The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท

8.0

เขียนโดย HOPEโฮป

วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.16 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  12.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Episode 3 : || พลังจิตของนักโทษประหาร ||

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


EPISODE 3
พลังจิตของนักโทษประหาร

 

สายลมอ่อนๆ พัดผงทรายสีทองใสปลิวล่องลอยไปเรื่อยๆ ก่อนจะลอยขึ้นสูง พัดผ่านหน้าต่างบานหนึ่งเข้าไป ลอยผ่านชุดเกราะตรงมุมทางเดิน แล้วนิ่งสนิทลงบนฝ่ามือของบุคคลหนึ่ง

 

“เจ้าพวกชั้นล่างมันบอกว่าตอนนี้มีตุ๊กตาประหลาดวิ่งไปทั่ววังหลวงเลย ระวังด้วยเพราะผู้บุกรุกร้ายกาจมาก เป็นพวกปีศาจ” ทหารยามประจำหน้าห้องเก็บสมบัติอ่านข้อความที่ได้จากผงสื่อสารให้กับเพื่อนอีกสามคน 

 

“หรือตุ๊กตาพวกนั้นจะเป็นผี?” ทหารคนหนึ่งออกความเห็น นึกแล้วก็ขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง ถึงจะเป็นทหารกล้า (?) แต่เขาก็ยังมีความหวาดกลัวสิ่งลี้ลับอยู่ดี

 

“ข้าว่าไม่ใช่ผี”

 

“น่าจะเป็นมนตราชนิดหนึ่ง” อีกคนเสนอ 

 

“ข้าว่าไม่ใช่ทั้งผีแล้วก็เวทมนตร์” อีกเสียงหนึ่งขัด

 

“งั้นเจ้าคิดว่าอะไร” ทหารหนุ่มหันไปขอความเห็น แต่แทนที่จะเจอเพื่อนร่วมงานด้วยกัน เจ้าของเสียงดังกล่าวกลับเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวาน ยืนส่งยิ้มกว้างมาให้ดูไร้อันตรายใดๆ 

 

ทหารยามทั้งสี่คนชักดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการอะไร อยู่ๆ ก็มายืนข้างๆ แถมยังตีสีหน้าระรื่นไม่ทุกข์ร้อนแม้จะกำลังประจันหน้าอยู่กับดาบถึงสี่เล่มก็ตาม

 

“ตุ๊กตาความฝันน่ะ ข้าเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง อาศัยความฝันใส่เข้าไปหน่อย ก็วิ่งเล่นได้แล้วล่ะ” เจ้าตัวอธิบายพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะโฆษณาขายของต่อ

 

“ข้ามีเหลืออยู่อีกนะ ถ้าพวกท่านสนใจข้าจะขายให้ถูกๆ เลย” ว่าแล้วก็รีบควักตัวอย่างสินค้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง น่าแปลกที่กระเป๋ากางเกงเล็กๆ กลับจุตุ๊กตาได้ถึงสี่ตัว แต่ที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือ ตุ๊กตาที่ว่านั่นมีเปลวไฟอ่อนๆ ปกคลุมอยู่

 

“เจ้าปีศาจ!

 

“พวกข้าไม่ต้องการ! เจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงลอบเข้าวังหลวงในยามวิกาลเช่นนี้” ทหารหนุ่มกระชับด้ามดาบให้แน่นขึ้นอีก บัดนี้พวกเขารู้แล้วว่าต้นเหตุของความวุ่นวายทั่ววังหลวงนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้านี่เอง แต่เขากลับรู้สึกสับสนเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเศร้าสร้อยหลังจากโดนปฏิเสธไม่อุดหนุนการค้า

 

นี่น่ะหรือ ปีศาจผู้น่ายำเกรง

 

“...แย่จังเลยนะครับ ข้าคงต้องเป็นนายของพวกมันต่อไป” น้ำเสียงหดหู่รู้สึกเสียใจเพราะขายของไม่ออก มือปล่อยตุ๊กตาทั้งสี่ลงบนพื้น พวกมันรีบวิ่งแยกไปหาทหารหนุ่มคนละตัว ดาบในมือเริ่มแกว่งสะเปะสะปะไล่ฟันตุ๊กตาที่วิ่งใกล้เข้ามา แต่ไม่ว่าจะฟันกี่ทีก็ไม่โดน เพราะความว่องไวและขนาดตัวที่เล็กมากของมัน

 

ตุ๊กตาวิ่งไต่ทหารแต่ละคนขึ้นไปจนถึงด้านหลัง เสียงร้องตกใจอย่างหวาดหวั่นเมื่อโดนตุ๊กตาประหลาดเกาะแน่นที่หลังคอ นึกหวั่นว่าจะโดนเปลวไฟที่ปกคลุมร่างน้อยๆ แผดเผา แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่ไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด ทั้งสี่คนปล่อยดาบหล่นกระแทกพื้น มือไม้เอื้อมไปด้านหลังคอของตน ทั้งปัดทั้งแกะกันเป็นพัลวัน แต่ยิ่งดึงก็ยิ่งเจ็บราวกับมีรากฝังลึกแน่นเข้าไปในเนื้อ 

 

วอลเดินไปรวบเก็บดาบทั้งสี่เล่มขึ้นมา ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเจ้าของดาบ

 

“ข้าขอดาบพวกท่านไปเป็นค่าตุ๊กตาเลยแล้วกัน บอกแล้วว่าข้าคิดถูกๆ ขอให้สนุกกับเจ้าตัวน้อยนะครับ” กล่าวจบก็ยกมือโบกลา แล้วเดินผลุบหายเข้าไปในห้องเก็บสมบัติ

 

ทหารหนุ่มคนหนึ่งเลิกสนใจตุ๊กตาที่หลังคอ ตั้งใจจะวิ่งตามเข้าไปในห้อง แต่อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงกริ๊กมาจากด้านหลัง แล้วเปลือกตาสองข้างก็หนักอึ้ง ภาพตรงหน้าเริ่มมัวมองไม่ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดทุกอย่างก็ถูกสีขาวกลืนกิน

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

'เหวอ' มิเวลสะดุ้ง ส่งเสียงร้องในใจ

 

เด็กสาวเห็นตุ๊กตาของวอลตัวหนึ่งวิ่งผ่านไป แล้วมันก็วิ่งเลี้ยวตรงมุมทางเดินด้านหน้า พอเธอเลี้ยวตามบ้าง ก็เห็นร่างของทหารคนหนึ่งนอนสลบอยู่ 

 

เป็นแบบนี้มาห้าครั้งแล้ว เธอเห็นตุ๊กตาของวอลวิ่งผ่านไปเมื่อไหร่ ทางด้านหน้าก็จะมีแต่ร่างไร้สติของพวกทหารยาม ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตุ๊กตาของวอลทำอะไรกันแน่ถึงทำให้พวกทหารสลบไสลกันไปหมด

 

เธอตกใจตอนที่วอลบอกให้ใช้เวทแยกร่างตุ๊กตาของเขา และตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาบอกให้แยกร่างตุ๊กตาออกเป็นพันๆ ตัว นึกว่าเขาจะใช้มันแค่ให้ขุดทางเข้าเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่นั้นเสียแล้ว

 

เลี้ยวขวาอีกครั้งเดียวก็จะถึงห้องของเจ้าชายริชาร์ด มิเวลจับด้ามดาบแน่นเพื่อเตรียมพร้อม เด็กสาวเลี้ยวขวาที่มุมทางเดิน รีบชักดาบออกมารับการโจมตีจากศัตรูที่โจมตีเข้ามาแบบฉับพลันได้ทันท่วงที นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้างเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ได้ชัดเจน

 

กษัตริย์เซนเธ! 

 

“เจ้าปีศาจ! คิดเหรอว่าตุ๊กตาปัญญาอ่อนพวกนั้นจะทำอะไรข้าได้!” มิเวลนึกฉุนในใจ มาเรียกเธอว่าเป็นปีศาจ ถ้าเธอเป็นปีศาจ เซนเธก็ไม่ต่างกันหรอกน่า ในเมื่อเขาเองก็เป็นผู้ใช้เวทเช่นกัน

 

ด้านหลังของกษัตริย์แห่งเมืองเบอริลปรากฏซากตุ๊กตาจำนวนมากกองสุมรวมกันเป็นภูเขาอยู่ เห็นชัดว่าเจ้าของตุ๊กตาเหล่านี้ยังคงดื้อดึงที่จะเล่นงานเจ้าเมืองด้วยวิธีเดิมอยู่ร่ำไป

 

“ข้าไม่ใช่เจ้าของตุ๊กตาพวกนั้น!” มิเวลกล่าวไปตามความสัตย์จริงพร้อมยกดาบขึ้นรับการโจมตีครั้งต่อไป เธอต้องยอมรับว่าเพลงดาบแต่ละท่วงท่าของกษัตริย์ผู้นี้นั้นไม่เบาเลยทีเดียว แม้ว่าจะเก่งกว่าพวกทหารในวัง แต่ก็ยังถือว่าอ่อนไปสำหรับเธออยู่ดี

 

“โกหก!

 

“ข้าไม่ได้โกหก!” มิเวลโจมตีกลับไปด้วยความโกรธ เธอไม่ชอบให้ใครหาว่าเธอพูดเท็จทั้งยังไม่มีมูลความจริง การใส่ความคือเรื่องที่เธอเกลียดรองจากการหลอกลวง 

 

อุตส่าห์ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ทำร้ายใคร แต่คนผู้นั้นกลับทำร้ายเธอก่อน ต่อให้เป็นกษัตริย์ เธอก็ขอแหกกฎของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง!

 

คมดาบเงื้อสูงเตรียมพร้อมตวัดลงในพริบตา ดาบคงปลิดชีวิตของกษัตริย์แห่งเบอริลไปแล้วหากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นหยุดการเคลื่อนไหวของเด็กสาว

 

“น่าเสียดายที่นางกล่าวความจริงนะขอรับ”

 

มิเวลหันมองหาเจ้าของเสียง เห็นเจ้าตัวยุ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าหวาน ณ ตอนนั้นเขาก็ถูกกาหัวลงบัญชีดำเป็นรายต่อไป

 

สายตางุนงงสังเกตเห็นดาบสี่เล่มเหน็บอยู่ที่เอวของเด็กหนุ่ม แม้จะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งเรื่องตุ๊กตาแล้วก็ดาบนั่น แต่มิเวลก็ตัดสินใจเก็บเรื่องสงสัยไว้ถามเอาทีหลัง

 

“เจ้าสินะ ไอ้ปีศาจ!” กษัตริย์เซนเธเคลื่อนหลบหนีจากพันธนาการของมิเวล สายตารังเกียจจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะถอยห่างออกไปสองสามก้าวแล้วเริ่มร่ายมนตรา

 

“หยุดใช้เวทเดี๋ยวนี้หากท่านยังรักชีวิตของบุตรชายท่าน!” วอลตะโกนลั่น ไม่สนสายตางุนงงของมิเวล เขาพูดเหมือนตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่า แต่เสียงหัวเราะจากเจ้าเมืองแห่งเบอริลก็ยืนยันแล้วว่าไม่เกรงกลัวต่อคำขู่ไร้สาระนั่น พร้อมทั้งยังคงร่ายเวทต่อไป

 

มิเวลแปลกใจที่เห็นวอลยังคงยืนยิ้มอยู่

 

เด็กหนุ่มเอียงคอน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ยืนนิ่งเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง ไม่นานด้านหลังเขาก็ปรากฏร่างของทหารยามจำนวนมาก มิเวลตกใจเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่วอลกลับส่งเสียงจุ๊ๆ พร้อมกับยิ้มกวนๆ ให้เธอ เวลานั้นเองเด็กสาวถึงสังเกตเห็นว่าทหารพวกนั้นมีอะไรแปลกๆ ไป 

 

พวกเขาดูล่องลอยราวกับคนไร้สติ

 

ด้านหลังของกษัตริย์เซนเธก็ปรากฏร่างของยามอีกสิบกว่าคนเดินเข้ามาใกล้เช่นกัน รวมถึงเจ้าชายริชาร์ดที่ถูกยามคนหนึ่งกำลังใช้ดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา

 

สีหน้าของเจ้าชายซีดขาวอย่างหวาดกลัว อยู่ๆ ก็มีทหารบุกเข้ามาในห้องนอน เอาดาบขู่แล้วลากเขาออกมานอกห้อง ไม่ว่าจะคุยหรือถามอะไร ทหารยามแต่ละคนก็ดูเหมือนคนไม่มีสติกันไปหมด

 

เจ้าเมืองมองใบหน้ายิ้มแย้มของวอลด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนจะไล่มองไปที่ทหารด้านหลังเขาทีละคนอย่างสิ้นหวัง เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนนิ่งเป็นรูปปั้น มั่นใจว่าหากขยับตัวเพียงเล็กน้อย เด็กหนุ่มนั่นไม่ลังเลที่จะปลิดชีวิตลูกชายของเขาแน่ 

 

“ดีจัง ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะขอรับ” วอลยกมือซ้ายทุบบนฝ่ามืออีกข้างเบาๆ ยิ้มน้อยๆ เหมือนเด็กไร้เดียงสา แล้วค่อยหันไปพูดกับมิเวล

 

“เจ้าทำตามแผนต่อสิ” เด็กสาวสะดุ้งน้อยๆ เพราะอาการมึนงงยังไม่หายไป ในใจนึกถึงแผนต่อไปว่าคืออะไร ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายเมื่อนึกออก

 

มิเวลเดินผ่านกษัตริย์เซนเธ ผ่านทหารฝูงใหญ่ ผ่านร่างสั่นกลัวของเจ้าชายริชาร์ดเข้าไปในห้องนอนของเขา 

 

ห้องมืดสนิทมีเสียงดังแกร๊กเมื่อมิเวลเปิดประตู เด็กสาวเดินตรงไปยังตู้มุมหนึ่งของห้อง เปิดมันกว้างแล้วรีบค้นหาสิ่งที่ต้องการ เธอเปลี่ยนไปหาตามลิ้นชัก โต๊ะ ตู้อีกสองใบ ก่อนจะเดินไปหาต่อที่เตียงนอน

 

มือเล็กหยิบลูกกลมๆ ขนาดพอดีมือออกมาจากใต้หมอน เด็กสาวรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นของตัวเอง แสงสีนวลเป็นประกายน้อยๆ ให้เห็นเด่นชัดอยู่ในความมืด มิเวลรีบเก็บมันลงในกระเป๋าคาดเอวก่อนจะเดินออกจากห้อง

 

วอลเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเมื่อเห็นเธอเดินออกมา รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหวาน เด็กสาวพยักหน้าทีหนึ่ง เหลือบสายตาลงไปยังมือที่จับกระเป๋าคาดเอวของตัวเองไว้แน่น วอลยิ้มกว้างเมื่องานสำเร็จแล้วหันไปเจรจาต่อกับท่านเจ้าเมือง

 

“พวกทหารนอกวังคงกำลังดักรออยู่แน่เลย แล้วก็คงคิดกันว่าพวกข้าจะออกไปทางเดิม ต้องขออนุญาตพาเจ้าชายไปกับพวกข้าจนถึงทางออกท่อระบายน้ำ แล้วก็ช่วยถอนเวทเขตอาคมออกด้วย ...หวังว่าท่านคงเข้าใจนะขอรับ...” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อยตรงประโยคหลัง 

 

“...เชิญ” น้ำเสียงลอดไรฟันด้วยความโกรธที่เสียทั้งหน้าทั้งเกียรติ สายตาเคียดแค้นมองไปยังสองผู้บุกรุก พวกมันต้องมาขโมยแผนที่แน่ๆ น่าเจ็บใจที่สุด เป็นเพราะเขามันไร้พลังแท้ๆ ถึงไม่สามารถปกป้องริชาร์ดเอาไว้ได้ จะทำยังไงดี ถ้าพวกมันได้แผนที่ไป เขากับลูกก็คง... 

 

“ว้าว ขอบคุณมากขอรับ” วอลยิ้มร่าพร้อมกับทำตาโตอย่างตื่นเต้น รีบเดินไปดุนหลังมิเวล พร้อมทั้งดึงเสื้อของเจ้าชายริชาร์ดให้เดินไปด้วยกันโดยมีทหารเป็นโขยงตามหลังมา แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะทิ้งทหารไว้อีกกลุ่มหนึ่งเพื่อคุมเจ้าเมืองแห่งเบอริล

 

มิเวลใช้กุญแจที่เจ้าตัวยุ่งขโมยมาจากทหารเปิดประตูใต้ดินเพื่อไปยังท่อระบายน้ำ ผู้บุกรุกทั้งสอง เจ้าชาย แล้วก็ทหารทั้งหลายเดินไปตามทางมืดๆ เปียกแฉะโดยไม่มีใครพูดอะไร มิเวลคาดว่าเจ้าชายคงกำลังกลัวจนไม่มีอะไรจะพูด ส่วนทหารยามก็คงไม่มีสติหลงเหลือ แต่จะด้วยเหตุอันใดนั้นไว้เธอจะเค้นถามคนข้างกายเอาทีหลัง สงสัยก็แต่คนพูดมาก ทำไมถึงเงียบกริบจนน่าแปลก พอเหลือบมองก็เห็นอีกฝ่ายยังคงยิ้มน้อยๆ ไม่มีอะไรผิดปกติ หรือจะคิดมากไปเอง...

 

มิเวลและวอลเดินพ้นออกมาจากท่อระบายน้ำ มองไปรอบๆ เห็นป่ากว้างอยู่ไม่ไกล หมายความว่าพวกเธออยู่นอกเขตเมืองเบอริลแล้ว เด็กสาวหันกลับไปยังท่อระบายน้ำ ไม่เห็นเจ้าชายหรือทหารยามอยู่อีก พวกเขาคงเดินกลับเข้าไปด้านในแล้วเรียบร้อย

 

มิเวลหันมองหาอีกคนหนึ่ง ตั้งใจจะถามเรื่องทั้งหมดว่ามันยังไงกันแน่ แต่พอกวาดสายตาไปทั่ว เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนขี้เล่นอารมณ์ดีนอนแน่นิ่งคว่ำหน้าอยู่กับพื้น เด็กสาวรีบวิ่งถลาเข้าไปใกล้ พลิกตัวอีกฝ่าย เห็นผิวซีดขาวมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด ลำตัวเย็นจัดเหมือนน้ำแข็ง มิเวลมองร่างอ่อนแรงของเขาอย่างมึนงง เธอเพิ่งจะให้วอลนอนพักจนเต็มอิ่ม แต่ตอนนี้อาการกลับแย่กว่าเมื่อตอนกลางวันด้วยซ้ำ

 

ความคิดกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง...

 

ปัญหาเรื่องการเดินทางว่าเธอจะพาวอลไปด้วยดีมั้ย 

 

วันนี้เขาช่วยเธอไว้มาก ถึงจะไม่รู้ว่าเขาสะกดจิตพวกทหารได้อย่างไรก็เถอะ และมีอีกเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกดีกับวอลมากขึ้น นั่นก็คือเขาไม่ทรยศเธอ แต่จะทำอย่างไรเล่าหากเจอศัตรูมีฝีมือเหนือกว่า สู้ไปคอยระวังอีกคนด้วยมันค่อนข้างหนักเอาการเลยทีเดียว และที่สำคัญ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เชื่อใจใคร

 

ใช่...

 

แต่เธอต้องทำตามข้อตกลง เพราะฉะนั้น ก็แค่เดินทางด้วยกันชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้นก็คงต้องจากกันตลอดไป

 

มันก็แค่ข้อตกลงเท่านั้น

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ไอ้เด็กปีศาจ!

 

ฆ่ามัน!

 

ร่างไร้วิญญาณกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ดวงตาซีดขาวไร้ชีวิตมองตรงมาด้วยความเคียดแค้น มือหนึ่งบีบคอเขาแน่นจนหายใจไม่ออก ก่อนภาพเบื้องหน้าจะเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ 

 

ดวงตาสีเงินปรือขึ้นอย่างอ่อนแรง กระพริบสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้คมชัดขึ้น เขาเห็นใบไม้สีเขียวบดบังท้องฟ้าปลอดโปร่งยามเย็น เด็กหนุ่มใช้มือยันร่างหนักอึ้งให้ลุกขึ้นนั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนหยุดลงที่ร่างคุ้นตา และใบหน้าหวานก็ขยับรอยยิ้ม 

 

“ข้านึกว่าเจ้าจะทิ้งข้าเสียอีก” เสียงเอื่อยเอ่ยทักอีกฝ่าย

 

มิเวลเงยหน้าขึ้น เห็นเจ้าตัวยุ่งกำลังส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ เด็กสาวค้อนตอบกลับไปแล้วก้มหน้ากินอาหารกระป๋องในมือต่อ

 

วอลส่งเสียงหัวเราะชอบใจ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆ 

 

“นึกว่าเจ้าตายไปแล้ว เห็นนอนนิ่งไม่ขยับเกือบวัน” น้ำเสียงเรียบๆ บอกกล่าว แต่ที่จริงเธออดเป็นห่วงอยู่ตั้งนานว่าเขาเป็นอะไรไป แต่พอเห็นวอลหัวเราะออกมาอีกเธอก็ชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา

 

“ข้าตายยาก”

 

“แล้วเจ้าเป็นอะไร เรื่องเมื่อคืนอีก อธิบายมาไม่งั้นข้าไม่ให้กิน ปล่อยให้หิวโซอยู่อย่างนั้นแหละ” ขู่จบก็ตักอาหารเข้าปาก มิเวลทำตาโตเมื่อเห็นอีกฝ่ายคว้าอาหารกระป๋องอีกกระป๋องหนึ่งของเธอไปดู มือไวรีบเอื้อมไปคว้าของคืน 

 

“กระป๋องนั่นมันอะไรน่ะ” มองผ่านๆ เมื่อกี้เหมือนจะเป็นกระป๋องใส่ของกินอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถกินของที่อยู่ในนั้นได้หรอก

 

“อาหารของข้า” เด็กสาวตอบ พลางกอดอาหารสุดรักไว้ในอ้อมอก เรื่องของกินก็เป็นอีกเรื่องที่เธอยอมไม่ได้ 

 

“...เจ้ากินอาหารในนั้นน่ะนะ”

 

“ใช่ ทำไม”

 

วอลไม่ตอบ เด็กสาวไม่สนใจสายตาประหลาดที่เขาใช้มองเธอแล้วนั่งกินอาหารต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย เหลือบสายตามองคนข้างตัว เห็นวอลล้วงหยิบขวดอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มิเวลชะโงกหน้าไปดูขวดในมืออีกฝ่ายแล้วก็ต้องร้องแหวะออกมา

 

“น้ำตาลก้อน! เจ้าจะกินไอ้นั่นน่ะนะ!?” เด็กหนุ่มหัวเราะขำขันให้กับปฏิกิริยาของมิเวลแล้วเปิดฝาขวด หยิบก้อนน้ำตาลในขวดขึ้นมาใส่ปาก 

 

“แล้วเจ้ากินของในกระป๋องนั่นได้ยังไงข้าก็กินน้ำตาลได้แบบนั้นนั่นแหละ” เสียงร่าเริงตอบแบบกวนประสาทแล้วหยิบก้อนน้ำตาลใส่ปากอีก มิเวลถอนหายใจอย่างปลงๆ นึกสยองตอนเห็นเขาเอาก้อนน้ำตาลพวกนั้นเข้าปาก พอเธอก้มหน้ากินอาหารกระป๋องของตัวเองต่อก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ตอบคำถามของเธอเลย

 

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เล่าเรื่องเมื่อคืนมาเดี๋ยวนี้” เสียงดุออกคำสั่ง วอลยังคงจ้องเธอด้วยแววตาใสซื่อ แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้คนขี้หงุดหงิดฉุนมากกว่ากว่า ผ่านไปสักพักเขาถึงกระแอมเล็กน้อย ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเริ่มต้นอธิบายพร้อมด้วยรอยยิ้มกวนๆ

 

“ไม่มีอะไรนี่ แผนการของข้าสมบูรณ์แบบ ข้าทำตุ๊กตา เจ้าใส่ความฝันลงไปแล้วก็ใช้เวทแยกร่างนิดหน่อย พอจุด้วยความฝันตุ๊กตาก็เลยขยับได้ จากนั้นก็ให้มันวิ่งไปทั่ววัง น้อยคนจะรู้จักอาชีพของข้า พอเจอตุ๊กตาขยับได้ก็เลยแตกตื่นกันอย่างที่เห็น เป็นการเปิดทางให้เจ้าไปที่ห้องของเจ้าชายไง”

 

“มีมากกว่านั้น ทำไมพวกทหารยามถึงดูเหมือนโดนสะกดจิต เจ้าใช้วิธีอะไร” มิเวลถามต่ออีก คำตอบแบบกว้างๆ ของวอลเมื่อครู่ยังไม่สามารถทำให้เธอหายข้องใจได้

 

“ไม่ได้ทำอะไรเลย ตุ๊กตาของข้าบรรจุเคลื่อนไหวได้ด้วยความฝัน ดังนั้นข้าก็แค่สั่งตุ๊กตาให้ถ่ายโอนความฝันนั้นใส่พวกทหาร จากนั้นข้าก็ควบคุมพวกเขาแทน”

 

คนถูกถามพูดตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าซื่อบริสุทธิ์ประดับเพียงรอยยิ้มน้อยๆ แต่คนถามกลับเป็นฝ่ายตกตะลึง

 

เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์ ไม่พลังพลังเวทหรือไอเวทใดๆ ออกมาจากตัวเขาเลย นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่สิ่งที่วอลทำกลับคล้ายคลึงกับพลังเวทจนน่าตกใจ แสดงว่าเขาใช้ความสามารถนั้นได้โดยไม่ต้องอาศัยพลังเวท แม้เจ้าตัวจะเคยบอกว่าใช้พลังจิตได้ก็เถอะ

 

ควบคุมคนอื่นด้วยความฝัน...

 

เป็นความสามารถที่น่ากลัว หากนำไปใช้ในทางที่ผิด

 

“หมะ...หมายความว่าเจ้าควบคุมคนอื่นได้ด้วยความฝันงั้นหรือ” มิเวลพยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น เธอเริ่มรู้สึกกลัวอีกฝ่ายขึ้นมา ตอนนี้เธอกำลังถูกเขาควบคุมอยู่รึเปล่า

 

“คงใช่ ข้าเพิ่งรู้เมื่อคืนนี่แหละหลังจากออกมาจากห้องเก็บสมบัติ ตั้งใจจะไปดูว่าแผนที่อยู่ในนั้นหรือเปล่า พอออกมาก็เจอพวกทหาร แต่ข้าจะควบคุมพวกเขาได้ก็ต่อเมื่อตุ๊กตาของข้าถ่ายโอนความฝันไปให้แล้วเท่านั้น”

 

“ทำไมเจ้าถึงสลบไปล่ะ”

 

สีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิทอยู่แวบหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะยิ้มกว้างอีกครั้ง 

 

“นั่นสินะ”

 

“แล้วทำไมเจ้าถึงมีพลังจิตนี่ได้” คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเลิกขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมตอบ วอลเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ เหมือนแบบที่ทำอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น

 

“แม้จะควบคุมคนอื่นได้แต่ก็ทำได้ไม่นาน เพราะข้าจะรู้สึกไม่มีแรงแล้วก็เวียนหัวด้วย สุดท้ายก็หมดสติอย่างเมื่อคืนนั่นแหละ”

 

คำตอบของวอลเหมือนเป็นแค่การขยายคำถามของเธอ เด็กสาวไม่ท้วงคาดคั้นเอาคำตอบอีก พยักหน้าอย่างเข้าใจในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากตอบ เธอเองก็ไม่ได้อยากจะรู้เรื่องอะไรมากมายของเขาอยู่แล้ว แค่เดินทางด้วยกันชั่วคราวตามที่ได้ตกลงกันไว้เท่านั้น แต่เรื่องอาการของวอลเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกข้องใจ มองคนที่เพิ่งตัดสินใจให้มาเป็นผู้ร่วมเดินทางพลางคิดย้อนไปถึงเมื่อคืน 

 

สภาพของวอลหลังจากออกมาจากท่อระบายน้ำดูเหมือนคนใกล้ตายจนน่าเป็นห่วง ไม่ใช่เรื่องดีแน่หากเขายังคิดจะใช้พลังพิเศษนี่ต่อไป ส่วนเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แถมยังไม่สนใจร่างกายของตัวเองอีกต่างหาก ใช้พลังแล้วอ่อนแรงแบบนั้นแสดงว่ามันคงส่งผลอะไรบางอย่างกับร่างกายของเขา เธอคงต้องหาข้อมูลศึกษาเรื่องพลังพิเศษนี่ดูหน่อยแล้ว

 

วอลมองไปรอบตัวเหมือนกำลังหาของบางอย่าง เห็นเป้ใบเบ้อเริ่มวางอยู่ข้างมิเวล ตรงหน้ามีกองอาหารกระป๋องอยู่ และคาดว่าในเป้ใบยักษ์นั่นก็คงมีอยู่อีกเพียบ 

 

“จะว่าไป...แล้วย่ามของข้าล่ะ”

 

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของเด็กหนุ่ม

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า

หนูมิเวลเป็นพวกรักของกินฮับ อย่าริอาจไปยุ่งกับอาหารกระป๋องของนางเชียว อาจโดนดาบเสียบคอเอาได้ หึๆๆ

ตอนนี้ได้วอลโชว์พลังเต็มที่เลยยยยย วอลเอ๋ย น่าเป็นห่วงว่าคงโรคเบาหวานกินหัวเอาแน่ แต่เขาชอบของเขาแบบนั้นนนนน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา