Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ
เขียนโดย zusuran
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) เสียงเพรียกหา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสียงเพรียกหา
มิราอิถูกลีอาซัดจนสลบไปนานพอสมควรกว่าเขาจะฟื้นและเริ่มออกเดินทางด้วยอารมณ์ที่ยังฉุน
“ท่านพี่ดีขึ้นมากแล้วสินะขอรับ”
ฟุยูกิที่เดินขนาบข้างเอ่ยถามอย่างกังวล มิราอิเหลือบมองน้องชายเพียงหางตา ใบหน้าละอ่อนยังเหลือร่องรอยความอ่อนล้าไม่ต่างไปจากเขาเลยซักนิด
“ข้าไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่เป็นไรแน่นะ”
“ขอรับ”
“พูดกันพอหรือยัง รีบมาเร็วเข้า”
เสียงเล็กๆดังแทรกเข้ามาระหว่างชายหนุ่มทั้งสอง ลีอาเดินนำหน้าและเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาทางเดินที่แน่นอน ไม่นานนิ้วเรียวเล็กก็ชี้ไปทางหนึ่งด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ทางนี้”
“แน่ใจได้ยังไง”
“ข้าเป็นภูตผู้นำทางนะ”
“อ๋อเหรอ แต่ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่าเจ้าจะเป็นผู้นำทาง”
มิราอิพึมพำพร้อมทั้งเดินตามเด็กน้อยที่กระโดดลอยตัวนำหน้าออกไปไกล ถึงจะรู้ว่าฟุยูกิคอยมองอยู่แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็นและไม่สนใจ
ลีอานำทางพวกเขามาจนถึงทุ่งหญ้ารกและกว้าง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเดินข้ามไปจนถึงอีกฟากที่เป็นชายป่า
“ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ ลีอา”
“ไม่มี เราต้องเดินไปเท่านั้น”
“ท่าทางมั่นใจจริงนะ”
มิราอิแทรกขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ลีอาไม่ตอบแต่กลับหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ดวงตาสีทองคู่นั้นนิ่งเสียจนมิราอิชักหวั่น
“ข้าพูดอะไรผิดรึไง”
“ไม่มีอะไร”
คำตอบที่เรียบเฉยแต่ก็สร้างความคลางแคลงใจให้ชายหนุ่มทั้งสอง และไม่นานที่ก้าวเท้าเดินผ่านทุ่งหญ้าฟุยูกิก็หยุดชะงักเมื่อมองเห็นบางอย่างที่คล้ายคลึงกับขอนไม้
“มีอะไรเหรอ ฟุยูกิ”
“ข้ารู้สึกแปลกๆ”
“ยังไง”
“มันเงียบเกินไป”
ฟุยูกิยังมีสีหน้าเรียบเฉย ลีอากระโดดเข้ามาใกล้และชะเง้อมองหน้าเขาอย่างฉงน มิราอิไม่รู้สึกอะไรนอกจากความว่างเปล่า
“เจ้าคงจะรู้สึกไปเอง ไปเถอะ”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินนำหน้าไปโดยไม่รอการนำทางของเด็กหญิง และระหว่างทางที่กำลังหลับหูหลับตาเดินไปขาข้างหนึ่งก็เกิดไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้าจนแทบจะล้มหัวคะมำ
ปึก!
“หือ ทุ่งหญ้าแบบนี้มีขอนไม้ด้วยเหรอ เกะกะจริง!”
ผัวะ!
แต่มิราอิเตะเข้าซะเต็มแรงหมายจะให้มันลอยออกไปนอกโลกยังไงอย่างนั้น แต่ก็รู้สึกแปลกว่าขอนไม้สีดำนั้นช่างอ่อนและนิ่มเกินกว่าจะเรียกว่าขอนไม้ แถมมันยังดิ้นเหมือนมีชีวิตอีกด้วย
ครึ่ก ๆ~….
“อะไรล่ะเนี่ย นุ่มนิ่มเหมือนจะไม่ใช่ขอนไม้แน่ะ”
“ทะๆๆๆ ท่านพี่ขอรับ!”
“อะไรเล่า ก็มันเกะกะทางเดินนี่”
“ท่านมิราอิ!”
“มีอะไรอีกเล่า! มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาสิ ทั้งสองคนอ้ำอึ้งอยู่ได้”
มิราอิหันไปวีนใส่น้องชายและเด็กหญิงที่เอาแต่จ้องมองเขาเหมือคนกำลังเห็นผี หวังว่าเขาคงไม่ได้มีใบหน้าที่โทรมขนาดสองคนนี้หวาดกลัวได้หรอกนะ
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป”
“ขะๆๆๆ ข้างหลัง!”
“หือ”
“ว้าก!!!!”
“กรี๊ดดดดดดดด!!! ท่านฟุยูกิรอข้าด้วยเจ้าค่า!!!!”
“เอาอีกคนแล้ว ทำหน้าเหมือนกับเห็น….!!!”
มิราอิบ่นอุบค้างไว้พลางหันไปมองด้านหลัง และต้องกลั้นหายใจเมื่อได้สบตากับเจ้าของใบหน้าขรุขระที่แลบลิ้นสองแฉกตาขวางใส่ด้วยความโกรธเคืองสุดฤทธิ์
ฟ่ออออออออ!!!
“ขะๆๆ ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย มะๆๆ ไม่ใช่ขอนไม้หรอกเหรอ!”
ฟ่อออออออ!!!!
“ว้ากกกกกก!!!! รอข้าด้วย!!!!”
คนที่ทำหน้าบึงตึงอยู่ตอนแรกกลับเตลิดไปเร็วกว่าที่คิด ไม่คิดมาก่อนเลยว่าขอนไม้ที่เขาทั้งเตะทั้งเหยียบนั้นคือหางของเจ้างูสองหัวที่ใหญ่โตขนาดที่จะเขมือบเขาได้ในคำเดียว ถึงจะไม่เคยหวาดกลัวปีศาจแต่สำหรับพวกอสรพิษที่กำลังโกรธจนตาขวางอยู่นี้ เก่งแค่ไหนก็ต้องหนีไปตั้งหลักเสียก่อน
ฟ่ออออออ!!!!
“ลีอ๊า!!!! เจ้าพาพวกเราเข้ามาในรังงูเหรอ!”
“ก็ท่านไปเหยียบหางของมันทำไมกันเล่าเจ้าคะ”
“ข้าผิดงั้นเหรอ นี่ข้าผิดเหรอ!”
“ใช่แล้ว! ท่านพี่ไปทำให้มันตื่น”
เพราะอะไรนะ มิราอิถึงไม่ชอบนิสัยด้านนี้ของน้องชายเอาเสียเลย เห็นหน้าหวานๆดูอ่อนต่อโลกแต่ที่ไหนได้ เหยียบคนกำลังล้มจนจมดินมิดหัวทีเดียว
“นี่พวกเจ้ารุมข้าเหรอ ก็ใครจะไปรู้กันเล่าปัดโธ่!”
“มันมีเป็นฝูงเลย งูอะไรอยู่เป็นฝูง!”
“งูปีศาจน่ะสิ ไม่เห็นรึไงว่ามันมีสองหัว”
“ตาข้าไม่ได้บอด!”
“อย่ามัวเถียงกันเลยขอรับ! มาข้างหน้าอีกสี่!”
ฟุยูกิแทรกกลางระหว่างบทวิวาทของพี่ชายและเด็กหญิงที่ดูจะหัวรั้นเข้ากันยิ่งกว่าเจ้างูสองหัวที่กำลังโกรธเพราะโดนเหยียบหาง
บนยอดไม้ที่สูงเสียดเมฆ สายตาอันเฉียบคมดุจอสรพิษคู่หนึ่งกำลังจ้องมองการเคลื่อนไหวสุดหฤหรรษ์ที่เล่นแหวกทุ่งหญ้าทึบให้ราบเป็นหน้ากลอง ริมฝีปากบางซีดแสยะยิ้มเหมือนเจอของถูกใจ
“มาแล้วสินะ ทายาทแห่งราชันย์ผู้เย่อหยิ่ง”
“ดูท่าจะเป็นไปตามที่คิด” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆพร้อมกับสายลมแผ่วเบาที่พัดผ่าน ปรากฏร่างหญิงสาวร่างเพรียวบางยืนเท้าสะเอวอยู่กลางอากาศ
“เจ้ามาทำไม ยูระ”
“เรื่องสนุกๆแบบนี้ข้าก็อยากร่วมด้วยสิ”
“อย่ามาเกะกะ!”
“ข้าไม่เกะกะท่านหรอก ท่านพี่เนรีว”
พูดจบยูระก็หายวับไปพร้อมกับสายลม เนรีวเหลือบมองเพียงหางตา ขมวดคิ้วเป็นปมอย่างหงุดหงิดกับนิสัยอวดดีของน้องสาว
มิราอิวิ่งหนีงูพร้อมทั้งสวนกลับอีกตัวที่เข้ามาหมายจะงับหัว ในขณะที่ลีอากระโดดเตะรวบไปถึงสามตัว
ผัวะ!
ตุบ! พลั่ก!!!
“เหลือแค่หัวหน้าของมัน”
“ข้าขอจัดการเองขอรับ!”
ฟุยูกิไม่รอให้ใครอนุญาต เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นเหนือหัวงูและตวัดแขนข้างหนึ่งจนเกิดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและผ่าร่างของงูสองหัวตั้งแต่หัวจรดปลายหาง
ควากกกกกกกก!!!...ตุบ!
“ยอดเลยฟุยูกิ”
มิราอิเอ่ยชมน้องชายเป็นครั้งแรก แต่ในระหว่างนั้นเขาก็เห็นสีหน้าของลีอาที่ไม่ยินดียินร้ายอะไร ทั้งที่ปกติจะเป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปกอดเลยแท้ๆ
“มีอะไรแปลกอยู่เหรอ ลีอา”
“อื้อ”
ครืนนนนน!
“อะไรน่ะ! เหมือนมีอะไรอยู่ใต้ดินงั้นแหล่ะ”
ตูมมมมมมมมมมมม!!!!!~
กร้วม!!!~
“อ๊าก!!!!!!”
“ฟุยูกิ!”
เพียงเสี้ยวนาทีผืนดินก็เริ่มแตกตัวและปะทุขึ้นมา สิ่งที่แฝงมาพร้อมกับก้อนดินและฝุ่นผงคืองูยักษ์ที่คุ้นตาดี และมันก็เขมือบฟุยูกิเข้าไปเต็มปาก
“ท่านฟุยูกิ!”
“อะไรกัน เจ้านี่มันสมุนของเนรีวนี่ เราติดกับแล้ว!”
“แต่กว่าจะรู้ก็สายไปแล้วล่ะ”
“อ๊ะ!”
จู่ๆหลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏและดูดกลืนร่างของงูยักษ์อาซารีสลงไปต่อหน้าต่อตา เนรีวมองมิราอิอย่างเย้ยหยันก่อนจะกระโดดลงไปพร้อมกัน มิราอิชะงักอยู่พักหนึ่งก่อนจะเรียกสติกลับมาและตามลงไปอย่างไม่ลังเลโดยที่ไม่คิดจะสนใจว่าหลุมมันจะลึกแค่ไหน
ว้ากกกกกกกกกกก!!!!
ตุบ!
เสียงร้องแหวกความมืดมาแต่ไกล ก่อนแสงไฟจากเวทมนตร์จะส่องสว่างสะท้อนให้เห็นร่างของชายหนุ่มที่นอนจูบพื้นอยู่เบื้องหน้า
“ท่านมิราอิไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”
เสียงเล็กๆดังแทรกเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กๆที่ร่อนลงมาเหยียบพื้นอย่างพลิ้วไหว มิราอิยันกายลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นตามเสื้ออย่างส่งๆ ในหลุมนี้เหมือนอีกโลกหนึ่งยังไงอย่างนั้น ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาก็เหมือนจะมีบางอย่างดูดกลืนพลังไปทีละน้อย
“ที่นี่ที่ไหน”
“น่าจะเป็นรูของงูนะ”
“เจ้างูยักษ์นั่นเอาน้องชายของข้าไปไว้ที่ไหนนะ”
“ลองเดินไปตามทางนั่นดีกว่าไหมเจ้าคะ”
ลีอาพูดพร้อมชี้ไปยังทางเดินที่เป็นอุโมงค์ขรุขระ ไฟสีฟ้าซีดประดับอยู่ตามทางเดินไปแนวยาวเข้าไปข้างใน เหมือนมันตั้งใจเชิญชวนผู้มาเยือนให้เข้าไปหา
มิราอิพยักหน้าเล็กน้อยเดินเข้าอย่างไม่กริ่งเกรง ความเคียดแค้นชิงชังเริ่มเข้ามาก่อตัวทันทีที่นึกถึงใบหน้าของเนรีว มันอาจจะไม่รุนแรงหากเนรีวไม่จับฟุยูกิไป แต่ครั้งนี้ความแค้นที่เก็บเอาไว้ก่อนหน้านั้นเริ่มจะปะทุขึ้นมาเกินกว่าจิตใจของเขาจะรับไหว
“เนรีว~…เนรีวววว!!!”
“ท่านมิราอิ”
“เฮือก!”
ก่อนที่ความแค้นอันมืดดำจะเข้ามากินใจ เสียงกระซิบเล็กๆที่ไม่ใช่ของเด็กหญิงที่เดินอยู่ข้างๆก็เข้ามาแทรกแซง มิราอิหันมามองลีอาที่กำลังเดินขนาบข้างอย่างสงสัย เขามั่นใจว่าไม่ใช่เสียงของเธอ แต่ในนี้นอกจากเขากับเธอแล้วจะมีใครได้อีก
“ลีอา”
“หือ มีอะไรเจ้าคะ”
“เจ้า…ได้ยินเสียงรึเปล่า”
“เอ๊ะ? เสียง…เสียงท่านฟุยูกิเหรอเจ้าคะ”
“ไม่ใช่…เสียงผู้หญิง”
“ผู้หญิง?….ท่านมิราอิหูแว่วไปแล้วมั้ง ในนี้จะมีใครนอกจากเรา”
“เจ้าสัมผัสอะไรไม่ได้เลยรึไง”
“พลังของข้าก็มีขีดจำกัดนะ พลังที่ไร้ตัวตนแน่นอนนั้นข้าไม่อาจเอื้อมหรอกเจ้าค่ะ”
“ไร้ตัวตนงั้นเหรอ”
“ไปกันเถอะ ท่านฟุยูกิต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่”
ว่าแล้วเด็กน้อยก็เดินออกหน้าไปอย่างรวดเร็ว มิราอิไม่เข้าใจในตัวเธอจริงๆ ทำไมลีอาถึงมาอยู่กับพวกเขา แล้วทำไมเธอสัมผัสพลังของพวกเขาได้ แต่กลับไม่รู้ตัวว่าอาจจะมีอะไรซักอย่างอยู่รอบกาย หรือว่าเธอจดจ่ออยู่กับการหาฟุยูกิ แต่เสียงนั่นเขาได้ยินจริงๆ และมั่นใจเกินร้อยว่าไม่ใช่เสียงของลีอา แต่มันกลับคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเสียงของใครบางคนที่ได้เอ่ยกับเขาเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งในตอนนี้ความทรงจำบางส่วนก็ดันมาหายไปเสียดื้อๆ
“ท่านมิราอิ…มาหาข้าสิเจ้าคะ”
“อึก!”
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนั้นเอ่ยเรียกชื่อมิราอิก็รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว เหมือนกับว่ากำลังถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูดเข้าไปเรื่อยๆ จนความเหม่อลอยได้หยุดชะงักลงเพราะชนเข้ากับร่างเล็กๆที่หยุดกะทันหัน
ปึก!
“อุ๊บ! มีอะไรงั้นเหรอลีอา”
“นั่นมัน….”
ลีอาชี้นิ้วไปที่ทางตันที่เป็นเหมือนผนังเหล็กกล้า บางอย่างส่องสะท้อนให้เห็นเพียงแสงระยิบระยับ แต่ไม่นานก็ปรากฏรูปร่างขึ้นมาชัดเจน
“สร้อยคอ? แปลกจัง ใครมาทำตกไว้”
“ทำตกเหรอ มันเหมือนถูกเอามาซ่อนมากกว่า”
เด็กน้อยแย้งเสียงแข็ง สีหน้าเธอบ่งบอกได้ถึงความสงสัย มิราอิรู้สึกแปลกยิ่งกว่า เขามองเห็นสร้อยก็จริงอยู่ แต่ในจี้สีเขียวมรกตรูปร่างคล้ายสายฟ้านั้น เขามองเห็นใบหน้าของหญิงสาวอีกคนที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเว้าวอนพร้อมกับเสียงที่ร่ำร้องเรียกหาเขามาตลอด มันดังออกมาจากจี้นั้นอย่างกึกก้อง
“มาแล้วสินะ ท่านมาหาข้าแล้วสินะ”
“เสียงนี้ไงที่ข้าได้ยิน!”
“เอ๊ะ”
“ผู้หญิงคนนั้นเรียกข้า!”
“ผู้หญิงงั้นเหรอ ในสร้อยนั่นน่ะเหรอ”
“ท่านมิราอิ”
“อีกแล้ว นางเรียกข้าอีกแล้ว”
น้ำเสียงบ่งบอกได้ว่าคือหญิงสาว ดังกึกก้องอยู่ในหัวไม่หยุดหย่อน มิราอิรู้สึกปวดหนึบที่กะโหลกเหมือนถูกตอกหมุดเข้าไปยังไงอย่างนั้น ถึงขั้นต้องทรุดนั่งยันมือกับพื้นเหมือนคนสิ้นแรง
ตึกกกกกก!!!!
“เฮือก!...อะ!”
“ท่านมิราอิ!”
“เหมือนกับว่ามันจะทะลักออกมาข้างนอกอย่างนั้นล่ะ”
มือยกกุมขมับสองข้างเอาไว้แน่นแต่ถึงกระนั้นก็ยังสั่น เสียงปริศนาที่ร่ำร้องเรียกหาแต่เพียงชื่อของเขา สร้างความปวดร้าวไปทั่วร่างเหมือนบางอย่างกำลังชอนไชไปตามร่างกายจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงให้เค้นยัน
ทั้งหมดเป็นเพราะสร้อยประหลาดนั่น…!
ลีอามองชายหนุ่มที่กระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะละสายตาไปจับจ้องสร้อยคอประหลาดที่อยู่บนกำแพงเหล็กกล้า ลวดลายละเอียดรายล้อมบนกำแพงนั้นเหมือนอักขระเวทมนตร์ที่ไม่ว่าจะอ่านยังไงก็อ่านไม่ออก และมันก็ทำให้มิราอิที่เป็นถึงสายเลือดของเทพกษัตริย์ทรุดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เด็กหญิงตัวจ้อยเดินเข้าไปใกล้และแหงนหน้ามองไปยังจี้สีเขียวมรกตที่มีรูปร่างคล้ายสายฟ้า ดวงตาสีทองเบิกโพลงจ้องมองเข้าไปข้างในจี้นั้นอย่างจริงจัง และต้องชะงักไปทันทีเมื่อจู่ๆภาพใบหน้าหญิงสาวผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นรางๆ
“นะ…นี่มัน! ในจี้นั่นมีวิญญาณสิงสถิตอยู่งั้นเหรอ เพราะอย่างนี้นี่เอง ท่าทางจะรอคอยผู้ที่จะมาปลดปล่อยสินะ ถ้าอย่างนั้นท่านมิราอิก็…”
เสียงพึมพำค้างเติ่งเอาไว้เพียงประโยคสั้นๆ ลีอาหันกลับมาหามิราอิที่พยายามจะยืนให้ได้ มือข้างหนึ่งของเขายังกุมขมับเอาไว้เหมือนกำลังหักห้ามอะไรซักอย่างที่อยู่ในหัว เท่านี้ข้อกังขาก็ถูกไขจนกระจ่างแล้ว
เขาคือคนที่วิญญาณดวงนี้รอคอย…
“มีอะไร ลีอา”
“เอ่อ คือว่า….”
“อ๊ากกกกกกกกก!!!!!”
“ฟุยูกิ!!!!”
“เสียงดังมาจากทางนั้นเจ้าค่ะ!”
“กรอด~ เนรีว!”
มิราอิกระเสือกกระสนวิ่งไปตามทางที่เสียงร้องนั้นดังเล็ดรอดออกมา โดยไม่สนใจว่าร่างกายจะซวนเซไปชนกับอะไรบ้าง ลีอารู้ได้ถึงความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวมิราอิชัดเจน ความโกรธเกรี้ยวที่แผ่ซ่านจนกลายเป็นของมีคมที่ไร้รูปร่างอยู่กลายๆ
วิ่งตามเสียงมาไม่นานก็พบกับโพลงดินขนาดใหญ่ที่เหมือนจะเป็นรังของอสูรงูยักษ์ที่จับตัวฟุยูกิมา มิราอิรู้สึกพลังในตัวได้หดหายไปมากกว่าครึ่ง ชายหนุ่มเซถลาไปพิงกับผนังดินอย่างเหนื่อยหอบ แต่แล้วสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาก็ทำให้สายตาที่อ่อนล้าเริ่มแข็งกร้าวขึ้นทันที
“ฟุ ฟุยูกิ!”
“อึก~…”
“ฟุยูกิ!!!!!”
งูยักษ์อาซารีสรวบตัวฟุยูกิเอาไว้แน่น หนามตามลำตัวของมันกรีดลงบนเนื้อผ้าทะลุผิวหนังของเด็กหนุ่มจนเลือดอาบเกือบทั่วตัวส่งกลิ่นคาวเตะจมูก มิราอิจ้องน้องชายสลับกับใบหน้าที่น่าเกลียดของงูยักษ์อย่างโกรธแค้น พร้อมทั้งหัวใจที่กระตุกมาตลอดเริ่มเต้นโครมครามและปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฟุยูกิ!...ฟุยูกิ!!!”
“อึก~ ยะ อย่าเข้ามา!!”
“อ๊ะ!”
“มันเป็น….”
กร้วมมมมม!!!!
“อ๊ากกกกกกกก!!!!”
“ไอ้งูสารเลว!!!”
มิราอิทนเห็นสีหน้าและเสียงร้องอันทรมานของน้องชายต่อไปไม่ไหว และเตรียมจะพุ่งเข้าไปหาอาซารีสเพื่อปลิดลมหายใจของมัน ทันใดนั้นเนรีวก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือหัวงูยักษ์ อสูรหนุ่มจ้องมองมาด้วยสายตาและรอยยิ้มแสยะและเย้ยหยัน
“ทรมานมากใช่ไหมล่ะ”
“เนรีว!!!”
“เป็นอะไรไป ไม่เข้ามาแย่งไปล่ะ หรือว่าจะรอให้น้องชายสุดที่รักถูกทรมานจนตายต่อหน้า”
“ไอ้สารเลว!!!”
“หึ ปีศาจหรืออสูรก็เลวด้วยกันทั้งนั้นล่ะ แม้แต่เจ้าก็เถอะ”
“ว่าไงนะ!”
“พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ฆ่ามันซะ อาซารีส”
เนรีวหลับตาและออกคำสั่งกับอสูรคู่ใจอย่างเรียบเฉย อาซารีสแลบลิ้มสองแฉกให้เห็นก่อนจะอ้าปากหมายจะเข้ามางับฟุยูกิให้ขาดเป็นสองท่อน แต่ก่อนที่มันจะได้ทำหน้าที่ตามคำสั่งเจ้านายสำเร็จ บางสิ่งบางอย่างก็พุ่งแหวกอากาศเข้ามาแทงตาข้างหนึ่งของมันจนแตก
ฉึก!!!
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!
ความเจ็บปวดทำให้อาซารีสดิ้นพล่านและเหวี่ยงเหยื่อชิ้นงามจนลอยละลิ่วออกไปไกล
ฟุยูกิหลุดพ้นจากพันธนาการของอสูรงูยักษ์และลอยละลิ่วขึ้นกลางอากาศ แต่ก่อนที่ร่างอันไร้แรงนั้นจะดิ่งพสุธา ลีอาก็โผล่พรวดออกมาจากเงามืดและรวบตัวเอาไว้ก่อนจะพาร่อนลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวลและปลอดภัย แต่เพียงไม่นานเสียงเล็กๆก็คำรามรอดไรฟันออกมาพร้อมสีหน้าเคร่งเครียดผิดวิสัย
“ท่านฟุยูกิถูกพิษของงูนั่น”
“ว่าไงนะ!”
มิราอิจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของน้องชาย ฟุยูกิเหมือนคนใกล้ตายก็ไม่ปาน และมันก็ยิ่งทำให้มิราอิเคียดแค้นเนรีวมากขึ้นหลายเท่า
“ว่ากันว่างูพิษก็ต้องมียาถอนพิษอยู่ที่เจ้าของ…แต่เสียใจด้วยนะ พิษของอสูรไม่มียาแก้หรอก”
“เนรีว!”
“ข้าจะให้เวลาเจ้าได้ดูใจน้องชายก่อนตายละกัน จากนั้นข้าจะส่งเจ้าตามมันไปติดๆเลย”
มิราอิหมดคำจะเอื้อนเอ่ย เขาโกรธแค้นเนรีว ยิ่งเห็นเนรีวยิ้มเยาะก็ยิ่งเดือดพล่านจนความร้อนรนเข้ามาขวางกล่องเสียงจนหมดสิ้น และไม่ทันที่ความคิดจะปะติดปะต่อกันก็ต้องชะงัก เมื่อลีอาก็พุ่งเข้าไปหาเนรีวอย่างไร้ความกริ่งเกรงใดๆ
“ยาถอนพิษนั่น ข้าจะเป็นคนเอามาเอง!”
“เด็กรึ…ใจกล้าดีนี่ แต่เจ้าคงจะรนหาที่ตายมากกว่าล่ะมั้ง”
ทันทีที่เนรีวหันมาจับจ้องและเบิกตาโพลง ร่างเล็กๆก็ถูกสายลมสวนเข้าที่ท้องจนกระเด็นจนลอยละลิ่วไปติดกำแพงดินอย่างแรง
ตูมมมมม!!!!
“อั๊ก!!!”
“ลีอา!!!!”
“หึ จะทำยังไงเล่ามิราอิ จะสู้รึจะถอย ไม่สิ ต้องพูดว่าจะฆ่าข้ารึจะให้ข้าฆ่าเจ้าต่างหาก”
“แกนะแก!”
“อึก~ ทะ ท่านพี่~ อย่าไปหลงกลมันนะ!”
“น่ารำคาญ อาซารีส ทำให้มันตายเร็วขึ้นหน่อยซิ”
“ฮึก~ อ๊ากกกกกกกก!!!!”
“ฟุยูกิ!!!!!!!!!”
“ท่านฟุยูกิ!!!!”
ดวงตาอาซารีสเบิกโพลงและส่องแสงสีแดงออกมาเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ฟุยูกิต้องดิ้นรนและร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน ส่วนเนรีวได้หันมาจ้องลีอาอย่างอารมณ์เสียใช้เวทสายลมอัดกระแทกเด็กหญิงจนทะลุผนังออกไปหลายชั้น
ตูมมมมมมมม!!!!
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!”
“กรอด~ เนรีว!!!!!!!!!”
“หึๆๆ โกรธรึ เอาสิ เข้ามาฆ่าข้าเสียสิ”
เนรีวท้าทายด้วยคำพูดและสายตาที่ดูหมิ่น มิราอิทำอะไรไม่ถูก ทั้งแค้นทั้งโกรธจนแทบระเบิด แต่ก็ห่วงน้องชายสภาพปางตาย และในที่สุดก็ต้องตัดสินใจที่จะหนีทั้งที่ไม่เต็มใจและไม่ใช่นิสัย มิราอิแบกเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่าและวิ่งออกไปพร้อมทั้งกระชากลีอาออกจากกองดินมาอุ้มไว้อีกข้างก่อนจะวิ่งเต็มเหยียดกลับไปยังทางเดิมที่เคยผ่านมา รู้ว่าอาซารีสและเนรีวตามมาติดๆ แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะตอบโต้ เพราะในมือเขามีคนเจ็บอยู่ถึงสอง ทางเดียวที่ทำได้ก็มีเพียงหนีให้พ้นและออกไปจากโพลงดินนี้ให้ได้เท่านั้น
“แฮ่กๆๆๆ~”
“ทะ ท่านพี่วางข้าลงเถอะ ทิ้งข้าเอาไว้ แล้วหนีไปซะ”
“อย่าพูดบ้าๆน่ะ! จะให้ข้าทิ้งเจ้าเหรอ ไม่มีทางหรอก!”
“ท่านมิราอิ~…”
“เจ้าก็ด้วยลีอา แฮ่กๆๆๆ~…หุบปากซะทั้งคู่นั่นแหล่ะ!”
มิราอิแบกร่างบอบช้ำทั้งสองวิ่งกระหืดกระหอบไปตามโพลงดินอันคดเคี้ยวและมืดมน อาซารีสและเนรีวตามมาใกล้จะประชิดตัว และเป็นฝ่ายที่ชิงลงมือโจมตีก่อนโดยไม่เปิดโอกาสให้แม้แต่น้อย
เพียะ!!!!!
“อึก!!!”
พลั่กกกก!!!!
แส้สีดำคล้ายหางงูเต็มไปด้วยเกล็ดแหลมคมตวัดฟาดเข้าที่หัวไหล่ข้างหนึ่งของมิราอิจนเกิดเป็นแผลที่ทั้งยาวและลึก ความเจ็บปวดทำให้ชายหนุ่มต้องล้มคะมำลงไปอย่างไร้ทางต้าน และเป็นเหตุให้ทั้งฟุยูกิและลีอาล้มกลิ้งไปคนละทาง ชายหนุ่มพยายามฝืนความเจ็บปวดที่หัวไหล่ ยันกายลุกและคลานเข้าไปหาน้องชายที่นอนนิ่ง ในขณะที่เนรีวก็ร่อนตัวลงมาและเหยียบศีรษะของเขากดแนบพื้น
กึก!
“อึก~”
“เป็นไงล่ะมิราอิ ความหยิ่งทะนงของเจ้าหายไปไหนหมดรึ หรือว่าเกิดปอดแหกขึ้นมาแล้ว หือ”
“กรอดดด~ เนรีว เจ้า!”
“โกรธแค้นรึ เอาเลย ใช้พลังของเจ้า พลังที่เจ้าเคยใช้สู้กับข้าเมื่อครั้งก่อนนั่นน่ะ เอามันออกมาใช้สิ”
เนรีวยังคงท้าทายและบดขยี้ศีรษะมิราอิอย่างชอบใจ แต่ในระหว่างที่กำลังได้ใจกับการกระทำของตัวเองอยู่นั้น ลิ่มน้ำแข็งแหลมคมนับสิบก็พุ่งเข้ามาเชือดเฉือนแขนเสื้อและเส้นผมให้ขาดเป็นริ้ว
ฉัวะ! ฉัวะ!
“อ๊ะ!!”
อสูรหนุ่มรีบดีดตัวไปด้านหลังและเอี้ยวตัวหลบลิ่มน้ำแข็งที่กำลังพุ่งเข้ามาหา ลิ่มน้ำแข็งเบาบางจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นได้เฉือนแก้มจนเกิดเป็นริ้วแผลเลือดอาบลงมาเป็นทาง และต้นกำเนิดของการโจมตีที่เบาบางแต่ร้ายกาจนี้ก็มาจากเด็กหนุ่มผมสีเงินที่ยังฝืนคงสติเอาไว้เพียงน้อยนิด
“อย่ามาแตะต้องพี่ชายข้า”
ฟุยูกิ!....
“หึ น้ำแข็งงั้นรึ ร้ายกาจไม่เบานี่เจ้าหนู แต่เจ้าก็คงมาได้เท่านี้ล่ะนะ…อาซารีส!”
ฟ่ออออออออ!!!
เนรีวแสยะยิ้มอย่างมีชัยพร้อมทั้งเรียกอสูรคู่ใจให้เข้ามาจัดการกับเหยื่อที่มันหมายตา
“เอ้า จัดการเหยื่อของเจ้าซะสิ”
ฟ่ออออออออ~
ร่างของสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์เคลื่อนตัวตามโพลงดินอันคดเคี้ยวเข้ามาพร้อมกับปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมที่อ้ากว้างหมายจะเขมือบเหยื่ออันโอชะ แต่ก่อนที่จะได้งับเหยื่อสมใจ เส้นใยสีทองก็พุ่งเข้ามามัดปากของมันเอาไว้และเหวี่ยงจนร่างเลื้อยคลานของมันลอยละลิ่วขึ้นไปกระแทกเพดานดินจนทะลุเป็นโพลงมองเห็นทิวไม้และท้องฟ้า
ตูมมมมมมมมมม!!!!
“อะไรกัน!!!”
“ละ ลีอา”
“นางเด็กน้อย!”
เนรีวคำรามอย่างเคียดแค้น แส้สีทองโผล่ออกมากลางฝ่ามือเล็กๆของลีอา และมันก็มีพลังมหาศาลขนาดเหวี่ยงอาซารีสที่ตัวใหญ่นับหลายร้อยกิโลทะลุขึ้นไปบนผืนดินได้อย่างง่ายดาย
“คิดว่าตัวเองใช้แส้ได้คนเดียวรึ”
“เจ้า!”
“ข้าไม่มีธุระอะไรกับอสูรเจ้าเล่ห์เช่นเจ้า!”
วิ้งงงงง~ ตูมมมมมมมมม!!!!
“อั๊ก!!!!”
แสงสีทองส่องสว่างวาบจนมองไม่เห็นสิ่งใด เพียงเสี้ยวนาทีที่เนรีวหรี่ตาหลบแสงนั้น ทั้งมิราอิและฟุยูกิรวมทั้งลีอาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“แสบนักนะ!”
อสูรหนุ่มสบถอย่างหัวเสียก่อนจะกระโดดพาตัวเองขึ้นไปบนผืนดิน ตามโพลงที่เด็กหญิงได้เหวี่ยงสมุนคู่ใจของตนจนทะลุขึ้นไป ถึงจะหายไปในพริบตาแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กตัวเล็กๆที่บอบช้ำจะพาคนที่เจ็บปางตายทั้งสองคนไปได้ไกล
ลีอาแบกทั้งฟุยูกิและมิราอิกระโดดลอยตัวไปตามทิวไม้ไม่ยอมลดละหรือหยุดพัก เพราะถ้าเกิดหยุดเมื่อไหร่อสูรสองตนนั้นต้องตามมาทันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เรี่ยวแรงทั้งหมดก็ต้องหมดลงอย่างไร้ทางเลี่ยง จนกระทั่งผ่านไปไม่นานร่างเล็กๆร่วงลงสู่พื้นที่มีผืนหญ้ารองรับ
พลั่ก!!!
“อึก!!!”
“ขอบใจมากนะ ลีอา”
“แฮ่กๆๆ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
“ฟุยูกิ จริงสิ น้องชายข้าล่ะ…ฟุยูกิ!!!”
มิราอิกระเสือกกระสนควานหาร่างของน้องชายอย่างร้อนรน และได้พบกับเด็กหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มล้มลุกคลุกคลานเข้าไปประคองน้องชายขึ้นอย่างโล่งอก แต่ความโล่งอกของเขาก็พลันหายวับไปทันที เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มในอ้อมแขนเขาเริ่มมองไม่เห็น
“ฟุยูกิ เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“ทำไมมืดจัง”
“ว่าไงนะ!”
“ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย”
“ไม่จริง”
มิราอิหน้าถอดสีพยายามโบกมือไปมาต่อหน้าของฟุยูกิหลายครั้ง แต่ดวงตาสีเงินคู่ใสก็ไม่มีการตอบสนองใดๆนอกจากมองออกไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย และไม่ทันที่จะได้ขยับไปทางไหน เนรีวและสมุนคู่กายก็ตามมาทันจนได้
“หึ เจอจนได้ นึกว่าจะหนีไปไหนไกลซะอีก”
“เนรีว!”
มิราอิมองหาต้นตอของเสียงและพบกับเนรีวยืนกอดอกตระหง่านอยู่บนยอดไม้ อสูรงูยักษ์ไม่รอช้าจะเข้ามาเล่นงานพวกเขา แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมเป็นเป้านิ่งและรีบพาฟุยูกิกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศ แต่เจ้างูยักษ์ดื้อด้านก็ยังคงตามมาติดๆพร้อมทั้งตวัดหางฟาดมาเหมือนแส้
“ชิ ตามมาไม่เลิกรา เจ้างูดื้อด้าน”
“เดี๋ยวข้าจะจัดการมันเองเจ้าค่ะ”
ลีอากระโดดขึ้นมาลอยตัวอยู่ไม่ไกล แต่ก่อนที่เด็กหญิงจะเข้าไปต่อกรกับงูยักษ์ตนนั้น มิราอิก็ต้องรีบรั้งเธอเอาไว้ก่อน
“อย่านะ!”
“ห้ามข้าทำไม”
“ลีอา เจ้าช่วยพาฟุยูกิหนีไปที ไปให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี”
“แล้วท่านล่ะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า รีบไปซะ!”
มิราอิพูดเหมือนสั่งพร้อมทั้งโยนร่างอันแน่นิ่งของฟุยูกิให้ลีอาอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงรับร่างที่ใหญ่กว่าตัวเอาไว้ได้แต่ก็ยังไม่วายที่จะส่งสายตามองมายังเขาอย่างสงสัย
“ท่านมิราอิ…”
“เจ้านี่เป็นศัตรูของข้าคนเดียว รีบไปซะ เร็วเข้า!”
“แต่ว่า…”
“ไปซะ!!!!”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ลีอารู้สึกวูบไปทั้งตัว ราวกับว่าบริเวณนั้นกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็งที่ปะปนกับพายุร้าย หากว่าเธอยังดึงดันอยู่อย่างนี้มีหวังต้องโดนพายุที่กำลังก่อตัวนี้กลืนกินอย่างแน่นอน
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไป”
“ฝากฟุยูกิด้วยนะ”
ลีอาพยักหน้าและหายวับไปกับธาตุอากาศพร้อมกับฟุยูกิ แต่เนรีวก็ไม่คิดที่จะปล่อยไปง่ายๆเช่นกัน
“คิดหนีรึ อาซารีส ตามไปจัดการมัน”
อาซารีสพุ่งขึ้นกลางอากาศเพื่อจะตามเหยื่อไป แต่ทันใดนั้นร่างของมันก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกตั้งแต่หัวจรดปลายหางด้วยของมีคมที่มองไม่เห็น สร้างความตกตะลึงให้กับผู้เป็นนายของมัน
ฉัวะ!!!
ควากกกกกกกก!!!!!
“อะไรกัน!!!!!!”
“คิดว่าข้าจะปล่อยให้ไปเหรอ เมินซะเถอะ”
เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับเผยให้เห็นใบหน้ากับดวงตาที่ไร้ซึ่งประกายใดๆ มิราอิยืนอยู่ท่ามกลางซากศพของอาซารีสที่ถูกผ่าออกเป็นสองซีก เนรีวรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นและความอำมหิตที่เหนือกว่าได้เข้ามาโอบล้อมรอบกาย เหมือนกับว่ามันกำลังจะสร้างเวทีประลองที่ไร้ซึ่งทางออก
“เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้เชียวรึ”
“อยากเห็นความหยิ่งทะนงของข้ามากไม่ใช่รึ”
“หึ รู้สึกจะเก่งขึ้นนี่นะ”
“ข้าเก่งมาตั้งนานแล้ว แล้วยังจะเก่งขึ้นอีกจะบอกให้”
“งั้นรึ เจ้านี่ช่างเหมือนกับข้าจริงๆ”
“ข้าไม่มีทางเหมือนอสูรเช่นเจ้า เนรีว!”
.........................................................
to be continued.............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ