Path to the God พลิกชะตาท้าอสูร
เขียนโดย NStill
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.06 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2560 16.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
บทนำ Path to the God
เมื่อครั้งอดีตกาลก่อนจักรวาลจะถือกำเนิด มีเพียงขุมพลังซึ่งไร้ระเบียบที่ปกคลุมห้วงมิติไว้ เราเรียกมันว่า"ห้วงอนันต์" พระผู้เป็นเจ้าได้แบ่งแยกห้วงอนันต์ออกเป็นสองฝั่งคือความสว่างและความมืดเพื่อให้เกิดสมดุลในห้วงมิติ ผลที่เกิดขึ้นคือความไร้ระเบียบ ความโกลาหล และความยุ่งเหยิงได้สลายไปเหลือเพียงความสมดุลที่ปกคลุมห้วงมิติ
พระผู้เป็นเจ้าได้เริ่มสร้างสรรพสิ่งจากพลังทั้งสองนั้นโดยการนำแสงสว่างแบ่งออกเป็นส่วนๆไว้ภายในความมืดและเรียกความมืดนั้นว่า"เอกภพ" ส่วนแสงสว่างกระจายตัวไปทั่วเอกภพเกิดเป็นกลุ่มดาวต่างๆ พระผู้เป็นเจ้าต้องการเก็บศูนย์กลางของพลังแห่งแสงและความมืดนี้ไว้พระองค์ได้เลือกดวงดาวที่สมบูรณ์ที่สุดในเอกภพซึ่งก็คือโลกเป็นที่กักเก็บศูนย์กลางพระองค์ได้นำศูนย์กลางของพลังเหล่านั้นไว้คนละฟากของโลกทำให้โลกด้านหนึ่งมืดมิดและอีกด้านหนึ่งสว่างไสวเกิดเป็นกลางวันและกลางคืนพระองค์ได้มอบพลังพลังหนึ่งให้แก่โลกซึ่งก็คือชีวิตและได้สร้างผู้พิทักษ์ศูนย์กลางแห่งพลังความมืดและแสงสว่างและขนานนามสิ่งนั้นว่าสรรพสิ่ง
วันเวลาล่วงเลยไปผู้พิทักษ์และชีวิตได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพระผู้เป็นเจ้าเห็นดังนั้นจึงเรียกผลผลิตจากการรวมกันนั้นว่าสิ่งมีชีวิตสิ่งมีชีวิตสามารถวิวัฒนาการได้อย่างน่าอัศจรรย์พระองค์จึงสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งขึ้นนั่นก็คือมนุษย์ มนุษย์ได้รับหน้าที่ในการปกป้องศูนย์กลางแห่งความมืดและความสว่างแต่ทว่า...มนุษย์เพียงคนเดียวไม่อาจทนรับพลังทั้งสองไหว พระองค์จึงได้มอบมันให้แก่มนุษย์สองคน คนหนึ่งเป็นผู้พิทักษ์และนำพาแสงสว่างหรือ"เดอะ ไลท์บริงเกอร์"อีกคนหนึ่งเป็นผู้พิทักษ์และนำมาซึ่งความมืดหรือ"เดอะ ดาร์กบริงเกอร์"อยู่มาวันหนึ่งเดอะ ดาร์กบริงเกอร์ได้หวังชิงอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้าจึงเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นระหว่างเดอะ ดาร์กบริงเกอร์ และเดอะไลท์บริงเกอร์ซึ่งร่วมมือกับพระผู้เป็นเจ้าการต่อสู้กินเวลานานจนไม่อาจนับได้ในช่วงชีวิตมนุษย์ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงได้ตัดสินใจหลอมตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับแสงสว่างและความมืดมิดทำให้ห้วงมิติเกิดความปั่นป่วนและผลที่ตามมาก็คือ...เกิดจิตวิญญาณขึ้นบนโลกนี้จิตวิญญาณที่เกิดขึ้นมี3สี หนึ่งคือสีขาว สองคือสีดำ และสามคือสีเทา ในเวลาต่อมานั้นแสงสีขาวได้หล่อหลอมกับสิ่งมีชีวิตแสงสว่างได้ฝังรากลงบนจิตใจของพวกเขาทำให้เกิดเป็นเหล่าเทพและเทพีต่างๆขึ้น ส่วนความมืดได้รวมตัวกับสิ่งมีชีวิตและเกิดเป็นปีศาจและอสุรกายขึ้นมา ส่วนจิตวิญญาณสีเทาได้หล่อหลอมเข้ากับมนุษย์ทำให้เกิดความดีชั่วในจิตใจ
หลายล้านปีต่อมาตำแหน่งเดอะ ไลท์บริงเกอร์ตกทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นและเดอะ ดาร์กบริงเกอร์ก็เช่นกันเพียงแต่ว่าผู้ครองครองเดอะ ดาร์กบริงเกอร์ได้ถูกตีตราว่าจะเป็นผู้ทำลายโลกของเขาตามคำทำนายโบราณของเหล่าเทพและเทพีต่างๆพวกเขาจึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกจากเดอะ ดาร์กบริงเกอร์ เป็น"เดอะ ดูมบริงเกอร์"หรือผู้นำพาหายนะดังนั้นแล้วเหล่าผู้สืบทอดเดอะ ดูมบริงเกอร์จึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานวันเข้าจิตวิญญาณต่างๆเริ่มอ่อนแอลงความมืดเริ่มเข้ามามีบทบาทในสิ่งมีชีวิตต่างๆแม้แต่เหล่าทวยเทพก็เริ่มมีความืดในจิตใจพวกเรามิอาจรับรู้ได้ว่าพลังนี้จะคงอยู่ได้นานแค่ไหนหรือแท้จริงแล้วพลังนี้คืออะไรกันแน่...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ