ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) เปิดตัวหรือเปล่า??

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     หลังจากผ่านการออกค่ายจิตอาสาและประเพณีรับน้องของทางภาควิชาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคเรียนที่1 นักศึกษาต่างก็พากันตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือและทำงานส่งอาจารย์กันอย่างขะมักเขม้นเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว

“เอ้ยไอซ์แกส่งงานอาจารย์ครบหมดยังวะ?”

ผมถามไอซ์ออกไปพร้อมกับนั่งลงข้างๆที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าโรงปั้นซึ่งเป็นที่สิงสถิตของพวกเราชาวปีหนึ่งนั้นเอง

“ฉันเหรอ ส่งครบหมดแล้ว  ว่าแต่แกเถอะส่งครบยังอะ?”

“ยังเลยวะ ขาดอีกวิชาของอาจารย์ป้าหวีน่ะ”

“อ้าวทำไมวะแก  มัวทำไรอยู่อีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตส่งแล้วนะเว้ย”

“แกมีลายเส้นเจ๋งๆบ้างไหมวะ  เอามาให้ฉันดูเป็นแนวทางหน่อยสิ พอดีช่วงนี้สมองทื่อๆนึกไรไม่ค่อยออก”

“จร้าคงจะนึกออกอยู่เรื่องเดียวแหละ”

“เรื่องไรวะ?”

“ก็เรื่องผู้ชายไง5555”

“อีไอซ์บ้า  นับวันปากคอแกจะร้ายขึ้นทุกวันแล้วนะ”

“อ้าวใครจะไปรู้เห็นตามรับตามส่งกันทุกวัน ฉันก็นึกว่าแกคงจะหูหนวกตาบอดไปแล้วนะสิ ถึงไม่ยอมทำงานทำการส่งอาจารย์”

“พอๆหยุดพูดได้แล้ว  สรุปแกจะให้ฉันดูไหม??”

“เอ่อๆพูดแค่นี้ทำเป็นขึ้นเสียง แต่ต้องไปเอาที่หอฉันนะเพราะไม่ได้เอามาด้วย”

“อืมได้งั้นตอนเย็นฉันไปเอางานกะแกเลยแล้วกัน”

“จะไปไหนกันวะ”

จู่ๆก็มีเสียงของเปรตโหยหวนขอส่วนบุญดังขึ้นจากข้างหลังผมกับไอซ์ทันที

“อ้าวไอ้โอม  แดกข้าวเพิ่งเสร็จเหรอมึง”

“อืม  เมื่อกี้กูได้ยินว่ามึงจะไปไหนกะไอซ์วะทุ่ง”

โอมพูดเสร็จก็นั่งลงข้างไอซ์ทันทีพร้อมกับยื่นขวดน้ำที่ถือมาจากโรงอาหารสามเส้าให้พวกเราคนละขวด

“ขอบใจวะสำหรับน้ำเย็นๆ  พอดีงานกูยังไม่เสร็จเลยจะไปขอดูงานของไอซ์ที่ห้องนะ”

ผมตอบโอมไปพร้อมกับเปิดฝาขวดน้ำดื่มทันที

“งานของจารย์ไรวะ?”

“ก็งานลายเส้นของจารย์ป้าหวีสุดสวยของมึงไง”

“เอ้ยจริงดิ  นี้กูลืมไปเลยนะว่าต้องส่งงานจารย์ป้า”

“อ้าวไอ้ห่ากูนึกว่าเหลือแต่กูคนเดียว นี้มึงก็ยังไม่ส่งอีกเหรอวะ”

“อืมพอดีช่วงนี้กูมีงานนอกรับจ๊อบพอได้ค่าขนมเลยยังไม่ได้ทำส่ง  ว่าแต่กูขอไปด้วยคนสิ”

“งั้นก็ดีเลย  มึงไปเอางานกะไอซ์แทนกู เดี๋ยวกูจะไปขอดูกะมึงเองโอเคไหมไอ้โอม”

“เดี๋ยวๆคุณหนูทุ่งไม่ทราบจะชิ่งหนีไปไหนไม่ทราบค่ะ”

“แหม่ไอซ์หอแกอยู่ตั้งไกล กว่าจะกลับมาฉันก็ไปซ้อมกีฬาสายพอดี ยิ่งช่วงนี้โดนโค้ชทำโทษบ่อยมากเมื่อวานก็โดนซ่อมรับลูกตบไปตั้งชั่วโมง ให้ไอ้โอมไปเอานะดีสุดแล้วมันมีรถไปมาสะดวก”

“โอ๋ๆน่าสงสาร ก็ได้เห็นว่าเป็นเพื่อนหรอกถึงยอม”

“ไอซ์ว่าไงอะ  เราของานมาดูได้เปล่า”

โอมหันไปถามไอซ์ทันทีหลังจากได้ฟังข้อเสนอของทุ่งธรแล้ว

“ได้สิแค่ไปเอางานเฉยๆไม่มีปัญหาอยู่แล้ว  ว่าแต่สาวๆของโอมจะไม่ดักตบเรานะ”

“โอ้ยยยสาวๆที่ไหนไม่มีหรอก  ไอซ์ก็พูดเกินไปแล้ว”

“อ้าวจะไปรู้เหรอ ก็เดือนมหาลัยอย่างโอมฮอตจะตายเอฟซีเต็มเลยไม่ใช่เหรอ?”

“โอ้ยยมีแต่เพื่อนๆกันทั้งนั้น คิดมากจะมีใครที่ไหนมาดักตบ”

“แล้วอย่างปูนิ่มละ ใช่ตัวจริงของโอมปะเห็นตามติดตลอดเลยนี้”

“เอ้ยยยยยคิดได้ไงเนี้ยยยยยย?????555555อย่างปูนิ่มนี้ก็ไม่ไหวนะ”

ในระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งอ่านหนังสือกันอยู่เพื่อเตรียมสอบวิชาต่อไปในภาคบ่ายนั้นจู่ๆโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที

“ว่าไงวะมึงมีไร?”

ผมกรอกเสียงผ่านมือถือไปถามยังอีกฝ่ายทันทีที่กดรับสาย

“ทุ่ง  มึงมาหากูที่คณะได้เปล่าวะ?”

“เอ้ยเป็นไรวะมึง ทำไมให้กูไปหาที่คณะเกษตรด้วย?”

“ไม่รู้ว่ากูไปแดกไรมาวะ จู่ๆก็ท้องเสีย”

“อ้าวเหรอ ได้ๆเอ่อเดี๋ยวกูไป”

ผมวางสายจากตรีภพแล้วก็รีบเก็บหนังสือเข้าเป้อย่างรีบเร่งเพราะห่วงว่าเพื่อนจะเป็นอะไรมากกว่านั้น

“เดี๋ยวๆไอ้ทุ่ง มึงจะรีบไปไหนเนี้ย แล้วใครเป็นอะไรวะ?”

เสียงโอมทักมาทันทีที่เห็นท่าทางรีบร้อนของผม

“ก็ไอ้ตรีนะสิ ไม่รู้เป็นไรมากเปล่าโทรมาบอกว่าท้องเสียให้กูรีบไปหาที่คณะเกษตร”

“อ้าวเหรอ ถ้างั้นกูไปด้วยเผื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”

“เอ่อไอซ์เดี๋ยวเราไปดูเพื่อนก่อนนะ ถ้าไงจะโทรหาว่าจะไปเอางานกับไอซ์ได้ตอนไหน”

โอมหันไปบอกกับไอซ์ทันทีหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว

“อืมโอเค พวกนายไปดูเพื่อนก่อนเถอะ”

แต่ก่อนที่พวกเราจะก้าวเท้าออกเดินก็มีบางสิ่งบางอย่างวิ่งมาขวางทางไว้เสียก่อนพร้อมกับน้ำเสียงที่แหลมบาดลึกลงไปเนื้อเยื่อเลยที่เดียว

“โอมขา  สุดหล่อของปูนิ่มจะไปไหนกันค่ะ”

“ปูนิ่มหลบไปเรารีบ”

“โอมก็บอกปูนิ่มมาก่อนสิว่าจะไปไหน”

“เรามีธุระ หลบไป”

จากนั้นโอมก็จับปูนิ่มผลักหลบออกจากการขวางทางไว้ แต่ด้วยความรีบหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้ปูนิ่มล้มลงกับพื้นอย่างแรง

“โอ้ยยยยทำไมโอมผลักปูนิ่มอย่างนี้  ปูนิ่มเจ็บนะ”

“เอ่อปูนิ่มเราขอโทษพอดีเรารีบไป”

“เอ้ยยยไอ้โอมมึงรอกูด้วยสิวะ  ไอซ์ฝากดูปูนิ่มด้วยนะ”

“เอ่อๆรีบไปเถอะเดี๋ยวทางนี้เราดูแลเอง”

“โอ้ยยยทำไมโอมถึงทำกับปูนิ่มแบบนี้  แสดงว่าโอมรีบไปติวหนังสือให้สาวคณะเกษตรแน่ๆเลยใช่มั้ยไอซ์”

“โอมเขามีธุระนะปูนิ่ม”

“อ้ายยยกรี๊ดดดดดดปูนิ่มไม่ยอมนะโอมขากลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

ปูนิ่มได้แต่ร้องกรี๊ดออกมาเนื่องจากโอมไม่ได้สนใจที่จะหันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ จากนั้นไอ้โอมก็เดินตรงไปยังรถยนต์ของเขาแล้วขับตรงไปคณะเกษตรทันทีเชี่ยโอมออกรถด้วยความรีบเร่งจนผมงงกับพฤติกรรมของมันเหมือนกันว่าจะรีบอะไรนักหนาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไอ้โอมกับผมก็มาถึงตึกภาควิชาพืชไร่ซึ่งเป็นสาขาที่ไอ้ตรีภพเรียนอยู่ที่นี้

 “ไอ้โอมมึงก็เดินช้าๆหน่อยสิวะ”

“มึงก็เดินให้มันไวสิวะทุ่ง  บ่นอยู่นั้นแหละ”

“อ้าวไอ้นี้ก็มึงขายาวกว่ากูอะ  นี้กูก็รีบแล้วนะเว้ย”

“แล้วนี้ไอ้ตรีอยู่ไหน”

“เอ่อวะ กูก็ลืมถามว่ามันอยู่ไหนแต่มันบอกท้องเสียน่าจะอยู่ห้องน้ำวะ”

“ไอ้ทุ่งมึงเมาหรือปัญญาอ่อนวะ  คณะเกษตรมีตั้งกี่อาคารมีเนื้อที่เป็นร้อยๆไร่แล้วจะรู้ไหมว่าห้องน้ำไหน?”

“เอ่อวะ แหม่มึงใจเย็นๆน่าเดี๋ยวกูโทรหามันเอง”

จากนั้นผมก็โทรหาไอ้ตรีภพทันทีแต่ปรากฏว่าไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้นจากปลายทางเลย

“เอ้ยยไอ้โอม  เชี่ยตรีมันไม่ยอมรับสายวะมึง”

“มึงนี้ไม่ได้เรื่องเลยนะทุ่ง ก่อนจะว่างสายทำไมไม่ถามว่าไอ้ตรีอยู่ตรงไหนเสียก่อน”

“อ้าวก็กูตกใจนี้มึง เลยลืมถามว่าไอ้ตรีมันอยู่ตรงไหนของคณะ”

ในขณะที่ผมกับไอ้โอมกำลังเถียงกันไปมาอยู่ใต้อาคารเรียนคณะเกษตรตึกพืชไร่นั้นเองจู่ๆก็มีเสียงคุ้นๆหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“เอ้ยพวกมึงจะแหกปากร้องอะไรกันวะ ไม่เห็นเหรอว่านักศึกษาเขากำลังอ่านหนังสือสอบกันอยู่ เบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง”

เป็นเสียงของไอ้ตรีภพนั้นเอง พวกเราหันไปมองยังต้นเสียงทันที

“เอ้ยตรีมึงเป็นไงบ้างวะ เห็นไอ้ทุ่งบอกว่ามึงท้องเสีย กูเลยรีบมา”

ไอ้โอมก้าวเท้าไม่กี่ก้าวก็ไปถึงตัวตรีภพอย่างรีบเร่งพร้อมกับถามถึงอาการป่าวด้วยความเป็นห่วงจนผมรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของไอ้โอมมันเปลี่ยนไป

“นี้มึงก็มาเหรอ  กูแค่ท้องเสียว่าจะให้ไอ้ทุ่งไปซื้อเกลือแร่มาให้สักหน่อย”

“ไปหาหมอมั้ยมึง ดูหน้ามึงซีดๆนะตรี”

“กูไม่เป็นไร อีกอย่างกูมีสอบด้วย”

“หน้าซีดเป็นไก่ต้มขนาดนี้กูว่าหนักเอาการนะตรี  ปะไปหาหมอก่อนเถอะ”

“เอ้ยไอ้โอมกูบอกว่าไม่เป็นไรไง  กูยังไหวอยู่แค่ท้องเสียไม่กี่รอบเอง”

“เอ่อพวกมึงจะเถียงกันนานมั้ย เอางี้เดี๋ยวกูว่าน่ะไอ้โอมมึงไปซื้อเกลือแร่มาให้ไอ้ตรีแดกก่อนเถอะแล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันจะเอาไงต่อ”

ผมออกความคิดเห็นไปทันทีที่เห็นว่าตรีภพกับศักดิ์พินิจกำลังถกเถียงกันอยู่

“ทุ่งมึงไปซื้อให้หน่อยสิกูจะอยู่เป็นเพื่อนมันเอง”

“อ้าวให้กูไปเหรอวะมึง??”

“เอ่อก็มึงนั้นแหละ  อย่าเรื่องมากเอ้านี้กุญแจรถกูร้านยาในมอใกล้แค่นี้เอง”

“ไอ้ห่าโอมกูขับรถยนต์ไม่เป็น”

“งั้นมึงก็ขับมอไซค์ของไอ้ตรี  ตรีไหนกุญแจมอไซค์มึง”

“เอาแบบนั้นเหรอวะ??”

จากนั้นตรีภพก็ล้วงกุญแจจากกระเป๋าเป้สีดำของมันยื่นมาให้ผมทันที

“รถกูจอดอยู่ใต้ตึกตรงทางไปบ้านไร่นะมึง”

“เอ่อๆเดี๋ยวกูจะรีบมาแล้วกัน ไอ้โอมกูให้มึงเฝ้าคนป่วยนะไม่ใช่ให้พวกมึงกัดกัน”

“พวกกูไม่ใช่หมาจะได้กัดกัน   มึงไปได้แล้วอย่าเห่ามากไอ้ทุ่ง”

หลังจากที่ผมไปซื้อเกลือแร่มาให้ไอ้ตรีกินแล้วอาการของมันก็ดีขึ้นตามลำดับแต่ไอ้เชี่ยโอมนี้สิจะไม่ยอมกลับมาสอบเพราะเป็นห่วงไอ้ตรีอย่างออกนอกหน้าเลยทีเดียวผมว่าไอ้สองคนนี้มันชักจะยังไงอยู่เสียแล้วหลังจากนั้นเทศกาลสอบก็ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อยเล่นเอาผมเกือบไม่รอดไหนจะต้องปั่นงานส่งอาจารย์ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบจนหัวหมุนเลยครับส่วนไอ้คุณหนูป่าสักรายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอกครับเพราะว่ามันเทพคนบ้าอะไรเก่งไปหมดทุกอย่างได้ยินมาว่ามันคงจะท๊อปทุกวิชาแน่ๆแต่กับผมนี้สิจะผ่านหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยยยโอ้ยยยยคิดแล้วมันปวดหัวใจเกิดมาช่างอาภัพอะไรเช่นนี้แต่ก็ช่างเถอะเบื่อจะคิดแล้วหาไรทำแก้เบื่อดีกว่าไหนๆก็สอบเสร็จแล้วววววววได้ปิดตั้งอาทิตย์หนึ่งเลย ตั้งหนึ่งอาทิตย์เอ่อกลับบ้านไปหาแม่ดีกว่าว่าแล้วก็เก็บกระดาษวาดเขียนและกระดานรองวาดเตรียมตัวกลับบ้านไปหาแม่แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรจู่โทรศัพท์ก็ดังมาเสียก่อน สายที่โทรเข้าปรากฏว่าเป็นป่าสักนั้นเอง

“อัลโหลว่าไงมึง??”

“ทุ่งตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ”

“กูอยู่ภาคศิลป์มีไร?”

“งั้นดีเลยมึงรอกูอยู่ที่นั้นแหละเดี๋ยวไปรับ”

“อ้าวกูว่าจะรีบกลับหอวะ”

“กูบอกให้รออยู่ที่ภาคก็รออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวกูไปรับ   กูกำลังจะขับรถออกจากคณะแล้ว”

“เอ่อๆรอก็รอวะ”

“ดีมากเดี๋ยวเจอกัน”

จากนั้นป่าสักมันก็วางสายไป มันก็เป็นแบบนี้แหละครับตอนนี้ผมเริ่มชินกับนิสัยที่เอาแต่ใจมันแล้วนั่งรอป่าสักอยู่นานไม่รู้จะทำอะไรเอามือถือมาเล่นเฟซสักหน่อยดีกว่าเพราะตั้งแต่ป่าสักสอนให้เล่นโซเชียลก็ไม่ได้เข้ามาดูเท่าไร เฟซผมก็ไม่มีอะไรคืบหน้าหรอกไม่มีการอัพเดทอะไรมากมายยังเป็นรูปเดิมๆที่ถ่ายกับป่าสักในห้องแต่ก็มีรูปตอนไปออกค่ายมาลงไว้บ้างตามประสาคนที่ไม่ค่อยชอบสื่อโซเชียลเท่าไหร่ แต่คนที่ชอบเล่นเฟซไอ้ตรีภพต่างหากว่าแล้วกดไปดูเฟซไอ้ตรีดีกว่า

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”

สเตตัสที่เฟซไอ้ตรีปรากฏเป็นข้อความชัดเจนจากนั้นก็มีคนมากดถูกใจไม่น้อยเลยทีเดียวแต่หนึ่งในจำนวนนั้นมีไอ้โอมด้วย???

“รอนานมั้ยทุ่ง”

“เอ้ยยยยไอ้ห่ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงกูตกใจหมดเลย”

“อะไรกูมาถึงตั้งนานแล้ว เห็นมึงมัวแต่สนใจมือถืออยู่นั้นแหละ เกิดบ้าไรขึ้นมาถึงยอมจับมือถือมาเล่นได้วะ”

“อ้าวก็กูไม่มีไรทำ นั่งรอมึงโคตรนานเลย”

“กูรีบมาแล้วสงสัยวันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายคนเลยเยอะไปหน่อยวะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเรารีบไปเถอะเดี๋ยวรถติด”

“อะไรรถติด??มึงจะพากูไปไหนวะป่าสัก นี้เราไม่ได้กลับหอเหรอ???”

“ขึ้นรถมาเถอะน่าเดี๋ยวรู้เอง”

“อ้าวไอ้นี้กูไม่ใช่สิ่งของนะเว้ยยยจะได้ลากไปไหนก็ได้”

“เอ่อน่าอย่าบ่นเป็นคนแก่สิวะ ขึ้นรถได้แล้ว”

จากนั้นป่าสักก็พาผมมายังบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่นจะเรียกว่าบ้านคงไม่เหมาะเรียกว่าคฤหาสน์จะเหมาะมากกว่า บ้านอะไรจะใหญ่โตปานนั้นบ้านเป็นทรงยุโรปที่ทันสมัยเอามากๆตั้งเด่นอยู่ในเนื้อที่สักสิบไร่เห็นจะได้บริเวณตัวบ้านว่าใหญ่แล้วพื้นที่รอบๆก็ใหญ่ไม่แพ้กันการตกแต่งสวนหย่อมนั้นต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆดูทุกอย่างแล้วก็ให้ความรู้สึกอลังการคงจะเหมาะกับคำนี้มากที่สุดแล้วขนาดยามเฝ้าประตูหน้าบ้านยังแต่งชุดแบบทหารเหมือนกับในละครหลังข่าวเลยโรงจอดรถเห็นแล้วต้องตาค้างไปเลยทีเดียวอะไรจะขนาดนั้นมีรถนับสิบๆคันเลยหรอ? ดูท่าทางของป่าสักเหมือนจะคุ้นเคยกับที่เป็นอย่างมาก

“ถึงแล้ว  ทุ่ง  ถึงแล้วลงมาได้แล้วมึง”

“ถะถึง ถึงแล้ววว ถึงไหน......มึงพากูมาบ้านใครวะ?”

“วันนี้กูพามึงมาเลี้ยงฉลองที่สอบเสร็จไง”

“อ้าวนี้ร้านอาหารเหรอ  กูนึกว่าบ้านคน”

“เปล่าก็บ้านคนนี้แหละ ไม่ใช่ร้านอาหารหรอก ปะเข้าไปข้างในกันเถอะ”

“เอ้ยป่าสัก สรุปว่าที่นี้บ้านใครวะทำไมมันดูใหญ่โตมโหฬารแบบนี้”

“ก็บ้านคนธรรมดานี้แหละ  ตามมาเถอะน่าป๊อดไม่เข้าเรื่องนะมึง”

จากนั้นป่าสักก็เดินมาคว้าแขนของผมให้ตามเขาเข้าไปข้างในยังตัวบ้านทันที ข้างนอกว่าหรูแล้วพอมาเจอข้างในบ้านโอ้แม่เจ้าผมก้าวขาไม่ออกเลยทีเดียวเกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านแต่ละชิ้นสงสัยสั่งมาจากเมืองนอกแน่ๆดูแพงดูหรู ในระหว่างที่สายตาผมกำลังสำรวจคฤหาสน์หลังงามอยู่นั้นจู่ๆก็มีหญิงสูงวัยเดินมาทักป่าสักทันที

“อ้าวคุณหนูมาแล้วหรือค่ะ”

“จ๊ะแม่แก้วเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”

“คุณหนูของแม่แก้วหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะค่ะตั้งแต่ไปเรียนมหาลัย”

“แม่แก้วก็ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะครับ  เอ่อแม่แก้วครับนี้ทุ่งธรเพื่อนผมเอง”

“ทุ่งนี้แม่แก้ว เป็นแม่นมกูเอง”

“ฮะฮ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!มะแม่นม วะหวัดดีครับแม่แก้ว”

ผมยกมือไหว้หญิงสูงวัยที่ท่าทางใจดีคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยอาการเก้อเขินเป็นอย่างมาก

“ไหว้พระเถอะค่ะคุณทุ่งเห็นตาสมานพูดถึงอยู่บ่อยๆเพิ่งได้เจอวันนี้เอง หน้าตาน่ารักทีเดียวนะค่ะ ไปค่ะไปคุณๆท่านรอทานข้าวอยู่ห้องอาหารแล้ว”

จากนั้นแม่แก้วแม่นมของป่าสักก็เดินนำหน้าเราไปยังห้องอาหารของบ้านทันที

“ป่าสัก  นี้มันอะไรกัน??มึงพากูมาบ้านเหรอ?”

“อืม ก็บ้านกูเองพามากินข้าวเลี้ยงฉลองที่สอบเสร็จไง”

“ทำไมไม่เห็นบอกกูสักคำ”

“อ้าวทำไมต้องบอก  ก็แค่พามึงมากินข้าวที่บ้าน  ไปเถอะอย่าให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี”

“ไอ้ป่าสักมึงจะทำอะไรปรึกษากูสักหน่อยก่อนไหมวะ”

“อ้าวเร็วสิทุ่ง  หรือจะให้อุ้มไปที่ห้องอาหาร”

“กูเดินเองได้เว้ยยยยฝากไว้ก่อนเถอะมึงไอ้เจ้าเล่ห์”

จากนั้นป่าสักก็พาร่างอันสูงใหญ่ของเขาเข้าไปในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังงามทันที

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”

“อ้าวมาแล้วเหรอจ๊ะตาหนู”

เสียงหญิงวัยกลางคนที่ดูเป็นผู้ดีทุกระเบียบนิ้วใบหน้าสวยสดดูอ่อนกว่าวัยมากๆกล่าวทักทายป่าสักออกมาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะน่าฟังจริงๆ

“นั้นใช่ไหมหนูทุ่ง หน้าตาน่ารักเชียวนะจ๊ะ”

“ครับคุณแม่นี้ทุ่งเพื่อนผมเอง”

ป่าสักตอบกลับมารดาไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนบ่งบอกให้รู้ว่าครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นทีเดียว

“ทุ่ง นี้คุณพ่อคุณแม่เราเอง”

“สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า”

“โอ้ยอะไรกันจ๊ะเป็น....เพื่อนป่าสัก จะมาเรียกลุงเรียกป้าได้ยังไงกัน ต้องเรียนคุณพ่อคุณแม่สิจ๊ะ จริงไหมค่ะคุณ”

มารดาของป่าสักทักท้วงคำสรรพนามที่ทุ่งธรใช้เรียนตนเองทันทีแล้วก็หันไปขอความคิดเห็นกับผู้ที่เป็นสามีที่นั่งรอทานข้าวที่โต๊ะหัวมุม

“เอ่อ เออครับ คุณพ่อคุณแม่”

“มาๆนั่งกันก่อนเถอะ นี้เพิ่งจะสอบเสร็จใช่ไหม?”

เสียงบิดาของป่าสักเชื้อเชิญให้ทุ่งธรนั่งลงที่โต๊ะอาหารแสนหรูหรา

“ครับ เพิ่งจะสอบเสร็จก็มาบ้านเลย กลัวคุณพ่อคุณแม่จะรอนานนะครับ”

ป่าสักเป็นคนตอบบิดาออกไปด้วยความเป็นกันเองพร้อมกับนั่งลงข้างๆทุ่งธรทันที

“แล้วนี้ป่าสักจะพาหนูทุ่งไปอาบน้ำก่อนหรือจะทานข้าวเลยละจ๊ะ”

เสียงมารดาของป่าสักเอยถามหลังจากที่ทั้งสองนั่งพักดื่มน้ำที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟหลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะอาหารของบ้านบุญนิสากุล

“เอ่อแล้วคุณพ่อกับคุณแม่หิวข้าวยังครับ”

“ยังไม่หิวหรอกพ่อว่าป่าสักพาทุ่งไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหมจะได้สดชื่น เพิ่งจะสอบเสร็จกัน นี้ก็คงจะเหนียวตัวกันแย่เลย”

“ครับ งั้นผมกับทุ่งขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวลงมาทานข้าวด้วยนะครับ”

“จ๊ะตามสบายเลยนะหนูทุ่งไม่ต้องเกรงใจ ถือซะว่าเป็นบ้านของหนูเอง ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่บ้านได้นะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับคุณแม่”

ป่าสักพาผมขึ้นมาชั้นบนของบ้านแล้วตรงไปอีกฝั่งของตัวบ้าน ซึ่งห้องนอนของป่าสักนั้นกว้างขวางมากๆในห้องนอนมีทุกอย่างครบครันเหมือนบ้านดีๆอีกหลังหนึ่งเลยอุปกรณ์ต่างๆครบโอ้วววชีวิตคุณชายป่าสักนี้ช่างสุดหรูจริงๆ

“จะอาบน้ำก่อนกูหรือว่าเราจะอาบพร้อมกัน?”

“เออมึงอาบก่อนเถอะ”

ผมตอบป่าสักพร้อมกับเดินไปยังหน้าต่างเพื่อจะเปิดดูวิวรอบๆบ้าน ทำไงได้ก็คนมันไม่ชินกับบ้านหรูๆแบบนี้หน่า

“อืมแน่ใจนะว่าจะไม่อาบพร้อมกัน”

จากนั้นป่าสักก็เดินมาสวมกอดผมข้างหลังอย่างเบามือ

“ป่าสักมึงหยุดเล่นก่อนได้ไหม?”

“อ้าวทำไม อาบพร้อมกันไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ไม่ใช่เอามือมึงออกไปนี้ไม่ใช่หอพักนะเว้ย  เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”

“ใครจะมาเห็นนี้มันห้องส่วนตัวกู”

“กูรู้ว่ามันห้องมึง แต่นี้มันบ้านพ่อมึงนะเว้ยจะทำอะไรก็เกรงใจผู้ใหญ่บ้างเถอะ”

“เกรงใจเรื่องอะไร กูไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีสักหน่อย”

“แล้วไอ้ที่มึงกอดกูอยู่นี้มันเหมาะเหรอว่ะ?”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยก็แค่กอดแบบเพื่อน เพื่อนกอดกับเพื่อนมันเสียหายตรงไหนวะ”

“เพื่อนเขากอดกันแบบนี้เหรอ  แถตลอดเลยนะมึง”

“ก็กูขอรางวัลหน่อยไม่ได้หรือไงวะ”

“รางวัลเรื่องอะไรของมึง?”

“ก็กูพามึงมากินข้าวที่บ้านไง”

“แบบนี้เขาเรียกเอากูมาฆ่าชัดๆให้รางวัลตรงไหน”

“อ้าวก็พ่อกับแม่กูอยากเจอมึง  เป็นไงบ้างพ่อแม่กูใจดีไหม?”

“ดูท่านทั้งสองคนคงตามใจมึงมากสินะ”

“ก็ทุกเรื่องที่ไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน”

“อืมแล้วนี้มึงจะปล่อยกูได้หรือยังวะ”

“ก็อยากกอดอยู่แบบนี้นานๆไม่ได้เหรอ”

“ไหนมึงบอกว่าให้ผู้ใหญ่รอนานๆไม่ดีไง?”

“ถ้ามึงไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนาน มึงก็ต้องไปอาบน้ำพร้อมกับกูเดี๋ยวนี้เลย”

สิ้นเสียงพูดป่าสักก็คว้ามือผมตรงไปยังห้องน้ำทันที

“เอ้ยยยยยไอ้บ้าไม่เอาปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยยยยอย่าลากกู กูบอกให้ปล่อยกู ป่าสัก  ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”

“ไม่ต้องพูดมากเลยทุ่ง  มาอาบน้ำด้วยกันเลยเดี๋ยวกูถูหลังให้”

“ไม่เอากูอาบเองได้  ไม่ต้อง ปล่อยกู”

“อย่าดื้อสิวะ  มาอาบพร้อมกันนี้แหละประหยัดน้ำด้วย”

“ไม่อาบเว้ยยยยยปล่อยกูได้แล้วววววววววอย่าเล่นแบบนี้ขอร้อง”

แต่ป่าสักก็ไม่ฟังเสียงทัดทานจากผมเลยมันลากผมเข้าห้องน้ำไม่ได้จู่ๆมันก็คว้าเอวผมทั้งสองแขนใหญ่ของมันคราวนี้ผมดิ้นไม่หลุดเลยถูกป่าสักจับแบกอุ้มขึ้นบ่าไปยังห้องน้ำทันที

“ดิ้นดีนักนะมึง  ต้องให้กูอุ้มถึงยอมใช่ไหม”

“ไอ้ป่าสัก มึงปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยยย”

ป่าสักอุ้มผมตรงไปยังอ่างกุชชี่น้ำวนขนาดใหญ่ที่เปิดน้ำไว้เต็มแล้วจากนั้นป่าสักก็ก้าวเข้าไปในอ่างพร้อมกับปล่อยผมลงในอ่างทันที

“เปียกหมดแล้วไอ้บ้า  มึงเล่นอะไรเนี้ย”

“ก็จะอาบน้ำให้ไง  ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบบ้าอะไรละ เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด”

“ชอบไหม”

“อะไร ชอบอะไร?”

“ก็อาบน้ำด้วยกัน มึงชอบไหม?”

“ไม่รู้เว้ยย”

ตอนนี้ทั้งผมและป่าสักต่างก็เปียกน้ำด้วยกันทั้งคู่เสื้อนักศึกษาบางๆของป่าสักนั้นพอถูกน้ำมันช่างเป็นภาพที่เซ็กซี่เป็นบ้ากล้ามเนื้อใหญ่ๆแนบกับเสื้อบางๆทำให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแรงสมชายของเขา นี้ผมเป็นอะไรทำไมใจมันสั่นไหวแบบนี้ อายสิครับแช่น้ำในอ่างกับผู้ชายหล่อๆสองต่อสองแบบนี้มันเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้วววววววว ป่าสักค่อยๆเอามือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อผมออกที่ละเม็ดสายตาของเขาจ้องมองมายังใบหน้าของผมที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันแดงเพราะความเขินอายหรือแดงเพราะแรงปรารถนาในตัว จากนั้นปากรูปกระจับสีชมพูก็ค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ปากบางๆของผม จะทำไงดีละทีนี้หลับตาสิ หลับตาบอกตัวเองให้หลับตาแก้เขินแล้วทุกอย่างมันจะดีเอง ผมนิ่งรอรสจูบเนิ่นนานแต่ก็ยังไม่ได้สัมผัสกับรสจูบที่แสนจะเร้าร้อนของป่าสักสักที จากนั้นผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูปรากฏว่าป่าสักมีแต่จ้องหน้าผมแล้วก็ยิ้มอ่อนๆให้ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขา

“เล่นบ้าอะไรเนี้ย”

“อ้าวไหนบอกไม่ชอบไง  เลยไม่กล้าทำอะไร”

“โอ้ยยยไอ้บ้า  เล่นแบบนี้ใช่ไหมได้เลยย”

จากนั้นผมก็จัดการจับศีรษะของป่าสักกดลงน้ำทันที ด้วยความที่เป็นอ่างน้ำวนจึงทำให้ผมแพ้แรงของป่าสักเป็นเหตุให้เสียการทรงทำให้ผมต้องตกไปอยู่ด้านล่างแทนที่ป่าสัก ป่าสักได้ทีคว้าเอาตัวผมไปผิงกับขอบอ่างกุชชี่อย่างง่ายได้ สายตาของเราทั้งสองปะทะกันอย่างจังเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงที่พร้อมจะปล่อยพลังงานออก ผมไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าตอนนี้ร่างกายของผมมันต้องการแต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เสียแล้วววววววววว

“ขอรางวัลหน่อยได้ไหมทุ่ง”

จากนั้นปากรูปกระจับที่แสนจะร้อนแรงก็นำพารสจูบที่ใจผมปรารถนามาตลอดได้ส่งผ่านความหวานหอมมาพร้อมกับหยดน้ำที่ค่อยๆไหลจากเส้นผมลงมาพร้อมกับความแปลกใหม่ที่ได้รับจากป่าสัก สัมผัสที่เร้าร้อนและรุนแรงช่างแสนจะตื่นเต้นเสียจริงๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา