Stony รักไม่ยาก

9.0

เขียนโดย WAFFLE_W

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.

  34 ตอน
  1 วิจารณ์
  33.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ใช่เลย โดนใจฉันเลย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เว็บขีดเขียน

               ผู้หญิงสวยใครๆ ก็อยากมองเป็นธรรมดา

               หญิงสาวในชุดเดรสสีพีชชินเสียแล้วกับการถูกจับจ้องเช่นนี้ เธอเติบโตขึ้นมากับความสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมทุกประการ... ในความคิดของคนอื่น

               เพชรงามเดินปั้นหน้านิ่งขึ้นไปร่วมงานวันเกิดของผู้เป็นเพื่อนของบิดา ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง โดยมีบอดีการ์ดหนึ่งนายตามหลังมา ใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักบอกให้รู้ว่าเธอไม่ต้องการมาที่นี่สักเท่าไหร่ เมื่อเข้าใกล้ประตูทางเข้างานหญิงสาวก็ชะงักเท้าไว้เมื่อสายตามองไปเห็นเทวา ชายหนุ่มน่ารำคาญที่ชอบยุ่งย่ามกับชีวิตของเธอยืนชะเง้อชะแง้อยู่ตรงนั้น

               “ฉันไม่อยากเจอหมอนั่น” หญิงสาวเอ่ยบอกการ์ดหนุ่มเสียงเรียบ เธอคร้านที่จะเสวนาพาทีกับเขาอีก แค่วันนี้ทั้งวันก็เหนื่อยเกินพอแล้ว

               รุตก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินเข้าไปหาเทวา เจรจาอยู่ครู่เดียวก็หลอกล่อให้เทวาเดินไปจากที่ตรงนั้นได้เพื่อเปิดทางให้เพชรงามเข้างาน

               เมื่อเข้ามาอยู่ร่วมโต๊ะกับบิดาแล้ว หญิงสาวยกมือไหว้เจ้าของงานพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยที่ระบายออกมาเพราะความมีมารยาททางสังคมมากกว่าจะเต็มใจยิ้มจริงๆ เพชรงามรับของขวัญจากการ์ดหนุ่มคู่ใจที่เพิ่งเดินเข้ามาหาแล้วส่งให้เจ้าภาพ

               “ขอบคุณนะหนูไดมอนด์” ประวิทย์ว่าก่อนจะหันไปทางทางพ่อของหญิงสาว “ขอบคุณท่านประธานด้วยนะครับที่มางานผมวันนี้”

               “คนกันเองคุณวิทย์ นี่คุณจะเรียกผมว่าท่านประธานไม่ได้แล้วนะครับ ต้องคนนี้สิ” สิงห์ภพวางมือบนไหล่ลูกสาว เจ้าของไหล่เกิดอาการกระตุกเล็กน้อย

               “อ้อ ตอนนี่หนูไดมอนด์ขึ้นมาเป็นประธานเฟรนซีแล้วนี่นา” ประวิทย์ว่าอย่างเอาใจผู้บริหารคนใหม่ป้ายแดงของเฟรนซีคอร์เปอเรชัน บริษัทผลิตนาฬิกาที่มียอดขายอยู่ในลำดับต้นๆ ของไทย ทั้งยังส่งออกไปอีกหลายประเทศ เกิดจากฝีมือและแนวคิดของคนไทยอย่างสิงห์ภพ มงคลชัยกุล “ผมเองก็อยากออกมาพักผ่อนเหมือนกันแล้วแหละคุณสิงห์ ว่าจะให้ลูกชายเข้าไปทำงานแทน เพิ่งเรียนจบจากนอกมาหมาดๆ เลยนะ ตาเวนิสไหว้คุณอาสิงห์ซะสิ”

               ประวิทย์เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมที่ขยายออกไปไกลหลายสาขา

               ชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านที่มัวแต่จ้องท่านประธานคนใหม่ไม่วางตา โดนศอกบิดากระทุ้งเบาๆ ให้รู้สึกตัว เขายกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับคุณอาสิงห์”

               “อื้อ โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเหลาเชียวนะ ยังไงก็ยินดีล่วงหน้าด้วยสำหรับว่าที่นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรง ทำความรู้จักท่านประธานไว้สิ ยังไงก็ต้องร่วมพึ่งพากันอยู่แล้ว ไดมอนด์ลูกสาวอาเอง” ชายชราว่าด้วยน้ำเสียงใจดี

               “ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องไดมอนด์” ยื่นมือไปตรงหน้าหมายให้เธอจับ

               “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลวกๆ เวนิสพยักหน้าชักมือกลับด้วยอาการ 'เฟล' เล็กน้อย

               “หนูไดมอนด์นี่ยิ่งโตยิ่งสวยนะ เหมือนคุณแม่ไม่มีผิด” ภรรยาของประวิทย์กล่าวแสดงความเห็นด้วยความเอ็นดู แต่ดูเหมือนเธอจะลืมนึกไปว่าไปสะกิดโดนแผลใจของใครคนหนึ่งเข้า สิงห์ภพจึงชวนเปลี่ยนเรื่องสนทนา

               “ไอ้เรามันคงแก่เกินแกงกันแล้วล่ะครับ นี่คุณสุเทพก็เอาลูกชายไปฝากทำงานที่บริษัทได้เกือบอาทิตย์แล้วนะ ยุคนี้คงต้องรามือ ปล่อยให้เด็กๆ เขาบริหารจัดการกันไป เรียนรู้กันเข้าไว้ เกิดเราเป็นอะไรไปเขาก็จะได้อยู่รอด”

               สิงห์ภพว่าอย่างปลงอนิจจัง ทำให้ลูกสาวหันมามองอย่างไม่ชอบใจ เกลียดนักเชียวไอ้คำพูดเหมือนจะตายวันตายพรุ่ง เพราะคำพวกนี้แหละที่ทำให้เธอจำต้องตกมานั่งเก้าอี้ประธานบริษัท

               “ผมเองก็อยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนตายครับ อย่างคุณสิงห์ลูกชายก็แต่งงานไปแล้วตั้งสามคน แต่ตาเวนิสนี่สิที่ยังโส๊ดโสด หัวใจยังว่างสนิท บอกให้หาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ก็บอกผัดอยู่เรื่อยว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเจอหรือยัง” ว่าเสียงกรุ้มกริ่ม นำเสนอลูกชายเต็มที่ สายตาเมียงมองไปที่เพชรงามอย่างจับจอง

               “สงสัยจะเจอแล้วครับพ่อ” หนุ่มรูปงามโต้ตอบรับคำเสียงหวาน

               “คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันค่ะ” แม่ของเขาเปรยสนับสนุน

               สิงห์ภพแค่นหัวเราะออกมาร่วมกับหนึ่งสาวสองชายด้วย รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างลอยมาจุกที่อก มือที่จับไหล่ลูกสาวไว้กระชับแน่นมากขึ้น ปกติเขาเป็นคนใจดี ใครต้องการอะไรถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขายินดีแบ่งปันให้เสมอ ทว่าก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาหวงแหนมากที่สุด

               ลูกสาวข้าใครอย่าแตะ!

               สักพักแขกอีกสองคนก็เดินมาร่วมโต๊ะด้วย สุเทพพี่ชายของเจ้าของงานและเทวาลูกชายของเขา

               “แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะน้องรัก นี่ของขวัญหวังว่าแกคงชอบนะ” สุเทพยื่นกล่องของขวัญใบจิ๋วไปให้ ใบหน้าดูไม่มีความจริงใจให้เลยสักนิด เป็นที่รู้กันอยู่ว่าพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยกินเส้นกัน

               “ขอบคุณ” ผู้เป็นน้องรับของขวัญมาเก็บไว้

               “แล้วนี่คุยอะไรกันอยู่น่าสนุกเชียว ขอแจมบ้างสิ”

               “ก็คุยสารทุกข์สุขดิบทั่วไปน่ะครับ” สิงห์ภพตอบ

               “อ้าว ท่านประธานมาด้วยเหรอครับ กะว่าจะหาโอกาสเข้าไปพบอยู่พอดี ตาทัชทำงานเป็นยังไงบ้างครับ” ถามอย่างคนคุ้นเคยกัน เขาเพิ่งฝากลูกชายให้เข้าไปฝึกเรียนรู้งานที่เฟรนซีคอร์เปอร์เรชัน เพื่อเตรียมตัวมาบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขา

               “ก็ดีค่ะ” แต่คงดีกว่ามากถ้าอยู่เฉยๆ

                “ผมก็ว่าจะดันลูกชายเข้าไปทำงานเร็วๆ นี้เหมือนกันครับ งั้นโอกาสนี้ผมขอฝากเวนิสให้ไปเรียนรู้งานด้วยอีกคนนะ ยังไงก็ฝากท่านประธานช่วยดูแลด้วยนะครับ” เจ้าของงานว่าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้พี่ชาย

               ท่านประธานอึกอัก สีหน้าลำบากใจ ด้วยไม่ใคร่อยากหาเหาใส่หัวหาเรื่องใส่ตัว

               “น้องไดมอนด์งานยุ่งจะตาย คงไม่มีเวลาไปดูแลใครหรอกครับอาวิทย์” เทวาชิงตอบแทนอย่างไร้มารยาท มองเวนิสด้วยสายตาดุดันเป็นจงอางหวงไข่

               “คุณพ่อพูดกับน้องไดมอนด์ ไม่ใช่นาย” คนถูกมองลุกขึ้นต่อกรตอบโต้บ้าง

                สิงห์ภพเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยขึ้นกันเรื่อง “นี่ทัชกับเวนิสจบจากที่เดียวกันนี่ ใช่ไหม คงจะสนิทกันดีนะ”

                “ไม่สนิท” ทั้งสองตอบพร้อมกันด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างลืมตัว และก็เป็นเทวาที่เปิดปากพูดประโยคต่อไปก่อน

                “พอดีผมเรียนจบก่อนนายเวนิสน่ะครับ”

                “เราเรียนจบพร้อมกัน ผมแค่ลงเรียนคอร์สเพิ่มอีกจะได้เพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง เผอิญผมเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนครับ” ว่าอย่างไม่มีน้อยหน้า

                จังหวะที่น้ำกำลังขึ้นเดือดนี่เองที่ประวิทย์เรียกลูกสาวให้เข้ามาหา เธอเป็นสาวสวยสมัยใหม่ขนานแท้ ลักษณะเป็นคุณหนูถูกสูตรต้นฉบับเป๊ะ ข้างกายมีชายหนุ่มหน้าตาดียืนเป็นที่ควงให้ด้วย

                “สวัสดีค่ะคุณสิงห์ภพ สวัสดีค่ะลุงเทพ” ว่าพร้อมไหว้อย่างมีจริต

                “สวัสดี นี่แฟนหนูเวนดี้หรือ สงสัยคุณวิทย์จะได้จัดวิวาห์สมใจซะแล้ว” สิงห์ภพทักทายตอบ ก่อนจะหันมาเอ่ยแซวเพื่อนทางธุรกิจ “เวนดี้จะชิงตัดหน้าแต่งงานก่อนไดมอนด์แล้วนะเนี่ย”

                “ไม่หรอกครับ จะว่าไปให้เวนดี้กับไดมอนด์แต่งพร้อมกันเลยก็ดี ลูกผมสองคนจะได้แต่งงานในงานเดียวกัน” ว่าให้ความนัยอย่างมีชั้นเชิง

                “งั้นก็ดีเลยครับ หนูไดมอนด์แต่งวันไหน ตาทัชของผมก็คงแต่งวันนั้นเหมือนกัน” สุเทพเอ่ยแทรก ไม่ยอมให้ใครคาบชิ้นเนื้อที่เขาหมายตาไว้ไปง่ายๆ หรอก แม้จะคาบไปไว้ในปากแล้ว เขาก็จะเอาไม้ทุบตีให้มันคายออกมา

                หนูไดมอนด์ที่ตกเป็นตัวละครหลักของกลุ่มสนทนาลอบถอนหายใจน้อยๆ สีหน้าปั้นยากนั้นไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งที่ในใจกลับอึดอัดเต็มทน

               “ขอตัวนะคะ” เธออาศัยจังหวะนั้นแวบออกมาทันที ก่อนจะจางหายเข้าไปในฝูงชนที่แห่แหนมาร่วมงานเสมือนว่าที่นี่เป็นงานแสดงสินค้าโอทอปนำข้าวของมาแจกจ่ายฟรีไม่มีผิด

               เทวาและเวนิสลุกขึ้นพลัน สอดส่ายสายตามองหานางรจนาของตนเพื่อชิงกันรับพวงมาลัยจากนาง ทั้งสองแย่งกันหาตัวหญิงสาวราวกับว่าถ้าได้เจอตัวเธอก็จะได้เป็นผู้ครอบครองพวงมาลัยพวงนั้นด้วย

               

                บริกรหนุ่มวางถาดเปล่าลงบนโต๊ะเครื่องดื่ม มือหนาขยับหูกระต่ายให้เข้าที่ขณะที่ในความคิดก็นึกไปถึงใบหน้างดงามของหญิงสาวที่เพิ่งเดินสวนมา ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันถึงทำให้หัวใจเขาวูบไหวขึ้นมาได้... ก็คงเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่งที่ชอบใช้เงินซื้อทุกอย่าง แต่ทำไม... เขาถึงรู้สึกอยากรู้จักเธอนัก ความจริงเขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้างานมาแล้ว ชุดเดรสสีพีชเปรี้ยวอมหวานที่ดูธรรมดาเมื่อเทียบกับหญิงสาวคนอื่นในงาน แต่พออยู่บนร่างของเธอมันกลับดูทรงค่าขึ้นมาด้วยองค์ประกอบที่ประจวบเหมาะทุกสิ่งอัน ทรงผม ใบหน้า อก เอว สะโพก เรียวขา

               แม่เจ้าโว้ย ช่างโดนใจไอ้โม่คนนี้ซะจริงๆ

                เขาแอบลอบมองเธออยู่ตลอด จนรู้ว่าตั้งแต่เข้ามาเธอแสยะยิ้มออกมาแค่ครั้งเดียว อยากเข้าไปถามเหลือเกินว่า จำเป็นไหมที่หน้าต้องนิ่งขนาดนั้น ไม่รู้บุญพาหรือวาสนาส่งที่ได้ไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เจ้าของงาน ทำให้มีโอกาสเข้าไปยืนจ้องหน้าเธอใกล้ๆ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่

                อยู่ไหนกันนะ...

                “โอ๊ย ขอโทษค่ะ” ไม่ต้องหาที่ไหน อยู่ๆ ฟ้าก็ประทานเธอมาให้ถึงที่ แต่ทำไมไม่พามาดีๆ ล่ะ จำเป็นไหมที่ต้องมาเหยียบเท้ากันด้วย

                “โอ๊ยยย”

                “ขอโทษค่ะ” กล่าวซ้ำอีกครั้งแล้วก็เดินไปสะกิดชายชุดดำคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะอาหารบุพเฟ่ต์ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนักยังพอให้เขาได้ยินเสียงดุๆ ของเธอได้

                “กลับบ้านได้แล้ว” เธอว่าเสียงเรียบเฉียบขาด

                “รีบกลับทำไมครับ ชิมมะม่วงนี่หรือยังครับ หวานกรอบ อร๊อยอร่อย” การ์ดหนุ่มชวนกินโดยที่อาหารยังเต็มปาก

                “กลับบ้าน!” เสียงเข้มขึ้นนิดหนึ่ง

                “บ้านไม่หนีไปไหนหรอกฮะ งานยังไม่เลิกเลย กลับตอนนี้จะเสียมารยาทเอานะครับ” รุตเอ่ยเตือนอย่างคนมีอายุมากกว่า เขายังกินได้ไม่ครบทุกอย่างเลย อาหารเยอะขนาดนี้ กินไม่หมดกันหรอก ถ้าเขาไม่เสียสละช่วยกินนี่เสียดายแย่เลย

                “เชิญนายกินจนพุงแตกตายเป็นเฒ่าชูชกไปเลย เอากุญแจรถมา” หญิงสาวยังคงว่าเสียงเรียบแบบนิ่งขรึม ชายหนุ่มหยิบซูชิเข้าปากก่อนจะคว้ากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงยื่นให้ หญิงสาวรับมาแล้วจ้ำอ้าวจากไป

                ครู่เดียวก่อนที่สตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่สีแดงฉ่ำจะทันเข้าปาก รุตก็ปล่อยมันลงที่เดิมแล้วรีบวิ่งตามเพชรงามไป

               “เจ้านายเปิดประตูรถให้หน่อย เจ้านายครับ เปิดหน่อยครับ” การ์ดรุตทำเสียงไม่สู้ดีนักพลางทุบกระจกรถตรงด้านคนขับ เพื่อขอให้เจ้านายที่สตาร์ทเครื่องแล้วเปิดประตูออกให้

               หญิงสาวเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกไป คร้านจะสนใจไยดีคนเห็นแก่กิน

                สุดท้ายรุตก็จำต้องโบกแท็กซี่แถวนั้นกลับบ้าน

               ไม่น่าเล่นกับเธอเลยจริงๆ

               

                “คุณพี่คะ คุณเพชรงามนี่คะ”

                “คนไหนน่ะ”

                “ก็ชุดสีพีชที่ยืนอยู่ตรงนี้เมื่อกี้ไงคะ”

                “อ๋อ นึกว่าเป็นดารา ไม่ใช่หรือคะ”

                “ไม่ใช่คะ นั่นคุณเพชรงาม ลูกสาวคุณสิงห์ภพที่เป็นเจ้าของนาฬิกาเฟรนซีไงคะ เห็นว่าตอนนี้ขึ้นมาเป็นประธานแทนคุณพ่อแล้ว วงในแอบเม้าท์กันสนั่นว่านางเป็นลูกโอ๋ ถูกสปอยล์มาแบบสุดๆ คิดดูสิคะแทนที่จะเป็นพี่ชายทั้งสี่คนกลับเป็นน้องสาวคนเล็กอย่างนางที่ได้เป็นใหญ่สุด”

                “จริงหรือคะคุณน้อง ทั้งสวยทั้งรวยแบบนี้คงหนีไม่พ้นคุณหนูใจแตกแน่เลย”

                “นางคงร้ายเงียบมั้งคะ ทุกครั้งที่น้องเจอนางดูนิ่งๆ หยิ่งๆ ค่ะ ประมาณว่าฉันสวยและรวยมากจะจิกใครก็ได้”

                “นางมีแฟนหรือยังคะ”

                “ไม่เคยได้ยินข่าวว่านางยุ่งกับใครเลยค่ะ ไม่มีใครเอามั้งคะ”

               “คุณน้องก็ว่าไป ผู้ชายที่ไหนจะไม่อยากลิ้มลองผลไม้ลูกสวยราคาแพงแบบนี้”

                “ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงไงคะ ทั้งสวยและรวย ซ้ำอายุอานามก็ใกล้สามสิบแล้วแต่ไม่เคยเกี่ยวพันปันสานกับผู้ชายมันน่าแปลกนะ สงสัยไม่มีใครรับนิสัยนางได้ เงียบๆ นี่แหละอันตรายค่ะ”

               สองสาวไฮโซพากันหัวเราะคิกคักกับประเด็นนินทา ไม่ว่าจะเป็นใคร รู้จักหรือไม่รู้จัก แค่ได้วิจารณ์นินทาให้สนุกปากก็มีความสุขแล้ว

              มานะที่บังเอิญหูดีได้ยินเสียงนกแก้วนกขุนทองแว่วเข้ามาก็เลยเผลอทำหูตั้งตั้งใจฟังเสียจนจบ ประมวลผลทุกอย่างไม่เกินห้านาที รอยยิ้มเปรมปรีดิ์ก็ปรากฏขึ้นมา

               ปฏิบัติการหนูตกถังข้าวสารเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา