่เคยเห็นมันจะเทคแคร์ดูแลใครดีเท่ากับมึงนะ"
"แล้วกูควรทำไงวะตรี"
"มึงต้องเอาความชัดเจนจากไอ้ป่าสัก แมนๆเปิดอกคุยกันไปเลย"
คำเตือนของไอ้ตรีภพ ยังก้องอยู่ในหัวของผมตลอดทางที่นั่งรถมากับป่าสัก ผมคงจะต้องห้ามหัวใจตัวเองไว้แค่นี้จริงๆคนจนอย่างผมหน้าตาอย่างนี้ใครเขาจะมาจริงใจด้วย ป่าสักมันคงเห็นว่าผมเป็นคนบ้านนอกคอกนา อยากจะปั้นหัวเล่นๆก็แค่นั้น
"เอ่อทุ่ง หาไรกินก่อนนะ....ทุ่ง ทุ่ง มึงเป็นไรเหม่อจัง"
"ปะเปล่า"
"กูถามว่ากินไรก่อนไหม กูหัวข้าว"
"หิวเหรอ"
"อืม วันนี้ใช้แรงเยอะไปหน่อย"
"แล้วมึงจะกินไรอะ"
"กูอยากลองกินอาหารบ้านๆดูบ้าง พวกลาบก้อยอะไรแบบนี้"
"อะไรน่ะ?? อยู่ขอนแก่นจริงเปล่าเนี้ยมึง ถึงไม่เคยแดรก ลาบก้อย"
"ก็..กูไม่เคยกินจริงๆ"
"แล้วแบบนี้มึงจะแดรกเผ็ดได้เหรอ"
"ก็อย่าสั่งเผ็ดสิ"
"ไอ้บ้า ลาบก้อย อาหารพวกนี้มันต้องเผ็ดๆถึงจะแซ่บ..ฮึฮึเปลี่ยนใจยังทันนะมึง"
"ไม่อะ มึงแดรกได้กูก็แดรกได้ ฝึกไว้เผื่อไว้ไปบ้านแม่ยายจะได้ไม่ลำบาก"
ทำไมมันต้องมองมาทางผมด้วยวะคำว่าบ้านแม่ยาย???
"เอ่อมึงนี้แปลกคน อยู่สบายๆไม่ชอบ ชอบหาความลำบากให้ตัวเอง"
"ก็ทุ่งอยู่ไหน เราก็จะอยู่นั้น"
"ไอ้เชี่ย มึงหยุดล้อกูเล่นได้แล้วววว"
"ล้อเล่นตรงไหน พูดจริงทุกคำเลยคราฟ"
ตาสบตา คำพูดของไอ้ตรีภพวิ่งมาทันที เอาวะเป็นไงเป็นกันถามมันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
"ป่าสัก... เอ่อคือกู ขอถามอะไรมึงได้มั้ย"
"อืม รอฟังอยู่ ว่ามาสิ"
"เอ่อ คือว่า....มึง"
"อ้าวพูดมา เอ่อ เอ่ออยู่นั้นละ"
"ไปกินโรงเตี้ยมแล้วกันน่ะ"
สุดท้ายผมก็ไม่กล้าถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
"แค่นี้เหรอนึกว่าจะถามอะไร ว่าแต่ไอ้โรงเตี้ยมไปทางไหน"
"ตรงไปทางภาควิชากูมันจะอยู่ข้างๆคณะเกษตรของไอ้ตรี"
"อืม"
ผมกับป่าสักมาถึงโรงเตี้ยมก็ราวๆสามทุ่มครึ่ง แต่คนก็ยังแน่นร้านของเจ้ดิ้งคนงามอยู่เหมือนเดิม
"เจ้ เอาลาบน้ำตก ต้มแซ่บ แล้วตำมั่ว อย่างละที่นะ"
"ตายแล้ววววคุณน้องทุ่ง วันนี้ควงหนุ่มหล่อมาเชียวนะค่ะ เอาๆนั่งโต๊ะเดิมเลยจร้า เดี๋ยวเจ้จัดให้"
ผมกับป่าสักเดินไปโต๊ะเดิมที่มานั่งกินกับไอ้ตรีเมื่อวันก่อน
"คุณน้อง ว่าแต่หนุ่มหล่อคนนี้เป็นใครค่ะ บอกเจ้ได้ไหม"
หลังจากเจ้ดิ้งเดินมาเสริฟอาหารที่โต๊ะ นางก็ตั้งคำถามทันที
คงอยากรู้มากๆแน่ๆที่ผมมากับป่าสัก ก็ดูสิ มองไปทั้งร้านก็มีป่าสักคนเดียวที่หล่อโดดเด่นกว่าแขกโต๊ะอื่นๆ
"สวัสดีครับ ผมชื่อป่าสัก เรียนสัตวแพทย์ เป็น...เพื่อนสนิทของทุ่งครับ"
"อุ้ยตายแล้ววว ดูดีมากๆหล่อก็หล่อ ไม่รู้ว่าคุณน้องทุ่งของเจ้ทำบุญด้วยอะไรถึงได้มีแต่หนุ่มหล่อมารุมล้อมแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้องตรี เด็กพืชไร่ หรือจะเป็นน้องหมอป่าสักสุดหล่อเกาหลี โอ้ยยยเจ้ละอิจฉาจริงๆเลย"
"เจ้ หิวข้าวแล้ว จะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ"
"โอเคจ๊ะ เชิญตามสบายนะ เดี๋ยวเจ้ขอตัวไปดูแลแขกโต๊ะอื่นก่อน"
ดูๆเจ้ดิ้งเห็นคนหล่อเป็นไม่ได้ ออกอาการทันทีเลยนะ
"เจ้แกก็ดูตลกดีนะ"
"อืม เจ้ดิ้งก็เป็นแบบนี้ละ เป็นขวัญใจของพวกกูทั้งเด็กศิลป์เด็กดนตรีเด็กเกษตรมาแดรกโรงเตี้ยมทั้งนั้น แถมใครที่เล่นดนตรีได้ก็มาเล่นโชว์กันเองเลย เจ้แกเลยโชคดีไปไม่ต้องจ้างนักร้องนักดนตรีที่ไหน แต่บอกก่อนนะว่าร้านเจ้ปลอดแฮลกอฮอ"
หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังคับร้านตรงมุมเล่นดนตรีสด คงจะมีนักร้องสมัครเล่นขึ้นมาร้องเพลงแน่ๆ
"สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ทั้งที่เป็นขาประจำ หรือแขกที่มาใหม่ ช่วงนี้เรามาฟังเพลงแนวเพื่อชีวิตกันนะครับ"
ผมมองตามเสียงนั้นไป ปรากฏว่าผมต้องตกตะลึง นั้นๆพี่แดน พี่รหัสผมเองนี้ พี่แดนหันมายิ้มให้ผมด้วยยยยย
"เพลงนี้ขอมอบให้กับ น้องรหัส ผู้ที่มีสายตาชวนฝัน น้องทุ่งธรครับ"
พอสิ้นเสียงพี่รหัส ก็มีคนปรบมือกันเสียงดังลั่นร้านเลยทีเดียว ผมแอบชำเลืองสายตามองดูป่าสัก ก็ต้องตกใจอย่างมากที่เห็นเขาจ้องมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว
"มึงคงแดรกข้าวอร่อยสินะ มีไอ้หน้าวอกนั้นมาร้องเพลงกล่อม แต่ฝันไปเถอะ"
พูดเสร็จป่าสักก็ลุกขึ้นพร้อมวางเงินแบงค์พันไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินมาขว้ามือผมให้ลุกออกจากโต๊ะ
"ทำอะไรวะมึง"
ผมถามป่าสักออกไปอย่างงงๆ
"กูจะไม่ยอมทนให้มึงได้ฟังเพลงจากไอ้หน้าวอกหรอกนะ"
"อ้าว???ไหนบอกว่าหิวข้าว"
"ไปแดรกร้านอื่น ขืนกูอยู่ต่อมีหวังได้ต่อยปากไอ้หน้าวอกแน่ๆ"
จากนั้นป่าสักก็ลากผมออกจากโรงเตี้ยมทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ