DEEP SEA มหันตภัยทะเลคลั่ง

8.0

เขียนโดย องค์ชายแมว

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.03 น.

  4 บท
  0 วิจารณ์
  6,354 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 17.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) การสูญเสียและความหวัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4 การสูญเสียและความหวัง

     หนุ่มใต้เริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติของระบบการทำงานภายในร่างกายหลังจากโดนพิษแมงกะพรุนกล่องเข้าไป  ส่วนตัวแมงกะพรุนเองจมลงสู่น่านน้ำทะเลอันดามันในลักษณะลำตัวฉีกขาด

     แมกซ์และชนินทร์ช่วยกันใช้มือกวักน้ำทะเลสาดเข้าบริเวณคอของเพื่อนที่แดงเถือกกันอยู่พักหนึ่งเพราะเชื่อว่าสามารถทำให้เข็มพิษหลุดได้ ขณะที่หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มยังคงร้องไห้เสียขวัญเพราะเห็นตะวันเพื่อนที่สนิทอีกคนในกลุ่มกำลังจะตาย

     “อาการนายเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากเปล่าวะ” หนุ่มลูกครึ่งถามไถ่ สีหน้าดูวิตก

      ตะวันไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับเพื่อนเขา ขณะนี้กล้ามเนื้อร่างกายของชายหนุ่มอ่อนแรงจนแทบพยุงตัวเองไม่ไหว ถ้าตะวันยืนอยู่บนพื้นดินไม่ใช้น้ำละก็ รับรองได้เลยว่าต้องล้มพับลงไปกองกับพื้นแน่นอน

     “ฉันปวดท้องกับหลังวะเพื่อน โอย…ฉันต้องตายแน่เลย” ตะวันอุทานขึ้นด้วยสีหน้าซีดเซียว

     “ไม่…อย่าคิดแบบนั้นสิ นายจะต้องไม่เป็นไรนะเพื่อน อดทนเข้าไว้เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว” แมกซ์ให้กำลังใจทั้งที่รู้ว่าตะวันคงรอดยากแล้วหากตกอยู่ในสภาพนี้ พิษจากแมงกะพรุนที่เขาได้รับมีจำนวนมากเกินไป ยิ่งถ้าแพ้ล่ะก็ไปกันใหญ่เลย

      “ใครก็ได้ช่วยทำอะไรสักอย่างสิ ฉันไม่อยากเห็นตะวันเป็นแบบนี้ ฮือๆ” สิ่งเดียวที่แอนพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือร้องไห้เสียใจ

     ชนินทร์ชายตามองตะวันด้วยความสงสาร น้ำตาลูกผู้ชายซึมออกจากเบ้า หนุ่มเหนือเคลื่อนตัวไปเกาะที่ลำตัวของแอนเพราะเริ่มเหนื่อยจากการใช้ขาตีน้ำเป็นเวลานาน ส่วนแมกซ์ยังใช้ขาสองข้างตีน้ำประคองตัวเองเหมือนเดิม หนุ่มลูกครึ่งว่ายน้ำเคลื่อนตัวไปทางด้านหลังของตะวันแล้วนวดที่แผ่นหลังของเพื่อนเขาทันที บริเวณที่ตะวันปวดเพราะอาการเกร็ง

     “ขอบใจนะแมกซ์”

     ชายหนุ่มนวดหลังให้เพื่อนอยู่พักหนึ่งหวังให้ดีขึ้น ทว่าอาการของตะวันกลับไม่เป็นดังคาด มันทรุดลงอย่างกะทันหัน เขารู้สึกเวียนหัวและคลื่นไส้ในเวลาเดียวกัน เริ่มกระสับกระส่ายอยู่ไม่นิ่ง สัญญาณชีพจรเต้นช้าลง

     ก่อนจะดับวูบเข้าสู่ภวังค์

     “ตะวัน…ตะวัน…เฮ้ย…อย่าหลับนะ” แมกซ์เขย่าร่างเพื่อนที่ไร้เรี่ยวแรงตอบรับ เขาเป่าปากผายปอดและใช้มือทุบบริเวณหน้าอกของตะวันอย่างบ้าคลั่งหวังเรียกชีพจรกลับมา ทว่าบัดนี้หนุ่มใต้ได้กลายเป็นซากที่ไร้ชีวิตเสียแล้ว ทั้งสามคนต้องเสียเพื่อนที่ร่าเริงไปอีกหนึ่งคนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

     พวกเขาทำดีที่สุดแล้วเพราะที่นี่ไม่มีหมอ ไม่มีเครื่องมือแพทย์ ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ และไม่มีสิ่งใดที่สามารถเยียวยาชีวิตเพื่อนของพวกเขาเอาไว้ได้ ทั้งหมดเพียงแต่ภาวนาให้เพื่อนรักคนนี้ไปสู่ภพภูมิที่ดีและหวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกันใหม่หากชาติหน้ามีอยู่จริง

     แมกซ์ ชนินทร์และแอนต่างเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยดน้ำตาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนมหาสมุทรอันดามัน ทั้งหมดมองดูร่างของตะวันอย่างไม่ละสายตา แม้แต่แอนที่ไม่อยากมองดูภาพตรงหน้าที่สุดก็กำลังจ้องมองเพื่อนตัวเองอย่างเวทนา ร่างของตะวันอยู่ในลักษณะคอพับใบหน้าจุ่มน้ำทะเล แต่มันก็คงดีกว่าหากต้องมองเห็นหน้าเต็มๆของเขา

     “ฮือๆ ตะวันตายแล้ว” เสียงของหญิงสาวที่ยังคงทำใจไม่ได้ดังขึ้นขณะที่ชนินทร์สวมกอดจากด้านหลัง

     “เราจำเป็นต้องฝังศพเขา” แมกซ์พูด

     “ฝังยังไง” ชนินทร์ถาม คิ้วย่น

     แมกซ์เคลื่อนตัวไปเกาะที่ศพเพื่อน ขณะที่ต้องระวังไม่ให้โดนบริเวณที่แมงกะพรุนฉีดพิษเอาไว้ “เราจะฝังศพเขาที่ทะเลแห่งนี้ จะปล่อยให้ร่างตะวันลอยเคว้งอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอกเพราะอาจมีตัวอะไรมาแทะศพเอาได้”

     หนุ่มลูกครึ่งถอดเสื้อชูชีพของตะวันออกอย่างรีบร้อนเพราะเขาไม่ต้องการที่จะเห็นศพเพื่อนตัวเองใกล้ชิดแบบนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่ถอด เผยใบหน้าของตะวันโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นแวบนึง เป็นใบหน้าที่ไร้เลือดฝาด ริมฝีปากขาวซีด เห็นแล้วขนพองสยองกล้าไปตามๆกัน

     “รีบๆทำสิวะแมกซ์ ฉันไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแล้ว อดสงสารไม่ได้” ชนินทร์เบี่ยงหน้าหลบมองไปทางอื่น แอนก็ทำอย่างเดียวกับแฟนเธอ ใช้เวลาไม่นานแมกซ์ก็ถอดเสื้อชูชีพสำเร็จ ส่วนร่างของตะวันจมดิ่งลงสู่ผิวน้ำทันที

     “หันหน้ามาได้แล้ว” แมกซ์พูดพลางปาดเหงื่อ

     “นายหรือฉันที่จะใส่เสื้อชูชีพตัวนี้”

     “นายใส่มันก่อนเถอะ ฉันยังเกาะแอนพยุงตัวเองได้อยู่”

     แมกซ์รู้สึกขอบคุณที่เพื่อนของเขาตัดสินใจออกมาแบบนี้ เขาเริ่มรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองกำลังแข็งเกร็ง เพราะต้องขยับในน้ำเพื่อพยุงร่างกายให้ลอยมาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อสวมเสื้อชูชีพเสร็จเขารู้สึกสบายร่างเป็นอย่างมากในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา มันเทียบได้กับเครื่องช่วยหายใจที่ช่วยพยุงชีวิตคนป่วยที่ใกล้ตายได้เลยทีเดียว

 

     18 ชั่วโมงหลังเรืออัปปาง

     ฟ้าเริ่มมืด บรรยากาศโดยรอบเย็นลงกระทันหัน อุณหภูมิของน้ำเริ่มเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายต่อพวกเขา ทั้งสามคนรู้สึกได้ชัดเจนถึงความหนาวเย็น ผิวหนังเริ่มย่นยู่เพราะอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน แมกซ์ยกมือตัวเองขึ้นมาดู เผยให้เห็นรอยยู่ยี่บนฝ่ามือและนิ้วเต็มไปหมด มันขรุขระเสียจนน่าเกลียดและไม่มีส่วนใดเรียบเนียนเลย

     อาการกระหายน้ำตลอดเวลาเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาขาดน้ำเป็นเวลานานแล้ว ริมฝีปากของทุกคนเริ่มแห้ง คงไม่ส่งผลดีต่อระบบการทำงานภายในร่างกายอย่างแน่นอนหากไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงเป็นเวลานาน

     ขณะนี้ความมืดเข้าปกคลุมไปทั่วน่านฟ้า มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และหมู่ดาวน้อยใหญ่มากมายปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องบน ดวงดาวเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากโลกออกไปมากมายนัก ขณะที่พวกเขาทั้งสามคนกลับไม่คิดว่ามันอยู่ไกลเลยสักนิด เพราะมีความมืดอยู่รอบด้านจึงทำให้มองเห็นแสงสว่างจากดวงดาวได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมองจากตรงนี้ พวกเขาเคลิบเคลิ้มกับภาพอันงดงามที่อยู่เบื้องบนจนเกือบเผลอหลับไป

     “พวกเรา ดูนั่นสิ”

     ชนินทร์ชี้ไปทางขวา ขณะที่เพื่อนทั้งสองคนก็หันตามไปดูในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่เห็นทำเอาพวกเขาดีใจจนเนื้อเต้น

     “ช่วยด้วย” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวตะโกนขึ้น

     “เฮ้…มีคนอยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มทั้งสองคนตะโกนช่วยอีกแรง พลางโบกมือให้สัญญาณ

     เรือประมงลำใหญ่แล่นอยู่บริเวณเส้นขอบฟ้า ทว่าระยะทางระหว่างเหล่านักศึกษากับเรือไม่ได้อยู่ใกล้พอที่สามารถทำให้คนบนเรือลำนั้นได้ยิน ลำพังแค่เสียงคลื่นก็กลบหมดแล้ว ยากที่จะพาให้เสียงอื่นแทรกเข้าไปได้ ยิ่งถ้าเกิดกำลังล่าปลากันอย่างสนุกสนานอยู่ด้วยละก็ อย่าหวังไปเลยว่าจะได้ยิน

     “ว่ายไปที่เรือนั่นกันเถอะ โอกาสรอดชีวิตของพวกเรามาถึงแล้วนะ” แมกซ์แนะนำ

     “โอกาสตายนะสิไม่ว่า” ชนินทร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะจับแขนแมกซ์เพื่อหยุดการกระทำอันบุ่มบาม โดยให้เหตุผลว่า “การว่ายเข้าหาเรือประมงน่ะ ฆ่าตัวตายชัดๆ เชื่อฉันสิ”

     “นายกำลังจะพูดอะไร”

     หนุ่มเหนือชี้ไปยังเส้นขอบฟ้าที่เรือประมงแล่นอยู่ “ระยะทางจากตรงนี้ไม่มีทางว่ายไปถึงหรอกน่า มันไกลเกินไป อีกอย่าง…ความเหนื่อยจะทำให้เราสามคนกระหายน้ำมากขึ้น นายคิดว่าทำแบบนั้นแล้วพวกเราจะรอดรึไง” ชนินทร์ตบไหล่กำยำของเพื่อน ขณะที่แอนคิ้วย่น ทำท่าทางครุ่นคิด

     “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าไม่มีพายุแล้วเหรอ บนฝั่งถึงให้เอาเรือออกมาจับปลาได้” เธอแสดงความเห็นอย่างชาญฉลาด

     “ไม่รู้สิ…อาจเป็นเรือของที่ไหนก็ได้ พวกเขาอาจจะออกทะเลมาหลายวันแล้วแต่คงไม่โดนพายุโจมตีเหมือนพวกเรา” ชนินทร์ตอบ พลางหันไปหาแฟนสาว

     “รู้ไหมว่ากระบวนการจับปลาคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นอื่นๆออกมาจากตัวปลา”

     “แล้วไง?” หนุ่มลูกครึ่งขัด

“นายยังไม่เข้าใจที่ฉันพูดสินะแมกซ์ มันก็ต้องเป็นเหยื่อล่ออันยอดเยี่ยมให้เหล่าฉลามแวะเวียนเข้ามาน่ะสิ”

     แมกซ์และแอนสะดุ้งเฮือก พวกเขาพร้อมใจกันกลืนน้ำลายทันทีรวมถึงผู้พูดด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนเงียบลงเพราะอดนึกถึงความน่ากลัวของเพชรฆาตที่น่าสะพรึงพวกนั้นไม่ได้ ฟันอันแหลมคม อารมณ์ที่เดาไม่ถูก แววตาที่ไม่เป็นมิตร และพวกมันมองทุกอย่างเป็นเพียงแค่เหยื่อ

     “พวกเราควรทำตัวให้เล็กเข้าไว้ อยู่นิ่งๆและไม่ควรเคลื่อนตัวไปไหนทั้งนั้นในยามวิกาลเช่นนี้ มันเป็นช่วงที่คนถูกฉลามโจมตีมากที่สุดเพราะมองไม่เห็นและไม่รู้ว่ามันกำลังมา” ชนินทร์แบ่งปันความน่าสะพรึงกลัวให้อีกสองคนได้รับรู้

     แมกซ์พยักหน้ารับและหยุดการกระทำชั่ววูบนั้น อารมณ์ของเขาเย็นลงทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องราวของฉลาม ทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพียงแต่มองเรือประมงลำนั้นด้วยแววตาเศร้าหมองและหมดหวัง

     แสงไฟจากตัวเรือยังคงส่องสว่างเป็นประกาย แล่นออกห่างจากที่พวกเขาอยู่ไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ เรือประมงลำนั้นก็เล็กกะจิ๊ดริดไปเลย พวกเขาทั้งสามคนก็เช่นกัน

 

●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา