XENON LIFER อมนุษย์พันธุ์ทมิฬ

8.3

เขียนโดย TwentySIX

วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  15.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Never Die

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     บนเนินเขาเตี้ยๆปรากฏร่างชายปริศนายืนอาบแสงจันทร์ มือเขาถือขนนกผูกเชือกเพื่อดูทิศทางลม แต่แทนที่จะรู้ทิศทาง มันกลับปั่นป่วนเสียจนหาต้นลมที่แท้จริงไม่ได้ ผืนหญ้าสั่นสะเทือนพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่าง ผุดขึ้นมาจากพื้นผิวดินทางด้านหลัง ชายปริศนาปัดฝุ่นที่ปกเสื้อ ก่อนจะหันกลับไปหาอะไรสักอย่างที่เพิ่งจะปรากฏตัว

     มันคือปีศาจหมูป่าตัวสูงกว่าสี่เมตร ร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ท่อนล่างลงมาคือเท้ากีบเช่นสัตว์ป่า มันสวมกางเกงและหมวกเหล็ก มือข้างซ้ายถือโล่ทรงกลมขนาดใหญ่ มือข้างขวาถือดาบสองคมเล่มโต

     "สถานที่ๆเจ้ากำลังจะไป มันคือเส้นทางนำไปสู่วิหารแห่งเรา ดังนั้นเจ้าจงรีบหันหลังกลับไปซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่!"

     ชายปริศนากลอกตาไปมา พร้อมเก็บขนนกก่อนให้คำตอบ

     "...ขอปฏิเสธ"

     ปีศาจหมูป่าหรี่ตาหลุบต่ำ บุคคลตรงหน้ายังยืนนิ่งไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ ทำให้มันไม่สามารถคาดเดาความคิดของชายปริศนาได้

     "ใจกล้าดีนี่ มนุษย์"

     ไม่มีเหตุผลต้องกล่าว

     ไม่มีคำอธิบายต้องพูด

     ผู้ใดที่กล้าล่วงล้ำวิหารศักดิ์สิทธิ์ มันผู้นั้นต้องตาย!

     เสี้ยววินาทีนั้นเอง ดาบเล่มใหญ่ก็ตวัดฟาดลงใส่ชายปริศนาอย่างหนักหน่วง พื้นดินถึงกับสะเทือน เศษฝุ่นทรายฟุ้งตลบอบอวล จนเมื่อม่านควันซาตัวลง มันก็พบว่าชายปริศนาได้ใช้กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมยกขึ้นบังต่างโล่ และที่น่าแปลกพอๆกับพละกำลังอันมหาศาลของเขา นั่นก็คือเจ้ากระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมนั้น ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

     "หือ กระเป๋าเจ้าแปลกดีนี่?"

     ชายปริศนากระแทกดาบนั้นออก ปีศาจหมูป่าขยับถอยหลังแล้วเดินวนรอบตัวอีกฝ่ายอย่างดูเชิง ทั้งพละกำลังที่มหาศาลอย่างผิดปกติ กับดวงตาสีเลือดซึ่งไม่ใช่แววตาของมนุษย์ ทำให้ปีศาจหมูป่ายังไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปแบบมั่วซั่ว

 

     มันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆแน่...

 

     "ฉันไม่สน ว่าฉันจะเดินผ่านวิหารใคร..."

     ชายปริศนาทิ้งกระเป๋าลงข้างลำตัว ก่อนเตะมันออกห่างจากที่ซึ่งจะกลายเป็นสนามต่อสู้ เขาหักกระดูกมือและหมุนคอเล็กน้อย จากนั้นจึงตั้งท่าต่อสู้

     "แต่ถ้าแกคิดจะขวางทางฉัน...ก็ต้องตายสถานเดียว"

     "น่าสนุกดีนี่!!"

 

     ตึงงง!!!

 

     คมดาบฟาดลงมาในแนวดิ่งอีกครั้ง แต่ชายปริศนากระโดดหลบทัน

     ความเร็วในการฟาดดาบแต่ละทีนั้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คงถูกผ่าออกเป็นสองส่วนไปตั้งนานแล้ว เขาตั้งหลักก่อนวิ่งกระโดดถีบ ปีศาจหมูป่ารู้ทันจึงตั้งโล่รอรับ แต่ความรุนแรงระดับเหนือมนุษย์ของชายปริศนา ก็มากพอจะทำให้มันซวนเซถอยหลังไปสามก้าวใหญ่

     จังหวะที่ชายหนุ่มหมุนกลับตัวกลางอากาศ เขาก็ซัดมีดบินออกไปหนึ่งเล่ม ส่วนมืออีกข้างชักปืนลูกโม่ออกมา ชายปริศนาเหนี่ยวไกปืน ส่งลูกกระสุนไปปะทะกับด้ามมีด เป็นการเร่งความเร็วและอำนาจการสังหารมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายคือดวงตาของปีศาจหมูป่า

 

     เคร้ง!!

 

     โล่อันเดิมถูกยกขึ้นบังอีกครั้ง ชายปริศนาม้วนตัวกลับลงมานั่งชันเข่า เขาเก็บปืนลูกโม่เข้าซองปืน ก่อนจะเอื้อมหยิบมีดคูครีออกจากกลางหลังมาถือ ปีศาจหมูป่าตีดาบกระทบโล่พร้อมคำรามอย่างสะใจ ร้อยวันพันปีกว่าจะมีพวกกระดูกแข็งโผล่ออกมาสักตัว มันกำชับดาบเอาไว้แล้วค่อยตวัดฟันในแนวเฉียง ชายปริศนาเบี่ยงตัวหลบหลีกได้ไม่ยากเย็น เขาวิ่งไปประชิดตัวจากนั้นจึงกระโดดหมุนตัวสะบั้นฟัน ฝากรอยแผลเป็นเส้นๆนับไม่ถ้วน ไว้บนหน้าแข้งของมัน

     "เฮอะ!!"

     ปีศาจหมูป่ายกโล่แล้วเตรียมกระแทกอัดลงมา ทว่าชายปริศนาปล่อยมีดคูครี แล้วกระชากปืนลูกซองออกมาจากด้านหลัง มืออีกข้างคีบกระสุนปลอกสีส้มแดง ก่อนบรรจุใส่อย่างรวดเร็ว เขาหันปากกระบอกปืนไปทางโล่เหล็กกล้า ซึ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

 

     เปรี้ยง!!!

 

 

     แสงไฟสีส้มสว่างวาบ ประกายไฟลุกโชนจากปากกระบอกปืน โล่ที่หนักหลายร้อยกิโล ถูกสะท้อนกลับไปอย่างง่ายดาย ชายปริศนาเก็บปืนลูกซองก่อนจะกระตุกมือขวา เพื่อให้ท่อนเหล็กขนาดพอดีมือหล่นออกมา พร้อมัสะบัดเพื่อให้ใบมีดสีเงินเด้งออก ชายปริศนากระโดดตวัดดาบลากฟันจากล่างขึ้นบน สร้างรอยแผลตั้งแต่ปลายเท้าจรดหน้าอกให้กับปีศาจหมูป่า เลือดสีแดงสาดกระจายรดร่างชายหนุ่ม

 

     ไอ้เจ้ามนุษย์สวะนี่!

 

     ปีศาจหมูป่าสละโล่ทิ้ง เพื่อให้มืออันทรงพลังได้คว้าจับตัวชายปริศนา ก่อนจะขว้างอัดพื้นอย่างไม่มีการออมแรง จากนั้นจึงใช้เท้าขวาหน้ากระทืบซ้ำลงไป หวังให้อีกฝ่ายตายสนิท เลือดสีดำไหลทะลักผ่านพื้นดินที่ทรุดตัวลง เสียงกระดูกแหลกเละป่นปี้ดังลั่น

     แต่ทว่า...

     "อ้าก!!!"

     ปีศาจหมูป่าแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด มันรีบชักเท้าออกแล้วก้มมองดูใต้ฝ่าเท้า ที่ถูกแทงด้วยดาบสั้นจนทะลุ ปีศาจหมูป่าสูดลมหายใจเข้าออกก่อนจะถอนดาบสั้นทิ้ง เลือดจากปากแผลเล็กๆจึงไหลออกมา และแน่นอนว่าบาดแผลของมันไม่สามารถฟื้นฟูได้ตามปกติ เพราะดาบสั้นของชายปริศนานั้นทำมาจากแร่เงิน

     มันเหลือบลอบมองไปยังก้มหลุม ดวงตากลมเล็กเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อร่างชายปริศนาในสภาพเละเทะกำลังยืนขึ้นมาใหม่ กระดูกแขนขาแตกหักและบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ ช่วงท้องมีกระดูกซี่โครงทิ่มทะลุออกมา เลือดสีดำไหลเทจากปากเขา ปริมาณเลือดมากพอที่จะย้อมให้เศษผ้าเก่าๆซึ่งปิดบังใบหน้าส่วนล่าง ต้องดำเมี่ยน

     "ทำไมแกถึงยังไม่ตาย?"

     มันออกอาการหวาดวิตกกังกล เพราะซากศพเบื้องหน้า กำลังคืนสภาพทีละเล็กละน้อย เริ่มจากเลือดสีดำที่หยุดไหล กระดูกแตกหักถูกดันกลับเข้าไปในร่าง เนื้อแหว่งๆที่ฉีกขาดได้รับการฟื้นฟูอย่างน่าอัศจรรย์ 

     เพียงไม่กี่วินาที ชายปริศนาก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยไม่ทิ้งรอยแผลเอาไว้แม้แต่รอยเดียว ส่วนเสื้อผ้าทั้งหมดก็ผสานรวมกันดังเดิม หลงเหลือเพียงแต่คราบเลือดสีดำเท่านั้น ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส มาเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว

     "หรือว่าแก...ไม่ใช่มนุษย์!?"

     ชายปริศนาไม่ตอบ เขาดึงมีดบินทั้งสี่เล่ม แล้วขว้างซัดไปยังต้นขาขวาที่เพิ่งถูกดาบสั้นแทงทะลุฝ่าเท้า หากเป็นอาวุธปกติ คงไม่อาจแทงผ่านชั้นผิวหนังหยาบๆของมัน

     แต่อาวุธลงอาคมชิ้นนี้ กลับเรียกเลือดจำนวนมหาศาลออกมาได้

     "บัดซบเอ๊ย!!"

     มันเหวี่ยงดาบแนวทแยง ชายปริศนาที่หลบไม่ทันจึงถูกดาบเล่มยักษ์ฟันผ่านช่วงลำตัว ลำไส้เล็กและใหญ่ปลิ้นออกจากท้อง เลือดสีดำไหลเทลงพื้น จนแทบจะเปลี่ยนสีของต้นหญ้าให้กลายเป็นดำสนิท ทว่าเพียงแค่ไม่กี่วินาที บาดแผลทั้งหมดก็หายดีเป็นปกติ ชนิดไม่ทิ้งไว้แม้แต่รอยแผลเป็น

     "แกเป็นตัวอะไรกันแน่!!"

     ดาบยักษ์ตวัดฟันอีกครั้ง เสียงแผ่นเหล็กตัดผ่านอากาศส่งเสียงดังน่ากลัว ชายปริศนากระโดดตีลังกากลับหลังหลบได้ทัน จังหวะนั้นเอง เขาได้ใช้มือขวาแตะสนับแขนกลแล้วกดปุ่มอะไรบางอย่าง เพื่อเรียกตะขอเหล็กอันเล็กๆที่บริเวณสันมือ ชายหนุ่มจัดการเหวี่ยงตะขอไปคล้องแขนปีศาจหมูป่า จากนั้นจึงกระตุกมืออย่างแรงเพื่อดึงร่างตัวเองเข้าไปหามัน

     ชายปริศนาโหนตัวอ้อมไปทางด้านหลังปีศาจหมูป่า ก่อนกระตุกข้อมืออีกหนเป็นการดึงตะขอกลับเข้ามาในสนับแขน และจึงชักปืนลูกโม่ออกมากราดยิงทั้งหมดห้านัด โดยสี่นัดแรกเข้าไปฝังตามกระดูกข้อต่อสำคัญๆของมัน ส่วนนัดสุดท้ายเจาะเข้าที่ท้ายทอย 

     เขาปล่อยปืนลูกโม่ทิ้ง แล้วม้วนตัวกลับหลังหนึ่งครั้ง เพื่อสะบัดปืนปากกาทั้งหมดสิบกระบอกให้หลุดออกจากซองปืนรอบเอว สองมือคว้าปืนซึ่งลอยคว้างกลางอากาศจากนั้นจึงลั่นไก พอปืนกระบอกไหนยิงเสร็จเขาก็จะทิ้งทันที เพื่อจะได้คว้าปืนกระบอกอื่นมายิงต่อ  

    

     ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!

 

     ลูกกระสุนเม็ดเล็กๆ เจาะผ่านผิวหนังของปีศาจหมูป่า เข้าไปทำลายกระดูกไขสันหลังทั้งหมดของมัน เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้น เศษกระดูกบางชิ้นกระเด็นหลุดจากแผ่นหลังมันอย่างน่าหวาดเสียว

     "อ้าก!!!"

 

     ปีศาจหมูป่าคำรามลั่น มือของมันปล่อยดาบร่วงลงพื้น ร่างสูงใหญ่ล้มคุกเข่ายอมศิโรราบอย่างไม่เต็มใจ ชายปริศนาซึ่งพลิกตัวกลับลงมาสู่พื้น จึงได้ควานหาปืนลูกโม่ที่เขาโยนทิ้งเมื่อสักครู่ ช่วงเวลานั้นปีศาจหมูป่าก็ไม่ได้จะมานั่งรอความตาย มันพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกำดาบให้ได้อีกครั้ง

     'เจอแล้ว'

     ปืนลูกโม่กระบอกใหญ่อยู่ในมือเขาแล้ว ชายหนุ่มรีบทำการบรรจุกระสุนชุดใหม่ลงไปอย่างไม่รีรอ      

 

     ฉึก!!!

    

     คมดาบของเจ้าปีศาจเสือกแทงจากข้างหลัง ยังดีที่คมดาบนั้นแทงผ่านตรงบริเวณสีข้าง เลยทำให้ลำตัวชายปริศนาไม่ขาดออกจากกัน เขากระอักเลือดออกมาแรงๆก่อนใช้มือข้างที่ว่างจับดาบแล้วดันกลับไป ทว่าเจ้าของดาบไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จึงพยายามกดดาบเล่มยักษ์ลงมา เพื่อจะตัดลำตัวชายปริศนาให้ขาดออกจากกัน

     ถุงมือหนังของชายปริศนาเริ่มฉีกขาด ฝ่ามือเขาถูกคมดาบบาดเป็นรอยแผลลึกมากขึ้นเรื่อยๆ หากปล่อยเอาไว้แบบนี้คงมีแต่จะเสียเวลาเปล่า ชายปริศนาสอดปืนลูกโม่ลอดใต้วงแขนซ้าย นิ้วชี้ลั่นไกเป็นจังหวะรัวเร็ว ส่งลูกกระสุนหัวเงินทั้งหมดห้านัด ไปยังนิ้วมือทั้งหมดของฝ่ามือขวาเจ้าปีศาจ

     ผลลัพธ์คือ นิ้วทั้งหมดห้านิ้วของเจ้าปีศาจ ขาดกระเด็นราวกับกิ่งไม้แห้งๆที่ถูกหักทิ้ง

     ดาบเล่มใหญ่ยักษ์ร่วงลงมาพาดหน้าขาปีศาจหมูป่า ชายปริศนาควงปืนลูกโม่ก่อนเก็บเข้าซองปืน แล้วจึงออกตัววิ่งเข้าใส่เจ้าปีศาจ มันขบเคี้ยวฟันอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนกำหมัดซ้ายที่แทบจะยกมือไม่ขึ้น พร้อมฟาดลงมาในแนวดิ่ง 

     ทว่าชายหนุ่มตีลังกาหลบได้อย่างเหนือชั้น เขาควบฝีเท้าวิ่งไต่ใบดาบที่พาดขาปีศาจหมูป่า จากนั้นเขาก็กระโดดทีเดียว ขึ้นไปอยู่บนหัวของมัน

     "แก!!!"

     ฝ่ามือซ้ายเงื่ออีกเป็นคำรบสอง ก่อนบรรจงตบร่างอมนุษย์ ที่หาญกล้าขึ้นมาเหยียบหัวมัน

 

     เผียะ!!!!

 

     เสียงตบดังฉาดใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ชายปริศนาสามารถกลิ้งหลบได้ทันท่วงที เขานั่งชันเข่าอยู่ตรงนั้น ก่อนใช้แขนจับข้อมือปีศาจหมู่ป่าจากนั้นจึงออกแรงบิด โดยเขาใช้แรงไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากพละกำลังทั้งหมด แต่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กระดูกข้อมือปีศาจหมูป่า ต้องหักสะบั้น

     แขนอันทรงพลังทั้งหมดสองข้างของมัน ลู่ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ชายปริศนาถือโอกาสนั้นชักปืนลูกซองออกมา เขาหักลำกล้องปืนเพื่อดีดปลอกกระสุนเปล่า พร้อมหยิบกระสุนที่มีปลอกสีแดงสลับดำบรรจุลงไป

 

     แกร็ก...

 

     ลำกล้องปืนปิดตัวลง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายปริศนาย้ายตำแหน่ง มายังส่วนใบหน้าปีศาจหมูป่า ดวงตากลมเล็กคู่นั้น สะท้อนภาพชายหนุ่มสวมชุดสีดำดั่งราตรีคืนนี้ นัยน์ตาเขาสุกสว่างด้วยสีแดงฉาน มือซ้ายเอื้อมง้างปากเจ้าปีศาจ ส่วนเท้าขวาทำหน้าที่ยันปากส่วนล่างเอาไว้

 

     กร๊อบ...

 

     เสียงกรามหลุดลั่นดังเบาๆ ลิ้นสีชมพูหนาของเจ้าปีศาจ แลบโผล่ออกมาพาดไรฟัน ชายปริศนาไม่สนใจว่าสารรูปของมันจะดูน่าสงสารสักแค่ไหน เขายัดปากกระบอกปืนเข้าไปภายในช่องปากนั้น หูสองข้างได้ยินเสียงอู้อี้ที่แทบจะฟังไม่ได้ศัพท์

     "น่ารำคาญ..."

 

     ตูม!!!!

 

     ลูกไฟสีแดงสว่างวาบ พร้อมทั้งแผดเสียงดังกัมปนาท ร่ายชายปริศนาปลิวกระเด็นเพราะแรงระเบิดในระยะเผาขน ควันไฟกรุ่นๆพวยพุ่งออกจากปากกระบอกปืนที่ร้อนถึงขีดสุด เขาตวัดสายตามองหาเจ้าปีศาจ ซึ่งขณะนี้ยังคงยืนนิ่ง แต่ทว่าศรีษะส่วนบนของมันกลับกลวงโบ๋ 

     ใบหน้าส่วนล่างที่ยังหลงเหลืออยู่อ้าปากค้าง ปลายลิ้นกระตุกดิ้นเร่าๆไม่หยุด กลิ่นเนื้อไหม้กับกลิ่นคาวของเลือดและดินปืน ตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ ร่างสูงใหญ่นั้นกระตุกเพียงแค่สองสามที ก่อนจะล้มหน้าฟาดดินสิ้นใจ

     ชายปริศนาลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยม ก่อนย้อนกลับมาที่ซากศพปีศาจหมูป่า เขาเปิดกระเป๋าออก โดยภายในนั้นว่างเปล่าไม่ได้ใส่อะไรเอาไว้

     แต่ทันใดนั้นเอง ไอวิญญาณสีขาวซีดเซียว ก็ลอยออกจากร่างปีศาจหมูป่า ดวงวิญญาณลูกนั้นถูกดูดเข้าไปอยู่ข้างในกระเป๋า ชายปริศนาปิดมันลง เพื่อรอดูกระเป๋าที่ขณะนี้กำลังแปรสภาพเป็นละอองสีดำ 

     จากนั้นเพียงไม่กี่วินาที ดาบใหญ่สีแดงเข้มมีลูกตากลมเล็กติดอยู่รอบใบดาบก็ปรากฏแทนที่ เขาลองกวัดแกว่งสองสามครั้ง แล้วจึงค่อยสลายให้มาอยู่ในรูปแบบของกระเป๋าอีกครั้ง

     ชายปริศนาเริ่มไล่เก็บอาวุธทั้งหมดที่ตกเกลื้อน ก่อนจะทำการบรรจุลูกกระสุนลงไปในปืนลูกโม่และปืนปากกา ส่วนปืนลูกซองเขาทำเพียงแค่หักลำกล้อง เพื่อดีดปลอกกระสุนเปล่าทิ้ง และควงมีดคูครีเก็บไว้กลางหลัง ในลักษณะไขว้กลับหัว ก่อนเขาจะออกวิ่งโดยทิ้งซากศพเจ้าปีศาจ ที่ค่อยๆกลายเป็นเถ้าถ่านเอาไว้ด้านหลัง

 

 

     แสงอาทิตย์สาดทอจากเบื้องบน ชายปริศนาที่วิ่งสุดฝีเท้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จู่ๆก็หยุดฝีเท้ากระทันหัน เมื่อนัยน์ตาสีแดงนั้นกำลังเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น เขาส่งเสียงในลำคออย่างไม่ค่อยชอบใจ 

     กลางวันเป็นช่วงเวลาที่เขาเกลียดมากที่สุด เขาแทบจะมองอะไรไม่เห็นนอกจากแสงสีขาวสว่างจ้า พอก้มหน้าก็เห็นแต่ภาพที่พร่ามัวจนดูไม่รู้เรื่อง จะหยุดพักตรงนี้เพื่อรอเวลาค่ำดีมั้ย ชายปริศนาใช้ความคิด

     ขณะกำลังใช้ความคิด เสียงกุบกับๆจากด้านหลังก็ดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงเรียกจากใครสักคน ชายปริศนาเสมองทั้งๆที่ตัวเองมองอะไรไม่ชัดถนัดตา

     "เฮ้ คนตรงนั้นน่ะ"

 

     ลักษณะน้ำเสียงนี้...เป็นผู้ชายอายุเกินสี่สิบปี กับเสียงของแข็งกระทบพื้น เป็นจังหวะประมาณสิบสองครั้งต่อ 0.65วินาที คาดว่าอาจเป็นรถเกวียนสี่ล้อ กับม้าลากเกวียนสองตัว 

 

     จากความเร็วที่คำนวนได้ บวกกับเสียงสิ่งของต่างๆภายในนั้น คาดว่าอาจเป็น ดาบ เหล็ก ขวดแก้ว เหล้า ไห สิ่งทอ และอื่นๆ

 

     ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่คนๆนี้จะเป็นพ่อค้าในระแวกนี้

 

     "มีอะไร..." ชายปริศนาวิเคราะห์เสร็จสรรพภายในเสี้ยววินาทีเดียว เขาไม่หันไปสบตากับชายคนนั้น เนื่องจากดวงตาในตอนนี้มองแทบไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

     "เดินเท้าอย่างงั้นคงจะเหนื่อยแย่ สนใจมาขึ้นเกวียนกับข้ามั้ย?"

     ชายคนเอ่ยปากชักชวนด้วยความปราถนาดี

     "ไม่จำเป็น" 

     ชายปริศนาปฏิเสธน้ำใจอย่างไม่ไยดี แต่พ่อค้าคนนั้น กลับยังไม่ล้มเลิกความพยายาม ที่จะชักชวนให้เพื่อนมนุษย์มาขึ้นเกวียนด้วยกัน

     "ขึ้นมาเถอะน่า กว่าเจ้าจะถึงเมืองเทียร์ก็คงอีกไกล"

     ชายปริศนายืนใช้ความคิด แม้ภารกิจเมืองลอสท์จะไม่ได้กำหนดระยะเวลาตายตัว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะเดินไปถึงที่นั้นแบบเนิบช้าหรอกนะ ชายหนุ่มถอดหมวกคนเดินป่าออก ก่อนก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างมีมารยาท

     "งั้นก็ขอรบกวนด้วย..."

     เขาเดินขึ้นหลังเกวียน พร้อมวางกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมโดยคว่ำหน้าตราสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉกกลับหัว เป็นเวลาเดียวกับที่พ่อค้าคลี่ผ้าม่านระหว่างฝั่งคนนั่งกับคนขับออก เพื่อจะได้สนทนากันสะดวกๆ

     "ข้าชื่อมาติน แล้วเจ้าล่ะ"

     ชายแก่กระตุกบังเหียนเบาๆ ม้าทั้งสองตัวจึงควบฝีเท้าเดินต่อ

     "...อย่าถาม"

     มาตินหัวเราะเบาๆ เขาไม่ได้คิดอะไรมากกับการที่ชายปริศนา ไม่ยอมบอกชื่อของตัวเอง ก่อนชายแก่จัหันกลับไปมองเส้นทาง 

     "ข้าเข้าใจๆ สงสัยเจ้าคงจะมีปมด้อยเรื่องชื่อสินะ"

     ชายปริศนาไม่ตอบ เขาปล่อยให้มาตินเข้าใจอย่างั้นไปเองจะดีกว่า พอผ่านไปสักพักมาตินก็ชวนคุยอีก อาจเป็นเพราะเขาไม่มีคู่สนทนามาตั้งนาน วันนี้เขาถึงได้หาเรื่องคุยได้ไม่หยุดปาก

     "เจ้าทำอาชีพอะไรหรือ ถึงได้แต่งตัวซะดำปี๋อย่างงี้ เป็นพวกนักล่าแม่มดหรือเปล่า?"

     "ฉันล่าได้ทุกอย่าง...ตราบเท่าที่สิ่งนั้นเป็นความชั่วร้าย"

     "ความชั่วร้ายงั้นเหรอ แสดงว่าเจ้าทำงานให้กับเบื้องบนใช่มั้ย"

     มาตินเปรยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เนื่องจากน้อยคนนักที่จะได้อาชีพนักล่าอย่างเป็นทางการ แถมคนที่เป็นนักล่าความชั่วร้าย(Evil Killer) ยิ่งน้อยมากเป็นพิเศษ 

     ดังนั้นแล้วนักล่าฝีมือดี จึงหาได้เฉพาะจากพวกเบื้องบนเท่านั้น

     ในส่วนของพวกเบื้องบนหรือชนชั้นปกครอง จะเหมารวมพวกอัศวิน ขุนนาง ชนชั้นสูง และพระราชา ซึ่งเป็นชนชั้นเดียวที่มีสิทธิว่าจ้างพวกนักล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกนักล่าความชั่วร้ายฝีมือเยี่ยมแทบจะไม่มีสังกัดแน่ชัด ดังนั้นนักล่าส่วนใหญ่ที่พบเห็นมักเป็นพวกปลายแถวเสียมากกว่า

     ชายปริศนาเอนหัวพิงขอบหน้าต่าง ก่อนจะบอกสังกัดของเบื้องบนที่ว่าจ้างเขา

     "ฉันทำงานให้กับศาสนจักรแสง..."

     เขาทำงานให้คนพวกนี้บ่อยมาก แล้วทุกภารกิจที่ได้รับมาก็มักจะเป็นภารกิจระดับอิมพอสซิเบิ้ลทั้งหมด เรียกได้ว่าหากตายน้อยกว่ายี่สิบครั้ง นั่นก็แสดงว่านี่ไม่ใช่ภารกิจของศาสนจักรแสง

     "โอ้โห้! ศาสนจักรแสงเชียวเหรอ ถ้าเป็นอย่างงั้นเจ้าก็คงได้รับค่าตอบแทนบานตะเกียงเลยน่ะสิ!"

     ไม่ใช่...

     ค่าตอบแทนของเขา คือการโดนถ่มน้ำลายรดหน้า พร้อมคำด่าว่า 'ไอ้ถ่อย' ต่างหาก

     "แล้วคราวนี้ เจ้าจะไปทำภารกิจที่ไหนล่ะ"

     มาตินอดไม่ได้ที่จะถามอย่างใคร่รู้ แต่พอได้ยินคำตอบจากปากชายปริศนา เขาก็ปิดปากเงียบพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่หนึ่ง

     "เมืองลอสท์..."

     พ่อค้าคนนั้นขยับคอเสื้อพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ โลกใบนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเมืองลอสท์และผู้ร่วงหล่น มาตินใช้เวลาพอสมควร กว่าเขาจะทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดใจ

     "เมืองลอสท์เหรอ...ข้าว่าศาสนจักรแสงคงกะส่งเจ้าไปตายฟรีแน่ๆ"

     ชายปริศนาทำตาลอย เขาทบทวนคำพูดประโยคนั้นทีละคำ

     ส่งไปตายอย่างงั้นเหรอ...

     ถ้าตายได้ก็ดีน่ะสิ...

     จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากทั้งสองคน มีเพียงแต่เสียงม้าควบฝีเท้า และเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากหลังคาไม้ ดังไปตลอดระยะทางอันยาวไกล

 

 

     ยามรัตติกาลหวนกลับมาอีกครั้ง ชายปริศนาลืมตาสีแดงจัด เขามองผ้าคลุมหลังคาของรถเกวียน ส่วนข้างๆตัวเขาคือมาติน ซึ่งอยู่ในห้วงนิทราอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ชายปริศนาขยับตัวลุกออกจากเกวียนอย่างเงียบเฉียบ 

     ชายหนุ่มไม่ต้องการขึ้นเกวียนไปจนถึงเมืองเทียร์ เพราะลำพังฝีเท้าเขา ก็ว่องไวยิ่งกว่าม้าชั้นดี ชายปริศนาหยิบกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมกลับออกมา พร้อมวางเงินทิ้งเอาไว้ เป็นจำนวนสองเหรียญทอง

 

     ถือซะว่าเป็นค่าโดยสารละกัน

 

     เขาหันหลังกลับไปอีกทิศหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ทางไปเมืองเทียร์ แต่เป็นทางลัดไปสู่เมืองลอสท์ ทว่าเขาวิ่งไปได้เกือบหนึ่งกิโล ชายปริศนาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อด้านหน้ามีกองไฟกองหนึ่ง พร้อมเนื้อย่างเสียบไม้ที่ปักพื้นใกล้ๆกับกองไฟร้อนๆ

     ชายหนุ่มก้มมองพื้นหญ้า ซึ่งปรากฏรอยเหยียบย่ำหลายรอย แถมขี้เถ้ารอบกองไฟยังมีไม่มาก แสดงให้เห็นว่าที่นี่เพิ่งจะก่อกองไฟขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีมานี้

     กับดักเหรอ...

     ระหว่างชายปริศนากำลังเสียเวลาคิดวิเคราะห์ นัยน์ตาสีแดงก็จับที่แคปซูลเม็ดเล็กๆภายในกองไฟ เสียงคลิ๊กดังขึ้น ก่อนผงสีขาวจะถูกพ่นออกมา ส่งผลให้กองไฟที่โชติช่วง ต้องดับแสงลงในพลัน

     วูบ...

     แม้ดวงตาชายปริศนา จะสามารถมองเห็นในที่มืดได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขา... จะมองเห็นได้ในทันที ที่ความมืดโรยตัวลงมาอย่างฉับพลัน

 

     ฉึก!! ฉึก!! ฉึก!!

 

     เสียงอะไรบางอย่างชำแรกแทรกผ่านร่างเขา ชายปริศนาคล้ำจับอาวุธชนิดนั้นพบว่าเป็นหอกยาว สักพักดวงตาสีแดงจึงเริ่มส่องประกาย เขาเห็นอัศวินใส่ชุดเกราะอ่อนสีแดงหกคน ตรงอกซ้ายสลักตราสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนสีขาว ทั้งหมดตั้งโล่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไว้กับพื้น ดาบสองคมชักออกจากฝัก พวกมันยืนล้อมเขาเอาไว้โดยรักษาระยะห่างประมาณสิบเมตร

 

     รู้สึกเหมือนเคยเจอพวกแบบนี้มาก่อน...

 

     ชายปริศนากระชากหอกทั้งหมดหกด้ามออก เลือดสีดำไหลรดพื้นหญ้า เขาปรายตามองปากแผลที่มีควันสีดำพวยพุ่ง พอลองเอานิ้วจิ้มเนื้อส่วนนั้น มันเหลวละลายติดมือเขามาด้วย 

 

     บาดแผลแทบจะไม่ฟื้นฟูเลย...

 

     ชายหนุ่มจ้องปลายหอก ซึ่งยังมีชิ้นเนื้อเขาติดมาด้วย จะสังเกตเห็นว่าชิ้นเนื้อส่วนนั้น กำลังละลายหายไปเป็นละอองดำ

 

     อาวุธลงอาคมงั้นหรือ...

 

     "ตายยากเหลือเกินนะ"

     เสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นจากแนวหลังพวกอัศวิน ชายคนนั้นเดินเข้ามายืนประจันหน้ากับชายปริศนา เขาใส่ชุดคลุมสีแดงสลักตราไม้กางเขนสีขาวไว้กลางหลัง เสื้อแขนยาวกับกางเกงขาวยาวสีขาวสะอาด ตรงอกซ้ายมีตราไม้กางเขนสีทอง บ่งบอกให้รู้ว่า ระดับชั้นของเขาอยู่สูงกว่าพวกอัศวินข้างหลัง

     "แกอาจจะจำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำแกได้แม่น"

     ชายหนุ่มผมทองกับดวงตาสีเดียวกันกล่าว ริมฝีปากเม้นตลอดเวลา คิ้วขมวดเป็นปม ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนี้ทำให้ชายปริศนานึกชื่อเขาออก

     "ฉันจำแกได้...มัสแตง"

     "อย่าสะเออะมาเรียกชื่อของฉัน!"

     มัสแตงตวาดเสียงดังอย่างไม่ค่อยพอใจ ส่วนชายปริศนาทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆ รอให้บาดแผลทั้งหมดหายสนิท เขาเอ่ยปากชวนมัสแตงคุย ราวกับว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากสวนหลังบ้านของเขาเอง

     "เราเจอกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่...ห้าปี หรือว่าสิบปี..."

     มัสแตงกำหมัดแน่นอย่างระงับอารมณ์โกรธ เขาสัมผัสรังสีอำมหิตได้จากดวงตาสีแดงฉานคู่นั้น

     "ตอนนี้พ่อของแก...ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า"

     ชายปริศนาส่ายหน้าเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขาพูดอะไรผิด พลางก้มหน้าจับใบหมวกคนเดินป่า "ไม่สิ...จะสบายดีได้ยังไง..."

     พอเขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นก็แดงก่ำจนถึงขีดสุด แรงกดดันอันมหาศาล ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาของอมนุษย์ผู้นี้ 

     "ก็ฉัน...เป็นคนฆ่ามันเองกับมือ..."

     "หนวกหูโว้ย!!"

 

     เคร้ง!!!

 

     มัสแตงทำการชักดาบสีเงินออกจากฝัด แล้วฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว ชายปริศนายกสนับแขนกลขึ้นมารับดาบ เสียงกระทบกระทั่งระหว่างเหล็กดังสนั่น มัสแตงทำการกระตุกมือซ้ายไล่ปืนลูกโม่กระบอกเล็กลงมา จากนั้นจึงแบมือรับแล้วนำไปจ่อยิงตำแหน่งหัวใจของชายปริศนาจนหมดทั้งหกนัด เสื้อโค้ทที่ผู้ร่วงหล่นสวมมีรูกระสุนทั่วทั้งร่าง และควันร้อนๆที่พวยพุ่งออกมาจากแผลถูกยิง

     ทว่าสีหน้าชายปริศนากลับไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

     มัสแตงหมุนตวัดดาบผ่านซอกคอชายปริศนา ไอควันดำพุ่งออกมาพร้อมกับเลือดสีดำ ชายปริศนาส่งเสียงแปลกประหลาดออกจากลำคอ เขาพยายามจะพูดอะไรบ้างอย่าง ที่ฟังดูคล้ายเสียงคนกำลังดำน้ำ

     "หุบปากซะ!!"

     มัสแตงสะบัดปืนลูกโม่เป็นการดีดช่องรังเพลิงออก แล้วจัดการเทปลอกกระสุนเปล่า พร้อมเสือกแทงดาบสีเงินทะลุลำคอชายปริศนา ก่อนจะปล่อยมือข้างเดิมมาหยิบกระสุนชุดใหม่ มัสแตงโปรยกระสุนทั้งหมดขึ้นฟ้า แล้วค่อยหมุนแบบตามเข็มนาฬิกา เพื่อกวาดลูกกระสุนทั้งหมดเข้ารังเพลิงอย่างสวยงาม

     จังหวะหมุนตัวนั้นเขาได้ชักดาบติดมือกลับมาด้วย เมื่อหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายปริศนาอีกครั้ง มัสแตงจึงเปิดฉากกระหน่ำแทงชนิดไม่ยั้งมือ จนกระทั่งร่างอีกฝ่ายเต็มไปด้วยรูพรุน

     แต่พายุดาบยังไม่สงบลงง่ายๆ

     มัสแตงโยนดาบขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วหมุนตัวทวนเข็มนาฬิกาถอยออกมา พร้อมยิงปืนออกไปสามนัด โดยเป้าหมายคือหัวไหล่สองข้าง กับกลางแสกหน้าผู้ร่วงหล่น ก่อนจะหมุนตัวตีลังกาข้ามหัวชายปริศนา ช่วงเวลาที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ มัสแตงก็จัดการส่งลูกกระสุน ไปเจาะกลางกะบาลมันอีกหนึ่งนัด

     มัสแตงกลับมานั่งชันเข่าด้านหลังชายปริศนา เขายิงปืนอีกสองนัดโดยไม่จำเป็นต้องหันมอง โดยหัวกระสุนทั้งสองได้พุ่งเจาะทะลุกระดูกข้อพับหัวเข่า ทำให้ผู้ร่วงหล่นต้องล้มทรุดลงแทบพื้นอย่างช่วยไม่ได้

 

     ปิดฉากล่ะ!!

 

     ชายหนุ่มผมทองมองข้ามไหล่ก่อนตีลังกาอีกครั้ง เขารอจังหวะที่ดาบลงอาคมจะตกลงมา มัสแตงใช้ฝ่าเท้าเตะด้ามดาบ ไปปักตำแหน่งหัวใจอีกฝ่ายจากด้านหน้า แล้วเจ้าของศาสตราวุธจึงทิ้งตัวลงมาเหยียบด้ามดาบอีกครั้ง ให้มันได้ฝังแน่นติดกับพื้นดิน

     มัสแตงหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนลงมาจากด้ามดาบ เขาปัดฝุ่นตามชายเสื้อ แล้วปรายตามองร่างอมนุษย์ ซึ่งนอนราบพื้นโดยมีดาบสีเงินปักลึกตรงตำแหน่งหัวใจ มัสแตงสะบัดหน้าหันกลับไปออกคำสั่งกับเหล่าอัศวินทั้งหกคน

     "เอาตัวมันกลับไปที่ปราสาท และระวังอย่าให้อาคมหมดฤทธิ์ด้วย"

     "รับทราบ"

      มัสแตงเป็นอัศวินในสังกัดดอว์การ์ด(Dawnguard) ซึ่งดอว์การ์ดจะมีกลุ่มอัศวินอยู่ทั้งหมดสองระดับ และเขาก็คือหัวหน้ากลุ่มเรดพาลาดิน(Red paladin) อัศวินระดับสูงสุดแห่งดอว์การ์ด

     และการจะได้ตำแหน่งนี้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่มีฝีมือจริงๆแทบจะมีชีวิตอยู่รอดภายในดอว์การ์ดไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

 

     แต่ในขณะที่มัสแตง กำลังขยับรอยยิ้มแห่งชัยชนะอยู่นั้น...สิ่งที่ไม่คาดฝันมันก็เกิดขึ้น

     เมื่อเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหูดังลั่น ดวงตาสั่นกระตุกอยู่ในเบ้าตา มัสแตงคล้ายกับถูกสะกดให้ยืนมองภาพเบื้องหน้า อย่างไม่มีทางช่วยได้...

 

     วี๊ดดดดดด!!!!!

 

     ฉวัะ!! ฉวัะ!! ฉวัะ!! ฉวัะ!! ฉวัะ!! ฉวัะ!!

 

     ร่างอัศวินทั้งหมด ถูกตัดขาดออกเป็นสิบๆส่วน ศีรษะที่กลิ้งตามพื้นยังแสดงสีหน้าฉงน อย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นของเหล่าอัศวิน เลือดกองโตสาดกระจายอยู่รอบตัวชายปริศนา ละอองโลหิตสีแดงค่อยๆตกลงมา ดูแล้วคล้ายกับไอหมอกสีแดงสดงดงาม  มัสแตงกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่อาวุธสุดอันตรายของชายปริศนา ปรากฏภาพลักษณ์ออกมาจากละอองเลือด

     เคียวที่ถูกก่อร่างสร้างขึ้นมาด้วยกระดูกนับร้อย หัวกระโหลกอันเล็กๆรอบด้ามเคียวฉายประกายแสงสีแดงสดที่เบ้าตา โดยคมเคียวขนาดใหญ่ทิ่มทะลุออกมาจากปากหัวกะโหลกมังกร

     บาดแผลทั้งหมดบนตัวชายปริศนาค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ เสื้อโค้ทที่ขาดเป็นรู ถูกถักผสานรวมกันใหม่อีกครา สีหน้าอมนุษย์ดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับบาดแผล ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสักครู่

 

     ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด...

 

     ถึงจะฆ่า ก็ฆ่าไม่ตาย...

 

     ถึงจะตาย ก็ไม่ตายสนิท...

 

     ผู้ร่วงหล่นสืบเท้าเข้าใกล้มัสแตงเรื่อยๆ คมเคียวลากครูดพื้นหญ้าและเศษเนื้ออันชุ่มไปด้วยเลือด แววตาอำมหิตคู่นั้นจับจ้องมาทางชายหนุ่มผมทอง จิตสังหารที่แสดงผ่านนัยน์ตาสีเลือดนั้น เริ่มบีบกุมหัวใจของมัสแตงมากขึ้นทุกขณะ

     "ลูกแกะที่หาญกล้า มาต่อกรกับหมาป่าอย่างงั้นเหรอ... "ช่างแตกต่างกันเสียจริง...""

     ชายปริศนากล่าวเสียงเรียบ แล้วเดินคอนอาวุธสังหารเข้ามายืนอยู่ต่อหน้ามัสแตง ท่าทีของชายปริศนาแทบจะเรียกได้ว่า เขานั้นอยู่เหนือยิ่งกว่ามัสแตงในทุกๆด้าน และเก่งยิ่งกว่ามัสแตงเป็นร้อยๆเท่า

     "...ไอ้ปีศาจ" มัสแตงกัดฟันพูดอย่างจำยอม ระดับชั้นระหว่างชายหนุ่มกับผู้ร่วงหล่นนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ความจริงแล้วการต่อสู้ในครั้งนี้ มันน่าจะเห็นผลแพ้ชนะมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วเสียด้วยซ้ำ

     ผู้ร่วงหล่นเอียงหน้าเอียงคอ ก่อนจะเงื่อง้างเคียวกระดูกอสูร เพื่อเตรียมเด็ดหัวมนุษย์ตรงหน้า เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ อันปราศจากความรู้สึกอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวล

     "ฉันจะถือว่านั่น เป็นคำสั่งเสีย"

     มัสแตงสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขากัดฟันแน่นอย่างเจ็บแค้น ในหัวเต็มไปด้วยภาพความทรงจำมากมาย ที่พุ่งทะลักออกมาราวกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก ก่อนภาพทั้งหมดจะย้อนกลับคืนมาสู่ปัจจุบัน...ที่เขากำลังจะถูกฆ่า

 

     วี้ว!!!

 

 

     'นี่พี่ชาย ช่วยสอนวิธีฟันดาบให้ผมหน่อยสิ'

     เด็กชายผมทองกับดวงตาสีเดียวกัน พูดขึ้นอย่างออดอ้อนนั้น ได้สร้างความรำคาญใจให้แก่ชายปริศนา ที่ต้องการอยู่เงียบๆเป็นอย่างมาก

     '...ไปเรียนกับพ่อของแกเองสิ'

     เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

     'ท่านพ่อบอกว่าไว้ผมโตก่อน ถึงจะสอนอ่ะ'

     'เออ ดีแล้ว...'

     'ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย ผมน่ะอยากจะเรียนตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย'

     '...หน้าฉันดูเหมือนพ่อค้าอาหารตามสั่งรึไง'

     ชายปริศนาส่ายหน้า ก่อนจำใจลุกขึ้นหยิบดาบไม้ที่เด็กชายยื่นมาให้ เขาจับดาบไม้สองมือ แล้วตวัดฟันลงมาอย่างสวยงาม จากนั้นจึงส่งคืนให้แก่เด็กชายผมทอง

     'วันนี้มีอารมณ์สอนแค่นี้แหละ...'

     'แล้ววันหน้าพี่ชายจะสอนผมเพิ่มมั้ย?'

     'หุบปากแล้วไปฝึกฟาดดาบสักร้อยทีไป๊'

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา