สองภพ สองชะตา
-
เขียนโดย แมวประกาย
วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.57 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,442 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 00.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) แสงสีขาวประหลาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ควิน!"
"..."
"ยัยควิน!"
"หืม?" ผู้ถูกเรียกชื่อสะดุ้งตัวและเอ่ยขึ้นหลังจากเหม่อลอยออกหน้าต่างมานานสองนาน
"แกเป็นอะไรของแกเนี่ย ฉันเรียกแกตั้งนานแล้วนะ" เพื่อนสาวถามพลางเลิกคิ้วพร้อมกับเท้าคางตัวเองเพื่อฟังคำตอบ เพราะเพื่อนเธอเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว!!
"ไม่มีอะไรหรอก...ฉันแค่..คิดอะไรนิดหน่อยนะ" หญิงสาวตอบแม้จริงๆแล้วไม่ใช่คิดอะไรนิดหน่อยหรอกแต่เธอคิดมานานแล้วต่างหากเพราะเหตุการณ์ที่เกิดมาหลายวันนี้ทำเอาเธอไม่สงบเสียที
เมื่อหลายวันก่อน...
ช่วงเย็น "Happy birth day to......you สุขสันต์วันเกิดนะควิน!"
"เป่าแล้วอธิฐานเลยย"
ฟูวววววว
พรึบ!!!
"ขอบคุณทุกคนที่มาฉลองวันเกิดกับควินวันนี้ และแน่นอนค่ะ คืนนี้เราจะมาสนุกให้สุดเหวี่ยงไปเลยยยย!!"
"เฮ้!!!!!!"
"18 ปีแล้ว มีความสุขมากๆนะ!!"
ผู้คนมากมายแห่เข้ามาอวยพรวันเกิดครบรอบ18ปีกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอนมีดวงตากลมและหางตาเชิ่ดขึ้นดั่งหงส์ นัยตาสีน้ำเงินดูน่าหลงใหลดูรับกับจมูกโด่งและปากสีชมพูอ่อนคล้ายลูกพลับทำให้เธอมีใบหน้าที่อ่อนหวานแม้เดินผ่านผู้ชายยังต้องเหลียวหลัง เธอมองผู้คนมากมายอยู่บนเวทีท่ามกลางรอยยิ้มและความสุขและยืนรับของขวัญมากมายหลายสีหลังจากที่เธอตัดเค้กก้อนโตเรียบร้อยแล้ว...วันนี้ควินใส่ชุดเดรสสีขาวยาวระดับเข่าซึ่งทำให้เธอเป็นจุดเด่นมากในงานนี้ และหลังจากได้รับของขวัญเสร็จหมดแล้วงานก็เริ่มขึ้น เสียงเพลงดังสนั่น ผู้คนโยกย้ายส่ายสะโพกท่ามกลางสปอร์ตไลท์ที่ส่องลงมามากมายจนทำเธอเริ่มลายตาจนต้องเริ่มปลีกตัวออกมานอกระเบียงเพื่อสูดอากาศข้างนอก
รอบตัวเธอมีตึกสูงมากมายที่บอกถึงความเจริญบ้านเมือง มีแม่น้ำล้อมล้อมตัวเมืองเป็นจุดเด่นและมีแสงสีส้มระยิบระยับตามตึกต่างๆบ่งบอกได้เลยว่าเมืองแห่งนี้ไม่เคยหลับเคยนอน...ใช่แล้ว..เธออยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้
"เฮ้อ...18ปีแล้วอะไรๆก็มีแต่เรื่องเดิมๆ ฉันก็เบื่อเป็นนะโว้ยยยย"
หญิงสาวถอนหายใจยาวพลางตะโกนออกข้างนอกเสียงดังเมื่อคิดเรื่องซ้ำๆซากๆในแต่ล่ะปีที่ผ่านมา..ไม่มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นสักนิด!!
เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองดูดวงจันททร์ที่ทอแสงลงมา ช่าง...สวยเหลือเกิน ทว่าในใจเธอเริ่มหมองเศร้าต่างกับดวงจันทร์ตรงหน้าที่สว่างไสวขึ้น เธอมักจะนึกถึงผู้หญงิคนหนึ่งเสมอ ถึงแม้เวลาจะผ่านมานับเกือบสิบกว่าปีแล้ว
"แม่คะ...ปีนี้พรที่หนูขอคือ..อยากให้แม่กลับมาหาหนู...มันจะเป็นไปได้มั้ย"
ครืนนนนน..! ครืนนนนน...!
เมฆเริ่มรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ค่อยๆบดบังดวงจันทร์เรื่อยๆและเริ่มมีเสียงร้องที่น่ากลัว ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดง...
วาบบบบบ!!
ทันใดนั้นเองก็เกิดแสงสีขาวโพลนไปทั่วท้องฟ้าจนเธอเองต้องใช้มือบังตาตัวเองเพราะแสงมันสว่างมากเกินไป
"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?"
พรึบ!!!
พูดไม่ทันขาดคำจู่ๆไฟในฮอลก็ดับลง ผู้คนเริ่มส่งเสียงดังไม่ขาดสาย
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"
"ว๊ายย อะไรกันเนี้ยยย"
"ทุกคนอยู่ในความสงบด้วยครับ ไฟดับเฉยๆครับ รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่!!"
ควินเริ่มก้าวเข้าไปในงานเพื่อจะไปตรวจสอบความผิดปกติ ก็แหงล่ะ เธอเป็นเจ้าภาพของงานนี้จะให้เธออยู่เฉยๆได้ยังไงกัน! หวืดดดด...
"อ๊ะ.."
ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็เริ่มรู้สึกแปลกๆตาเริ่มพร่ามัว ภาพเป็นสีขาวสลับดำ ความรู้สึกเหมือนตัวกำลังถูกดูดจากด้านหลัง.. พระเจ้า มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอเนี่ย ตอนนี้เธอขยับตัวไม่ได้สักนิด ตาของเธอเริ่มค่อยๆปิด และหลับลงในที่สุด...
.
.
.
.
"แม่นางนี้คือผู้ใดรึ?"
"ข้าก็มิรู้เช่นกัน...ทำไมมานอนตรงนี้ได้ล่ะ"
"ทำไมแม่นางผู้นี้แต่งตัวประหลาดจัง"
"นางมาจากแคว้นใด ทำไมใส่ชุดประหลาดเยี่ยงนี้"
เสียงซุบซิบรอบๆ ปลุกเธอขึ้น เธอค่อยๆลืมตาและพบว่าคนมากมายใส่ชุดเหมือนคนสมัยก่อนกำลังมุงดูเธออยู่พร้อมกับชี้มาที่ตัวเธอเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด เธอก้มมองสำรวจตัวเองชุดก็ยังคงเป็นชุดเดรสจากงาน ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่เนี่ย? เธอกำลังฝันไปหรอ?
"สรุปมิมีใครรู้หรอกรึ"ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา
"เจ้ามิถามนางล่ะ" ชายที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น
"เจ้าสิถาม" ชายคนนั้นก็เริ่มเกี่ยงกับชายข้างๆ
"แม่นาง...แม่นางมาจากแคว้นใดรึ?"
ในที่สุดก็มีคนใจกล้าถามขึ้นมาหลังจากมีคนเริ่มเกี่ยงกัน
"ฉัน...หรอ?" หญิงสาวที่นั่งอยู่ ชี้มาหาตัวเอง พร้อมเลิกคิ้ว
ฮือออฮาาาาฮือออฮาาา
ตอนนี้คนเริ่มพูดคุยกันเสียงดังมากขึ้นเพียงเพราะเธอพูดเพียงสองคำ! มันคืออะไรล่ะ พวกเขาไม่เข้าใจที่เธอพูดต่างหาก ภาษาสมัยใหม่แบบนั้น!
"จะ...เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ?" ชายคนเดิมเริ่มถามอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เขาเริ่มหวาดกลัวเพราะเริ่มคิดว่านางผู้นี้สติไม่ดีรึป่าว?
"ฉัน..มาจาก...เซี่ยงไฮ้ ที่นี่..คือที่ไหน?" หญิงสาวเริ่มพูดช้าๆ เพื่อต้องการสื่อให้คนรอบข้างเข้าใจมากขึ้น เธออยากจะหลุดพ้นจากที่นี้แล้วเนี่ย!
"ที่แห่งนี้คือแคว้นฉิน เจ้ามิรู้จักหรือ..." เสียงทุ้มนุ่มกล่าวขึ้น ผู้คนเริ่มหันไปมองผู้มาใหม่เป็นตาเดียว
ชายผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามดั่งอิสตรีคิ้วโก่งหากัน ดวงตาเรียวนัยตาสีอัมพันคล้ายอัญมณีราคาแพง จมูกโด่งสวยเป็นรูป ริมฝีปากบางเฉียบแดงระเรื่อตัดกับชุดที่ใส่ชุดสีฟ้าอมม่วงที่ดูมีราคาและบ่งบอกถึงความมีฐานะ
...ฮือฮาฮือฮา...
เสียงเริ่มดังระงมอีกครั้ง พวกผู้หญิงเริ่มหน้าแดงซ่าน บ้างก็ทำเป็นหกล้มบ้าง หากลยุทธ์เล็กๆเพื่อมัดใจชายผู้นี้ แต่หาชายผู้นี้ได้สนใจไม่ กลับเดินฝ่าวงไปหาร่างบางที่นั่งงงอยู่ในท่ามกลางหมู่คนมากมาย
"เห็นทีเจ้าจะเป็นแขกต่างแคว้น...หากข้าจะชวนเจ้าไปโรงน้ำชากับข้าเป็นการต้อนรับ จักเป็นการดีหรือไม่" ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นพร้อมผายมือไปทางหญิงสาวตรงหน้า
เธอเริ่มประเมินดูคนตรงหน้าและพิจารณามือที่ยื่นออกมา แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเลิกล้มความคิดทั้งหมด เพราะเหตุการณ์นี้เธอไม่ต้องการตกเป็นเป้าสายตาของคนมากมายขนาดนี้ ถ้าหากชายคนนี้ยื่นมือมาช่วยเธอเอง เธอก็รับไปหน่อยจะเป็นไรไป!
พรึบบบ!
หญิงสาวเอื้อมจับมือที่ยื่นมาข้างหน้าเธอ มือนั้นก็กระตุกแรงเล็กน้อยเพื่อให้เธอยืนขึ้นได้ แต่ใครจะรู้ว่าแรงนั้นมันทำให้ร่างเธอปลิวมาซบอกของชายผู้นี้!!
"เจ้าคิดมิผิดหรอกที่มากับข้า...อย่ากังวลไปนัก"
เหมือนเขาจะอ่านใจเธอออก เพราะตอนนี้หน้าเธอแดงซ่าน ดูเหมือนจะเขินก็ไม่ปาน โกรธก็ไม่ปาน
"ไปกันเถิด"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอีกครั้ง แล้วเดินนำหน้าไปก่อนเธอไปหนึ่งก้าว ทั้งสองเดินฝ่าวงล้อมของผู้คนมากมายที่ยังจับตามองอยู่ อีกคนมีรูปร่างสง่างาม อีกคนมีหน้าตาที่สะสวยใส่ชุดประหลาดแต่กลับดูเข้ากันและงดงามยิ่งนัก
เมื่อเธอคิดว่าเธอหลุดพ้นจากสายตามากมายแล้ว เธอก็โพล่งออกไปกับบุรุษข้างหน้าทันที
"ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว ขอบใจนายมาก แต่ตอนนี้ฉันต้องหาทางกลับบ้านก่อนจะไม่มีเวลา"
"..."
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากคนคนข้างหน้า แต่ฝีเท้ากลับก้าวต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"งั้นฉันไปล่ะนะ บายล่ะจ้า"
เธอพูดจบยกมือโบกลา แล้วรีบหมุดตัวออกไปทันที
"ช้าก่อน..."
ไม่ทันได้ก้าวออกไป ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาดักไว้ซะก่อน อะไรของนายอีกเนี่ย! หญิงสาวลอบคิดในใจ
"ข้าเอ่ยกับเจ้าแล้วว่าข้าจะพาเจ้าไปจิบชากับข้า" เขาพูดแล้วหมุดตัวกลับมา
"อ่าว...ฉันยังไม่ตอบเลยว่าจะไป อีกอย่างฉันไม่มีเงินจะเลี้ยงนายหรอกนะ"
เธอรีบพูดรีบจบแล้วหมุนตัวเดินออกไปอีกครั้ง
"หากเจ้าไปกับข้า ข้าจะช่วยเจ้า"
กึก!
"ว่าไงนะ"
"ข้ามิรู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงทำตัวแปลกนัก ทั้งยังเอ่ยภาษาแปลกๆที่ผู้คนที่นี้มิรู้จัก แสดงว่าเจ้ามาจากต่างถิ่นเป็นแน่ เพราะงั้นมิสู้ไปจิบชากับข้าแล้วช่วยกันแก้ปัญหาจะมิดีกว่าหรือ"
ชายหนุ่มถามพลางเลิกคิ้ว...
"ว้าววววว ไม่อยากจะเชื่อเลยมีที่แบบนี้อยู่บนโลกจริงๆอ่ะ" เธอกล่าวพร้อมมองไปรอบๆตัวอย่างตื่นเต้น รอบๆเธอเต็มไปด้วยสาวสวยมากมายใส่ชุดสีแดงโชว์ความสามารถทางด้านการแสดงทั้งการรำและการร้อง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอทึ่งหรอกนะ แต่สิ่งที่เธอทึ่งก็คือ มีเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่ม ไม่ใช่แค่นั้นยังมี ดวงไฟลอยขึ้นไปอยู่ข้างบนเป็นเหมือนแสงสว่างให้กับโรงชา แต่สิ่งที่เธอชอบที่สุดคือแค่นั้นอากาศในนี้ยังเย็นสบายเหมือนติดแอร์เพราะมีอะไรบางอย่างเป็นสีขาวเล็กๆร่วงลงมารอบๆแต่พอหล่นถึงพื้นก็สลายไปเป็นอากาศ และยังมีพายุเล็กๆคอยเก็บจานจากลูกค้าที่ทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนสิ่งพวกนี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้ นอกจากมีคนควบคุมมันอยู่!!!
"ที่บ้านเจ้ามิมีแบบนี้หรือ" มองดูเธอแล้วยกยิ้มขึ้น พร้อมกับรับชาจากเถาวัลย์ที่เลื้อยขึ้นมา
"โหยยย ไม่มีหรอก แต่ถ้ามีจะดีสุดๆไปเลย" เธอตอบพร้อมกับรับชาจากเถาวัลย์ที่เคลื่อนมาฝั่งเธอพร้อมกลับลูบคลำเถาวัลย์นั้นสักหน่อย ตายแล้ว อะไรจะเหมือนของจริงเบอร์นั้นเนี่ย เธอคิดในใจ
"อุบ..หึๆ" ชายหนุ่มแอบขำกับกระทำของหญิงสาว เธอช่างประหลาดจริงๆ
"ขำอะไรของนาย ก็ที่บ้านฉันไม่มีแบบนี้จริงๆนี่" เธอถลึงตาใส่ พร้อมกับจิบชาตรงหน้า
"แสดงว่าเจ้ามิมีเวทใดๆเลยใช่มั้ย"
"เวทอะไรหรอ?" เธอถามพร้อมเอียงหน้าสงสัยเล็กน้อย
"เจ้าคงมิรู้จริงๆ เอาล่ะ ข้ามีนามว่า เฉียวฟง ข้าเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น แล้วเจ้าเป็นผู้ใด มาจากแดนไหนกันหรือ"
"ฉันชื่อควิน เป็นคนธรรมดาๆ ฉันมาจากเซี่ยงไฮ้ และฉันเดาว่านายต้องไม่รู้จักที่นั่นแน่ๆ" เธอพูดขึ้นแล้วเริ่มลงมือกับเจ้าขนมสีเขียวที่ส่งมาจากเจ้าเถาวัลย์น่ารักๆนี้ เฮ้อ ทำไงเธอจะมีความสามารถทำแบบนั้นได้นะ น่าอิจฉาคนพวกนี้จริงๆ
"เจ้าคงมาจากที่ไกลแสนไกล...เอาล่ะข้าจะอธิบายให้เจ้ารู้เกี่ยวกับดินแดนของข้า" หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้น
"เวทที่เจ้าเห็นเหล่านั้นเรียกว่าธาตุทั้งหกซึ่งพวกเราได้เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน
มีธาตุพสุธาที่สามารถควบคุมพืชได้อย่างที่เจ้าเห็น
ธาตุวารีไม่ใช่เพียงบังคับน้ำ ยังสามารถเปลี่ยนให้เป็นน้ำแข็งอย่างที่เจ้าเห็นก้อนสีขาวเล็กๆรอบตัวเจ้านี้
ธาตุวายุ เจ้าเห็นพายุเล็กๆสูบเหล่าจานนั้นหรือไม่ นั่นเป็นเพียงเวทเล็กๆ แต่ถ้าหากเจ้าใช้เวทนั้นในระดับมาก วายุของเจ้าก็สามารถถล่มเมืองนี้จมพินาศได้
ธาตุอัคคี เป็นธาตุที่สามรถควบคุมไฟได้ สิ่งที่ให้ความสว่างแก่โรงชานี้เจ้าคงจะเห็นดวงไฟหลายดวงที่ลอยอยู่ด้านบนเป็นวงกลม ไม่เพียงแค่ให้แสงสว่างมันยังสามารถขยายใหญ่ขึ้นและเผาโรงชาแห่งนี้ได้เป็นผุยผงหากเจ้ามิชำนาญดี
ธาตุอัศนีย์ เป็นสายฟ้า ธาตุนี้มักจะไม่ถูกใช้เท่าไหร่ จะถูกใช้ในยามต่อสู้เท่านั้น เพราะมันมีอนุภาพแรงมาก จึงไม่ค่อยมีผู้ใดปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ธาตุสุดท้ายนี้คือธาตุปกที* ซึ่งข้ายังมิเคยเห็นของจริงเลยมิรู้ว่าเป็นเช่นไร แต่ในตำราบอกว่ามันเป็นพลังป้องกันและรักษา..และเล่ากันว่ามีเพียงมหาเทพเจิ้นลี่เท่านั้นที่มีธาตุนี้ บางก็ว่าท่านมหาเทพนั้นดวงจิตแตกสลายไปนานแล้วหลังต่อสู้กับเทพแห่งความมืด...."
เขาพูดในขณะที่สายตาเลื่อนลอยแต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นสายตาก็กลับมาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเดิม
"เอาเป็นว่าธาตุทั้งหกนั้นพวกเราใช้ได้เพียง 3 ธาตุเท่านั้นจะไม่เกินนี้เป็นอันขาด และธาตุพวกนี้จะปรากฎขึ้นมาเอง เพราะมันอยู่ในตัวโดยธรรมชา..."
ฉึก!
พูดไม่ทันขาดคำก็มีกงจักรปักอยู่ตรงที่เธอนั่ง ชายหนุ่มก็หันไปทางกลุ่มๆหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาลขาใหญ่ในเมืองนี้
"ข้าว่าเจ้าช่างโชคร้ายเสียจริง..." ชายตรงหน้าเธอเอ่ยขึ้นแต่สายตาจับจ้องไปที่ชายร่างท้วมที่กำลังหัวเราะกับสหายในกลุ่มพร้อมมองมาที่เธอ
พรึบ!
ชายร่างท้วมผู้นั้นลุกจากเก้าอี้แล้วดินตรงมาทางเธอ
"ข้าขอโทษทีนะแม่นางที่ทำให้เจ้าตกใจ...พอดีช่วงนี้มือข้าอ่อนปวกเปียก แต่เพื่อเป็นการขอโทษ เจ้ามาร่วมวงกับพวกข้าดีหรือไม่"
จบตอนแล้วฮ้าาา แล้วค่อยมาลุ้นต่อในตอนที่สองนะคะ.....
*ปกที คือ ธาตุแสงสว่าง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ