Stony รักไม่ยาก

9.0

เขียนโดย WAFFLE_W

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.

  34 ตอน
  1 วิจารณ์
  33.03K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เจ้านายขาโหด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               

                  “มอร์นิ่งครับพี่รุต” มานะกล่าวทักทายโดยไม่หยุดเดิน เจ้าของชื่อที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือมองตามอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยปากถาม

                “มาทำไม”

                “เอาของมาส่ง” กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นถุงกระดาษให้ดู แล้วผลักประตูเข้าไปข้างในทันที เป็นเหตุให้ปะทะเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังจะเดินออกมาพอดี เเมสเซ็นเจอร์ก้มหัวลงให้ชายคนที่ดูดีมีสกุล เขาทำหน้านิ่งขรึม สายตาฉายแววหยามเหยียดก่อนจะเดินออกไป เสี้ยววินาทีมือหนาของใครบางคนก็ตบลงมากลางศีรษะทำเอาหมวกเกือบหลุด คนถูกกระทำลูบหัวตัวเองป้อยๆ หันไปมองคนกระทำอย่างไม่พอใจ

                “แกจะรีบเข้ามาทำพระแสงอะไร ไม่รู้เหรอเจ้านายฉันมีแขกอยู่” รุตขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ นี่ถ้าเกิดเป็นแขกใหญ่โตขึ้นมาเขาคงโดนเจ้านายสับเละเป็นโจ๊กแน่ๆ ที่ปล่อยให้ไอ้บ้านี่ทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ

                “ก็พี่ไม่บอกนี่”

                “แล้วแกหยุดฟังฉันไหม”

                “ก็... อือ ขอโทษ ผมผิดเอง” การ์ดหนุ่มมองหน้าที่ดูหงอยลงของคนสำนึกผิดแล้วก็ใจอ่อน ไม่ทันสังเกตเห็นว่าปากหยักสวยนั้นกระตุกเบ้ขึ้น

                “นายสองคนมีอะไร” เสียงเจ้าของห้องดังมาจากโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มทั้งสองเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางนอบน้อม ก่อนที่การ์ดจะรายงานให้ทราบ เธอก็เอ่ยขัดขึ้นมา “ขอกาแฟแก้วหนึ่ง”

                “ครับ” รุตโค้งศีรษะรับคำก่อนจะเดินออกไปตามคำสั่ง

                มานะยิ้มหวานขึ้นมาทันทีเมื่อได้อยู่ในห้องสองต่อสอง เขาวางถุงบนโต๊ะทำงานของเธอ

                “อะไร”

                “ไม่ทราบครับ”

                เธอมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนจะคว้าถุงมาเปิดดูแล้วหยิบของข้างในออกมา สิ่งที่อยู่ในนั้นคือกระเป๋าหิ้วสีทองดูระยิบระยับยามต้องแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา มีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กติดอยู่กับกระเป๋าด้วย เธอทำหน้าขยาดทันทีที่อ่านมันจบ เก็บกระเป๋าใส่ถุงตามเดิม แล้วโยนมันให้เเมสเซ็นเจอร์หนุ่ม “ส่งคืนเจ้าของด้วย”

                “แต่เค้าส่งให้ท่านประธานนะครับ”

                “ฉันบอกให้ส่งคืน”

                “ทำไมล่ะครับ ไม่ถูกใจเหรอ เราน่าจะขอเปลี่ยนได้นะครับ ของแบบนี้ต้องเลือกเองครับถึงจะถูกใจ” ชายหนุ่มเสนอความเห็น จากประสบการณ์ที่เคยคบพวกคุณหนูไฮโซมา กระเป๋าใบนี้คงมีราคาแพงหลายหมื่นหลายแสนแน่ ส่งคืนไปคงเสียดายแย่

                “อย่ายุ่ง!” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นทำเอาคนเสียดายของหน้าเจื่อนลง “คนส่งของมีนายคนเดียวเหรอ”

                “มีเพื่อนผมอีกคน”

                “ต่อไปให้อีกคนขึ้นมานะ ฉันไม่ชอบขี้หน้านาย” หญิงสาวเอ่ยแบบขวานผ่าซาก คนฟังกระพริบตาลงปริบๆ อย่างเสียศูนย์เล็กน้อย ทว่าเพียงครู่เดียวเขาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เข้ากับบรรยากาศ

                “เกลียดแบบไหน ได้แบบนั้นนะครับ” เกลียดได้เกลียดไป เผลอรักเมื่อไหร่จะปอกลอกให้หมดตัวเลย คอยดู

                “อย่ามาต่อปากต่อคำกับฉัน” ว่าสีหน้าเรียบตึง

                “งั้นปากต่อปากได้ไหมครับ” เขาว่าน้ำเสียงซื่อ

                “นี่นาย...”

                “ผมก็แค่อยากให้ท่านประธานยิ้มนะครับ ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใส” เพชรงามทำสีหน้าขรึมจัดใส่ มานะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนบอกต่อด้วยน้ำเสียงยานคาง “มองใกล้ๆ แล้วท่านประธานสวยจับตาจับใจจริงๆ เลยนะครับ” ถอนหน้าออกมาแล้วหัวเราะน้อยๆ

                เขาโค้งศีรษะให้แล้วคว้าถุงกระดาษใบใหญ่มาถือไว้ ขยิบตาให้คนหน้านิ่งกร้าวแล้วหมุนตัวเดินออกไป

                เพชรงามเหลือบตามองตามหลังเขาไป อยากโดนไล่ออกก็ไม่บอกกันดีๆ คนปีนเกลียวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

 

                มานะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี เพชรงาม... ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าทะนุถนอมเอาซะจริงๆ ทำไมไม่ทำตัวให้งดงามเหมือนชื่อบ้างนะ แข็งกระด้างชะมัดเลย

                ว่าแต่กระเป๋าใบนี้มันมีอะไรเสียหายหรือ เธอถึงไม่นึกเสียดายราคาที่แพงหูฉี่ของมันบ้าง เมื่ออยากรู้ก็ต้องหาคำตอบ ชายหนุ่มแอบหยิบกระเป๋าในถุงออกมาดูตอนเข้าไปในลิฟต์ มันมีโน้ตเล็กๆ ติดอยู่ ใจความว่า...                

                'แทนคำขอโทษค่ะน้องไดมอนด์ รักนะคะคนดี พี่เทวา'

                “เลี่ยนชิบเป๋ง” มานะว่าออกมาเมื่ออ่านข้อความจบ เขาเก็บกระเป๋าลงในถุงตามเดิม ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน คิดจะมาเป็นคู่แข่งไอ้โม่หรือ แบบนี้ต้องสกัด

                ชายหนุ่มแวะไปเอากล่องพัสดุที่ต้องเอาไปส่งก่อนจะลงไปที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง เขาวางถุงกระดาษใบใหญ่ลง

                “ท่านประธานบอกให้เอาไปคืนเจ้าของครับ” บอกเสียงนุ่ม

                “ว่าแล้วเชียว” โอเปอเรเตอร์สาวว่าตาแจ๋ว

                “ทำไมล่ะ”

                “ก็ทุกทีที่มีผู้ชายส่งของไปให้ท่านประธาน เธอก็ปฏิเสธและบอกให้ส่งคืนเจ้าของตลอด แต่ดีหน่อยจ้ะ พอเจ้าของเขาไม่รับคืน ข้าวของเหล่านี้ก็ตกมาเป็นของพวกเราเฉยเลย” เธอยิ้มเขินอายแต่ตาวาววับยามคว้าถุงกระเป๋ามาเก็บไว้

                “แล้วทำไมผู้ชายพวกนั้นไม่เอาขึ้นไปให้เองเลยล่ะ ทำไมต้องมาฝากไว้ที่เคาน์เตอร์นี่ด้วย”

                “นี่พี่โม่ การจะพบท่านประธานได้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ต้องผ่านการ์ดรุตไปให้ได้ก่อน ใครที่ไม่มีธุระกงการงานจำเป็นจริงๆ ไม่ได้เข้าไปเหยียบห้องนั้นหรอก” ได้ฟังดังนั้นมานะก็ยิ้มกริ่มในใจ เป็นบุญวาสนาของเขาจริงๆ ที่มาทำงานแค่สองวันก็ได้ขึ้นไปเหยียบห้องนั้นตั้งสามครั้ง และยังถือว่าเป็นโชคดีเด้งที่สองที่เขาได้ผูกมิตรสร้างสัมพันธ์กับการ์ดรุตไว้

                “ท่านประธานนี่เล่นตัวจังเลยนะ” อดไม่ได้ที่จะกระแซะเจ้านายนิดหน่อย

                “ว่าไม่ได้หรอกพี่โม่ ท่านประธานเธอออกจะดูดีเพอร์เฟ็กท์ขนาดนั้น ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองสิคะ พวกกระจอกงอกง่อยนี่อย่างคิดใฝ่สูงเงยหน้าไปมองเธอเลยค่ะ แหงนมองจนคอหักตายเธอก็ไม่แลตามองหรอก” ว่าชี้แนะ ทำเอามานะสะดุ้งโหยง เข่าแทบทรุด

                โอเปอเรเตอร์อีกคนเข้ามาร่วมสนทนาด้วย

                “สงสัยเนื้อคู่ท่านประธานคงต้องเป็นเจ้าชายจากเมืองไหนสักแห่งแน่ๆ แบบหล่อ รวย ฉลาด มีชาติตระกูล รักเด็ก ทำอาหารเป็น เล่นดนตรีได้ ร้องเพลงเพราะ ตลก น่ารัก น่าค้นหา โอย... อยากได้”

                “ไม่มีคนแบบนั้นบนโลกใบนี้หรอก” มานะกล่าวดับฝันของทั้งสองสาว ก็พวกเธอมาดับฝันของเขาก่อนนี่

                “ไม่แน่หรอกพี่โม่ โลกนี้มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเยอะแยะ” เอ่ยราวคนเจนโลก มานะโคลงศีรษะ ขณะนั้นเองที่โอเปอเรเตอร์สาวเรียกชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในไว้ มานะหันไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                “คุณเทวาคะ คุณเทวา” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหันมามองก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โอเปอเรเตอร์สาวหยิบถุงกระดาษใบนั้นมายื่นให้ “ท่านประธานให้เอามาคืนค่ะ”

                “คืนทำไม” เขาขมวดคิ้วถาม หากก็รับของที่ตัวเองทุ่มลงทุนซื้อมาขอโทษ “แน่ใจหรือว่าส่งถึงแล้ว”

                “ค่ะ คนนี้เป็นคนนำไปส่งให้ค่ะ” เธอบุ้ยใบ้ไปทางมานะ

                “แกเอาไปส่งให้จริงๆ แล้วหรือ กระเป๋าแพงขนาดนี้จะปฏิเสธได้ยังไงกัน” เอ่ยถามเสียงขุ่น

                “ผมเอาไปให้เองเลยกับมือ แล้วเธอก็บอกให้เอามาคืนเจ้าของ” เทวาหรี่ตาลงเหมือนไม่เชื่อ มานะจึงตอกไข่ใส่สีไปด้วยอีกนิดหน่อย “ท่านประธานบอกว่าไม่ชอบ ไม่อยากได้ ตอนเปิดถุงดูเธอทำหน้ารังเกียจมากเลยล่ะครับ อย่างกะเห็นหนอนแมลงวันอยู่ในกระเป๋า”

                น้ำเสียงกวนบาทาทำเอาคนฟังต้องถลึงตาใส่ หากยังไม่ทันตอบโต้อะไรเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน เทวากดรับก่อนกรอกเสียงลงไป

                “ฮัลโหล นั่นใคร” น้ำเสียงของเขามีแววฉุนเฉียวเจืออยู่ เมื่อรู้ว่าปลายสายคือใครเสียงของเขาก็ดูอ่อนลงนิดหนึ่ง “นายรุต มีอะไร... จริงหรือ น้องไดมอนด์ให้ฉันขึ้นไปพบเดี๋ยวนี้เลยงั้นหรือ... ได้ๆ รอไม่เกินอึดใจเดี๋ยวฉันจะรีบขึ้นไปหา”

                เขายิ้มร่าออกมาอย่างชวนให้หมั่นไส้

                “สงสัยเธออยากให้ฉันเอาขึ้นไปให้ด้วยตัวเองน่ะ ผู้หญิงแบบนั้นก็อย่างนี้แหละ ทำอะไรต้องมีชั้นเชิงนิดๆ นี่คงจะหลงเสน่ห์ฉันจนว้าวุ่นใจแล้วล่ะ งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวเธอจะคิดถึงฉันจนทนไม่ไหว” เขาคุยโว ทำหน้าทำตาเหลือหลาย

                “หลงตัวเองจริงๆ เลย พ่อคุณเอ๊ย” โอเปอเรเตอร์สาวว่าตามหลัง

                “หวังว่าท่านประธานคงไม่คิดสั้นมาชอบไอ้คุณเทวานี่จริงๆ หรอกนะ เหนื่อยใจแทน” อีกคนทำท่าเหนื่อยใจ

                คนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกยืนนิ่งทำหน้าคิดหนัก ก่อนจะถอนหายใจออกอย่างปลงอนิจจัง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ของที่ไม่ใช่ของเราต่อให้พยายามยังไงมันก็ไม่อาจเป็นของเรา

 

                “น้องไดมอนด์เรียกพี่มาทำไมครับ เอ่อ นี่ครับ ของแทนคำขอโทษเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่เผลอสั่งงานผิด” เขาว่าเสียงหวาน ดันถุงที่วางไว้บนโต๊ะทำงานไปให้หญิงสาว

                “ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมคะว่าอยู่ในที่ทำงานให้เรียกฉันว่าอะไร เป็นอัลไซม์เมอร์หรือไง” ว่าเสียงเรียบ ดันถุงกลับไปทางเจ้าของ “ของแค่นี้คิดว่ามันทดแทนกับความผิดพลาดของคุณงั้นหรือคะ”

                “แล้วน้อง... เอ่อ ท่านประธานต้องการอะไรอีกล่ะครับ พี่... ผมจะหามาให้ทุกอย่างเลย” คนใจป๋าทำสีหน้าอ้อนวอน

                “ลาออกซะ ฉันไม่ให้คุณฝึกงานต่อแล้ว” กล่าวอย่างเด็ดขาด

                “โธ่ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ท่านประธานจะไม่ให้โอกาสผมหน่อยหรือครับ”

                “คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบคุณทำอะไรไม่ได้ดีหรอก ทำงานทีก็ทำอย่างปัดสวะพอ ทั้งยังทำเจ้าชู้ไก่แจ้ใส่พนักงานหญิงไปทั่ว ใช้เวลาเตร็ดเตร่ไปเที่ยวข้างนอก มาทำงานไม่เป็นเวลา คนหยิ่งในศักดิ์ศรีฐานะอย่างคุณอยู่ไม่ได้หรอก พาลจะเป็นภาระให้คนอื่นเขาเสียเปล่า” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ก้มหน้าที่กร่อยสนิทลง เพชรงามกล่าวหน้าตายอย่างพยายามใช้น้ำเสียงให้สุภาพที่สุด “ฉันพิจารณาแล้ว ในเมื่อคุณไม่มีจิตใจใฝ่เรียนรู้จริงๆ ก็ออกไปเถอะค่ะ”

                “แต่...” เทวากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ พยายามเค้นเสียงหาถ้อยคำมาพูด

                “อ้อ แล้วไอ้นิสัยขี้ฟ้องชอบยืมจมูกคนอื่นมาหายใจเลิกซะนะคะ ไม่ใช่เด็กแล้ว” เมื่อเช้าวิเชียรเข้ามาคุยกับเธอว่าขอให้นายเทวาซึ่งเป็นเพื่อนของเขาทำงานต่อไป เพื่อรักษาหน้าเทวาและความสัมพันธ์ของบิดาพวกเราไว้ แต่ทว่าหมอนี่ทำงานไม่ได้เรื่องจริงๆ ก็สมควรต้องตัดสินกันไปตามเนื้อผ้า

                “นี่! เธอคิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน!” เทวาตบะแตกอย่างทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนชี้หน้าเพชรงาม “ก็แค่ลูกโอ๋ที่พ่อสปอยล์จนหลงคิดว่าตัวเองเก่งเหนือคนอื่น แล้วไอ้คำพูดขวานผ่าซาก มะนาวไม่มีน้ำของเธอน่ะ คิดว่ามันดีแล้วหรือ โธ่เอ๊ย ก็ดีแต่ปากเหมือนกันนั่นแหละวะ”

                “นี่!” หญิงสาวลุกขึ้นยืนประจันหน้า มองคนตรงข้ามด้วยแววตาแข็งกร้าว ก็ดีเหมือนกันคุยกันด้วยสันดานแก่นในจริงๆ จะได้ไม่ต้องทนดูทนฟังท่าทางน้ำเสียงดัดจริต

                “ลองคิดสภาพตัวเองตอนขี้เหร่และจนดูสิ จะมีใครสนใจเธอ ผู้หญิงบ้าอำนาจไร้ความรู้สึก อยู่กับเธอมันก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่กับผีตายซากหรอก” เขาแสยะยิ้มเยาะ “นอกจากพ่อของเธอ ก็ไม่มีใครทนอยู่กับเธอได้หรอก ขนาดพวกพี่ชายก็พากันรุมรังเกียจ เรื่องเยอะมากความ เธอนี่ไม่น่าเกิดมาเลยนะ สงสารแม่เธอจริงๆ”

                ตอนนั้นเองที่เส้นอารมณ์ของเพชรงามขาดผึงลง เธอก้าวเดินไปอยู่หน้าโต๊ะทำงานข้างชายหนุ่ม เขาหันหน้ามามองด้วยสายตาสะใจอย่างของผู้ชนะ เสี้ยววินาทีฝ่ามือหญิงสาวก็ฟาดลงไปบนใบหน้าเขาเต็มแรงฉาดใหญ่

                “ยังแน่ใจหรือว่าตัวเองเป็นผู้ชาย หน้าตัวเมีย!”

                “มันจะเกินไปแล้วนะ” เขาคำรามเสียงก้อง ก่อนจะผลักหัวหญิงสาวเต็มแรงจนเธอล้มโครม ศีรษะฟาดไปโดนขอบโต๊ะอย่างแรง เสียงประตูเปิดออกพร้อมการ์ดหนุ่มที่พุ่งพรวดเข้ามา เขาตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่น้อยหากก็รีบตรงไปหาเจ้านายทันที รุตค่อยๆ พยุงเพชรงามขึ้นมา ตรงขมับด้านซ้ายของเธอมีเลือดไหลซึมออกมา

                เทวาหน้าซีดลงทันทีที่เห็นเลือดสีแดง อยากรู้สึกผิดหากเสี้ยวหนึ่งในจิตใจก็บอกว่าเธอสมควรได้รับมันแล้ว

                “เอายังไงต่อครับเจ้านาย” การ์ดหนุ่มถามเสียงเข้มทว่าสีหน้าไม่สู้ดีนัก

                “นายจะเอายังไง” เธอไม่ตอบรุต แต่จ้องหน้าถามเทวา ชายหนุ่มมีท่าทีอักอึกก่อนจะบอกเสียงแข็ง

                “ฉันจะออกจากที่นี่”

                “นั่นมันคือสิ่งที่นายต้องทำอยู่แล้ว” หญิงสาวบอก ไม่สนเลือดที่ไหลเยิ้มลงบนใบหน้า “นายจะยอมขอโทษฉันเพื่อให้เรื่องจบดีๆ หรือจะให้ฉันแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย”

                “ก็เธอทำฉันก่อนนี่” เขาเถียงตาขวาง

                “รุต...”

                “ก็ได้ ขอโทษ ฉันขอโทษ” ว่าอย่างรัวเร็วแทบไม่เป็นภาษาก่อนจะเดินลงส้นปึงปังออกไปโดยไม่ลืมคว้าของของตัวเองออกมาด้วย

                รุตพยุงเจ้านายไปนั่งที่โซฟากลางห้องก่อนจะไปหาอุปกรณ์ทำแผลมาปฐมพยาบาลให้

                “ไปทำอีท่าไหนถึงได้อยู่ในสภาพนี้ได้ครับ” เอ่ยถามขณะใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์บรรจงล้างแผลให้ เท่าที่จำได้เขารู้สึกว่าเกือบสิบปีมาแล้วที่เจ้านายของเขาไม่มีเรื่องให้เลือดตกยางออกเลย เพชรงามทำหน้าเหยเกด้วยความปวดแสบ

                “ฉันต้องบอกนายหรือ” ว่าเสียงเรียบห้วน ใครจะไปคิดว่าคนที่ตามตื้อน้องไดมอนด์ครับน้องไดมอนด์คะอย่างนายเทวาจะกล้าสวนเธอกลับแบบนี้ คิดแล้วก็น่าเจ็บใจนัก

                “ไม่รู้ก็ได้” รุตถอนหายใจกับนิสัยของเจ้านาย เขาทำสีหน้าและน้ำเสียงเหลือเชื่อสุดๆ ที่เธอยังทำเป็นไม่สนใจที่ตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จนเผลอออกแรงกดยาแดงใส่แผลให้หญิงสาวหนักไปหน่อย

                “โอ๊ย! เบาๆ สิ!” เธอเอ็ดตะโรใส่

                “ครับ” ว่าเสียงอ่อน ยิ้มเก้อๆ ยามปิดพลาสเตอร์ปิดแผลให้หญิงสาว เขาเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดเข้ากล่องพลางเอ่ยถาม “แล้วเจ้านายจะบอกคุณท่านยังไงครับ”

                ท่านประธานสาวทำหน้าขบคิด “บอกตามความจริง”

                “โธ่ งั้นมีหวังไอ้คุณเทวาคงโดนกองทัพใหญ่ไปถล่มเละแน่ครับ” การ์ดรุตทำท่าขนลุกขนพอง เล่นอะไรไม่เล่นมาเล่นกับลูกเสือลูกจระเข้ แถมเป็นลูกรักที่ถูกฟูมฟักมาราวไข่ในหินอีกต่างหาก ถ้ารอดไปได้เขาขอแนะนำให้ไปทำบุญสักเก้าวัดสิบวัดเผื่อจะช่วยล้างซวยได้บ้าง

                “ออกไปได้แล้ว ทำหน้าเป็นปลาทองอมมะนาวอยู่ได้” เธอไล่เสียงเข้ม ก่อนจะหยิบยาแก้ปวดไปกิน แล้วเดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงานตามเดิม

                การ์ดรุตปรับสีหน้าแทบไม่ทัน รีบกุลีกุจอออกไปทันที

                หญิงสาวเปิดฝาปากกาออกเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอคว้ามันมากดรับ

                “คะพ่อ”

                “ทำอะไรอยู่ลูก” ถามอย่างแสนห่วงใย

                “ทำงานค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ

                “ทานข้าวหรือยัง”

                “พ่ออย่าอ้อมเยอะ ตรงๆ เลยค่ะ” น้ำเสียงนิ่งขรึม ปกติบิดาเธอไม่เคยโทรมาเวลางาน ถ้าโทรก็ต้องมีธุระอะไรสักอย่าง ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้เธอรู้ว่ามันต้องมีเรื่องไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นแน่ หญิงสาวยกมือลูบที่พลาสเตอร์ปิดแผล

                “จำเวนิสได้ไหมลูก” ค่อยๆ ตะล่อมถาม

                นั่นประไร เพชรงามแทบจะเลื่อนมือที่จับแผลอยู่มาตบหน้าผากสักฉาด “ทำไมคะ”

                “พรุ่งนี้เวนิสจะขอเข้าไปฝึกงานที่บริษัทนะ ไดมอนด์ช่วยเตรียมงานและตำแหน่งที่เหมาะสมให้พี่เขาด้วยนะ”

                คนเป็นลูกถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความวัวเพิ่งจะหายความควายเข้ามาอีกแล้ว

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา