Stony รักไม่ยาก

9.0

เขียนโดย WAFFLE_W

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.

  34 ตอน
  1 วิจารณ์
  33.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) เธอมาได้ 'ทัน' เวลาพอดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

               “ฉันมีสองทางให้แกเลือก หนึ่งหน้าด้านแบบนี้ต่อไป สองยอมสารภาพทุกอย่าง แลกกับการที่ฉันจะยอมไปดูใจแม่แก!”

               ธนาตาโตกับคำต่อรองข้อหลัง หลังจากธวัชออกจากบ้านไปแม่เขาก็ล้มป่วยทันทีเธอเอาแต่ขอร้องให้เขาไปตามน้องชายกลับมา ช่วงแรกๆ เขาอ้อนวอนธวัชแทบทุกวันจนจะยอมกราบเท้าอยู่แล้วแต่ธวัชก็ไม่ใจอ่อนสักนิด จนถึงเดี๋ยวนี้เขาก็ยังขอร้องให้มันกลับไปหาแม่อาจจะไม่บ่อยเท่าตอนแรกแต่ก็ทำไม่ขาดช่วง ยิ่งนานวันแม่เขาก็อาการทรุดลงไปทุกที แม่เขารักและรู้สึกผิดกับธวัชมาก และที่เขาไม่คิดทำอะไรอุกอาจกับมันเพราะเขาก็รู้สึกแบบเดียวกับแม่

                “ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อนายนะทัน ฉันหวังว่าสักวันนายจะกลับมาสานต่อความฝันของพ่อกลับมารับผิดชอบสิ่งที่เป็นของนาย ฉันอยากทำแซนด์ไทม์ให้มันดีกว่านี้ แต่นับวันเฟรนซีก็ยิ่งสูงขึ้นแล้วเหยียบเราลงมาทุกที” ธนาว่าอย่างอัดอั้น

                “แกจะสูงหรือต่ำมันไม่ได้อยู่ที่คนอื่น คนฉลาดเค้าไม่เอาตัวเองไม่เทียบกับใครหรอกเว้ย ทำผิดก็ต้องรับผิดสิ” ว่าแดกดัน

                “ถ้าฉันยอมแล้วใครจะอยู่ดูแลแม่ฉัน”

                “ฉัน” ธวัชตอบอย่างมั่นคงธนามองแววตาที่หนักแน่นของน้องชายก็นิ่งคิดไปครู่

                “ก็ได้ ฉันยอมรับว่านาฬิกาตัวนี้เป็นของเฟรนซี” จบคำ เสียงประณามทั้งหลายก็ลอยว่อนไปทั้งห้อง ทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียดกันทั้งนั้น ยกเว้นก็เพียงแต่รุตเพชรงามที่ยิ้มกันได้อย่างเต็มที่เสียที

 

                สิงห์ภพและลูกชายทั้งสี่นั่งทำสีหน้าปั้นยากกันอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้าน ชายแก่กระวีกระวาดเรียกทายาทมารวมตัวกันทันทีเมื่อลูกสาวคนเล็กโทรมาบอกว่าจะกลับบ้านเขากลับจากสถานปฏิบัติธรรมทันทีหลังจากวันที่เพชรงามโทรหาครั้งนั้น จะปล่อยให้ลูกชายสองคนแก้ปัญหากันเองก็คงไม่ไหว เลยเข้ามาจัดการเองไปพลางๆ ก่อน ยอดขายสินค้าเดิมก็ยังไปได้ดี แค่เพิ่มโปรโมชั่นเล็กน้อยรายได้ก็ทะยานขึ้นให้ใจชื้นขึ้นหน่อย แม้จะสูญเสียกับฟรุ๊ตตี้เฟรนซีไม่น้อยหากก็ยังมีเงินสำรองแปะปะพอให้รอดตัวได้

                “คงจนตรอกไม่มีทางไปแล้วสินะมันถึงได้กลับมา” ฐานิชว่าเนือยๆ ท่วงท่าเบื่อหน่าย

                “ไอ้ฐา เดี๋ยวปั๊ด” คนเป็นพ่อยื่นไม้เท้าไปหมายจะฟาดหัวให้ “น้องกลับมาก็ดีโขแล้ว”

                “แสดงว่าไดมอนด์จับคนร้ายได้แล้วสิ มันบอกว่าจะไม่กลับจนกว่าจะทวงความยุติธรรมมาให้ได้ไม่ใช่เหรอ” สุริยาที่จิตใจผ่อนคลายลงไปเยอะตอนไปปฏิบัติธรรมว่าขึ้น เขาละทิ้งความโกรธเกลียดและอิจฉาเพชรงามลงบ้างแล้ว

                “ใช่ๆ ตั้งแต่รู้จักมันมาไดมอนไม่เคยกลืนน้ำลายตัวเองนะ” ศิลาเสริมพี่ชาย

                “จะเอาอะไรกับยัยไดมอนด์ ใครจะคิดว่ามันจะไปชอบไอ้เด็กส่งของ พ่อกับพี่ต้องเห็นภาพวันนั้นนะปกป้องกันอย่างกับจะขาดใจถ้าไม่มีอีกคนอยู่ โลกเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ อย่าเอาแน่เอานอนเลย” ฐานิชเจ้าเก่าคนเดิมออกความเห็น

                “เมื่อไหร่จะส่งไอ้ฐาไปอยู่ในธรรมสักทีครับพ่อ จิตใจทรามเหลือเกิน” สุริยาหันไปบอกพ่อพร้อมแซะน้องอยู่ในที

                “แหม ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะรับความทรามจากพี่มานั่นแหละ แล้วถึงผมต้องไปปฏิบัติธรรมบ้าอะไรนั่นพี่กับพี่ศิลาก็ต้องไปด้วยเพราะพวกพี่มาก่อนกำหนด”

                “พ่อก็ต้องไปด้วยสิ พ่อก็กลับก่อน” ศิลาโบ้ยให้บิดาบ้าง

                “อ้าว ไอ้พวกนี้ ฉันน่ะอยู่ในศีลในธรรมตลอดไม่ว่าจะอยู่ไหน ไม่รู้จักเอาดีอย่างพ่อมันซะเลยพวกแกนี่นา” ชายชรายังบ่นลูกไม่เสร็จก็ต้องชะงักคำพูดไว้เมื่อลูกสาวที่ห่วงหามาร่วมสัปดาห์ปรากฏกายเข้ามา เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินสามขาไปหาหญิงสาวพลัน

                เพชรงามสวมกอดรับไออุ่นจากคนเป็นพ่อไว้อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึงอาวรณ์จับใจ

                “ปลอดภัยดีนะลูก” มือเหี่ยวย่นลูบหัวลูกสาวหลังจากถอยมายืนมองเธอเต็มตา

                “หนูสบายดีค่ะ” เธอคลี่ยิ้มออกมา แล้วหันไปเผชิญหน้ากับพี่ชายทั้งหลาย “หนูมีใครบางคนอยากให้พวกพี่เจอ”

                รุตเดินเข้ามาพร้อมธวัช ส่วนคนที่ตามหลังมาคือธนาซึ่งถูกตำรวจสี่นายคุมตัวอยู่ หลังจากที่ธนายอมรับสารภาพ ธวัชก็พาเขาไปสถานีตำรวจเพื่อทำเรื่อง

                “สวัสดีครับคุณลุง จำผมได้ไหมครับ” ธวัชยกมือไหว้ผู้อาวุโสสูงสุด สิงห์ภพหรี่ตามองชายหนุ่มเพียงครู่เดียวประกายตาก็พรายพรั่งขึ้น

                “ทันใช่ไหม ไปอยู่ไหนมา” สิงห์ภพเดินเข้าไปจับเนื้อจับตัวธวัช เหล่าลูกชายทั้งสี่ก็เดินมาประจันหน้ากับพวกตำรวจด้วย

                “นี่มันเรื่องอะไรกัน” สุริยาเอ่ยถาม งงเป็นไก่ตาแตก

                “นายธนารับสารภาพแล้วครับว่าขโมยงานออกแบบของบริษัทคุณ” นายตำรวจช่วยกระจ่างความสงสัย

                “แกทำจริงๆ หรือเนี่ย หื้อ ไอ้เลว” ศิลาเงื้อหมัดจะซัดเข้าให้แต่ก็ถูกขวางเสียก่อนโดยไม้เท้าของคนเป็นพ่อ

                “ผมขอโทษนะครับคุณลุง” ธนาว่าเสียงกระเส่าพร้อมยกมือไหว้ขอโทษอย่างรู้สึกผิดจริงๆ

                “คนเราผิดพลาดกันได้ ไม่เป็นไรๆ” ชายชรายื่นปลายไม้เท้าไปลูบไหล่คนที่เขารักและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง

                “นายทำแบบนี้ได้ยังไงกัน” วิเชียรส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

                “ก็มีคนช่วยไงล่ะครับ” รุตว่าขึ้น ก่อนหันไปบอกธนา “ชี้ตัวสิว่าใครเป็นพวกเดียวกับคุณ”

                “ไม่มีฉันทำเอง” คนร้ายก้มหน้าปฏิเสธ

                “งั้นเล่ามาสิว่าคนนอกอย่างนายเข้ามาขโมยข้อมูลลับของบริษัทได้ยังไง” เพชรงามเอ่ยถาม สะกดสายตาให้เขามองเธอ

                “นั่นสิ เรื่องแบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้หรอก บอกมาเถอะบางทีอาจพอลดโทษให้ได้บ้างนะ” นายตำรวจเสริม

                “ก็บอกไม่มีไง” พยายามตะเบ็งเสียงเพื่อหวังกลบความกระเส่า

                “ไอ้เทน” ธวัชเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงกดต่ำอย่างกดดันคนฟัง ธนาสบตาใครบางคนก่อนเสมามองหน้าฐานิช

                “พี่ฐา” คนร้ายสารภาพในที่สุด

                “อะไร เรียกฉันทำไม” ฐานิชแทบผงะหงายหลังเมื่ออยู่ๆ ธนาก็เอ่ยชื่อเขา ทำให้ทุกสายตาในที่นั้นจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

                “พี่ฐาเป็นคนเอาข้อมูลมาให้ผม” ว่าโดยหลบตาฐานิช

                “ไอ้เทนพูดห่าไรวะ ผมไม่รู้เรื่องผมไม่เกี่ยวนะ” ผู้ต้องโทษส่ายศีรษะเป็นพัลวัน จ้องเขม้นไปยังคนร้ายที่กล่าวหาเขา

                “ไอ้ฐา กูว่าล่ะ แกเกลียดไดมอนด์มากจนอยากให้มันล่มจมมากขนาดนั้นเชียวเหรอ” สุริยาต่อว่า

                “มันเกินไปไหมวะไอ้ฐา จะแกล้งไดมอนด์ก็เล็งไปที่เธอคนเดียวสิ ทำไมต้องเอาบริษัทไปเกี่ยวด้วยแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะ ถ่มน้ำลายรดฟ้าให้ได้อะไรวะ ไม่น่าเลยมึง” ศิลาร่วมสั่งสอน

                “ไม่จริงนะ ผมไม่ได้ทำ พ่อเชื่อผมนะ แจ็คเชื่อพี่นะ”คนที่เริ่มมืดมนมองหาแสงสว่าง

                “ผมผิดหวังในตัวพี่จริงๆ” วิเชียรบอกเสียงเศร้า

                “ไดมอนด์แกเกลียดฉันแกก็เลยให้ไอ้สารเลวนี่ใส่ร้ายฉันใช่ไหม ความจริงนี่อาจจะเป็นแผนของแกทั้งหมดเลยก็ได้เพื่อหาเรื่องแกล้งฉันกลับไง ใช่ไหมล่ะ” ฐานิชดิ้นเป็นหนูติดจั่น พยายามคว้าหาตัวคนผิด แต่ก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวคนผิดพี่ชายทั้งสองก็ล็อกตัวเขาไว้ก่อน

                “ไม่ใช่พี่ฐา พี่ฐาไม่ได้ทำ” เพชรงามปฏิเสธแทนฐานิชเรียกให้ทุกสายตาหันให้มองเธอแทน หญิงสาวย่างสามขุมเขาไปหาวิเชียร “พี่แจ็คต่างหากคนร้ายตัวจริง”

                คำพูดของเพชรงามทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน และโดยไม่คาดฝันวิเชียรก็คว้าตัวหญิงสาวตัวหน้าเข้ามาล็อกคอไว้ มือหน้าคว้าอาวุธปืนที่ซ่อนไว้ออกมาก่อนจะว่าขึ้นด้วยเสียงเกรียวกราว

                “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะแต่แกก็หาเรื่องเองนังไดมอนด์ อย่า! ห้ามใครเข้ามานะ ไม่งั้นนังนี่ตายตอนนี้แน่” วิเชียรเบนปากกระบอกปืนไปทางรุตและธวัชที่ก้าวเข้ามาทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องชะงักกึกเมื่อปากปืนจ่อไปตรงขมับของหญิงสาวที่หน้าถอดสีลง แต่แววตาของเธอก็ยังคงแข็งขันเช่นเดิม

                “แจ็คคุยกันดีๆ นะลูก ปล่อยน้องก่อนเถอะนะ” สิงห์ภพที่ตกใจไม่น้อยเกลี้ยกล่อมลูกชาย

                “เพราะพ่อนั่นแหละต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าพ่อไม่รักมันมากกว่าพวกเราผมก็คงไม่ต้องทำแบบนี้ ผมไม่ชอบไดมอนด์ผมไม่ชอบที่เห็นมันดีกว่า ถึงพวกพี่จะไม่ชอบมันแต่มันก็อยู่ได้ด้วยตัวเองไม่เคยต้องก้มหัวให้ใคร แต่กับผมถึงจะมีพรรคพวกแต่ผมก็เป็นได้แค่ลูกไก่ที่ต้องเดินตามคนอื่น ไม่มีใครสนใจผมเลย พวกพี่มีครอบครัวมีลูกมีเมีย พ่อก็รักแต่ไดมอนด์ ไม่มีใครมองเห็นผมเลย” น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มไหลออกมา

                “พี่เกลียดหนูก็ทำหนูสิ จะยุ่งกับบริษัททำไม”

                “ฉันอยากให้ทุกคนเห็นว่าแกก็เป็นแค่อีกระจอก ไม่ได้เก่งเกินใครเหมือนที่พ่อเยินยอ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกแล้วไดมอนด์”

                “เดี๋ยว...” ธนาร้องห้ามขึ้น มือที่กำลังจะลั่นไกปืนอ่อนลง “หยุดเถอะแจ็ค ต่อให้นายฆ่าไดมอนด์ก็ไม่มีใครรักหรือสนใจนายมากขึ้นหรอก นายจะต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดและเสียใจไปตลอดชีวิต นายคิดมากไปเองว่าไม่มีใครรักแต่ทุกคนเค้ารักนายจริงๆ นะ พี่ก็รักนาย อย่าสร้างบาดแผลให้ตัวเองเลย เชื่อพี่นะ”

                เพชรงามอาศัยจังหวะที่วิเชียรกำลังเคลิ้มจับข้อมือเขาข้างที่จับปืนแล้วบิดหักมันจนได้ยินเสียงกระดูกหักกร๊อบ ชายหนุ่มส่งเสียงร้องลั่น รุตและธวัชพร้อมตำรวจสองนายเข้ามาช่วยยื้อแย่งปืนด้วย หญิงสาวหนึ่งเดียวถอยตัวออกมาแต่ยังเดินไปไหนไม่ได้ไกลปากกระบอกปืนก็หันเข้าหาแผ่นหลังของเธอก่อนเสียงปืนจะดังขึ้น

 

                คนที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลคือร่างของชายหนุ่มหน้าดีจัดคนหนึ่ง มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ พร้อมด้วยคนในครอบครัวของเธอที่นั่งบนโซฟาจนแน่นเอี๊ยด หลังจากส่งตัวคนร้ายเสร็จสิงห์ภพและลูกชายอีกสามคนก็กรูกันมาดูอาการของธวัชที่โรงพยาบาล

                “ไอ้เทนนะไอ้เทน ทำไมไม่บอกไปตั้งแต่แรกว่าเป็นไอ้แจ็ค ทำไมต้องโยนความผิดให้ฉันด้วย” ฐานิชที่ยังหงุดหงิดไม่หาย บ่นประโยคเดิมเกือบสิบรอบ

                “เลิกโวยวายสักทีไอ้ฐา เรื่องมันแล้วก็ให้แล้วไปสิ” สุริยาว่าอย่างรำคาญ

                “ใช่สิ ก็พี่ไม่โดนเหมือนผมนี่ ลองมาโดนด่าโดนสายตากดดันแบบนั้นแล้วจะรู้สึก”

                “เป็นไปได้ว่าไอ้แจ็คอาจจะสั่งไว้ก็ได้ว่าให้บอกว่าเป็นแก ทำกับมันไว้มากสงสัยมันหมั่นไส้” ศิลาออกความเห็น

                “พวกพี่ทำกับมันยิ่งกว่าผมอีก ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมไอ้เทนต้องทำเหมือนปกป้องไอ้แจ็คขนาดนั้นด้วย”

                “พวกคุณไม่รู้กันเหรอครับ” รุตที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมผนังว่าร่วมด้วย

                “รู้อะไรของแกไอ้รุต”

                “รู้ว่าสองคนนั้นเป็นแบบ... พวกแบบ... ชายรักชายไงครับ” การ์ดรุตว่ายิ้มๆ สร้างความตระหนกตกใจให้สามหนุ่มและหนึ่งแก่อีกครั้ง

                “จริงหรือรุต” สิงห์ภพทวนถาม

                “ไม่เชื่อถามเจ้านายสิครับ”

                เจ้านายของรุตยังคงนั่งนิ่งไม่แสดงความเห็นใดๆ

                “มิน่ามันถึงไม่ยอมมีเมียสักที” ฐานิชโคลงศีรษะ

                ธวัชกรพริบตาปริบๆ ก่อนจะลืมขึ้นเต็มตา ภาพแรกที่เขาเห็นคือใบหน้านวลงามคลี่ยิ้มออกมาบางเบา สำหรับเขาเพชรงามไม่ต่างอะไรกับเทพธิดาบนฟ้าเลยสักนิด เขาขยับตัวเล็กน้อยและนั่นก็ส่งผลให้แผลเกิดเจ็บแปลบขึ้นมา จนต้องร้องโอดโอย

                “อย่าเพิ่งขยับสิ เดี๋ยวก็กระทบกระเทือนแผลหรอก” เธอบอกเสียงดุตามสไตล์หากคนฟังก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่เจืออยู่ในน้ำเสียง

                “เจ็บจัง” คนเจ็บนิ่วหน้า วางมือลงบนแผลบริเวณหน้าท้อง

                “ขอบคุณนะคะคุณทัน” เธอยังจำภาพที่เขาปราดเข้ามารับลูกกระสุนแทนเธอได้ดี ถ้าไม่มีเขาคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงนี้คงเป็นเธอเอง ส่วนวิเชียรหลังจากเสียงปืนดังขึ้นสติก็กลับเข้ามา เขายอมมอบตัวกับตำรวจแต่โดยดีแม้เธอจะรู้สึกสงสารเขาจับใจเมื่อได้รับรู้เหตุผลของการกระทำสิ้นคิดนั้น แต่กระนั้นเมื่อเลือกที่จะทำแบบนี้ก็ต้องยอมรับให้ได้กับผลของมัน

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมยินดี” รอยยิ้มกระลิ่มกระเลี่ยปรากฏบนใบหน้าซีดเซียว คนทั้งห้าที่ลุกมาล้อมดูอาการคนเจ็บพร้อมใจกับเบือนหน้าหนีเมื่อธวัชเอาแต่มองเพชรงามตาเชื่อมราวกับโลกนี้มีเพียงเขากับหญิงสาวเท่านั้น

                “ลุงก็ขอบใจทันมากนะที่ช่วยลูกสาวลุงไว้” ชายชราว่า “รุตเล่าให้ลุงฟังหมดแล้วล่ะว่าทันคอยช่วยเหลือสองคนนี้ไว้ นี่ถ้ารู้สักนิดว่าไดมอนด์อยู่กับทันลุงก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก”

                “ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าไดมอนด์เป็นลูกสาวคุณอา ถ้ารู้ว่าคุณอามีลูกสาวสวยแบบนี้จีบตั้งแต่เด็กแล้วครับ”

                “น้อยๆ หน่อยไอ้ทัน” สุริยาว่าเสียงดุ ส่งตาขวางใส่

                “หวงน้องสาวหรือพี่”

                เพชรงามแอบมองพี่ชายคนโตด้วยความดีใจ ถ้าเขาหวงเธอจริงก็แสดงว่าเขารักและห่วงใยหรืออย่างน้อยก็คงเห็นว่าเธอเป็นน้องบ้าง

                “ไม่ได้หวง หวงทำไมมันโตเป็นควายแล้ว” เขาบอกปัดๆ

                “พี่มันหวงไหมไม่รู้ ที่รู้ๆ พ่อมันหวงมาก” สิงห์ภพข่มขู่

                “หูย ศึกหนักเลยอ่ะ” ส่งสายตาไปอ้อนไข่จงอางอย่างเพชรงาม

                “ร้ายนะยัยไดมอนด์ แล้วแกเอาไอ้เด็กส่งของไปไว้ที่ไหนซะล่ะ” ฐานิชเยาะเย้ยยียวน

                “หือ เด็กส่งของที่ไหน” คนเป็นพ่อหูผึ่งขึ้นมาทันที

                “ก็ไอ้คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังไงครับ ไอ้....”

                “กลับบ้านไปพักได้แล้วค่ะพ่อเริ่มดึกแล้ว พรุ่งนี้ไปเยี่ยมพี่แจ็คกัน” เพชรงามเอ่ยขัด ไม่ชอบใจนักที่อยู่ๆ บทสนทนาก็วกเข้าเรื่องส่วนตัวของเธอ “คืนนี้หนูขออยู่เฝ้าคุณทันนะคะ”

                “ไหวหรือลูก”

                “กลับไปพักที่บ้านเถอะครับเจ้านาย ผมอยู่เฝ้าคุณทันเอง อีกเดี๋ยวป้าบัวก็คงมาแล้วด้วย” รุตเสนอ

                คนเจ็บยิ้มเฝื่อนๆ ส่งให้หญิงสาว “เหนื่อยมาหลายวันแล้วกลับไปพักเถอะครับ ถ้าคิดถึงก็โทรมา”

                “โว้ย เบื่อพวกข้าวใหม่ปลามัน ไปดีกว่า” ศิลาที่ทนไม่ไหวกับคำหยอดของธวัชว่าแล้วเดินจากไปทันทีพร้อมสุริยาและฐานิช

                “หายไวๆ แล้วรีบมาทำคะแนนนะทัน” สิงห์ภพว่าทีเล่นทีจริง

                “ฉันไปก่อนนะ” หญิงสาวบอกชายหนุ่มทั้งสองแล้วลุกขึ้น เดินจากไปพร้อมบิดา

                “นายรุต” ธวัชรีบเรียกรุตเข้ามาหาทันที “เด็กส่งของที่พี่ฐาว่าคือใคร เกี่ยวข้องอะไรกับไดมอนด์ มีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร นายรู้ไหม” ที่เขาถามเพราะเขาสังเกตเห็นได้ว่าตอนฐานิชพูดถึงเด็กส่งของแววตาของเพชรงามก็วูบไหวอย่างเห็นได้ชัด

                รุตลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะบอกดีหรือทำเป็นไม่รู้ดี “เห็นแก่ที่คุณเคยมีบุญคุณผมจะบอกก็ได้ ไอ้นั่นชื่อโม่เคยเป็นแมสเซ็นเจอร์ที่บริษัท”

                “เเมสเซ็นเจอร์กับประธานบริษัท?”

                “ไอ้โม่มันชอบเจ้านาย แต่เจ้านายผมไม่ได้ชอบมันหรอกนะ เออ... ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่เจ้านายต้องออกมาตกระกำลำบากสาเหตุหนึ่งก็มาจากไอ้โม่เนี่ยแหละ ทุกคนเชื่อว่าไอ้โม่เป็นไส้ศึก มีเจ้านายคนเดียวที่ยืนยันว่ามันบริสุทธิ์ ไม่รู้ไปเอาอะไรมามั่นใจในตัวมัน” รุตเล่าพลางครุ่นคิดไปด้วย ในความรู้สึกเขาค่อนข้างแน่ใจว่าสองคนนี้ชอบกันอยู่แน่ๆ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้

                “ฉันจะทำยังไงดี” ธวัชยกแขนข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก เผลอใจไปรักแล้วต้องทำอย่างไรต่อไป

                “ทำใจ”

                “ซีเรียสนะ”

                “งั้นก็รีบตีตื้นสิครับ ช่วงนี้ไอ้โม่หายสาบสูญไปไหนไม่รู้ ผมเชียร์คุณนะเพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ทำให้ชีวิตเจ้านายผมตกต่ำ” แน่นอนว่าธวัชเจ้าของบริษัทจัดตกแต่งภายในทั้งยังควบธุรกิจนาฬิกาแบรนด์ใหญ่ย่อมมีความเพียบพร้อมและคู่ควรกับผู้เป็นนายของเขามากกว่ามานะคนต๊อกต๋อย

 

                ร่างบางซุกตัวลงใต้ผ้าห่มนวมบนเตียงหนานุ่มที่แสนคุ้นเคย เมื่อจัดท่าทางให้นอนได้สบายแล้วเธอก็ยกมือที่กำโทรศัพท์ไว้ขึ้นมา แสงเรืองรองจากหน้าจอส่องออกมาท่ามกลางความมืดมนของยามราตรี นิ้วเรียวยาวกดเลื่อนหน้าจอเพื่อโทรหาเบอร์ที่เธอไม่ได้รับสายเกือบ 40 สาย

                “อาไดม่อนนน ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม ตอนอาหายไปรู้ไหมผมห่วงอาแทบแย่ คราวหลังอย่าทำแบบนี้นะ งอนๆๆ... ไม่ต้องง้อหรอกนะเพราะแค่อาโทรมาผมก็หายงอนแล้ว พ่อเพิ่งกลับมาบอกว่าอากลับมาแล้ว ดีใจที่สุดเลย เดี๋ยวไปหานะ” สินบดีพ่นคำพร่ำครวญเสียยาวเหยียดด้วยความคิดถึง

                “หยุดๆ หยุดเลย จะมาทำไมดึกดื่น” ว่าพลางหัวเราะกับอาการของหลานชาย

                “ก็คิดถึงนี่ นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจออาซะแล้ว”

                “นี่ห่วงหรือแช่ง?”

                “ห่วงสิครับคุณอา ว่าแต่กับพี่โม่ถึงขั้นไหนแล้วครับ” เด็กหนุ่มแซวเสียงกรุ้มกริ่ม

                “ขั้นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” เพชรงามหน้าเห่อร้อนขึ้นมาพลัน

                “จริงเหรอ? แล้วพี่โม่เป็นไงบ้างอ่ะ อิงบอกโทรไปหาก็ไม่รับเหมือนกันเลย”

                “จะรู้ได้ไงล่ะ แทนที่จะถามว่าอาเป็นยังไงบ้างกลับถามหาคนอื่นซะงั้น”

                “อ้าว ก็หนีไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ” เพชรงามกลอกตาให้กับการใช้คำพูดของหลานชาย

                “พี่โม่ของเราเค้าไปหาแม่ ไม่ได้ติดต่อมาอาทิตย์กว่าแล้วล่ะ”

                “ไม่ต้องเศร้านะอา รักแท้ยังไงก็ไม่แพ้ระยะทางหรอก พรุ่งนี้ไปกินไอติมกันนะ เลี้ยงด้วยค่าทำให้ผมคิดถึง โอเค เลิกเรียนแล้วเดี๋ยวไปหานะครับ”

                “อือ” พูดมาแบบนี้เธอจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน

                “แค่นี้ก่อนนะอา ต้องช่วยแม่เก็บร้านต่อ ง่วงมาก”

                “อือๆ ฝันดีนะ”

                “ฝันดีเหมือนกันครับ จุ๊บๆ”

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา