DEEP SEA มหันตภัยทะเลคลั่ง
เขียนโดย องค์ชายแมว
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.03 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 17.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) การสูญเสียและความหวัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4 การสูญเสียและความหวัง
หนุ่มใต้เริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติของระบบการทำงานภายในร่างกายหลังจากโดนพิษแมงกะพรุนกล่องเข้าไป ส่วนตัวแมงกะพรุนเองจมลงสู่น่านน้ำทะเลอันดามันในลักษณะลำตัวฉีกขาด
แมกซ์และชนินทร์ช่วยกันใช้มือกวักน้ำทะเลสาดเข้าบริเวณคอของเพื่อนที่แดงเถือกกันอยู่พักหนึ่งเพราะเชื่อว่าสามารถทำให้เข็มพิษหลุดได้ ขณะที่หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มยังคงร้องไห้เสียขวัญเพราะเห็นตะวันเพื่อนที่สนิทอีกคนในกลุ่มกำลังจะตาย
“อาการนายเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากเปล่าวะ” หนุ่มลูกครึ่งถามไถ่ สีหน้าดูวิตก
ตะวันไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับเพื่อนเขา ขณะนี้กล้ามเนื้อร่างกายของชายหนุ่มอ่อนแรงจนแทบพยุงตัวเองไม่ไหว ถ้าตะวันยืนอยู่บนพื้นดินไม่ใช้น้ำละก็ รับรองได้เลยว่าต้องล้มพับลงไปกองกับพื้นแน่นอน
“ฉันปวดท้องกับหลังวะเพื่อน โอย…ฉันต้องตายแน่เลย” ตะวันอุทานขึ้นด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ไม่…อย่าคิดแบบนั้นสิ นายจะต้องไม่เป็นไรนะเพื่อน อดทนเข้าไว้เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว” แมกซ์ให้กำลังใจทั้งที่รู้ว่าตะวันคงรอดยากแล้วหากตกอยู่ในสภาพนี้ พิษจากแมงกะพรุนที่เขาได้รับมีจำนวนมากเกินไป ยิ่งถ้าแพ้ล่ะก็ไปกันใหญ่เลย
“ใครก็ได้ช่วยทำอะไรสักอย่างสิ ฉันไม่อยากเห็นตะวันเป็นแบบนี้ ฮือๆ” สิ่งเดียวที่แอนพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือร้องไห้เสียใจ
ชนินทร์ชายตามองตะวันด้วยความสงสาร น้ำตาลูกผู้ชายซึมออกจากเบ้า หนุ่มเหนือเคลื่อนตัวไปเกาะที่ลำตัวของแอนเพราะเริ่มเหนื่อยจากการใช้ขาตีน้ำเป็นเวลานาน ส่วนแมกซ์ยังใช้ขาสองข้างตีน้ำประคองตัวเองเหมือนเดิม หนุ่มลูกครึ่งว่ายน้ำเคลื่อนตัวไปทางด้านหลังของตะวันแล้วนวดที่แผ่นหลังของเพื่อนเขาทันที บริเวณที่ตะวันปวดเพราะอาการเกร็ง
“ขอบใจนะแมกซ์”
ชายหนุ่มนวดหลังให้เพื่อนอยู่พักหนึ่งหวังให้ดีขึ้น ทว่าอาการของตะวันกลับไม่เป็นดังคาด มันทรุดลงอย่างกะทันหัน เขารู้สึกเวียนหัวและคลื่นไส้ในเวลาเดียวกัน เริ่มกระสับกระส่ายอยู่ไม่นิ่ง สัญญาณชีพจรเต้นช้าลง
ก่อนจะดับวูบเข้าสู่ภวังค์
“ตะวัน…ตะวัน…เฮ้ย…อย่าหลับนะ” แมกซ์เขย่าร่างเพื่อนที่ไร้เรี่ยวแรงตอบรับ เขาเป่าปากผายปอดและใช้มือทุบบริเวณหน้าอกของตะวันอย่างบ้าคลั่งหวังเรียกชีพจรกลับมา ทว่าบัดนี้หนุ่มใต้ได้กลายเป็นซากที่ไร้ชีวิตเสียแล้ว ทั้งสามคนต้องเสียเพื่อนที่ร่าเริงไปอีกหนึ่งคนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
พวกเขาทำดีที่สุดแล้วเพราะที่นี่ไม่มีหมอ ไม่มีเครื่องมือแพทย์ ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ และไม่มีสิ่งใดที่สามารถเยียวยาชีวิตเพื่อนของพวกเขาเอาไว้ได้ ทั้งหมดเพียงแต่ภาวนาให้เพื่อนรักคนนี้ไปสู่ภพภูมิที่ดีและหวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกันใหม่หากชาติหน้ามีอยู่จริง
แมกซ์ ชนินทร์และแอนต่างเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยดน้ำตาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนมหาสมุทรอันดามัน ทั้งหมดมองดูร่างของตะวันอย่างไม่ละสายตา แม้แต่แอนที่ไม่อยากมองดูภาพตรงหน้าที่สุดก็กำลังจ้องมองเพื่อนตัวเองอย่างเวทนา ร่างของตะวันอยู่ในลักษณะคอพับใบหน้าจุ่มน้ำทะเล แต่มันก็คงดีกว่าหากต้องมองเห็นหน้าเต็มๆของเขา
“ฮือๆ ตะวันตายแล้ว” เสียงของหญิงสาวที่ยังคงทำใจไม่ได้ดังขึ้นขณะที่ชนินทร์สวมกอดจากด้านหลัง
“เราจำเป็นต้องฝังศพเขา” แมกซ์พูด
“ฝังยังไง” ชนินทร์ถาม คิ้วย่น
แมกซ์เคลื่อนตัวไปเกาะที่ศพเพื่อน ขณะที่ต้องระวังไม่ให้โดนบริเวณที่แมงกะพรุนฉีดพิษเอาไว้ “เราจะฝังศพเขาที่ทะเลแห่งนี้ จะปล่อยให้ร่างตะวันลอยเคว้งอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอกเพราะอาจมีตัวอะไรมาแทะศพเอาได้”
หนุ่มลูกครึ่งถอดเสื้อชูชีพของตะวันออกอย่างรีบร้อนเพราะเขาไม่ต้องการที่จะเห็นศพเพื่อนตัวเองใกล้ชิดแบบนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่ถอด เผยใบหน้าของตะวันโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นแวบนึง เป็นใบหน้าที่ไร้เลือดฝาด ริมฝีปากขาวซีด เห็นแล้วขนพองสยองกล้าไปตามๆกัน
“รีบๆทำสิวะแมกซ์ ฉันไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแล้ว อดสงสารไม่ได้” ชนินทร์เบี่ยงหน้าหลบมองไปทางอื่น แอนก็ทำอย่างเดียวกับแฟนเธอ ใช้เวลาไม่นานแมกซ์ก็ถอดเสื้อชูชีพสำเร็จ ส่วนร่างของตะวันจมดิ่งลงสู่ผิวน้ำทันที
“หันหน้ามาได้แล้ว” แมกซ์พูดพลางปาดเหงื่อ
“นายหรือฉันที่จะใส่เสื้อชูชีพตัวนี้”
“นายใส่มันก่อนเถอะ ฉันยังเกาะแอนพยุงตัวเองได้อยู่”
แมกซ์รู้สึกขอบคุณที่เพื่อนของเขาตัดสินใจออกมาแบบนี้ เขาเริ่มรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองกำลังแข็งเกร็ง เพราะต้องขยับในน้ำเพื่อพยุงร่างกายให้ลอยมาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อสวมเสื้อชูชีพเสร็จเขารู้สึกสบายร่างเป็นอย่างมากในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา มันเทียบได้กับเครื่องช่วยหายใจที่ช่วยพยุงชีวิตคนป่วยที่ใกล้ตายได้เลยทีเดียว
18 ชั่วโมงหลังเรืออัปปาง
ฟ้าเริ่มมืด บรรยากาศโดยรอบเย็นลงกระทันหัน อุณหภูมิของน้ำเริ่มเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายต่อพวกเขา ทั้งสามคนรู้สึกได้ชัดเจนถึงความหนาวเย็น ผิวหนังเริ่มย่นยู่เพราะอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน แมกซ์ยกมือตัวเองขึ้นมาดู เผยให้เห็นรอยยู่ยี่บนฝ่ามือและนิ้วเต็มไปหมด มันขรุขระเสียจนน่าเกลียดและไม่มีส่วนใดเรียบเนียนเลย
อาการกระหายน้ำตลอดเวลาเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาขาดน้ำเป็นเวลานานแล้ว ริมฝีปากของทุกคนเริ่มแห้ง คงไม่ส่งผลดีต่อระบบการทำงานภายในร่างกายอย่างแน่นอนหากไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงเป็นเวลานาน
ขณะนี้ความมืดเข้าปกคลุมไปทั่วน่านฟ้า มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และหมู่ดาวน้อยใหญ่มากมายปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องบน ดวงดาวเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากโลกออกไปมากมายนัก ขณะที่พวกเขาทั้งสามคนกลับไม่คิดว่ามันอยู่ไกลเลยสักนิด เพราะมีความมืดอยู่รอบด้านจึงทำให้มองเห็นแสงสว่างจากดวงดาวได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมองจากตรงนี้ พวกเขาเคลิบเคลิ้มกับภาพอันงดงามที่อยู่เบื้องบนจนเกือบเผลอหลับไป
“พวกเรา ดูนั่นสิ”
ชนินทร์ชี้ไปทางขวา ขณะที่เพื่อนทั้งสองคนก็หันตามไปดูในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่เห็นทำเอาพวกเขาดีใจจนเนื้อเต้น
“ช่วยด้วย” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวตะโกนขึ้น
“เฮ้…มีคนอยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มทั้งสองคนตะโกนช่วยอีกแรง พลางโบกมือให้สัญญาณ
เรือประมงลำใหญ่แล่นอยู่บริเวณเส้นขอบฟ้า ทว่าระยะทางระหว่างเหล่านักศึกษากับเรือไม่ได้อยู่ใกล้พอที่สามารถทำให้คนบนเรือลำนั้นได้ยิน ลำพังแค่เสียงคลื่นก็กลบหมดแล้ว ยากที่จะพาให้เสียงอื่นแทรกเข้าไปได้ ยิ่งถ้าเกิดกำลังล่าปลากันอย่างสนุกสนานอยู่ด้วยละก็ อย่าหวังไปเลยว่าจะได้ยิน
“ว่ายไปที่เรือนั่นกันเถอะ โอกาสรอดชีวิตของพวกเรามาถึงแล้วนะ” แมกซ์แนะนำ
“โอกาสตายนะสิไม่ว่า” ชนินทร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะจับแขนแมกซ์เพื่อหยุดการกระทำอันบุ่มบาม โดยให้เหตุผลว่า “การว่ายเข้าหาเรือประมงน่ะ ฆ่าตัวตายชัดๆ เชื่อฉันสิ”
“นายกำลังจะพูดอะไร”
หนุ่มเหนือชี้ไปยังเส้นขอบฟ้าที่เรือประมงแล่นอยู่ “ระยะทางจากตรงนี้ไม่มีทางว่ายไปถึงหรอกน่า มันไกลเกินไป อีกอย่าง…ความเหนื่อยจะทำให้เราสามคนกระหายน้ำมากขึ้น นายคิดว่าทำแบบนั้นแล้วพวกเราจะรอดรึไง” ชนินทร์ตบไหล่กำยำของเพื่อน ขณะที่แอนคิ้วย่น ทำท่าทางครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าไม่มีพายุแล้วเหรอ บนฝั่งถึงให้เอาเรือออกมาจับปลาได้” เธอแสดงความเห็นอย่างชาญฉลาด
“ไม่รู้สิ…อาจเป็นเรือของที่ไหนก็ได้ พวกเขาอาจจะออกทะเลมาหลายวันแล้วแต่คงไม่โดนพายุโจมตีเหมือนพวกเรา” ชนินทร์ตอบ พลางหันไปหาแฟนสาว
“รู้ไหมว่ากระบวนการจับปลาคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นอื่นๆออกมาจากตัวปลา”
“แล้วไง?” หนุ่มลูกครึ่งขัด
“นายยังไม่เข้าใจที่ฉันพูดสินะแมกซ์ มันก็ต้องเป็นเหยื่อล่ออันยอดเยี่ยมให้เหล่าฉลามแวะเวียนเข้ามาน่ะสิ”
แมกซ์และแอนสะดุ้งเฮือก พวกเขาพร้อมใจกันกลืนน้ำลายทันทีรวมถึงผู้พูดด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนเงียบลงเพราะอดนึกถึงความน่ากลัวของเพชรฆาตที่น่าสะพรึงพวกนั้นไม่ได้ ฟันอันแหลมคม อารมณ์ที่เดาไม่ถูก แววตาที่ไม่เป็นมิตร และพวกมันมองทุกอย่างเป็นเพียงแค่เหยื่อ
“พวกเราควรทำตัวให้เล็กเข้าไว้ อยู่นิ่งๆและไม่ควรเคลื่อนตัวไปไหนทั้งนั้นในยามวิกาลเช่นนี้ มันเป็นช่วงที่คนถูกฉลามโจมตีมากที่สุดเพราะมองไม่เห็นและไม่รู้ว่ามันกำลังมา” ชนินทร์แบ่งปันความน่าสะพรึงกลัวให้อีกสองคนได้รับรู้
แมกซ์พยักหน้ารับและหยุดการกระทำชั่ววูบนั้น อารมณ์ของเขาเย็นลงทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องราวของฉลาม ทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพียงแต่มองเรือประมงลำนั้นด้วยแววตาเศร้าหมองและหมดหวัง
แสงไฟจากตัวเรือยังคงส่องสว่างเป็นประกาย แล่นออกห่างจากที่พวกเขาอยู่ไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ เรือประมงลำนั้นก็เล็กกะจิ๊ดริดไปเลย พวกเขาทั้งสามคนก็เช่นกัน
●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ