"ยุทธภพนี้ ผู้ใดรู้ซึ้งถึงความรักและความชัง
ใต้หล้านี้ผู้ใดแยกธรรมะหรืออธรรมได้
เฝ้ามองสายฝนโปรยปราย
หยาดฝนนี้คือน้ำตาของผู้ใดกันเล่า?
ชั่วชีวิตนี้หวังพบพานเพียงเจ้า ผิดถูกไม่สนใจ
แม้นชาตินี้ต้องขมขื่นเสียใจ ข้าหาได้คร่ำครวญ"
------------
ไม่ว่าเรื่องราวน้อยใหญ่ใดในพรรคก็มิอาจเล็ดรอดสายตาของกงจั่วไปได้ ความสนิทสนมของฮันโซกับเถียนจิ้งส่งที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันก็เช่นกัน ต่อหน้าคนอื่นเขาจะเรียกฮันโซว่าประมุข แต่เมื่ออยู่กันตามลำพัง บางครานางจะเรียกจิ้งส่งว่าพี่ใหญ่ บางคราก็เรียกอาจิ้ง ส่วนจิ้งส่งนั้นก็เรียกนางเพียงด้วยชื่อ ว่าฮันโซ ปกติจิ้งส่งไม่สุงสิงแทบไม่พูดจากับผู้ใด รอยยิ้มนั้นไซร้ยิ่งปรากฎให้เห็นได้ยากนัก แต่ระยะนี้จิ้งส่งดูเบิกบาน แม้แต่ห้องปรุงยาในตึกระฟ้า ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของเขาที่ไม่ค่อยยอมให้ผู้ใดเข้าไปวุ่นวาย กลับมีฮันโซขลุกอยู่ด้วยทุกวัน
ก่อนวันงานหนึ่งวัน กงจั่วจึงได้เข้ามาพูดกับฮันโซ
กงจั่ว : กับสาวกนั้น เจ้าจงอย่าได้ให้ความสนิทชิดเชื้อเกินไปนัก จะเกิดความยุ่งยากขึ้นภายหลัง
ฮันโซ : ...อาจารย์ ข้ากับจิ้งส่งนั้นเพียงแต่เป็นเพื่อนกัน
กงจั่ว : เพื่อน? เพื่อนหรือ? เจ้าเป็นเพื่อนกับสาวกไม่ได้ แล้วต่อไป ใครจะปกครองใครเล่า? ข้าได้ยินจิ้งส่งเรียกแต่เพียงชื่อเจ้า มันไม่ควรเรียกเจ้าเช่นนั้น จงจำคำข้าไว้ ยิ่งสูงยิ่งหนาว
ฮันโซ : (ทำสีหน้าเรียบเฉย) ทราบแล้วอาจารย์ ศิษย์จะปฏิบัติตาม
แม้ปากจะพูดไปเช่นนั้น แต่ในใจนางกลับต่อต้าน ที่ผ่านมาไม่ว่ากงจั่วจะคิดเห็นสิ่งใด นางล้วนมีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน แต่ครานี้ใจนางกลับไม่ยอมลดละ
กงจั่วคล้ายจะล่วงรู้ใจศิษย์ที่เป็นดังน้องสาวคนหนึ่ง เขาถอนหายใจ พลางกล่าวแก่ฮันโซด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า
กงจั่ว : เจ้ารู้หรือไม่ ทุกพรรคของเสวียจื่อ มีกฎเหล็กเดียวกัน ที่จารึกบัญญัติไว้ 1 ข้อ ที่ห้ามผู้ใดฝ่าฝืนเป็นอันขาด
ฮันโซ : เป็นกฎใด?
กงจั่ว : ห้ามคนในพรรคมีความรักต่อกัน เพราะเสวียจื่อเคยถูกศิษย์รักสองคู่ ที่เป็นผัวเมียกันทรยศเขาถึงสองครา แลครานั้น เขาได้ให้ข้านี้แหละ เป็นผู้สังหารศิษย์ทั้งสองคู่นั้นด้วยมือของข้าเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตข้า เพราะทั้งสองคู่นั้น ล้วนเป็นศิษย์รุ่นแรก คนแรกของข้าเช่นกัน เสวียจื่อรัก และเอ็นดูพวกมันราวกับลูก นับแต่นั้นมา เขาจึงตั้งกฎมิให้ผู้ใดฝ่าฝืน แม้แต่ตัวของเขาเอง ผู้ใดฝ่าฝืน โทษตายเท่านั้น
ฮันโซได้ยินได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิด เป็นเช่นนี้เองหรือ กฎเห็นแก่ตัว ไร้เหตุผลเช่นนี้ใยจึงตั้งขึ้นมาได้ ผู้อื่นรักกันมิได้ แต่ตนกลับเป็นคู่ผัวตัวเมียอย่างผิดเพศกับประมุขพรรคคิมหันต์สราญ ฮันโซหาได้หวั่นเกรงแก่คำสั่งของกงจั่ว แต่นางกลับนึกเป็นห่วงจิ้งส่ง หากวันข้างหน้า ความรู้สึกที่มีแก่กันเกิดเกินเลยไปมากกว่านี้ เขาคงจะต้องลำบาก ฮันโซตบปากรับคำอาจารย์ว่าไม่ต้องเป็นกังวล นางนั้นมิได้สนใจผู้ใดเป็นพิเศษ เพียงแต่นิยมชมชอบมีสหาย แลการที่ได้จิ้งส่งมาเป็นคนสนิทก็มีประโยชน์ในการช่วยเหลือนางกับสิ่งต่างๆในพรรคได้มาก กงจั่วได้ยินดังนั้นจึงคลายกังวลใจ
หากแต่ฮันโซมิได้คลายกังวลใจ นางนึกถึงเรื่องกฎนี้ขึ้นมาแล้วกลับรู้สึกกลัดกลุ้ม นางแยกตัวไปยืนที่เก๋งกลางสะพานเหม่อมองดูสายน้ำคนเดียวเงียบๆ จิ้งส่งตามหานางจนพบ
จิ้งส่ง : ฮันโซ เจ้ามาอยู่ที่นี่เอง นี่เจ้าดูสิ วันนี้ข้าจับปลาได้ เจ้าชอบกินปลาใช่หรือไม่ ข้าจะเอาไปนึ่งให้เจ้าไว้กินด้วยกันคืนนี้นะ
จิ้งส่งอวดปลาที่ตนจับได้แก่ฮันโซ นางไม่ได้หันหลังกลับมามองเขา เพียงแต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
ฮันโซ : จิ้งส่ง เจ้าอย่าได้เรียกข้าด้วยชื่อ จงเรียกข้าว่าประมุข
จิ้งส่งเกิดความงงงวยกับท่าทีของฮันโซนัก หรือเขาทำสิ่งใดผิดให้นางไม่พอใจ?
จิ้งส่ง : ...ฮันโซ... เจ้าเป็นอะไร?
ฮันโซ : ขืนยังเรียกแต่ชื่อข้าอีก ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้วนะ ฝนกำลังจะตกแล้ว ข้ากลับล่ะ
พูดจบ ฮันโซก็ผลุนผลันเดินหนีไป จิ้งส่งทิ้งปลา วิ่งตามไปคว้าแขนนางไว้
จิ้งส่ง : เดี๋ยวก่อน เจ้าจะไปไหน เจ้าบอกข้ามาเถอะ ข้าทำอะไรให้เจ้าขัดเคือง
ฮันโซหันไปมองดูหน้าจิ้งส่งด้วยดวงตาร้าวราน และตอบกับเขาไปอ้อมๆว่า
ฮันโซ : ..เขาห้ามเราสนิทกัน
จิ้งส่ง : ใคร?
ฮันโซ : อาจารย์กงจั่ว.. กฎพรรค
จิ้งส่งเข้าใจว่าฮันโซหมายถึงอะไร แต่เขาหาได้ยอมลดละไม่ เขาจึงกล่าวถ้อยคำที่เป็นความนัยแก่นางว่า
จิ้งส่ง : ฝนฟ้าจะตก วัวควายจะออกลูก มันห้ามกันได้ที่ไหน ...ฮึ กฎบ้าบออะไรกัน ห้ามคนไม่ให้สนิทชิดเชื้อกัน มันห้ามได้ด้วยหรือ
แม้นภายนอก จิ้งส่งนั้นจะดูสุขุม แต่ภายในเขากลับเป็นคนที่ดื้อรั้นอย่างยิ่งยวด เพียงแต่เป็นคนเก็บความรู้สึก ไม่แสดงออก ฮันโซนิ่งงัน ไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด จิ้งส่งเข้าไปใกล้ฮันโซอีก ถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ระคนความไม่มั่นใจว่า
จิ้งส่ง : แล้วเจ้า... จะทำตามที่เขาสั่งหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าจะทำตาม ข้าก็ห้ามเจ้าไม่ได้หรอกนะ...ท่านประมุข
พูดถึงตอนนี้ จิ้งส่งมองหน้าฮันโซด้วยสายตาที่แลดูเศร้าขึ้นมา ฮันโซมองสบสายตาเขา พร้อมกล่าวอย่างหนักแน่นว่า
ฮันโซ : ไม่
จิ้งส่ง : (ยิ้ม) ถ้าเช่นนั้น คืนนี้ เจ้ายังจะกินปลากับข้าอยู่หรือไม่
ฮันโซได้แต่ยิ้มอ่อนๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ กดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อย หากวันหนึ่งเขาต้องเดือดร้อนเพราะนาง นางจะทำเช่นไรหนอ แต่คิดไปก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องในอนาคตอีกยาวไกล นางกับเขาอาจจะแค่เป็นเพื่อนสนิทกัน อาจจะไม่ได้รักกันก็ได้
สายฝนเริ่มพรำลงมาจากฟ้า จิ้งส่งจึงรีบพานางกลับ ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน ทั้งคู่มิได้พูดอะไรกันอีก จิ้งส่งเพียงเดินเงียบๆอยู่ข้างๆนางอย่างใกล้ชิดกว่าเก่า สีหน้าราบเรียบไร้ความกังวล แต่เขาเองก็คงคิดอะไรในใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ยุทธภพนี้ ผู้ใดรู้ซึ้งถึงความรักและความชัง
ใต้หล้านี้ผู้ใดแยกธรรมะหรืออธรรมได้
เฝ้ามองสายฝนโปรยปราย
หยาดฝนนี้คือน้ำตาของผู้ใดกันเล่า?
ชั่วชีวิตนี้หวังพบพานเพียงเจ้า ผิดถูกไม่สนใจ
แม้นชาตินี้ต้องขมขื่นเสียใจ ข้าหาได้คร่ำครวญ