The Dancing Room อย่าบอกใคร เก็บไว้คนเดียว

8.5

เขียนโดย AriA

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.44 น.

  5 chapter
  0 วิจารณ์
  6,873 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 09.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Episode 4 - Buttons

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ชายคนหนึ่งตื่นขึ้นมาในห้องรับแขกที่ดูเหมือนถูกดัดแปลงเหมือนห้องทำงานไปในตัว ถูกมัดแขนมัดขาบนเก้าอี้โยกสีขาว รอบข้างมีแต่ความมึด

          เพียงแต่ห้องข้างหน้าที่มีเพียงกระจกกันกระสุนกั้นเอาไว้ ปุ่มสองปุ่มตั้งอยู่ด้านหน้าเขา และเมื่อเขาหันขึ้นมามองไปที่ฝั่งตรงข้าม เขาจึงเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว

          หญิงอีกคนดูเนื้อตัวมอซอบนเก้าอี้สีแดง เธอหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา เขามองไปข้างใน และกำแพงสีแดง ลายเหมือนดอกกุหลาบ ชั้นหนังสือเก่าๆ วิทยุเครื่องนึง

          และเขาก็ไม่พบประตูหรือหน้าต่างสักบานที่ทั้งเขา และเธอจะสามารถเข้ามาได้ บางทีเขารู้สึกเหมือนอยู่ในหนังเรื่องเดอะเมซรันเนอร์ ที่ตื่นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว เขาเหลือบตาลงมามองปุ่มข้างหน้าเขา มีปุ่มสีแดง กับสีขาว มันเขียนว่า ตาย กับ ตาย แค่นี้เขาก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

          นั่นไง นางนั่นตื่นขึ้นมาแล้ว

          ห้องทั้งสองเริ่มสั่นเหมือนเครื่องยนต์ที่กำลังสตาร์ทเครื่อง เขาเดาว่าอาจจะมีเครื่องจักรทำงานอยู่ด้านล่าง เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เขาจึงพยายามโยกตัวเพื่อจะเอาตัวเองหลุดออกจากเก้าอี้โง่ๆ นี่ “หลุดออกสิวะ” เขาพึมพำ

เขาพยายามบิดตัวแรงขึ้นเรื่อยๆ และพยายามทำหน้าขอความช่วยเหลือหญิงที่อยู๋ฝั่งตรงข้าม แต่เธอคงไม่เห็น และมันก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน เพราะอย่างไรเธอก็ช่วยเขาไม่ได้อยู่แล้ว

          ช่างฉลาดจริงๆ คนที่มัดมือมัดเท้าให้เขา มัดทุกส่วนของร่างกายยกเว้นแขนซ้ายของเขา และมันสามารถยื่นไปกดปุ่มได้พอดี ใช่ เขาลองแล้ว แต่เขาใจไม่แน่พอในการกดปุ่ม เขาเลือกที่จะสะบัดตัวเพี่อให้หลุดออกจากเก้าอี้ เขาเพิ่งเหลือบไปเห็นว่าข้างตัวเขา มีนาฬิกาที่เดินถอยหลังอยู่ และมันกำลังจะถึงบ่ายสามโมง สิบสองนาทีในอีกไม่ช้า

          นั่นคือเวลาเกิดของเขา และเขาก็เชื่อว่ามันอาจจะเป็นเวลาตายของเขาเช่นกัน

          มันจึงต้องเป็นเวลาที่เขาต้องเลือก ระหว่างหนึ่งคน หรือสองคน

          คนที่จะสละชีวิตเพื่อใครอีกคนยังไงล่ะ

 

          ใครบางคนสะกิดเอดาจากข้างหลังระหว่างที่เธอกำลังเหม่อลอยบางอย่างอยู่หน้ากระจก

          “คุณเอดาคะ ทางคริเอทิฟบอกว่าให้ดิฉันบอกคุณเรื่องที่จะสัมภาษณ์น่ะค่ะ” หญิงกลางคนยื่นกระดาษรีไซเคิลจากเอกสารบางอย่างมาให้เธอ เอดาหยิบกระดาษและอ่านผ่านๆ

          “ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของนิยายของคุณ และเรื่องที่ราเชล นอร์ชพูดถึงนิยายของคุณ” หญิงกลางคนรับกระดาษที่เอดายื่นให้ หน้าเอดาดูไม่ค่อยอยากมารายการนี้อยู่แล้ว เธอสัมผัสได้กับแขกทุกคน แม้ว่าแขกบางคนพยายามยิ้มเสแสร้งปกปิดความเบื่อมากเพียงใด ก็ไม่ชนะประสบการณ์สิบปีหลังกล้องของเธอได้

          “เดิ๋ยวดิฉันจะเป็นคนพาคุณเข้ากล้องนะคะ เดิ๋ยวคุณเดินนำหน้าดิฉันไป เดิ๋ยวฉันจะบอกเก้าอี้ทึ่คุณต้องนั่งให้นะคะ” เอดาเหลือบตาไปมองช่างกล้อง ช่างแต่งภาพ ช่างทำผมเดินว่อนไปมาข้างหลังเธอ และพยักหน้าหงึงๆ ไปตามระเบียบ จนหญิงคนนั้นเดินออกไป

          เธอหันไปหันมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ สีหน้าเธอดูกลัวๆ หมองๆ ไม่ค่อยมีความสุขมากกว่าครั้งที่แล้วที่มารายการนี้ เธอกลัว กลัวที่อนาคตจะร่วงกราวลงมาจริงๆ อย่างที่เกือบจะเป็น บางครั้งเธอก็คิดว่าเธอไปทำอะไรในชาติก่อน ในชีวิตนี้ตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่จนตอนนี้ ก็ไม่เคยสงบสุขเหมือนคนอื่นๆ ที่ยิ้มได้ตลอดเวลา หัวเราะแบบไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องใส่หน้ากากคุยกับคนอื่น ทั้งๆ ที่ใบหน้าหลังหน้ากากที่เหมือนว่างเปล่า แทบจะไม่ได้มีตัวตนหลังหน้ากากนั้น คงเป็นเพราะเธอใส่หน้ากาก เก็บความรู้สึกเอาไว้ในทรวงอก เศร้าแค่ไหน โกรธแค่ไหนไม่มีใครรู้ มันคงไปกับอดีตหมดแล้ว เธอจึงได้แต่ปล่อยความคิด ความรู้สึกไว้ในนิยายของเธอ ด้วยความใส่ใจ หัวใจที่ไร้ความรู้สึกแม้แต่ยิ้มก็ยังฝึนใจตัวเอง

          มันไม่มีอะไรที่อยู่กับเราได้ตลอดเวลาจริงๆ นะ แม้แต่ความรัก ความหวัง ความฝันที่ค่อยๆ ปะติดปะต่อมาตั้งชีวิต แต่กลับร่วงกราวลงมาในพริบตา ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ก็คงจะสายเกินไป ถ้าไม่เริ่มใหม่ก็คงสายไปเช่นเดียวกัน เธอได้แต่หวัง เธอมีสิทธิเพียงแค่หวังเท่านั้น หวังว่าคงจะมีคนนึงดึงเธอออกมาจากนรกในใจเธอแล้วให้เธอรู้สึกเหมือนคนใหม่ ตัวตนใหม่ อยู่ในโลกใบใหม่ ไปจากอดีตของตัวเองให้ไกลที่สุด แล้วสิทธิที่จะเริ่มนับเดินหน้า หรือถอยหลัง ก็จะกลายเป็นของเธออย่างแท้จริง

          สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคือการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเธอก็รู้เช่นเดียวกันว่าเธอไม่มีสิทธิจะเกลียดอะไรได้แล้ว เธอมีสิทธิได้แต่รับและแบกไว้ แบกจนกว่าหลักจะหัก อกจะแตก มองดูทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเธอจำไม่ได้แล้วว่าชีวิตที่เธอเคยชอบ ที่เธอเคยพอใจเป็นแบบไหน หรือมันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอ เธอไม่เคยมีชีวิตที่เธอชอบ เธอไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีความสำคัญอะไร แต่ตั้งแต่เธอรู้ตัว เธอก็รู้ในใจเธอ เป็นเพียงแค่หลุม ที่มีแค่อากาศ หลายๆ คนก็บอกว่ามันไม่มีอะไร แต่มันก็ยังมีอากาศอยู่ ถึงจะมองไม่เห็น รู้สึกไม่ได้ แต่การมีอากาศให้เธอหายใจ ก็ยังดีกว่าอยู่กับอะไรเป็นร้อยเป็นพัน ที่ทำให้เธอเสียใจ จมปลักอยู่กับบางอย่างที่เธอแก้ไขไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิจะตัดสินใจโง่ๆ หรอก แค่จิตใจของตัวเธอเองก็บาปหนาพอแล้ว อย่าให้เธอต้องเป็นคนที่ชั่วไปมากกว่านี้เลย

          บาปนี่มันอมตะจริงๆ นะ

          ถึงมันจะเหมือนหายไปแล้ว ไม่มีใครจดจำ ไม่มีใครอยากรู้ ถึงแม้จะถูกให้อภัย

          แต่มันก็จะสถิตกับเราตลอดไป จนกว่าเราจะตาย

          หรือว่าความจำของเราจะหายไป

          แต่เมื่อไหร่ที่เราจำได้ แต่เมื่อไหร่คนเดิมได้กลับมา

          มันก็ยังอยู่ในใจเรา

          จำเอาไว้ ว่าแกน่ะมันชั่วขนาดไหน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา