ลมหวาน ป่าหนาว
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) เปิดตัวหรือเปล่า??
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากผ่านการออกค่ายจิตอาสาและประเพณีรับน้องของทางภาควิชาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคเรียนที่1 นักศึกษาต่างก็พากันตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือและทำงานส่งอาจารย์กันอย่างขะมักเขม้นเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว
“เอ้ยไอซ์แกส่งงานอาจารย์ครบหมดยังวะ?”
ผมถามไอซ์ออกไปพร้อมกับนั่งลงข้างๆที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าโรงปั้นซึ่งเป็นที่สิงสถิตของพวกเราชาวปีหนึ่งนั้นเอง
“ฉันเหรอ ส่งครบหมดแล้ว ว่าแต่แกเถอะส่งครบยังอะ?”
“ยังเลยวะ ขาดอีกวิชาของอาจารย์ป้าหวีน่ะ”
“อ้าวทำไมวะแก มัวทำไรอยู่อีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตส่งแล้วนะเว้ย”
“แกมีลายเส้นเจ๋งๆบ้างไหมวะ เอามาให้ฉันดูเป็นแนวทางหน่อยสิ พอดีช่วงนี้สมองทื่อๆนึกไรไม่ค่อยออก”
“จร้าคงจะนึกออกอยู่เรื่องเดียวแหละ”
“เรื่องไรวะ?”
“ก็เรื่องผู้ชายไง5555”
“อีไอซ์บ้า นับวันปากคอแกจะร้ายขึ้นทุกวันแล้วนะ”
“อ้าวใครจะไปรู้เห็นตามรับตามส่งกันทุกวัน ฉันก็นึกว่าแกคงจะหูหนวกตาบอดไปแล้วนะสิ ถึงไม่ยอมทำงานทำการส่งอาจารย์”
“พอๆหยุดพูดได้แล้ว สรุปแกจะให้ฉันดูไหม??”
“เอ่อๆพูดแค่นี้ทำเป็นขึ้นเสียง แต่ต้องไปเอาที่หอฉันนะเพราะไม่ได้เอามาด้วย”
“อืมได้งั้นตอนเย็นฉันไปเอางานกะแกเลยแล้วกัน”
“จะไปไหนกันวะ”
จู่ๆก็มีเสียงของเปรตโหยหวนขอส่วนบุญดังขึ้นจากข้างหลังผมกับไอซ์ทันที
“อ้าวไอ้โอม แดกข้าวเพิ่งเสร็จเหรอมึง”
“อืม เมื่อกี้กูได้ยินว่ามึงจะไปไหนกะไอซ์วะทุ่ง”
โอมพูดเสร็จก็นั่งลงข้างไอซ์ทันทีพร้อมกับยื่นขวดน้ำที่ถือมาจากโรงอาหารสามเส้าให้พวกเราคนละขวด
“ขอบใจวะสำหรับน้ำเย็นๆ พอดีงานกูยังไม่เสร็จเลยจะไปขอดูงานของไอซ์ที่ห้องนะ”
ผมตอบโอมไปพร้อมกับเปิดฝาขวดน้ำดื่มทันที
“งานของจารย์ไรวะ?”
“ก็งานลายเส้นของจารย์ป้าหวีสุดสวยของมึงไง”
“เอ้ยจริงดิ นี้กูลืมไปเลยนะว่าต้องส่งงานจารย์ป้า”
“อ้าวไอ้ห่ากูนึกว่าเหลือแต่กูคนเดียว นี้มึงก็ยังไม่ส่งอีกเหรอวะ”
“อืมพอดีช่วงนี้กูมีงานนอกรับจ๊อบพอได้ค่าขนมเลยยังไม่ได้ทำส่ง ว่าแต่กูขอไปด้วยคนสิ”
“งั้นก็ดีเลย มึงไปเอางานกะไอซ์แทนกู เดี๋ยวกูจะไปขอดูกะมึงเองโอเคไหมไอ้โอม”
“เดี๋ยวๆคุณหนูทุ่งไม่ทราบจะชิ่งหนีไปไหนไม่ทราบค่ะ”
“แหม่ไอซ์หอแกอยู่ตั้งไกล กว่าจะกลับมาฉันก็ไปซ้อมกีฬาสายพอดี ยิ่งช่วงนี้โดนโค้ชทำโทษบ่อยมากเมื่อวานก็โดนซ่อมรับลูกตบไปตั้งชั่วโมง ให้ไอ้โอมไปเอานะดีสุดแล้วมันมีรถไปมาสะดวก”
“โอ๋ๆน่าสงสาร ก็ได้เห็นว่าเป็นเพื่อนหรอกถึงยอม”
“ไอซ์ว่าไงอะ เราของานมาดูได้เปล่า”
โอมหันไปถามไอซ์ทันทีหลังจากได้ฟังข้อเสนอของทุ่งธรแล้ว
“ได้สิแค่ไปเอางานเฉยๆไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่สาวๆของโอมจะไม่ดักตบเรานะ”
“โอ้ยยยสาวๆที่ไหนไม่มีหรอก ไอซ์ก็พูดเกินไปแล้ว”
“อ้าวจะไปรู้เหรอ ก็เดือนมหาลัยอย่างโอมฮอตจะตายเอฟซีเต็มเลยไม่ใช่เหรอ?”
“โอ้ยยมีแต่เพื่อนๆกันทั้งนั้น คิดมากจะมีใครที่ไหนมาดักตบ”
“แล้วอย่างปูนิ่มละ ใช่ตัวจริงของโอมปะเห็นตามติดตลอดเลยนี้”
“เอ้ยยยยยคิดได้ไงเนี้ยยยยยย?????555555อย่างปูนิ่มนี้ก็ไม่ไหวนะ”
ในระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งอ่านหนังสือกันอยู่เพื่อเตรียมสอบวิชาต่อไปในภาคบ่ายนั้นจู่ๆโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที
“ว่าไงวะมึงมีไร?”
ผมกรอกเสียงผ่านมือถือไปถามยังอีกฝ่ายทันทีที่กดรับสาย
“ทุ่ง มึงมาหากูที่คณะได้เปล่าวะ?”
“เอ้ยเป็นไรวะมึง ทำไมให้กูไปหาที่คณะเกษตรด้วย?”
“ไม่รู้ว่ากูไปแดกไรมาวะ จู่ๆก็ท้องเสีย”
“อ้าวเหรอ ได้ๆเอ่อเดี๋ยวกูไป”
ผมวางสายจากตรีภพแล้วก็รีบเก็บหนังสือเข้าเป้อย่างรีบเร่งเพราะห่วงว่าเพื่อนจะเป็นอะไรมากกว่านั้น
“เดี๋ยวๆไอ้ทุ่ง มึงจะรีบไปไหนเนี้ย แล้วใครเป็นอะไรวะ?”
เสียงโอมทักมาทันทีที่เห็นท่าทางรีบร้อนของผม
“ก็ไอ้ตรีนะสิ ไม่รู้เป็นไรมากเปล่าโทรมาบอกว่าท้องเสียให้กูรีบไปหาที่คณะเกษตร”
“อ้าวเหรอ ถ้างั้นกูไปด้วยเผื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”
“เอ่อไอซ์เดี๋ยวเราไปดูเพื่อนก่อนนะ ถ้าไงจะโทรหาว่าจะไปเอางานกับไอซ์ได้ตอนไหน”
โอมหันไปบอกกับไอซ์ทันทีหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว
“อืมโอเค พวกนายไปดูเพื่อนก่อนเถอะ”
แต่ก่อนที่พวกเราจะก้าวเท้าออกเดินก็มีบางสิ่งบางอย่างวิ่งมาขวางทางไว้เสียก่อนพร้อมกับน้ำเสียงที่แหลมบาดลึกลงไปเนื้อเยื่อเลยที่เดียว
“โอมขา สุดหล่อของปูนิ่มจะไปไหนกันค่ะ”
“ปูนิ่มหลบไปเรารีบ”
“โอมก็บอกปูนิ่มมาก่อนสิว่าจะไปไหน”
“เรามีธุระ หลบไป”
จากนั้นโอมก็จับปูนิ่มผลักหลบออกจากการขวางทางไว้ แต่ด้วยความรีบหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้ปูนิ่มล้มลงกับพื้นอย่างแรง
“โอ้ยยยยทำไมโอมผลักปูนิ่มอย่างนี้ ปูนิ่มเจ็บนะ”
“เอ่อปูนิ่มเราขอโทษพอดีเรารีบไป”
“เอ้ยยยไอ้โอมมึงรอกูด้วยสิวะ ไอซ์ฝากดูปูนิ่มด้วยนะ”
“เอ่อๆรีบไปเถอะเดี๋ยวทางนี้เราดูแลเอง”
“โอ้ยยยทำไมโอมถึงทำกับปูนิ่มแบบนี้ แสดงว่าโอมรีบไปติวหนังสือให้สาวคณะเกษตรแน่ๆเลยใช่มั้ยไอซ์”
“โอมเขามีธุระนะปูนิ่ม”
“อ้ายยยกรี๊ดดดดดดปูนิ่มไม่ยอมนะโอมขากลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
ปูนิ่มได้แต่ร้องกรี๊ดออกมาเนื่องจากโอมไม่ได้สนใจที่จะหันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ จากนั้นไอ้โอมก็เดินตรงไปยังรถยนต์ของเขาแล้วขับตรงไปคณะเกษตรทันทีเชี่ยโอมออกรถด้วยความรีบเร่งจนผมงงกับพฤติกรรมของมันเหมือนกันว่าจะรีบอะไรนักหนาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไอ้โอมกับผมก็มาถึงตึกภาควิชาพืชไร่ซึ่งเป็นสาขาที่ไอ้ตรีภพเรียนอยู่ที่นี้
“ไอ้โอมมึงก็เดินช้าๆหน่อยสิวะ”
“มึงก็เดินให้มันไวสิวะทุ่ง บ่นอยู่นั้นแหละ”
“อ้าวไอ้นี้ก็มึงขายาวกว่ากูอะ นี้กูก็รีบแล้วนะเว้ย”
“แล้วนี้ไอ้ตรีอยู่ไหน”
“เอ่อวะ กูก็ลืมถามว่ามันอยู่ไหนแต่มันบอกท้องเสียน่าจะอยู่ห้องน้ำวะ”
“ไอ้ทุ่งมึงเมาหรือปัญญาอ่อนวะ คณะเกษตรมีตั้งกี่อาคารมีเนื้อที่เป็นร้อยๆไร่แล้วจะรู้ไหมว่าห้องน้ำไหน?”
“เอ่อวะ แหม่มึงใจเย็นๆน่าเดี๋ยวกูโทรหามันเอง”
จากนั้นผมก็โทรหาไอ้ตรีภพทันทีแต่ปรากฏว่าไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้นจากปลายทางเลย
“เอ้ยยไอ้โอม เชี่ยตรีมันไม่ยอมรับสายวะมึง”
“มึงนี้ไม่ได้เรื่องเลยนะทุ่ง ก่อนจะว่างสายทำไมไม่ถามว่าไอ้ตรีอยู่ตรงไหนเสียก่อน”
“อ้าวก็กูตกใจนี้มึง เลยลืมถามว่าไอ้ตรีมันอยู่ตรงไหนของคณะ”
ในขณะที่ผมกับไอ้โอมกำลังเถียงกันไปมาอยู่ใต้อาคารเรียนคณะเกษตรตึกพืชไร่นั้นเองจู่ๆก็มีเสียงคุ้นๆหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เอ้ยพวกมึงจะแหกปากร้องอะไรกันวะ ไม่เห็นเหรอว่านักศึกษาเขากำลังอ่านหนังสือสอบกันอยู่ เบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง”
เป็นเสียงของไอ้ตรีภพนั้นเอง พวกเราหันไปมองยังต้นเสียงทันที
“เอ้ยตรีมึงเป็นไงบ้างวะ เห็นไอ้ทุ่งบอกว่ามึงท้องเสีย กูเลยรีบมา”
ไอ้โอมก้าวเท้าไม่กี่ก้าวก็ไปถึงตัวตรีภพอย่างรีบเร่งพร้อมกับถามถึงอาการป่าวด้วยความเป็นห่วงจนผมรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของไอ้โอมมันเปลี่ยนไป
“นี้มึงก็มาเหรอ กูแค่ท้องเสียว่าจะให้ไอ้ทุ่งไปซื้อเกลือแร่มาให้สักหน่อย”
“ไปหาหมอมั้ยมึง ดูหน้ามึงซีดๆนะตรี”
“กูไม่เป็นไร อีกอย่างกูมีสอบด้วย”
“หน้าซีดเป็นไก่ต้มขนาดนี้กูว่าหนักเอาการนะตรี ปะไปหาหมอก่อนเถอะ”
“เอ้ยไอ้โอมกูบอกว่าไม่เป็นไรไง กูยังไหวอยู่แค่ท้องเสียไม่กี่รอบเอง”
“เอ่อพวกมึงจะเถียงกันนานมั้ย เอางี้เดี๋ยวกูว่าน่ะไอ้โอมมึงไปซื้อเกลือแร่มาให้ไอ้ตรีแดกก่อนเถอะแล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันจะเอาไงต่อ”
ผมออกความคิดเห็นไปทันทีที่เห็นว่าตรีภพกับศักดิ์พินิจกำลังถกเถียงกันอยู่
“ทุ่งมึงไปซื้อให้หน่อยสิกูจะอยู่เป็นเพื่อนมันเอง”
“อ้าวให้กูไปเหรอวะมึง??”
“เอ่อก็มึงนั้นแหละ อย่าเรื่องมากเอ้านี้กุญแจรถกูร้านยาในมอใกล้แค่นี้เอง”
“ไอ้ห่าโอมกูขับรถยนต์ไม่เป็น”
“งั้นมึงก็ขับมอไซค์ของไอ้ตรี ตรีไหนกุญแจมอไซค์มึง”
“เอาแบบนั้นเหรอวะ??”
จากนั้นตรีภพก็ล้วงกุญแจจากกระเป๋าเป้สีดำของมันยื่นมาให้ผมทันที
“รถกูจอดอยู่ใต้ตึกตรงทางไปบ้านไร่นะมึง”
“เอ่อๆเดี๋ยวกูจะรีบมาแล้วกัน ไอ้โอมกูให้มึงเฝ้าคนป่วยนะไม่ใช่ให้พวกมึงกัดกัน”
“พวกกูไม่ใช่หมาจะได้กัดกัน มึงไปได้แล้วอย่าเห่ามากไอ้ทุ่ง”
หลังจากที่ผมไปซื้อเกลือแร่มาให้ไอ้ตรีกินแล้วอาการของมันก็ดีขึ้นตามลำดับแต่ไอ้เชี่ยโอมนี้สิจะไม่ยอมกลับมาสอบเพราะเป็นห่วงไอ้ตรีอย่างออกนอกหน้าเลยทีเดียวผมว่าไอ้สองคนนี้มันชักจะยังไงอยู่เสียแล้วหลังจากนั้นเทศกาลสอบก็ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อยเล่นเอาผมเกือบไม่รอดไหนจะต้องปั่นงานส่งอาจารย์ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบจนหัวหมุนเลยครับส่วนไอ้คุณหนูป่าสักรายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอกครับเพราะว่ามันเทพคนบ้าอะไรเก่งไปหมดทุกอย่างได้ยินมาว่ามันคงจะท๊อปทุกวิชาแน่ๆแต่กับผมนี้สิจะผ่านหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยยยโอ้ยยยยคิดแล้วมันปวดหัวใจเกิดมาช่างอาภัพอะไรเช่นนี้แต่ก็ช่างเถอะเบื่อจะคิดแล้วหาไรทำแก้เบื่อดีกว่าไหนๆก็สอบเสร็จแล้วววววววได้ปิดตั้งอาทิตย์หนึ่งเลย ตั้งหนึ่งอาทิตย์เอ่อกลับบ้านไปหาแม่ดีกว่าว่าแล้วก็เก็บกระดาษวาดเขียนและกระดานรองวาดเตรียมตัวกลับบ้านไปหาแม่แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรจู่โทรศัพท์ก็ดังมาเสียก่อน สายที่โทรเข้าปรากฏว่าเป็นป่าสักนั้นเอง
“อัลโหลว่าไงมึง??”
“ทุ่งตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ”
“กูอยู่ภาคศิลป์มีไร?”
“งั้นดีเลยมึงรอกูอยู่ที่นั้นแหละเดี๋ยวไปรับ”
“อ้าวกูว่าจะรีบกลับหอวะ”
“กูบอกให้รออยู่ที่ภาคก็รออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวกูไปรับ กูกำลังจะขับรถออกจากคณะแล้ว”
“เอ่อๆรอก็รอวะ”
“ดีมากเดี๋ยวเจอกัน”
จากนั้นป่าสักมันก็วางสายไป มันก็เป็นแบบนี้แหละครับตอนนี้ผมเริ่มชินกับนิสัยที่เอาแต่ใจมันแล้วนั่งรอป่าสักอยู่นานไม่รู้จะทำอะไรเอามือถือมาเล่นเฟซสักหน่อยดีกว่าเพราะตั้งแต่ป่าสักสอนให้เล่นโซเชียลก็ไม่ได้เข้ามาดูเท่าไร เฟซผมก็ไม่มีอะไรคืบหน้าหรอกไม่มีการอัพเดทอะไรมากมายยังเป็นรูปเดิมๆที่ถ่ายกับป่าสักในห้องแต่ก็มีรูปตอนไปออกค่ายมาลงไว้บ้างตามประสาคนที่ไม่ค่อยชอบสื่อโซเชียลเท่าไหร่ แต่คนที่ชอบเล่นเฟซไอ้ตรีภพต่างหากว่าแล้วกดไปดูเฟซไอ้ตรีดีกว่า
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”
สเตตัสที่เฟซไอ้ตรีปรากฏเป็นข้อความชัดเจนจากนั้นก็มีคนมากดถูกใจไม่น้อยเลยทีเดียวแต่หนึ่งในจำนวนนั้นมีไอ้โอมด้วย???
“รอนานมั้ยทุ่ง”
“เอ้ยยยยไอ้ห่ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงกูตกใจหมดเลย”
“อะไรกูมาถึงตั้งนานแล้ว เห็นมึงมัวแต่สนใจมือถืออยู่นั้นแหละ เกิดบ้าไรขึ้นมาถึงยอมจับมือถือมาเล่นได้วะ”
“อ้าวก็กูไม่มีไรทำ นั่งรอมึงโคตรนานเลย”
“กูรีบมาแล้วสงสัยวันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายคนเลยเยอะไปหน่อยวะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเรารีบไปเถอะเดี๋ยวรถติด”
“อะไรรถติด??มึงจะพากูไปไหนวะป่าสัก นี้เราไม่ได้กลับหอเหรอ???”
“ขึ้นรถมาเถอะน่าเดี๋ยวรู้เอง”
“อ้าวไอ้นี้กูไม่ใช่สิ่งของนะเว้ยยยจะได้ลากไปไหนก็ได้”
“เอ่อน่าอย่าบ่นเป็นคนแก่สิวะ ขึ้นรถได้แล้ว”
จากนั้นป่าสักก็พาผมมายังบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่นจะเรียกว่าบ้านคงไม่เหมาะเรียกว่าคฤหาสน์จะเหมาะมากกว่า บ้านอะไรจะใหญ่โตปานนั้นบ้านเป็นทรงยุโรปที่ทันสมัยเอามากๆตั้งเด่นอยู่ในเนื้อที่สักสิบไร่เห็นจะได้บริเวณตัวบ้านว่าใหญ่แล้วพื้นที่รอบๆก็ใหญ่ไม่แพ้กันการตกแต่งสวนหย่อมนั้นต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆดูทุกอย่างแล้วก็ให้ความรู้สึกอลังการคงจะเหมาะกับคำนี้มากที่สุดแล้วขนาดยามเฝ้าประตูหน้าบ้านยังแต่งชุดแบบทหารเหมือนกับในละครหลังข่าวเลยโรงจอดรถเห็นแล้วต้องตาค้างไปเลยทีเดียวอะไรจะขนาดนั้นมีรถนับสิบๆคันเลยหรอ? ดูท่าทางของป่าสักเหมือนจะคุ้นเคยกับที่เป็นอย่างมาก
“ถึงแล้ว ทุ่ง ถึงแล้วลงมาได้แล้วมึง”
“ถะถึง ถึงแล้ววว ถึงไหน......มึงพากูมาบ้านใครวะ?”
“วันนี้กูพามึงมาเลี้ยงฉลองที่สอบเสร็จไง”
“อ้าวนี้ร้านอาหารเหรอ กูนึกว่าบ้านคน”
“เปล่าก็บ้านคนนี้แหละ ไม่ใช่ร้านอาหารหรอก ปะเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“เอ้ยป่าสัก สรุปว่าที่นี้บ้านใครวะทำไมมันดูใหญ่โตมโหฬารแบบนี้”
“ก็บ้านคนธรรมดานี้แหละ ตามมาเถอะน่าป๊อดไม่เข้าเรื่องนะมึง”
จากนั้นป่าสักก็เดินมาคว้าแขนของผมให้ตามเขาเข้าไปข้างในยังตัวบ้านทันที ข้างนอกว่าหรูแล้วพอมาเจอข้างในบ้านโอ้แม่เจ้าผมก้าวขาไม่ออกเลยทีเดียวเกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านแต่ละชิ้นสงสัยสั่งมาจากเมืองนอกแน่ๆดูแพงดูหรู ในระหว่างที่สายตาผมกำลังสำรวจคฤหาสน์หลังงามอยู่นั้นจู่ๆก็มีหญิงสูงวัยเดินมาทักป่าสักทันที
“อ้าวคุณหนูมาแล้วหรือค่ะ”
“จ๊ะแม่แก้วเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”
“คุณหนูของแม่แก้วหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะค่ะตั้งแต่ไปเรียนมหาลัย”
“แม่แก้วก็ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะครับ เอ่อแม่แก้วครับนี้ทุ่งธรเพื่อนผมเอง”
“ทุ่งนี้แม่แก้ว เป็นแม่นมกูเอง”
“ฮะฮ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!มะแม่นม วะหวัดดีครับแม่แก้ว”
ผมยกมือไหว้หญิงสูงวัยที่ท่าทางใจดีคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยอาการเก้อเขินเป็นอย่างมาก
“ไหว้พระเถอะค่ะคุณทุ่งเห็นตาสมานพูดถึงอยู่บ่อยๆเพิ่งได้เจอวันนี้เอง หน้าตาน่ารักทีเดียวนะค่ะ ไปค่ะไปคุณๆท่านรอทานข้าวอยู่ห้องอาหารแล้ว”
จากนั้นแม่แก้วแม่นมของป่าสักก็เดินนำหน้าเราไปยังห้องอาหารของบ้านทันที
“ป่าสัก นี้มันอะไรกัน??มึงพากูมาบ้านเหรอ?”
“อืม ก็บ้านกูเองพามากินข้าวเลี้ยงฉลองที่สอบเสร็จไง”
“ทำไมไม่เห็นบอกกูสักคำ”
“อ้าวทำไมต้องบอก ก็แค่พามึงมากินข้าวที่บ้าน ไปเถอะอย่าให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี”
“ไอ้ป่าสักมึงจะทำอะไรปรึกษากูสักหน่อยก่อนไหมวะ”
“อ้าวเร็วสิทุ่ง หรือจะให้อุ้มไปที่ห้องอาหาร”
“กูเดินเองได้เว้ยยยยฝากไว้ก่อนเถอะมึงไอ้เจ้าเล่ห์”
จากนั้นป่าสักก็พาร่างอันสูงใหญ่ของเขาเข้าไปในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังงามทันที
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
“อ้าวมาแล้วเหรอจ๊ะตาหนู”
เสียงหญิงวัยกลางคนที่ดูเป็นผู้ดีทุกระเบียบนิ้วใบหน้าสวยสดดูอ่อนกว่าวัยมากๆกล่าวทักทายป่าสักออกมาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะน่าฟังจริงๆ
“นั้นใช่ไหมหนูทุ่ง หน้าตาน่ารักเชียวนะจ๊ะ”
“ครับคุณแม่นี้ทุ่งเพื่อนผมเอง”
ป่าสักตอบกลับมารดาไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนบ่งบอกให้รู้ว่าครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นทีเดียว
“ทุ่ง นี้คุณพ่อคุณแม่เราเอง”
“สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า”
“โอ้ยอะไรกันจ๊ะเป็น....เพื่อนป่าสัก จะมาเรียกลุงเรียกป้าได้ยังไงกัน ต้องเรียนคุณพ่อคุณแม่สิจ๊ะ จริงไหมค่ะคุณ”
มารดาของป่าสักทักท้วงคำสรรพนามที่ทุ่งธรใช้เรียนตนเองทันทีแล้วก็หันไปขอความคิดเห็นกับผู้ที่เป็นสามีที่นั่งรอทานข้าวที่โต๊ะหัวมุม
“เอ่อ เออครับ คุณพ่อคุณแม่”
“มาๆนั่งกันก่อนเถอะ นี้เพิ่งจะสอบเสร็จใช่ไหม?”
เสียงบิดาของป่าสักเชื้อเชิญให้ทุ่งธรนั่งลงที่โต๊ะอาหารแสนหรูหรา
“ครับ เพิ่งจะสอบเสร็จก็มาบ้านเลย กลัวคุณพ่อคุณแม่จะรอนานนะครับ”
ป่าสักเป็นคนตอบบิดาออกไปด้วยความเป็นกันเองพร้อมกับนั่งลงข้างๆทุ่งธรทันที
“แล้วนี้ป่าสักจะพาหนูทุ่งไปอาบน้ำก่อนหรือจะทานข้าวเลยละจ๊ะ”
เสียงมารดาของป่าสักเอยถามหลังจากที่ทั้งสองนั่งพักดื่มน้ำที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟหลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะอาหารของบ้านบุญนิสากุล
“เอ่อแล้วคุณพ่อกับคุณแม่หิวข้าวยังครับ”
“ยังไม่หิวหรอกพ่อว่าป่าสักพาทุ่งไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหมจะได้สดชื่น เพิ่งจะสอบเสร็จกัน นี้ก็คงจะเหนียวตัวกันแย่เลย”
“ครับ งั้นผมกับทุ่งขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวลงมาทานข้าวด้วยนะครับ”
“จ๊ะตามสบายเลยนะหนูทุ่งไม่ต้องเกรงใจ ถือซะว่าเป็นบ้านของหนูเอง ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่บ้านได้นะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับคุณแม่”
ป่าสักพาผมขึ้นมาชั้นบนของบ้านแล้วตรงไปอีกฝั่งของตัวบ้าน ซึ่งห้องนอนของป่าสักนั้นกว้างขวางมากๆในห้องนอนมีทุกอย่างครบครันเหมือนบ้านดีๆอีกหลังหนึ่งเลยอุปกรณ์ต่างๆครบโอ้วววชีวิตคุณชายป่าสักนี้ช่างสุดหรูจริงๆ
“จะอาบน้ำก่อนกูหรือว่าเราจะอาบพร้อมกัน?”
“เออมึงอาบก่อนเถอะ”
ผมตอบป่าสักพร้อมกับเดินไปยังหน้าต่างเพื่อจะเปิดดูวิวรอบๆบ้าน ทำไงได้ก็คนมันไม่ชินกับบ้านหรูๆแบบนี้หน่า
“อืมแน่ใจนะว่าจะไม่อาบพร้อมกัน”
จากนั้นป่าสักก็เดินมาสวมกอดผมข้างหลังอย่างเบามือ
“ป่าสักมึงหยุดเล่นก่อนได้ไหม?”
“อ้าวทำไม อาบพร้อมกันไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ไม่ใช่เอามือมึงออกไปนี้ไม่ใช่หอพักนะเว้ย เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”
“ใครจะมาเห็นนี้มันห้องส่วนตัวกู”
“กูรู้ว่ามันห้องมึง แต่นี้มันบ้านพ่อมึงนะเว้ยจะทำอะไรก็เกรงใจผู้ใหญ่บ้างเถอะ”
“เกรงใจเรื่องอะไร กูไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีสักหน่อย”
“แล้วไอ้ที่มึงกอดกูอยู่นี้มันเหมาะเหรอว่ะ?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยก็แค่กอดแบบเพื่อน เพื่อนกอดกับเพื่อนมันเสียหายตรงไหนวะ”
“เพื่อนเขากอดกันแบบนี้เหรอ แถตลอดเลยนะมึง”
“ก็กูขอรางวัลหน่อยไม่ได้หรือไงวะ”
“รางวัลเรื่องอะไรของมึง?”
“ก็กูพามึงมากินข้าวที่บ้านไง”
“แบบนี้เขาเรียกเอากูมาฆ่าชัดๆให้รางวัลตรงไหน”
“อ้าวก็พ่อกับแม่กูอยากเจอมึง เป็นไงบ้างพ่อแม่กูใจดีไหม?”
“ดูท่านทั้งสองคนคงตามใจมึงมากสินะ”
“ก็ทุกเรื่องที่ไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน”
“อืมแล้วนี้มึงจะปล่อยกูได้หรือยังวะ”
“ก็อยากกอดอยู่แบบนี้นานๆไม่ได้เหรอ”
“ไหนมึงบอกว่าให้ผู้ใหญ่รอนานๆไม่ดีไง?”
“ถ้ามึงไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนาน มึงก็ต้องไปอาบน้ำพร้อมกับกูเดี๋ยวนี้เลย”
สิ้นเสียงพูดป่าสักก็คว้ามือผมตรงไปยังห้องน้ำทันที
“เอ้ยยยยยไอ้บ้าไม่เอาปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยยยยอย่าลากกู กูบอกให้ปล่อยกู ป่าสัก ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องพูดมากเลยทุ่ง มาอาบน้ำด้วยกันเลยเดี๋ยวกูถูหลังให้”
“ไม่เอากูอาบเองได้ ไม่ต้อง ปล่อยกู”
“อย่าดื้อสิวะ มาอาบพร้อมกันนี้แหละประหยัดน้ำด้วย”
“ไม่อาบเว้ยยยยยปล่อยกูได้แล้วววววววววอย่าเล่นแบบนี้ขอร้อง”
แต่ป่าสักก็ไม่ฟังเสียงทัดทานจากผมเลยมันลากผมเข้าห้องน้ำไม่ได้จู่ๆมันก็คว้าเอวผมทั้งสองแขนใหญ่ของมันคราวนี้ผมดิ้นไม่หลุดเลยถูกป่าสักจับแบกอุ้มขึ้นบ่าไปยังห้องน้ำทันที
“ดิ้นดีนักนะมึง ต้องให้กูอุ้มถึงยอมใช่ไหม”
“ไอ้ป่าสัก มึงปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยยย”
ป่าสักอุ้มผมตรงไปยังอ่างกุชชี่น้ำวนขนาดใหญ่ที่เปิดน้ำไว้เต็มแล้วจากนั้นป่าสักก็ก้าวเข้าไปในอ่างพร้อมกับปล่อยผมลงในอ่างทันที
“เปียกหมดแล้วไอ้บ้า มึงเล่นอะไรเนี้ย”
“ก็จะอาบน้ำให้ไง ไม่ชอบเหรอ”
“ชอบบ้าอะไรละ เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด”
“ชอบไหม”
“อะไร ชอบอะไร?”
“ก็อาบน้ำด้วยกัน มึงชอบไหม?”
“ไม่รู้เว้ยย”
ตอนนี้ทั้งผมและป่าสักต่างก็เปียกน้ำด้วยกันทั้งคู่เสื้อนักศึกษาบางๆของป่าสักนั้นพอถูกน้ำมันช่างเป็นภาพที่เซ็กซี่เป็นบ้ากล้ามเนื้อใหญ่ๆแนบกับเสื้อบางๆทำให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแรงสมชายของเขา นี้ผมเป็นอะไรทำไมใจมันสั่นไหวแบบนี้ อายสิครับแช่น้ำในอ่างกับผู้ชายหล่อๆสองต่อสองแบบนี้มันเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้วววววววว ป่าสักค่อยๆเอามือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อผมออกที่ละเม็ดสายตาของเขาจ้องมองมายังใบหน้าของผมที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันแดงเพราะความเขินอายหรือแดงเพราะแรงปรารถนาในตัว จากนั้นปากรูปกระจับสีชมพูก็ค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ปากบางๆของผม จะทำไงดีละทีนี้หลับตาสิ หลับตาบอกตัวเองให้หลับตาแก้เขินแล้วทุกอย่างมันจะดีเอง ผมนิ่งรอรสจูบเนิ่นนานแต่ก็ยังไม่ได้สัมผัสกับรสจูบที่แสนจะเร้าร้อนของป่าสักสักที จากนั้นผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูปรากฏว่าป่าสักมีแต่จ้องหน้าผมแล้วก็ยิ้มอ่อนๆให้ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขา
“เล่นบ้าอะไรเนี้ย”
“อ้าวไหนบอกไม่ชอบไง เลยไม่กล้าทำอะไร”
“โอ้ยยยไอ้บ้า เล่นแบบนี้ใช่ไหมได้เลยย”
จากนั้นผมก็จัดการจับศีรษะของป่าสักกดลงน้ำทันที ด้วยความที่เป็นอ่างน้ำวนจึงทำให้ผมแพ้แรงของป่าสักเป็นเหตุให้เสียการทรงทำให้ผมต้องตกไปอยู่ด้านล่างแทนที่ป่าสัก ป่าสักได้ทีคว้าเอาตัวผมไปผิงกับขอบอ่างกุชชี่อย่างง่ายได้ สายตาของเราทั้งสองปะทะกันอย่างจังเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงที่พร้อมจะปล่อยพลังงานออก ผมไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าตอนนี้ร่างกายของผมมันต้องการแต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เสียแล้วววววววววว
“ขอรางวัลหน่อยได้ไหมทุ่ง”
จากนั้นปากรูปกระจับที่แสนจะร้อนแรงก็นำพารสจูบที่ใจผมปรารถนามาตลอดได้ส่งผ่านความหวานหอมมาพร้อมกับหยดน้ำที่ค่อยๆไหลจากเส้นผมลงมาพร้อมกับความแปลกใหม่ที่ได้รับจากป่าสัก สัมผัสที่เร้าร้อนและรุนแรงช่างแสนจะตื่นเต้นเสียจริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ