ลมหวาน ป่าหนาว
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ลูกสาวของคุณแม่......ทีน่าและตีญ่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเย็นนี้ผมไม่ได้มากับป่าสัก เพราะว่าไอ้คุณหนูป่าสักติดเรียนยังทำแลปไม่เสร็จ ผมเลยต้องอาศัยนั่งซ้อนท้ายมอร์ไซค์ไอ้ตรีมาซ้อมกีฬาแทน
“เอ่อทุ่ง กูได้ยินรุ่นพี่เขาคุยกันว่าวันนี้จะมีเจ๊ใหญ่มาที่สนามวะ?”
“???ใคร…..เจ้ใหญ่วะ กูกะมึงก็มาซ้อมวอลเลย์จะเป็นเดือนแล้วยังไม่เห็นใครออกสาวสักคนในทีมเลย”
ผมตอบไอ้ตรีไป เพราะตั้งแต่เข้ามาเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยในฐานะนักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาย ผมยังไม่เจอสาวสองหรือว่าตุ๊ดกระเทยสักคน ส่วนมากก็มีแต่อีแอบ เสือไบ เกย์ ผมก็สงสัยว่าเจ้ใหญ่เป็นใคร ทำไมจู่ๆเพิ่งจะมาวันนี้
“กูได้ยินมาว่า เจ้ใหญ่แกติดฝึกงานอะไรประมาณนี้แหละ เพิ่งกลับมามหาลัย”
“อ่อ แบบนี้เอง สนามวอลเลย์เราก็คงคึกคักเนาะมึง”
ปรี๊ดๆๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมๆกับรุ่นพี่เดินเข้ามาในสนามกีฬา
“อ้าวน้องๆนักกีฬาใหม่ มารวมตัวกันทางนี้ก่อนครับ เดี๋ยวพี่มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบนิดหน่อย”
เสียงพี่ปืน ยศกร สตาร์ฟนักกีฬาดังขึ้น หลังสิ้นเสียงนกหวีด ทุกคนในสนามหันไปมองทางต้นเสียงทันที พร้อมเดินไปรวมตัวที่จุดเรียก
“วันนี้ เราจะมีนักกีฬามาซ้อมกับทีมอีกหนึ่งตำแหน่ง นั้นก็คือตัวรับอิสระครับ... ปรบมือต้อนรับพี่เชอร์รี่ด้วยคราฟฟฟ”
วู้ๆๆๆๆเสียงร้องและเสียงปรบมือดังก้องโรงยิมขึ้นมาทันที ที่พี่เชอรี่ปรากฏตัว นางก็แต่งชุดนักกีฬาวอลเลย์บอลชายตามปกติ แต่ที่พิเศษคือ ริมฝีปากที่แดง และสีผมที่เหลืองทองอร่ามนั้นเองที่ทำให้ใครต่อใครต่างมองกันเป็นแถวเลย
“สวัสดีค่ะลูกๆทุกคน วันนี้คุณแม่ดีใจมากๆเลยที่ได้กลับมาซ้อมกับทีมอีกครั้ง หวังว่าทุกคนจะเอ็นจอยกับการมาของคุณแม่นะค่ะ”
เจ้ใหญ่พูดออกมาด้วยท่าทางและลีลาที่สนุกสนามเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปซ้อมตามเดิมอย่างตั้งใจ หลังจากที่ผมกับเพื่อนๆซ้อมเสร็จก็มายืดเส้นคลายกล้ามเนื้อกันก่อนเลิก อยู่ๆเจ๊ใหญ่ก็เดินมาทางผมกับไอ้ตรีทันที
“ลูกสาวจ๊ะ คุณแม่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
เสียงเจ้เชอร์รี่ทักผมกับไอ้ตรี หลังจากที่เจ๊ใหญ่เดินมาถึงที่เรานั่งพักข้างสนาม
“ครับเจ้ มีอะไรหรือครับ”
ตรีภพถามเจ๊ใหญ่ออกไปทันที
“คุณแม่อยากได้ลูกสาวเพิ่มอีกสักคนสองคนน่ะ…… เอ่อคือเจ้หมายถึง ว่าเจ้กำลังมองหาตัวลิเบอโร่คนใหม่ มาเป็นตัวตายตัวแทนเจ้ คืองี้อีกหน่อยเจ้ก็ต้องไปฝึกงานเต็มตัวแล้ว คงจะไม่มีเวลามาเล่นกับทีมได้เต็มทีเหมือนแต่ก่อน”
เจ๊ใหญ่รีบอธิบายทันที หลังจากที่เห็นผมกับตรีภพงงเล็กน้อย
“อ่อ ครับ แล้วเจ้เชอร์รี่มองใครไว้หรือยังครับ??”
ผมถามเจ๊ใหญ่ออกไปทันที เพราะผมกับไอ้ตรีก็ไม่ได้เล่นในตำแหน่งนี้อยู่แล้ว
“คุณแม่ อย่างได้หนูมาเป็นลูกสาวเพิ่มอีกสักคนนะจ๊ะ”
เจ๊ใหญ่ชี้มือมาทางผมทันที พร้อมส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร และรอคำตอบจากผมทันที
“ผมหรือครับเจ้ แต่ผมเล่นบอลเร็วนะครับ ไม่ถนัดเป็นตัวรับอิสระ”
“โอ้ยยลูกสาว เตี้ยๆอย่างเธอ คิดหรือว่าชาตินี้ทั้งชาติจะได้เล่นเป็นตัวจริง เชื่อคุณแม่สิค่ะลูก เธอดูสิ ตัวตีบอลเร็วในทีมเรา เขาสูงเท่าไรยะ พี่วุฒิเขาสูงตั้ง 190 แล้วคิดเหรอว่าโค้ชเขาจะเอาคนเตี้ยๆอย่างเธอไปวิ่งตามบล๊อค”
“แต่ ผมไม่ถนัด รับนะครับเจ้ ไม่เคยเล่นตำแหน่งนี้เลย”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเทคนิคต่างๆคุณแม่จะถ่ายทอดให้เอง ส่วนเรื่องไม่ถนัดรับ คุณแม่เชื่อว่าลูกของแม่ จะชอบและสนุกกับมัน”
“55555ไอ้ทุ่ง ถ้ามึงไม่ถนัดรับ มึงก็รุกสิวะ ไม่เห็นจะยากเลย แต่มึงต้องถามไอ้ป่าสักก่อนนะว่าจะยอมไหม???”
“ไอ้เชี่ยยยตรี กูหมายถึง ว่ารับบอล ไอ้สัส มึงนี้ตลอดเลยน่ะ”
“เอาละๆๆไม่ต้องแซวกันค่ะลูกสาวทั้งสอง ทั้ง ทีน่าและตีญ่า สงบศึกก่อน แล้วเอาข้อคิดของคุณแม่เก็บไปพิจารณานะค่ะทีน่า”
“โอ้ยยยเจ้ เรียกชื่อพวกเราซะหวานเชียว ฟังแล้วขนลุกวะ ไม่เอาๆๆจะเรียกอะไรเกรงใจหุ่นและกล้ามผมด้วยเจ้”
เสียงไอ้ตรีภพดังขึ้นทันที ที่เจ้ใหญ่ให้ฉายาใหม่ผมกับมัน
“อิอิอิ ก็เธอทั้งสองถนัดรับไม่ใช่เหรอจ๊ะลูกสาวแม่ ถึงจะถึกจะบึกแค่ไหนก็รับอยู่ดี ใช่ไหมจ๊ะลูก......คุณแม่ไปละ...แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะเด็กๆ”
ผมกับไอ้ตรีถึงกับเหวอเลย ที่เจ้ใหญ่แกจัดเต็มรู้ทุกอย่างขนาดนี้ สมแล้วกับตำแหน่งเจ๊ใหญ่แห่งวงการวอลเลย์บอล
“เจ้ๆๆๆไม่เอาชื่อนี้นะ ห้ามเรียกเด็ดขาด อายคน”
เสียงไอ้ตรีร้องตามหลังไปติดๆเพราะยังขัดค้านชื่อที่เจ๊ใหญ่ยัดเยียดให้มาเมื่อสักครู่ ส่วนผมไม่ได้สนใจชื่อนั้นเลย มีแต่กังวลกับคำชี้แนะของเจ๊ใหญ่ ว่าจะเอายังไงดี เพราะมันก็จริงอย่างที่เจ้เชอร์รี่พูด เพราะข้อเสียของผมคือตัวเตี้ย สำหรับตำแหน่งการตีบอลเร็ว โอกาสที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนามของทีมมหาวิทยาลัยคงยากมากๆ ถ้าไปเล่นในตำแหน่งตัวรับอิสระ อย่างที่เจ้แกบอก คงจะมีโอกาสได้สัมผัสเกมการแข่งขันในนามตัวแทนทีมมหาวิทยาลัย
“ไอ้ทุ่ง เหม่ออยู่นั้นละ ไปกลับได้แล้ว หรือว่ามึงติดใจเจ้เชอร์รี่วะ”
“ไอ้เชี่ยตรี มึงนี้ตลอดเลยนะ กูกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งเล่นดีไหมว่ะ”
“มันก็น่าคิดนะมึง เพราะอย่างกูตีบอลหัวเสา กูก็รู้ตัวดีว่ากว่าจะได้เล่นเป็นตัวจริงของทีม คงอีกนาน เพราะตอนนี้พี่ๆเขาก็เล่นดีทั้งนั้นแถมแต่ละคนนี้ สูงอย่างกับเสาไฟ ถ้ามึงไปเล่นบอลรับอย่างเจ้ใหญ่ว่า อาจจะรุ่งก็ได้นะ ทีน่า55555”
“ไอ้สัส มึงนี้ปากหมาไม่เลิกเลยนะ”
“อ้าวก็เหมาะกับมึงดีนะเว้ย น้องทีน่าลูกสาวคุงแม่เชอร์รี่55555”
“อีตีญ่า มึงได้ตายคาตรีนนนนกูแน่ๆวันนี้”
ผมวิ่งไล่เตะไอ้ตรีทันทีที่พูดเสร็จ ไอ้ตรีภพมันก็วิ่งเร็ว หนีผมออกมาจากโรงยิมวิ่งเลาะสนามหญ้าไปทางสนามบาสด้วยความไว แต่แล้วจู่ๆสายตาผมก็ไปปะทะเข้ากับร่างสองร่างที่กำลังคุยกันอยู่ข้างๆสนาม นั้นป่าสักนี้ แล้วป่าสักกำลังคุยอยู่กับใคร เป็นผู้หญิง สาวสวย หุ่นดี ใส่ชุดมาออกกำลังกายด้วย
“เป็นไรวะทุ่ง???”
“มึงดูนั้นสิตรี นั้นใช่ป่าสักเปล่าวะ??”
ผมพูดพร้อมชี้มือให้ตรีภพมองตามไปดูชายหญิงคู่หนึ่งกำลังคุยกันอย่างสนิทสนม
“อ้าวนั้นไอ้ป่าสักนี้ แล้วมันยืนคุยอยู่กะสาวที่ไหนวะ”
พอสิ้นเสียงตรีภพ ทำไมหัวใจผมดับวูบลงแบบไม่รู้ตัวจริงๆ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของผมกันแน่??????
“ตรี กูว่าเรากลับกันเถอะวะ”
“เอ้ยยยไม่ได้ เข้าไปทักดิ จะได้รู้ว่าใคร ไม่ใช่เดินหนีแบบนี้”
จากนั้นตรีภพ ก็ลากแขนผมมาหาป่าสักทันที
“เอ้ยป่าสัก นี้มึงซ้อมบาสเสร็จยังวะ พวกกูซ้อมเสร็จแล้วนะเว้ยย”
เสียงของตรีภพทักป่าสักออกไปทันที ทำให้ทั้งสองหันหน้ามายังต้นเสียงพร้อมกัน
“อ้าวววทุ่ง ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ???ทำไมวันนี้เร็วจัง”
ป่าสักถามผมกลับมา พร้อมเดินมาหาผมกับตรีและสาวสวยคนนั้นก็เดินตามป่าสักมายืนข้างๆกันทันที เหมือนจะแสดงความเป็นเจ้าของป่าสักไปในตัว
“อืม แต่กูกำลังจะกลับ นี้มึงยังซ้อมไม่เสร็จใช่ไหม?”
“เสร็จแล้ว พอดี แพรเขามาคุยด้วยนิดหน่อย นี้ภรณ์แพรวา ดาวคณะบัญชี แพรแล้วนี้ทุ่งธร นักกีฬาวอลเลย์บอล เรียนอยู่คณะครุศาสตร์
รูมเมทเราเอง”
“หวัดดีแพร ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากสาวที่มีนามว่าภรณ์แพรวา แค่เธอพยักหน้ารับทราบการทักทายของผมแค่นั้นเอง
“ส่วนไอ้ตรี คงไม่ต้องแนะนำน่ะ เพราะเรียนจบที่เดียวกัน”
ป่าสักพูดขึ้นมาหลังจากที่แนะนำให้ผมกับภรณ์แพรวาได้รู้จักกันแล้ว
“แพรนี้ดูสวยขึ้นเนอะ ไปให้หมอช่วยมาเหรอ???”
ตรีภพทักภรณ์แพรวาออกไปพร้อมด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
“เปล่าเราสวยตามธรรมชาติ สมกับวัยต่างหากละ ไม่เคยได้เพิ่งมีดหมอ ตรีก็เหมือนกันนะ ดูกล้ามปูขึ้นเยอะ แล้วเป็นไงบ้างละพอจะมีคนสนใจบ้างหรือเปล่า???”
“ก็ดีน่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ได้มาตามหาผู้ชายถึงสนามกีฬา”
ตรีภพตอบกลับภรณ์แพรวา ด้วยความเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน ก่อนที่มันจะหันมาทางป่าสัก
“ป่าสักถ้ามึงซ้อมเสร็จแล้ว...งั้นก็กลับได้เลยสิ ไอ้ทุ่งมันมารอมึงนานแล้ว กูเห็นมันบอกว่าลืมงานไว้ที่คณะด้วย”
“อะไร??..ของมึงไอ้ตรี กูลืมงานไรวะ??”
ผมกระซิบถามตรีภพออกไปทันที เพราะวันนี้ผมไม่ได้ลืมอะไรเลยแล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้เข้าเรียนที่คณะ มีแต่เรียนที่ภาคศิลป์ทั้งวัน
“อ้าวไอ้สมองปลาทอง ก็มึงลืมชีทไง ไปๆๆป่าสักมึงพาไอ้ทุ่งไปเอาชีทด้วยนะ นี้ก็ค่ำแล้ว”
“ป่าสัก แล้วเรื่องที่แพรชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกันละว่าไง”
เสียงของภรณ์แพรวาทักป่าสักขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินตรีภพเร่งป่าสักกับผมให้รีบไป
“เอ่อ แพร คือวันนี้เราขอโทษนะ พอดีเราต้องพาทุ่งไปทำธุระ เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ”
ป่าสักกล่าวขอโทษภรณ์แพรวาออกไปทันที เมื่ออีกฝ่ายทักท้วงคำชวน
“แล้วนี้ แพรจะไปทานข้าวกับใครละ เพื่อนๆแพรก็กลับกันหมดแล้ว ป่าสักทำแบบนี้กับเราไม่ได้น่ะ”
“โอ้ยยยแพร เธอไม่ได้ยินเหรอว่า ป่าสักมันต้องพาไอ้ทุ่งไปทำธุระ ธุระสำคัญ เข้าใจคำว่าสำคัญมั้ย”
เสียงของตรีภพดังขัดขึ้นมาทันทีที่ภรณ์แพรวาพูดกับป่าสักจบ โดยเน้นคำว่าสำคัญ
“ธุระของคืนอื่น มันจะสำคัญกว่าคำชวนไปทานข้าวเย็นของแพรได้ยังไงค่ะป่าสัก”
“แพร เราขอโทษจริงๆนะ พอดีทุ่งเขาต้องไปเอาชีทที่คณะ และมันก็จำเป็นต้องใช้คืนนี้จริงๆ ส่วนเรื่องทานข้าว แพรก็ไปทานกับไอ้ตรีก็ได้นะ”
“อะไรกัน ก็แพรชวนป่าสักก่อนนะ อีกอย่างแพรก็อยากปรึกษากับป่าสักเรื่องการประกวดดาวเดือนที่จะมาถึง และที่สำคัญแพรอยากทานข้าวกับป่าสัก ไม่ใช่คนอื่น”
ภรณ์แพรวา เน้นคำว่าคนอื่นพร้อมกับหันหน้ามาทางตรีภพทันที
“โอ้ยยยนี้เธอ ถามฉันสักคำมั้ย??ว่าอยากร่วมโต๊ะกับเธอไหม ไอ้ป่าสักมึงไม่ต้องฟังเสียงชะนีแถวนี้หรอก มึงรีบพาไอ้ทุ่งไปเถอะ เดี๋ยวเขาปิดห้องก่อน งานไอ้ทุ่งไม่เสร็จ นี้แย่เลยนะมึง”
“เอ่อท่าอย่างนั้น เราไปกันเถอะทุ่ง เดี๋ยวจะไม่ทัน”
พูดเสร็จป่าสักก็คว้ามือผมเดินออกมาทันที ด้วยอาการรีบๆเหมือนหนีอะไรบางอย่าง ขณะที่ป่าสักดึงผมมาที่รถหรูของมัน ผมก็ได้ยินเสียงของภรณ์แพรวาดังตามหลังมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ป่าสักรอแพรด้วยค่ะ...นี้นายตรี นายมาขวางฉันไว้ทำไม กรี๊ดๆๆๆฉันจะไปหาป่าสัก ไอ้บ้าหลีกไป ฉันบอกให้หลีกไง หูตึงหรือยะ”
“ป่าสัก.. นี้อะไรกันวะ กูงงไปหมดแล้วว??”
ผมถามป่าสักออกไปทันที ที่นั่งมาในรถหรูของเขา
“ก็ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร ได้ไง??ก็ผู้หญิงเขาชวนมึงไปกินข้าว แล้วมึงปฏิเสธแบบนั้นออกไป เขาจะรู้สึกยังไงวะ”
“ก็ช่างสิ กูยังไม่ได้รับปากว่าจะไปกินข้าวกับเขาเลย”
“แต่เขาก็ชวนมึงไม่ใช่เหรอ??”
“ก็..กูมากับมึงไง พามึงไปเอาชีทที่คณะ ชีทมันสำคัญกว่า”
“ไอ้บ้า กูไม่ได้ลืมชีท แล้วเรื่องชีทกูก็ไม่เข้าใจไอ้เชี่ยตรีด้วย ว่ามันเล่นอะไรของมัน??”
“เอาเถอะน่าทุ่ง มึงจะเครียดแทนคนอื่นเขาทำไมวะ?”
“ก็กูไม่รู้เหตุผล ว่าพวกมึงกำลังทำอะไรกันอยู่?”
“โอเค โอเค คือว่า แพรเขาตามจีบกูอยู่ พอใจหรือยัง”
เสียงของป่าสักตอบผมกลับออกมา พอได้ยินแบบนั้น มันทำให้ผมอึ้งไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูดกับป่าสักอีกครั้ง
“อ้าว แพรเขาก็ดูสวยเหมาะสมกับมึงดี”
“เอียดดดดดด”เสียงป่าสักเบรกรถกะทันหันทันที
“โอ้ยยยย ป่าสักมึงขับรถบ้าอะไร อยู่ๆก็เบรครถแบบนี้?”
“ทุ่ง ขอร้องมึงอย่าพูดแบบนี้ อย่ามาตัดสินความรู้สึกของคนอื่น”
“อ้าวววว!!!!! ก็มึงกับแพรหล่อสวยเหมาะสมกันดี มึงก็เป็นเดือน ส่วนแพรเขาก็เป็นดาว”
หลังจากที่ผมพูดจบ ป่าสักก็คว้าคอผมให้โน้มมาใกล้ๆพร้อมใบหน้าเรียวได้รูปของเขาเองก็ก้มต่ำลงมา ตามองตา หัวใจผมตอนนี้มันเต้นไม่เป็นจังหวะ ที่จู่ๆป่าสักก็ทำการจู่โจมแบบไม่ให้ได้ตั้งตัวเลย ปากรูปกระจับของเขาโน้มต่ำลงมาอย่างช้าๆแล้วมันก็มาแตะเบาๆที่ปากบางๆของผมทันที
“กูไม่ได้สนว่าใครจะเหมาะกับกู กูสนแค่ความรู้สึกของตัวเอง กูจะรักใครชอบใคร กูเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง มึงเข้าใจหรือยัง แล้วอย่ามาพูดเรื่องนี้กับกูอีก”
ป่าสักพูดออกมาหลังจากเงียบไปสักพัก แล้วเขาก็ค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างมาจับใบหน้าของผมเพื่อให้ปากบางๆของผมเข้าใกล้กับปากกระจับอมชมพูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันช่างรุนแรงและเร้าร้อนเสียจริง เขาใช้ลิ้นสอดแทรกเข้าไปในปากของผมอย่างนุ่มนวล ลิ้นอุ่นๆของป่าสักช่างแสนหวานและเร้าร้อนเกินกว่าที่ผมจะทนได้อีกต่อไป.............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ